" มันจะดีสักแค่ไหน... ถ้าเราได้ไปสวีทกับแฟนที่มัลดีฟส์??? "
ต้องออกตัวก่อนเลยว่า ทริปของ Stop me ทริปนี้ เป็นทริปที่ตั้งใจจะไปพักผ่อน ชมความงามของธรรมชาติ และเติมหวานให้ความรักของเรากับคุณแฟนสุดที่รัก ดังนั้น เราจึงรีเควชทางที่พักไปว่าเรามาแบบ Honeymoon Trip แล้ว Honeymoon Trip นี้มันพิเศษกว่าทริปธรรมดายังไง!? ทำไมต้องมาที่นี่?? ถ้าอยากรู้แล้ว...ก็เลื่อนลงไปอ่านกันเลยค่ะ รับรองว่าคุณใช้เวลาอ่านแค่ไม่กี่นาที แต่คุณสร้างความทรงจำดี ๆ ได้ตลอดไป ^_^
การเดินทาง
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
เราเลือกเดินทางด้วยสายการบิน Air Asia ค่ะ เนื่องจากตอนนั้นมีโปรโมชั่นจองผ่าน Expedia ค่าเครื่องและโรงแรมพร้อมกันจะได้ลดราคา ซึ่งค่าตั๋วไป-กลับ มัลดีฟส์ 2 คน ราคาสุทธิอยู่ที่ 19,180 บาทเท่านั้นเองค่ะ!!! ซึ่งเราขอแอบกระซิกว่า ขาไปให้เลือกนั่งฝั่งซ้ายของเครื่อง ส่วนขากลับให้เลือกนั่งฝั่งขวาของเครื่องนะคะ เพราะจะทำให้เห็นวิวสวย ๆ ของเกาะ ส่วนการเดินทางนั้นใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
ภาพถ่ายจาก IPhone 6 Plus โดย Monchai Jirayupong
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
หลังจากลงเครื่องแล้ว ทางโรงแรมก็มารอรับเราที่สนามบิน เพื่อเดินทางต่อโดยเรือไปยังที่พัก ซึ่งท่าเรือก็อยู่ตรงหน้าสนามบินเลย เดินมาปุ๊ป ก็ขึ้นเรือปั๊ป!!! ใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น แถมพนักงานก็ยังใจดี ช่วยยกกระเป๋าให้อีกด้วย ช่วงเวลาที่เรานั่งเรือฝนตกพอดีเลย เลยได้นั่งข้างใน แอร์เย็นสบายยยยย 555
ที่พัก
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
สถานที่พักผ่อนเอนกายของเราตลอด 4 วัน 3 คืน เราเลือกเป็นที่ Bandos Island ค่ะ โดยห้องพักของเราเป็นห้อง Jacuzzi Beach Villa แบบ Half board นั่นคือมีอาหารเช้าและอาหารเย็นให้ และค่าเครื่องดื่มต้องจ่ายแยกเองค่ะ แต่ถ้าเป็นมื้อเช้า ทางโรงแรมจะมีชา กาแฟ รวมถึงน้ำผลไม้ และน้ำเปล่าให้ฟรี!!! ราคารวมภาษีและค่าธรรมเนียมแล้วอยู่ที่ 32,315.73 บาทค่ะ ตรงนี้ตามที่แจ้งในทริปว่ามาฮันนีมูน ทางโรงแรมจึงเตรียมห้องที่ใกล้ฟร้อนท์และใกล้ชายหาดที่สุดให้ด้วย น่ารักกกก
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
ความพิเศษของห้องพักนี้คือเป็นบ้านกระโจม เตียงนอนจะอยู่ชั้น 2 ประตูกระจกใสติดชายหาด เราสามารถนอนและชมวิวชายหาดอยู่บนเตียงแบบสวย ๆ ได้เลย อีกทั้งห้องน้ำที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็ค เพราะมีอ่างจากุชชี่ให้เราแช่น้ำผ่อนคลาย จิบไวน์ฟิน ๆ หรือจะอาบน้ำฝักบัวกลางแจ้งก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าฝนตกแล้วไม่อยากจะอาบน้ำกลางแจ้งละก็ ที่อาบน้ำฝักบัวแบบในร่มก็มีนะ ห้องสุขาเป็นกระจกใส ซึ่ง.... ไม่ต้องปิดประตูก็ได้อ่ะ เอาจริง 5555 ส่วนอ่างล้างหน้าก็ไม่ต้องแย่งกันใช้เลย เพราะมีมาให้ถึง 2 อัน แถมกว้างขวางวางของสบายนะเอออออ ตู้เสื้อผ้าอยู่ในส่วนห้องน้ำเลยค่ะ ผ้าขนหนูทางโรงแรมก็เปลี่ยนให้ทุกวัน ยาสระผม เจลอาบน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟันโรงแรมมีให้ ไม่ต้องขนอะไรไปเลยจ้า ดีไปอีก
สำรวจชายหาด
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!
หลังจากที่เราเก็บของเข้าที่พักแล้ว เราก็ใช้เวลาในการเดินสำรวจชายหาด ซึ่ง.....ตอนแรกคิดว่าทะเลที่นี่แดดจะต่างจากไทย อารมณ์แบบเดินเล่น ลมพัดชิว ๆ แต่ที่ไหนได้ แม่จ้าววว!!! แดดจะแรงไปไหนคะคุณเธอ แต่ว่า ด้วยความที่ทรายสีขาวนวล ๆ บวกกับน้ำทะเลใส ๆ แล้ว ทำให้ลืมความร้อนของแดดที่กำลังแผดเผาผิวของเราไปเสียสนิท ที่ชอบมาก ๆ คือต้นมะพร้าว ปีนไปถ่ายรูปด้วยแล้วดูสวยดี 555 หลังจากที่เดินสำรวจหาดเสร็จแล้ว ก็เกิดการเปลี่ยนแผนนิดหน่อย
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
เนื่องจากทะเลที่นี่ชายหาดค่อนข้างตื้น ตื้นมาก ตื้นมาก ๆ ๆ ๆ ทำให้เราเดินลงไปในทะเลได้แค่นิดเดียว จะเจอกับฝูงปะการัง และปลา แต่ขอบอกก่อนเลยว่า อยู่ได้แค่ตรงนั้นนะ อย่าก้าวขาไปมากกว่านี้ เพราะคุณจะถูกดูดสู่ความอ้างว้างอันไกลโพ้นนนนน!!! ถ้านึกภาพไม่ออก นึกถึงเราตกเหว อย่างไงอย่างนั้น พื้นทะเลที่นี่น่ากลัวมากจริง ๆ
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
ภาพถ่ายจาก IPhone 6 Plus โดย Monchai Jirayupong
เนื่องด้วยท้ังความตื้นของหาด บวกกับปะการังเยอะ ทำให้ไม่สามารถลงไปเล่นดำผุดดำว่ายในน้ำทะเลแบบพัทยาได้ จึงได้แต่นอนริมหาดอาบแดดแบบชิว ๆ ไปแทน
กิจกรรม
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
ความใฝ่ฝันของเราคือการได้ดำน้ำดูปลาฉลามแบบใกล้ชิดสนิทสนม แต่!!! ด้วยความที่เราว่ายน้ำไม่เป็น ทำให้เราไม่สามารถไปทริปดำน้ำได้ //ปาดน้ำตาแปป T^T แต่ก็ไม่เป็นไร งั้นเราไปนั่งเรือท้องกระจกแทนก็ได้ ได้ดูปลาฉลาม และปลาอื่น ๆ รวมถึงความสวยงามของท้องทะเลเช่นเดียวกัน ปลาฉลามที่เราเจอ ตัวของมันยาวประมาณไม่เกิน 1 เมตร พี่เจ้าหน้าที่บอกกับเราว่าขนาดของมันเล็กมาก จึงไม่เป็นอันตราย สามารถอยู่ใกล้ ๆ ได้ มันไม่กัดเราหรอกงี้ แต่ในคลิปต้องจับตาดูดี ๆ นะ สีของตัวปลามฉลามค่อนข้างกลืนไปกับสีของน้ำ อีกทั้งนางว่ายเร็วมากกก เลยได้คลิปมาแค่ไม่กี่วินาทีเอง และที่ชอบมาก ๆ เลยคือปลาตัวเล็กตัวน้อย ที่บ้างก็แหวกว่ายมาตัวเดียวลำพัง บ้างก็มาเป็นฝูงเหมือนกลัวเหงา แต่ถ้าพูดถึงปะการัง สำหรับเราสีมันอาจจะดูซีด ๆ ไปหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะสายพันธุ์ หรือปะการังฟอกขาวกันแน่ นอกจากนี้พี่เจ้าหน้าที่ยังบอกอีกว่า ใน 1 ปี ปะการังจะโตขึ้นแค่เพียงไม่เกิน 10 เซนติเมตรเท่านั้น ดังนั้นถ้าใครมาชมความงามของธรรมชาติก็ห้ามจับ สัมผัสกับปะการังนะคะ กว่ามันจะโต มันนานเน้อออ
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
นอกจากเราจะได้ไปดูความงามใต้ท้องทะเลแล้ว ตอนเย็น ๆ เราก็ขอออกไปดูหมู่ปลาโลมาที่โผล่พ้นน้ำมาทักทาย ว่ายไปพร้อม ๆ กับเรือ ให้เราชื่นชมกับความน่ารักน่าชังของมัน รวมถึงดื่มเครื่องดื่ม กินลมชมวิวในช่วงจังหวะที่ดวงตะวันหย่อนตัวลงกับผืนน้ำ โรแมนติกสุด ๆ
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
นอกจากกิจกรรมในตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืน เราสองคนก็มาแช่น้ำที่อ่างจากุซซี่ จิบไวน์ที่ทางที่พักให้มาฟรีเนื่องจากเป็น Honeymoon Trip !!!! โดยไวน์ที่ทางโรงแรมให้มานั้นคือ Intis Merlot Malbec Argentina 2016 โรแมนติกมากกกก
อาหาร
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
ภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S8 โดย Stop me!!
เนื่องจากที่มัลดีฟส์นับถือศาสนาอิสลาม จึงไม่มีอาหารที่ทำจากเนื้อหมู ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางไก่ เนื้อวัว และปลา ซึ่งอาหารพื้นเมืองที่ใครมาแล้วต้องทานคือพวกโรตี ที่ทานคู่กับแกงต่าง ๆ เช่น แกงกะหรี่ สะละหมั่น เป็นต้น แต่เนื่องจากเราเป็นคนกินยาก ตอนเช้าก็เลยขอแค่ออมเล็ตสักกระทะนึงกับน้ำผลไม้ก็พอ แต่ออมเล็ตที่นี่อร่อยนะ ใส่ชีสเยอะมาก สาว ๆ คนไหนชอบชีสห้ามพลาดค่ะ!! ส่วนอาหารเย็นก็กินไก่ย่าง 555 ไก่ย่างที่นี่อร่อยนะ เนื้อมันจะไม่แห้งจนเกินไป ติดความมัน ๆ ของไก่ให้พอนุ่มลิ้น ยิ่งได้ราดซอสสีน้ำตาลหวาน ๆ เค็ม ๆ ด้วยแล้วเนี่ย เหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว อาหารที่นี่มีหลากหลายมาก ทั้งสลัด ขนมปังปิ้ง ข้าว โรตี แกง ซุป ของทอด ของย่าง ผลไม้ ของหวาน ให้เลือกทานไม่มีเบื่อแม้จะพักที่นี่หลายวันก็ตามค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน
1.ค่าเครื่องบินไป-กลับ ราคา 9,590 บาท
2.ค่าเรือไป - กลับ ราคา ประมาณ 3,100 บาท
3.ค่าที่พัก 5 ดาว ราคา 16,157.865 บาท
3.ค่าน้ำดื่ม 5 ลิตร ราคา ประมาณ 300 บาท
4.ค่าชมปลาโลมาและพระอาทิตย์ตกดิน ราคา ประมาณ 1,500 บาท
5.ค่านั่งเรือท้องกระจก ราคา ประมาณ 800 บาท
รวมเป็นเงิน 9,590 + 3,100 + 16,157.865 + 300 + 1,500 + 800 = 31,447 บาท
*ราคายังไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมของอาหาร เครื่องดื่ม และกิจกรรมต่าง ๆ (ค่าธรรมเนียม 10% และค่าภาษี 12%)
สำหรับใครที่ยังคิดไม่ออกว่าอยากจะพาแฟนไปสวีทที่ไหน ที่บรรยากาศดี ๆ เงียบสงบ มีความเป็นส่วนตั๊ววว ส่วนตัว เราขอแนะนำที่ Bandos Maldives เลยค่ะ เพราะนอกจากทะเลสวย บรรยากาศดีแล้ว ยังได้ความเป็นส่วนตัวให้มาสวีทกับแฟนอีกด้วย ที่สำคัญเลย ราคาไม่แพงแต่ได้นอนโรงแรม 5 ดาวก็คุ้มนะเออออ อ่านจบถึงตรงนี้แล้วก็รีบแชร์ให้คนที่เรารักอ่าน มาซัพพอร์ตความคิดที่จะไปมัลดีฟส์ด่วน ๆ เลยจ้าาา
Joojee'n Nature
วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.49 น.