ขาไหวไหม ถ้าไหว ไป “ภูกระดึง” กัน

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ปีนเขารูปหัวใจที่ใครๆหลายคนหลงรัก และใครหลายคนส่ายหน้าว่ายังไงชีวิตนี้ก็ไม่ไปแน่



ส่วนเรา...นี่เป็นครั้งที่ 2 ค่ะ



ครั้งแรกไปสมัยเรียนกับเพื่อนมหาลัย จำได้ว่าตอนขึ้นบอกกับทุกคนว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกแน่

เพราะมันเหนื่อยม๊ากกกแทบขาดใจ เล็บหลุดไป 2 นิ้วเลย ผ่านไปไม่นาน เมื่อลืมความเจ็บปวดไป

แต่ความสวยมันยังตราตรึงในใจอยู่ ก็คิดอยากไปอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่มีโอกาสซักที จนตอนนี้ทำงานแล้ว

มีพี่ที่ทำงานบอกว่า “อยากไปภูกระดึงว่ะ” เราตอบทันทีแบบไม่คิดเลย “จัดไปสิ..รออะไร”



ทริปนี้ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก แม้กระทั่งการวอร์มร่างกาย ซึ่งไม่แนะนำเลยค่ะ

เอาจริงๆควรออกกำลังกายซักหน่อยก่อนไปเจอสถานที่จริง เพราะมันเหนื่อยม๊ากกจริงๆ



เราเดินทาง 17 – 19 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมาค่ะ



การเตรียมตัว

ได้มาจากกลุ่ม รักภูกระดึง และก็จากประสบการณ์นะคะ

- จองที่พักค่ะ ถ้าอยากนอนบ้านพักต้องจองล่วงหน้าค่ะ ในเว็บอุทยานให้จองล่วงหน้าได้ 60 วัน ซึ่งถ้าเป็นช่วงวันหยุดยาวหรือเสาร์-อาทิตย์ จะเต็มเร็วมาก ดังนั้นถ้าได้วันที่จะไปแล้วจองเลยค่ะ ส่วนใครอยากนอนเต็นท์ ถ้าไม่ใช่วันหยุดยาวก็ไปแจ้งที่ทำการอุทยานก่อนขึ้นได้เลย ส่วนใหญ่จะไม่เต็ม และถ้าเต็นท์อุทยานเต็มก็จะยังมีของร้านค้าด้านบนให้เช่าค่ะ หรือถ้าใครมีเต็นท์อยู่แล้วก็แค่ไปจ่ายค่ากางเต็นท์แล้วขึ้นได้เลย

- วอร์มร่างกายซักหน่อย คนที่ไม่เคยออกกำลังกายก็ไปเดินไปวิ่งบ้างให้กล้ามเนื้อปรับตัว เพราะเราจะใช้งานมันหนักมาก มากจริงๆ

- เสื้อผ้า ถ้าไปช่วงหน้าหนาวก็ควรมีเสื้อหนาๆไว้ใส่ตอนกลางคืนและตอนไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า และเสื้อธรรมดาไม่หนามากไว้ใส่ตอนขึ้นเขาหรือเดินเที่ยวกลางวันค่ะ เพราะบนภูแดดแรงพอสมควร และเราเดินเหนื่อยเหงื่อออก ร้อนแน่นอน

- ยาที่จำเป็น ได้แก่ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวด ยานวด ชุดทำแผล พลาสเตอร์ปิดแผล ส่วนเราทำงานที่มันเกี่ยวกับยาเลยจัดเต็ม เหมือนร้านยาเคลื่อนที่อะค่ะ ทั้งแก้อาเจียน หยุดถ่าย ผงเกลือแร่ แก้วิงเวียน แก้แพ้ แก้ไอ เบตาดีน ฯลฯ แต่สุดท้ายไอ้ที่จำเป็นสุดก็แก้ปวดคลายกล้ามเนื้อนี่แหละค่ะ แต่สงสัยปวดแรง กินยังไงก็ไม่หายปวด 555

- แบตสำรองค่ะ เพราะถ้าไปรอชาร์ตที่ทำการอุทยานมันจะต่อคิวนานมากเลย ถ้ามีแบตสำรองความจุเยอะๆก็น่าจะดีกว่า (ด้านบนมีบริการรับชาร์ตแบตตั้งแต่ 6.00 – 22.00 น. แบตโทรศัพท์ แบตกล้อง 20 บาท ชาร์ตได้ 2 ชม. แบตสำรอง 40 บาท ชาร์ตได้ 4 ชั่วโมง เกินกว่านั้นคิด ชม.ละ 10 บาทนะคะ แต่!!! ถ้าไปช่วงคนขึ้นภูเยอะๆนี่ต่อแถวรอชาร์ตนานมากกกกกกก เรารอเกือบชั่วโมง -__- ร้านค้าที่เรากินข้าวจริงๆก็มีที่ชาร์ต บางร้านฟรีบางร้านต้องจ่ายเงิน แต่จะมีไฟช่วงหลัง 18.00 น. – 22.00 น.)

- เงินค่ะ อันนี้จำเป็นมากหน่อย เพราะอาหารและเครื่องดื่มบนภูจะราคาสูงเนื่องจากต้นทุนการหาบขึ้นไปสูง ข้าวจานละ 60-70 บาท น้ำดื่มขวดเล็ก 30 ขวดใหญ่ 50 เราแอบเห็นมีคนเอามาม่าคัพขึ้นไปเยอะ แต่ส่วนใหญ่แบกลงมาคืน ไม่รู้ทำไม (เราก็หนึ่งในนั้น 5555555) อาจเป็นเพราะอาหารบนภูมันดูน่าลิ้มลองจนลืมมาม่าไปเลยมั้งคะ

- รองเท้าดีๆซักคู่ เอาแบบเดินแล้วเหมือนลอยได้เลยยิ่งดีค่ะ เพราะถ้ารองเท้ามีปัญหานี่จะหมดสนุกเลย กลายเป็นทรมานแทน และก็ถุงเท้าด้วยนะคะ เราเอาไปเท่าจำนวนวันเลย เอาหนาๆก็ดีกันรองเท้ากัดและลดการเสียดสีของเท้าไม่ให้เกิดถุงน้ำค่ะ เพราะพอมันเป็นถุงน้ำเวลาเดินจะแสบมาก เป็นมาแล้ว T___T

- อุปกรณ์อาบน้ำที่จำเป็น เครื่องสำอางที่จำเป็น ไม่ต้องจัดเต็มมากก็ได้ค่ะ เวลาเหนื่อยๆไม่ค่อยมีอารมณ์แต่งหน้าเท่าไหร่ 555

- ไฟฉาย ควรมีเผื่อๆไปซักอันสองอัน

- กระดาษทิชชู่ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างทางแล้วไม่มีห้องน้ำ เราก็เลือกพุ่มไม้เหมาะๆซักพุ่มได้ค่ะ

- ผ้าปิดปาก ช่วงอากาศแห้งๆ เวลาเดินมันจะมีฝุ่นเยอะ เอาไปเผื่อก็ดีนะคะ

- ลูกอม ยาดม ยาหม่อง ไว้เสริมกำลังใจเวลาท้อหรือหมดแรง

- แผนที่เดิน เราเซฟไว้ในมือถือ จะได้วางแผนการเดินเที่ยวได้ หรือใครจะไปซื้อแผนที่กับเจ้าหน้าที่ข้างบนก็ได้ แผ่นละ 10 บาท


เอาล่ะค่ะ ร่ายมายาวมากแล้ว กายพร้อมใจพร้อม ไปปีนภูกระดึงด้วยกันเลยยยยยย



DAY 1 เริ่มขึ้นภูกระดึง



แวะปั๊มก่อนถึงภูกระดึง ล้างหน้าแปรงฟัน กับวิวผานกเค้าสวยๆ

มาถึงอุทยานจัดการจ่ายค่าธรรมเนียม จองที่พัก ส่งกระเป๋าให้พี่ลูกหาบ เอาเฉพาะของที่จำเป็นใส่เป้แล้วเริ่มเดินขึ้นได้เลยค่ะ

ค่าจ้างลูกหาบ กิโลกรัมละ 30 บาท ตอนนี้อุทยานเปิดให้เริ่มเดินได้ตั้งแต่ 7.00 น. และห้ามขึ้นและลงเขาหลัง 14.00 น. ค่ะ

เพราะมันจะมืดกลางป่า ซึ่งอันตรายมากเพราะเป็นเวลาที่ช้างออกหากิน


ซำแรกกับซำสุดท้ายจะชันมากและระยะทางไกลกว่าซำกลางๆ โดยเฉพาะซำแฮกเนี่ย ทำเอาหมดกำลังใจเดินต่อเลยทีเดียว ชันมากกก

1 กม. ถึงซำแฮก หอบแฮ่กๆสมชื่อค่ะ แต่วิวสวยมากกก

ร้านค้าและของกินมากมาย เราแวะกินทุกซำ เก็บให้ครบ 5555

คือพอมันถึงจุดๆนั้นมันเหนื่อยจริงอ่ะค่ะ อะไรมาได้หมด ของกินมาก็ได้หมด กินจนจุกก็มี 555555


ห้องน้ำมีทุกซำค่ะ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ปะปนกันไป เหมาะสำหรับคนชอบปลดปล่อย

จ้ะ รู้แล้ว "โคตรเหนื่อย"

ยังมีอารมณ์ถ่ายดอกไม้ใบหญ้าข้างทาง จริงๆมีที่อยากถ่ายอีกเยอะ แต่หมดแรงยกกล้องขึ้นมาถ่าย อิอิ

ช่วงซำแคร่ไปถึงหลังแป ซึ่งเป็นซำสุดท้ายเนี่ย ทางจะชันมากกก ต้องปีนหินบ้าง ปีนบันไดบ้าง ระยะทาง 1.3 กม. เหนื่อยหอบกันไปข้างเลย

แต่ในที่สุด สวรรค์ก็ไม่ทำร้ายเราเกินไป ส่งหลังแปมาให้เราจนได้ แต่...ยังต้องเดินอีก 3 กม.ไปที่ทำการฯวังกวาง อีกนะคะ แต่เดินทางราบแล้ว สบายขึ้นเย๊อะ

ลักษณะภูมิประเทศด้านบนจะเป็นพื้นราบกว้างมาก เป็นส่วนของป่าสนเขา ... แต่ทำไมไม่มีใครสนเราบ้าง (ห๊ะ!! 5555)

พอถึงวังกวางซึ่งเป็นจุดกางเต็นท์และร้านอาหาร เราก็ติดต่อที่พัก เก็บกระเป๋าแล้วไปต่อกันเลย

วันนี้จะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูกกัน เดินต่อไปอีกประมาณ 2 กม.


ภาพที่อยู่เห็นอยู่ตรงหน้าแทบจะทำเราหยุดหายใจ

ฟ้าสีทอง เงาภูเขาสลับกันไปมา พระอาทิตย์ดวงกลมๆแดงๆกำลังจะแตะเส้นขอบฟ้า สวยมาก มากกว่ารูปอีกหลายเท่าเลย

อิ่มอกอิ่มใจจากพระอาทิตย์สีเหลืองทองกันแล้วก็พุ่งตัวกลับที่ทำการอุทยาน เพื่อหาอะไรยัดลงท้อง เพราะตอนนั้นทั้งเหนื่อยทั้งหิว

เลือกร้านอยู่นาน ไปจบกันที่ร้านนี้ค่ะ หมูกระทะมันหอม กลิ่นยั่วยวน เราเลยหลวมตัวเข้าไปสั่งกินเฉยเลย 555

สั่งหมูกระทะ 1 ชุด มาม่า 2 ห่อ โค้ก 1 ขวดใหญ่ โอ้ยยยยยยย หายเหนื่อยเลย (แต่ขายังก้าวไม่ออกเหมือนเดิมนะ)

อิ่มแล้วก็กลับที่พัก แต่...เราลืมไปอย่างนึง สิ่งที่ต้องเผชิญนอกจากความเหน็ดเหนื่อยแล้วก็คือความเย็นของน้ำค่ะ มันเย็นมากกกเลเวลน้ำแช่น้ำแข็งเย็นๆดื่มชื่นใจ แต่เราไม่ค่อยชื่นกายเท่าไหร่ หนาวจนสั่น 5555


จบวันที่ 1 แล้ว ทิ้งหัวลงหมอนก็หลับสนิทเลยค่ะ พรุ่งนี้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและเที่ยวน้ำตกตามหาใบเมเปิ้ลกัน : )


DAY 2 เดินเที่ยวรอบภู


วันนี้ตื่น 4.30 น. ล้างหน้าแปรงฟัน แล้ววิ่งไปที่ทำการ จำมีเจ้าหน้าที่พาเดินไปผานกแอ่น เราต้องเริ่มเดินตีห้า ถ้าไปช้า จนท.จะห้ามเดินไปเองเพราะอันตราย กลัวเจอช้างป่า



เดินไม่ไกล ประมาณ 1 กม.กว่าๆ ไปถึงจะมีโต๊ะ จนท.ขายกาแฟ โอวัลตินร้อน ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้น อากาศเย็นๆ ได้กาแฟร้อนๆนี่มันฟินดีนะ

แสงส้มๆมาถึงก่อน

ระหว่างรอพี่ใหญ่โผล่มาก็ถ่ายไปเรื่อยๆ

มีหมอกฟรุ้งฟริ้งพอกรุบกริบ

คนนี้อาจจะหนาวมาก พันผ้าห่มมาเลย

พี่ใหญ่มาแล้วววว

คนเริ่มทยอยกลับ

ระหว่างทางกลับก็มีอะไรให้ชมข้างทางเยอะแยะเลย

แวะถ่ายกันใหญ่

เห็นแล้วมันสดชื่นจริงๆ

เมเปิ้ลต้นเล็กมาเรียกน้ำย่อยก่อน


ต่อแถวรอชาร์ตแบต เกือบๆชั่วโมง TT


ไหว้พระก่อนออกเดินทาง

กระดิ่งเต็มเลย

นี่คือระยะทางที่เราต้องเดินวันนี้ TT

ตอนแรกวางแผนว่าจะเริ่มจากน้ำตกวังกวางแล้วเดินวนไปทุกน้ำตกค่ะ แต่พอไปเสียเวลารอชาร์ตแบตนานเลยเปลี่ยนแผน เราเริ่มเดิน 10.00 น.กลัวไม่ทัน เลยเหลือแค่น้ำตกถ้ำใหญ่และถ้ำสอเหนือค่ะ ขอแค่ได้เห็นเมเปิ้ลซักนิดก็ยังดี


เดินมาไม่นานจากที่ทำการค่ะ เจอแล้ว


ทางลงแอบชัน


คนเยอะเลยค่ะ



เจอกันแล้ววววว


ใบเมเปิ้ลแดงๆกับเฟิร์นเขียวๆ นี่มันเข้ากันจริงๆ

ช่วงนี้น้องนักศึกษาปิดเทอม คนเยอะเกือบทุกวันค่ะ ไปไหนก็เจอแต่คน แต่ก็ไม่เหงาดีนะคะ


ผ่านทุ่งหญ้านี้ทีไรแอบนึกถึงสารคดีที่มีเสือวิ่งไล่ม้าลาย

ต้นสนเล็กๆกำลังเติบโต


เที่ยงกว่าๆเราเดินถึงสระอะโนดาด เป็นจุดที่คนส่วนใหญ่จะมานั่งพักกินช้าวเที่ยงกันค่ะ


กินเสร็จก็มโนว่าตัวเองเป็นนางกินรี โพสท่าถ่ายรูปกันไป

เติมพลังแล้วเดินต่อค่ะ เรายังเดินเส้นในป่าเพื่อจะไปน้ำตกถ้ำสอเหนือกัน

ป้ายระวังช้างป่าตลอดทาง

ถ้าเจอเข้าจริงคงทำตัวไม่ถูก เขิลช้าง :)

ระหว่างทางเจอซากเจ้านี่ ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร แต่ขนปุกปุยมาก

ระหว่างทางก็ถ่ายไปเรื่อย ถ้าเดินเส้นทางนี้จะเจอป่าที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เราชอบมากกก ฟินตลอดทาง (แม้ขาจะไม่ฟินด้วย)

ถึงแล้ว น้ำตกถ้ำสอเหนือ คนเริ่มน้อยแล้ว

จากนั้นก็เดินยิงยาวไปผาหล่มสักกันเลย

ต้นสนเด็กวันนี้ จะเป็นต้นสนใหญ่ในวันหน้า

วันนี้ผาหล่มสักคนเยอะมาก

มีร้านข้าว ร้านกาแฟ

ร้านชมพู่มะเหมี่ยว

วันนี้พี่นกดูยุ่งมาก เลยไม่ได้คุยทักทาย

จองบราวนี่ไว้ มันแอบเย็นอ่ะค่ะ คราวก่อนพี่นกทำให้ใหม่ร้อนๆมัยฟินมาก ชามะนาวอร่อยมาก เข้มข้นสุดๆ

ยัง..ยังไม่พอ ไปซื้อน้ำแข็งใสต่อ 555

เราไม่ได้รอดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก เพราะคิดว่าตัวเองเดินช้า ถ้ารอนี่ขากลับคงดึกแน่ๆ เพราะต้องเดินกลับ 9 กม. เลยเริ่มเดินกลับตั้งแต่ 16.30 น. เลย กะจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาเหยียบเมฆ แต่...แวะถ่ายรูปตลอดทาง พระอาทิตย์ตกอยู่แถวผาไหนยังไม่รู้เลยค่ะ 55555 แต่วิวสวย ยอมใจเลย

น้องๆกลุ่มนี้ชวนกันไปดูพระอาทิตย์ตกริมผา เดินชิคมาก

บ้ายบายค่า พรุ่งนี้เจอกันใหม่

พอมืดแล้วก็เดินแบบ non-stop เลยค่ะ

ถึงผาเหยียบเมฆก็มืดแล้ว 555

นอนเหยียบเมฆซะเลย

DAY 3 วันลงภู

วันสุดท้ายแล้ว ตื่นมาแบบปวดระบมมาก เมื่อวานเดินไป 20 กว่าโล ขาแทบขวิด แต่ต้องฝืนเดินลง

อ้อลืมบอก วันก่อนที่จะเดินลงให้ไปแจ้งชื่อและน้ำหนักสัมภาระโดยประมาณกับ จนท.ก่อนนะคะ เค้าจะได้หาลูกหาบให้เพียงพอกับนักท่องเที่ยวได้ แล้วเราก็รีบเอากระเป๋ามาฝากแต่เช้า

มื้อสุดท้าย ข้าวขาหมูร้านใบเฟิร์นค่ะ จ้องไว้ตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่หมดก่อนตลอด ได้กินซะที (เกือบหมดอีกแล้ว)

กลัวไม่มีพลังเดิน จัดเต็มทุกคน 5555

ปาท่องโก๋นมข้นมีหลายร้านเลย อร่อยมาก

แวะซื้อโปสการ์ดซะหน่อย

กลับกัน บ้ายบายภูกระดึง เรา(อาจ)จะกลับมาใหม่ เมื่อลืมความเจ็บปวดในครั้งนี้ 555555

ขอจบรีวิวภูเขารูปหัวใจไว้ตรงนี้ค่ะ

ปล.ตอนนี้ยังปวดอยู่ ท่าเดินยังไม่ค่อยปกติ คนที่ทำงานขำกันใหญ่

ปล.2 ได้โรคกลัวบันไดเพิ่มมา เวลาก้าวขึ้นลงนี่ขาตึงมากกกก

ปล.3 เล็บรอหลุด 1 นิ้วด้วย 555555

ฝากเพจท่องเที่ยวเล็กๆไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ https://www.facebook.com/eatfortravel/

กลิ้งไปเที่ยว

 วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.41 น.

ความคิดเห็น