"เลห์ เลดัก" ถ้าพูดชื่อนี้ขึ้นมา เราเชื่อว่าน้อยคนมากที่จะไม่รู้จัก และหลายคนก็มีที่นี่เป็นที่ที่ต้องไปซักครั้งก่อนตาย! เราก็เป็น 1 ในนั้น

เลห์ เป็น 1 ในหลายๆเรื่อง(ของเรา) ที่ควรค่าแก่การไปเยือนมากที่สุด ไม่ไปถือว่า พลาด !! ถ้าจะให้ยกตัวอย่างความเป็นที่สุดของที่นี่ก็เช่น วิวจากบนเครื่องบินที่สวยที่สุด(จองที่นั่งริมซ้ายเท่านั้น) อากาศที่หนาวมากที่สุด วิวที่สวยโคตรๆและยังเป็นธรรมชาติมากที่สุดแม้จะเป็นข้างทางก็ตาม แต่ในความที่สุดนี้ก็ยังมี ห้องน้ำที่มีวิวสวยที่สุด แต่ก็มีความ*** มากที่สุดเช่นกัน

ทริปนี้ของเราไป 10 วัน 9 คืน เป็นแพลนที่ไม่เร่งรีบ เราว่าเป็นเวลาที่เหมาะมากกก สำหรับคนที่อยากเก็บสถานที่หลักๆได้ครบ

วันที่ 1 : นั่งเครื่องบินจาก BKK - Delhi (บินดึกถึงเช้า) และต่อเครื่องจาก Delhi - Leh บินถึงเลห์ช่วงเช้าประมาณ 7 โมง l Leh Palace l Namgyal Tsemo Monastery

วันที่ 2 : ทัวร์ทางทิศใต้ของเมือง l Stakna l Hemis Museum l Matho Monastery l Stok Museum

วันที่ 3 : ไป Nubra Valley นอนค้างที่นี่ 1 คืน l ถนนที่สูงที่สุดในโลก l Diskit Gompa l Hunder Sand Dunes ไปขี่อูฐ

วันที่ 4 : Turtuk Village

วันที่ 5 : กลับเข้าเมือง แวะเที่ยว Samstanling monastery

วันที่ 6 : เที่ยวรอบๆเมือง Basgo Gompa l Alchi monastery l Spituk

วันที่ 7 : ไป Pangong นอนค้าง 1 คืน l Thiksey Monastery

วันที่ 8 : กลับเข้าเมือง แวะเที่ยว Takthok Monastery l Chemrey Monastery l Shey Palace

วันที่ 9 : เที่ยวในเมือง

วันที่ 10 : บินกลับ

แพลนของเราแบบนี้ กำลังดี เบาๆไม่หนัก ไม่เหนื่อยเกินไป ใครกำลังอยากไปเลห์ เอาแพลนนี้ไปปรับใช้กันได้ตามสบายเลยจ้า

ต่อไปจะเป็นข้อมูลที่ควรรู้ก่อนจะไปเลห์ อาจจะยาวหน่อยแต่อยากให้อ่านกันนะ



- การจองตั๋วเครื่องบิน -


เราจองการบินไทยไปลงที่เดลี แล้วไปต่อเจทแอร์เวย์ไปลงที่เลห์ ข้อแนะนำของการขึ้นเครื่องบินคือเตรียมยาดม ยาอม ยาหม่องหรือผ้าปิดจมูกให้พร้อมคือกลิ่นแขกมาตั้งแต่เข้าเกทเลยจ้า สำหรับการไปต่อเครื่องของเจทแอร์เวย์ ที่เราหาข้อมูลมาคือมีการยกเลิกไฟลท์แล้วover booking บ่อยมากกกกกกก เพื่อการไม่เสียเวลา เราควรเชคอินออนไลน์และเลือกที่นั่งไปก่อนซึ่งจะทำได้ก่อนบิน 24 ชม. สำหรับทริปของเรานั้น เราถูกเลื่อนไฟลท์ให้บินเร็วขึ้น และเชคอินออนไลน์ไปเพราะกลัวไม่ได้บิน แต่!!!!!!!!!!!! พอไปถึงเลห์ กระเป๋าเราดีเลย์ไป 1 วันแทนจ้าาาาาา เราไป 8 คน แต่ได้กระเป๋าแค่ 2 คน ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คือทำประกันเดินทางไปด้วยและถ้าซื้อของใช้ส่วนตัวในวันนั้นต้องเก็บใบเสร็จเอาไว้ด้วย



- การทำวีซ่า -


เราศึกษาจากอันนี้เลย http://www.scratchdaworld.com/?p=1107 ข้อมูลค่อนข้างครบ และตอนนี้วีซ่าขึ้นราคาเป็น 4000บาทแล้ว มีความโหดเหี้ยม

ร้านถ่ายรูปอยากแนะนำร้านถ่ายเอกสารด้านหน้าเป็น Double A ร้านอยู่ก่อนถึงตึกทำวีซ่าเล็กน้อย ยังไงก็ต้องเดินผ่าน เป็นการถ่ายรูปแบบง่ายๆใช้กล้องมือถือ

ฉากหลังเป็นฟิวเจอร์บอร์ด แต่รูปออกมาดีมาก แถมเร็วด้วย!!!!



- ยา -


สิ่งสำคัญอันดับต้นๆของการไปที่นี่คือ ยา Diamox และควรกินก่อนไป1วัน สรรพคุณคือเป็นยาปรับความดันเพราะตัวเมืองเลห์อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง2000เมตร และที่เที่ยวบางที่สูงถึง 5000เมตร ทำให้ปริมาณออกซิเจนด้านบนจะเบาบางมาก ถ้าไม่กินยาอาจทำให้มึนหัว ปวดหัว หายใจไม่ทันจนทำให้ต้องเข้ารพ.ไปให้ออกซิเจน ผลข้างเคียงของยาตัวนี้คือทำให้ฉี่บ่อยมากกกกกกกก อาจจะชาปลายนิ้วมือและต่อมรับรู้รสอาหารเปลี่ยนไป

ส่วนยาอื่นๆที่ควรเอาไปก็เช่นยาแก้เมารถ ยาแก้ท้องเสีย พารา แก้ภูมิแพ้ มีโรคประจำตัวอะไรก็ว่ากันไปจ้า



- ของที่ควรเตรียมไป -


1.ยา

2.ผ้าปิดจมูก เพราะฝุ่นจะเยอะมากกกก

3.แว่นกันแดด แดดแรงมาก ยิ่งขึ้นไปที่สูงๆมีหิมะ แสงยิ่งสะท้อนกับแดด ดังนั้นแว่นกันแดดจึงจำเป็นสุดๆ

4.อาหารแห้ง พวกปลากรอบ หมูหยอง หมูแผ่น น้ำพริกแบบพกพาอันเล็กๆตามเซเว่นหรือจะมาม่าเป็นอะไรที่ดีมากกกก เพราะส่วนใหญ่อาหารจะเป็นมังสวิรัติ หาเนื้อสัตว์ได้ยากมาก และทั้งหมดจะเป็นไก่

5.ครีมกันแดด ต้องทา ย้ำว่าต้องทาเลย เพราะถึงจะหนาวแต่แดดแรงสุด

6.ครีมทาผิว ทาหน้า ทาตัวลิปมันทั้งหลายก็จำเป็น หรือจะไปซื้อในตัวเมืองก็ได้ยี่ห้อ Himalaya ราคาไม่แพง และโคตรดี ซื้อกลับมาใช้หรือซื้อมาฝากก็ยังคุ้ม

7.วีซ่า พาสปอตทั้งหลาย ควรมีซีรอกเก็บไว้ด้วย

8.ทิชชู่แห้งและเปียก คือสิ่งที่สำคัญ เวลาเข้าห้องน้ำนี่คือที่สุด ส่วนผู้หญิงจะมีทิชชู่สำหรับน้องสาวของเราโดยเฉพาะ ซื้อไปรับรองได้ใช้ ช่วยชีวิตได้มากกก

9.ทัพเพอแวร์ สำหรับเก็บใส่อาหาร ขนมปัง ไว้กินกันตายได้

10.ยาดม ไว้แก้เมารถ แก้กลิ่นไม่พึงประสงค์ก็โอเคเลย

11.กระติกน้ำอุ่น เพราะอากาศหนาว น้ำที่เราซื้อหรือมีก็จะเย็นตามอากาศไปด้วย การเก็บน้ำอุ่นเก็บไว้ในกระติก คือสิ่งที่ควรทำมากกกก



- ของฝากน่าซื้อ -


ส่วนใหญ่จะราคาไม่แพง เป็นแฮนเมด และสวยมากกกก ถึงกับหมดตัวได้ แต่ที่อยากแนะนำจะมี

1. ธงมนต์ มีหลายไซส์ หลายขนาด หลายราคา เราเคยเจออันจิ๋ว ถูกสุด ราคา25 รูปี ถูกมากกกกกก

2. ผ้า มีเยอะมาก หลายแบบ หลายลาย หลายราคา สวยๆทั้งนั้น

3. กำไล สร้อยคอ ตุ้มหู ก็ไม่แพง เป็นแฮนเมด

4. ครีมทาผิว ลิปมันของ Himalaya

5. เครื่องหนัง ทั้งกระเป๋า ปกสมุด สวยๆทั้งนั้น มีดีไซน์ด้วย

6. บทความขององค์ดาไลลามะ สำหรับแขวนตกแต่งบ้าน



- อาหาร -


ส่วนใหญ่อาหารจะเป็นมังสวิรัติถึง 80% อาหารแห้งจำเป็นมาก เมนูกันตายทั้งหลายจะเป็นข้าวผัดและหมี่ผัด มีชื่อเรียกว่าshowmien หรือถ้าเป็นมาม่าของอินเดียจะเรียกว่า maggie

ถ้าอยู่ในตัวเมืองอาหารจะเริ่มหลากหลายขึ้น แต่ที่เยอะมากจะเป็นอาหารอิตาเลี่ยน พิซซ่าอร่อยทุกร้าน คือแป้งคือดีมากกกก น่าจะเป็นเพราะอินเดียเชี่ยวชาญจากการทำแป้งนานและโรตี ฮาาาาา

เครื่องดื่มที่อยากแนะนำ จะเป็น Honey Ginger

Lemon Tea รสชาติก็จะหวานอมเปรี้ยม หอมน้ำผึ้ง รวมถึงมีกลิ่นขิงเล็กน้อยดื่มทีเดียว ติดใจไปตลอดทริป แต่บางร้านก็ไม่มีเลมอน มีแต่ขิง

ส่วนที่พลาดไม่ได้ แน่นอนต้องเป็นแป้งนานและแกง มีให้เลือกเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก



- ค่าใช้จ่ายทั้งหมด -


ยิ่งคนไปเยอะ ยิ่งหารกันถูก ตอนเราไปสิบวันหมดไป 40000 ถ้าไม่ช้อปปิ้งเยอะจะใช้เงินน้อยกว่านี้ แต่ของที่นี่มันน่าซื้อมากกกก ใครบอกอินเดียไม่มีอะไรให้ช้อปของเถียงเลย



- เวลาและอุณหภูมิ -


เวลาที่อินเดียจะช้ากว่าที่ไทย 1 ชม. ครึ่ง ส่วนอุณหภูมิประมาณ 5 องศาแต่แดดแรงมากกกกกก(ช่วงต้นเดือนพค.) อินเตอร์เน็ตจะหายากมากกกกกกกก แถมเล่นได้แต่ไลน์ ใครอยากเล่นเฟสบุค อินสตราแกรม ต้องเปิดVPN ไปเด้อ

*** สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อไปถึงคือ วันแรกอย่าซ่าทำอะไรทำช้าๆ ให้ร่างกายปรับตัวก่อน เพราะจะเหนื่อยง่ายมากกกกก หายใจไม่ทัน และควรจะจิบน้ำบ่อยๆด้วย ***

ถ้าพร้อมแล้วไปเที่ยวกันเล้ย ^^



เอาน้ำจิ้มรูปวาดมาอวดกันก่อนนิดนึง แฮ่

ทริปนี้วาดไปหลายรูปมากๆ แต่เอารูปที่ชอบที่สุดมาให้ดูก่อนเริ่มจาก

- ซ้ายบน : Stok Monastery

- ซ้ายล่าง : อาหารหลักๆในทริปและสัตว์ที่น่ารักเว่อร์

- ขวาบน : Thiksey Monastery

- ขวาล่าง : Turtuk Village

ส่วนใครชอบรูปที่เราวาด ภาพที่เราถ่าย ติดตามได้เพิ่มเติมที่นี่เลยจ้า
https://www.facebook.com/theforgetfulman/

ขอเปิดด้วยรูปวาด ^ ^

เราวาร์ปมาอยู่บนเครื่องบินกันเลยดีกว่า

วิวจากบนเครื่องบินที่สวยมากเว่อออร์(แนะนำนั่งฝั่งซ้ายนะ)

ไปถึงที่พัก คือหนาวมากกกกก ได้คุ้กกี้กับชาที่อร่อยอะ ชอบมากกินทุกวัน มากินดับหนาว

หลังจากนี้คือไปนอนประมาณ 4 ชม. ให้ร่างกายปรับตัวแล้วจะตื่นไปเที่ยวรอบๆเมืองกัน

หลังจากนอนจนอิ่ม ก็มาวาดรูปกันหน่อย อันนี้เป็นวิวจากที่พักเลย

หลังจากนอนก็มาทานข้าว เพิ่มพลังกัน

ชามนี้เป็นหมี่ผัดมังสวิรัติ อาหารหลักของที่นี่เลยมีทุกมื้อ

ส่วนชามนี้เป็นข้าวผัดมังสิวิรัติ อาหารหลักของที่นี่เช่นกัน

ทานข้าวเสร็จก็ไปลุยกันเลยกับที่แรก



Leh Palace

วิวเมืองเลห์ จาก Leh Palace

วิวเมืองเลห์ จาก Leh Palace เมืองจะถูกล้อมรอบด้วยภูเขา

Namgyal tsemo monastery

อีกสักรูปได้จังหวะพอดี

Namgyal tsemo monastery แบบระยะไกล แสงคือสวยโคตรรรร ได้คุยกับฝรั่งที่ยืนถ่ายรูปอยู่แแถวนั้น

เค้าบอกว่าเค้ามารอแสงตอนเย็นเพื่อถ่ายมุมนี้โดยเฉพาะ สวยจนอยากให้ทุกคนมาเห็นด้วยตาตัวเองเลย

Shanti stupa ที่สุดท้ายของวันนี้

หลังจากเมื่อวานกลับไปนอนตายอย่างรวดเร็ว วันนี้เลยตื่นเร็วมาวาดรูปที่พักกัน หน้าซ้ายคือลวดลายที่มักจะมีอยู่บนบ้านทุกๆหลัง

สามารถเห็นได้ตลอดเวลาเลย สวยงาม ด้านขวาคือที่พักของเรา ชื่อ Padma Guesthouse

ดูแลดีมาก ราคาไม่แพง เดินไปตลาดใจกลางเมืองได้ แนะนำเลยที่นี่

ถ่ายดอกไม้ในที่พัก เหมือนซากุระมากกก ใครรู้บ้างว่าดอกอะไรบอกที

หลังจากกินอิ่ม วาดรูปเสร็จเราจะไปทัวร์รอบเมืองกันเล้ย

ที่แรก แวะไหว้พระกันหน่อย

ชอบรูปนี้ๆ

Stok Monastery

Huge statue of Maitreya Buddha อยู่ใกล้ๆ Stok Monastery

Matho monastery

หลังจากทัวร์กันอย่างบ้าคลั่ง คือมีความหิวโหยสุด อาหารวันนี้ยังคงเป็นข้าวผัดมังสวิรัติเช่นเคย หรือจะบะหมี่ก็ได้

Hemis Museum

ที่นี่เราชอบมากกกก เป็น 1 ในสถานที่ท่องเที่ยวของที่นี่ที่ได้รับการบูรณะแล้ว สวยงาม

Hemis Museum หมาที่นี่ก็จะตลกประมาณนี้

รวมของที่ Hemis Museum

ต่อมาเราแวะ Stakna Monastery มุมนี้คือดีงามมมมมม แวะถ่ายบนถนนเอา

มุมจากข้างบน Stakna Monastery น้ำคือสีดีเว่อร์ หลังจากทัวร์เสร็จ

เราก็กลับเข้าเมืองแวะช้อปปิ้งกินข้าวกันแต่เดี๋ยวเราจะรวมไปไว้วันสุดท้ายเลยเด้อ

เราก็ผ่านช่วงปรับตัวให้ชินกับสภาพอากาศมา 2 วันแหละ ต่อไปเรากำลังจะไปถนนที่สูงที่สุด ลุยยย!!

วันต่อมา ไป Nubra Valley กัน ถนนที่นี่คือเสียวสุด สวยสุด เมารถสุด และกลัวตกเหวสุด!!

ด่านข้ามไปอีกชายแดน เราติดอยู่ที่นี่ชม.กว่า เพิ่งรู้ว่าต้องมาก่อนเที่ยง

เราเลยแวะสำรวจ ถ่ายรูปที่นี่กันสนุกเลยยย ใครจะไปนูบร้า แนะนำให้รีบออกเช้าหน่อยจ้า

1 ในรูปที่ชอบที่สุดของทริปนี้ ถ่ายจากร้านขายของที่ชายแดน

ถ่ายรูปซักหน่อยก่อนจะข้ามชายแดนได้ ท้องฟ้าสีฟ้ามาก แดดแรงมากด้วย แต่ก็หนาวมากเช่นกัน งงในงงไปอีก

วิวข้างทาง

ก่อนไปนูบร้า ต้องผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลก แนะนำว่าอย่าขยับตัวเยอะ มึนหัวมากกกกกกกกกกกกก

ป้ายถนนที่สูงที่สุด มาแล้วขอถ่ายเป็นระลึกหน่อยละกัน

แวะทานข้าว จุดพัก ที่ทุกคนต้องมาพักกันตรงนี้ อาหารถูกมาก และวิวสวยมากเช่นเคย

บรรยากาศรอบๆ

ชอบ : )

หลังจากนั้นก็แวะกันรัวๆ มาโผล่อีกทีก็ที่ Diskit Gompa

วิวรอบๆ สวยไปอีกกกกกก

Diskit Gompa

ถึงแล้ววว มาดูบรรยากาศข้างในกัน

ลบซัง คนขับรถของเรา ขับรถดีมาก ประทับใจสุดๆ

ถ่ายกับรถซะหน่อย

หลังจากแวะถ่ายรูปกันหนำใจเราจะไป จุดหมายที่สำคัญที่สุดในวันนี้กัน

เห็นทะเลทราย แปลว่าเราใกล้จะเจอน้องอูฐแล้วววว

Hunder Sand Dunes

มาหาอูฐกัน

ต่อด้วยรูปวาดน้องๆทั้งหลาย อุอิ

เจออูฐแล้ว จบภารกิจวันนี้ กลับไปนอนพักได้ วันนี้เรานอนที่นูบร้า 1 คืน

วิวจากที่พักที่นูบร้า คือดีและสวย จนไม่รู้จะพูดยังไง นี่วิวจากเลห์ ลาดักนะ !

Nubra ไป turtuk village เป็นหมู่บ้านที่ติดชายแดนอินเดียกับปากีสถาน แค่เดินข้ามสะพานไปเท่านั้น

ระหว่างทางจะผ่านภูเขากับค่ายทหารมากมายและด่านตรวจอย่าลืมพกพาสสปอตไปด้วยนะ

turtuk village

สัมผัสแรกที่ได้เข้าไปข้างได้เห็นความสวยงามของหมุ่บ้านที่ยังบริสุทธิมาก สิ่งที่ชอบคือระบบส่งน้ำของที่นี่ และตัวอาคารที่ใช้วัสดุธรรมชาติ คือ หินมาเป็นผนังบวกกับไม้ซุงมาเป็นคานรับน้ำหนัก ถ้าบ้านไหนสมัยใหม่หน่อยก็จะเป็นเสาคอนกรีตแต่ผนังก็ยังใช้หินอยู่เหมือนเดิมได้ความคลาสสิคมากๆ และทางเดินที่นี่จะเป็นทางเล็กๆ พร้อมกับทางส่งน้ำไปเรื่อยๆ บางทีมัวแต่ถ่ายรูปทำให้เราหลงทางกับเพื่อนในกลุ่มได้นะ อีกอย่างที่น่าสนใจคือ ผนังหินที่เอามาทำเป็นรั้วบ้านและคันนาขั้นบันไดจัดวางได้สวยงามมาก

หลังจากเดินผ่านบ้านชุมชนได้สักพักก็จะมาเจอ monastery ของที่นี่ ที่ตั้งอยู่สูงมากกับแดดที่แรงมากๆควรพกผ้าที่สามารถพันคอหรือคลุมหัวได้ไว้ด้วยก็ดี กว่าจะถึงยอดด้านบน เล่นเอาพวกเราเดินกันหอบพอสมควรอาจจะเรื่องความสูงที่เรายังปรับตัวได้ไม่ดีนัก แต่วิวที่เราได้เห็นมันสุดยอดจริงๆ คุ้มกับความเหนื่อยที่ขึ้นมา

อาหารยังเป็นเช่นเดิม

มีแกงด้วย

Honey Lemon อันนี้ดีๆ

พอพักหายเหนื่อยกันเราก็ไปกันต่อที่ museum ดีกว่า เราต้องเดินกลับไปสะพานที่ข้ามมา เดินผ่านชุมชนเข้าไปถึงจุดหมายของเรา จริงๆแล้วมันคือวังที่ถูกทำลายไปบางส่วนแต่ลูกหลานอยู่ดูแลมาตลอดหลายยุค ซึ่งคนที่มาอธิบายนั้นก็เป็นเชื้อสายของตระกูลนี้ด้วย



เราเลยได้รู้เรื่องราวของที่นี่ว่าเป็นอย่างไรเกิดอะไรขึ้นกับที่แห่งนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากกก

ระหว่างทาง

เจอน้องระหว่างทาง ถ่ายรูปน้องจนหลงทางกับเพื่อนเลย

ขอวาดรูปหมู่บ้านเก็บไว้ อันนี้เป็นรูปที่ชอบที่สุดของทริปนี้เลย ประทับใจที่นี่มากๆ

ตอนแรกจะกลับที่พักแต่พอมีเวลาเหลือเยอะพี่คนขับเลยแนะนำไปดูโชว์ที่อยู่กับใกล้ๆที่พัก

เสียคนละ 100รูปี ได้เห็นโชว์ทั้งหมด 5 เพลง

จบโชว์เราก็ไปดูอูฐกันอีก 1 รอบ พี่คนขับก็ใจดีมากกก

คุยกับคนเก็บค่าเข้าให้เราได้เข้าฟรีเพราะเมื่อวานเราเข้าไปแล้ว อยู่ได้ไม่นานฟ้าเริ่มจะมืด

คราวนี้เลยได้แก้ตัวถ่ายรูปได้สะใจจริงๆแถมได้ขี่อูฐอีกด้วยยย ราคาไม่แพงเลย แค่ 100 รูปีเท่านั้น!!!

ถึงเวลาที่เราต้องกลับจากนูบร้ากันแล้ววันนี้ ระหว่างทางมันก็จะประมาณนี้แหละ

ขากลับเจอหิมะถล่ม

ระหว่างทาง เหมือนวิ่งกันอยู่บนท้องฟ้าเลย

แวะ Samstanling monastery

ผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลกอีกครั้ง ครั้งนี้เริ่มปรับตัวได้ แวะจิบชาซะเลย

ผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลกอีกครั้ง ครั้งนี้เริ่มปรับตัวได้ แวะจิบชาซะเลย

เสร็จแล้วกลับเข้าเมืองเดินเล่นกันแล้วนอนตายกันเลยจ้า

ในส่วนของนูบร้าของเราก็จะสวยงามประมาณนี้ แต่ทริปนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะ ติดตามกันต่อได้เล้ย^^

วันที่ 6 ของทริปกันแล้ว อันนี้เป็นที่ที่เราอยากดูมากกกก

เป็นแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน คือแม่น้ำสินธุกับแม่น้ำซันสการ์ ในรูปที่เคยเห็นจะเป็นสีฟ้ากับสีน้ำตาล

แต่ของเราเป็นน้ำตาลอ่อนกับเข้มซะงั้น เค้าบอกว่าถ้าอยากเห็นสองสีแบบนั้นต้องมาช่วงหน้าหนาว

ตอนช่วงเราน้ำแข็งกำลังละลายลงมาทำให้น้ำกลายเป็นสีน้ำตาลหมดเลย !

Basgo Gompa

แวะทานข้าวข้างหน้า Alchi monastery ชอบร้านนี้มากเมนูคือแปลกสุด

อธิบายไม่ได้แต่อร่อยเว่อร์ อยากกินอีกกก

น้องน่าร้าากกก

ถ่ายรูปซักหน่อย

Alchi monastery

Spituk Gompa ก่อนกลับ

วิวจาก Spituk Gompa

วันนี้เราไปกันแบบไม่เหนื่อยมากหนัก ถือว่าพักร่างกันแปปนึง เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันยาวอีกแล้ว

มุ่งสู่ถนนที่สูงอันดับสามมมม แล้วสองหายไปไหนอ่ะ บอกเลยว่าระหว่างทางมันสวยมากกกก ไม่กล้าหลับในรถกันเลยทีเดียว

วันนี้เราจะไปที่ที่อยากไปที่สุดในทริปนี้กัน คือ Pangong นั่นเอง !
แต่ขอแวะซื้อผลไม้ก่อนไปก่อน


Thiksey Monastery


หนึ่งในสถานที่ที่บูรณะแล้วเช่นกัน สวยงามทีเดียวและใหญ่มาก น่าจะใหญ่สุดของพวกวัด วัง ทั้งหลาย


ออกตัวจากที่พักกันช้าหน่อย ที่แรกที่เราแวะ thiksay monastery พอได้เห็นก็ชอบแล้วขนาดยังไม่ได้เข้าไป ตัวอาคารเรียงลงตามแนวเขา เสียค่าเข้าคนละ 30 รูปี ภายในเราจะได้เห็นองค์พระขนาดใหญ่ และห้องเก็บองค์พระพุทธรูป ทางเข้าแต่ละห้องต้องถอดรองเท้าด้วยนะ ทางเดินซับซ้อนกันหน่อย แต่ก็สนุกดี ที่นี้ได้รับการบูรณะ ให้ดูดีสวยงามทีเดียวเลย

องค์พระใหญ่มากกกกก

อันนี้คือที่สุด ห้องน้ำที่นี่ดีงามนะ ต้องลอง แต่เฉพาะผู้ชายเท่านั้น! ทำธุระไปดูวิวไม่มีอะไรจะสุขเท่านี้อีกแล้ว

แล้วเราก็วาร์ปมาถึงถนนที่สูงที่สุดอันดับ3 หลังจากที่ไปอันดับ1 มาแล้ว

แล้วอันดับสองอยู่ไหนล่ะ??? ใครรู้บอกที ตอนที่เรามาบนนี้เป็นช่วงที่คนมาน้อยพอสมควร

ระหว่างทางที่ผ่านมาวิวระดับเทพมากกก แต่ทางก็บอกเลยไม่ธรรมดา ถ้าใครที่เมาก็เตรียมตัวกันนิดนึงนะคะ

แต่ไฮไลท์สำหรับเราคือ บรรดาสาระพัดสัตว์ที่เราเห็นตามข้างทาง ม้า แกะ แพะ และตัวบอมแบต น่ารักมากกกก

แต่กว่าจะหาเจอได้ลำบากพอสมควร ระหว่างทางช่วงนี้จะเจอเหมือนเป็นทุ่งหญ้า กับลำธารเล็กๆ น่ารักมากกกก

ที่นี่อะไรๆก็น่ารักไปหมด

ทางสวยมาก หลับไม่ลง

และแล้วเราก้อมาถึงทะเลสาบสักที จังหวะที่เห็นไกลๆ สีสวยมากสีตัดกับภูเขาสีน้ำตาล สวยงามมั่ก

แต่มาถึงเย็นแล้วเลยถ่ายรูปได้ไม่กี่รูป วันนี้เลยเข้าที่พักกันก่อน

ดองกี้หรือม้า แยกไม่ออก อยู่ใกล้ที่พักมาก

เต้นท์ที่นอนใกล้กับทะเลสาบพอสมควร จังหวะที่เห็นเต็นท์นึกถึงตอนเข้าค่ายมากกกก แต่แค่ว่าที่นี่ใหญ่กว่า

ที่ pangong lake ปกติจะอยู่ได้แค่ 6 เดือนเท่านั้น ประมาณ เมษา-กันยา เท่านั้น เพราะหลังจากนี้อุณภูมิลดตำ่ลงถึง -45 !!! ทะเลสาบจะแข็งจน สามารถขับรถข้ามไปอีกฝั่งด้วยได้เลยยยโหดมากกก!!! ความหนาวขนาดนี้ทำให้สิ่ก้อสร้างที่นี่ต้องสร้างใหม่ตลอดทุกปีเพราะนำ้แข็งกัดจนพัง

เต็นท์ของเราวันนี้ สิ่งอำนวยความสะดวกคือตามแปลนเลย ไม่มีที่อาบน้ำเพราะห้ามอาบน้ำ !

ที่นี่ ไฟมา 19.30-11.00 น้ำร้อนมีตอนเช้า และไม่ให้อาบน้ำพยายามทำร่างกายให้อุ่นไว้ตลอดเวลา

สิ่งที่ควรเตรียมมา ทิชชูเปียก เครื่องป้องกันหนาว ถุงมือ ถุงเท้า หมวก เพราะที่นี่ไม่มีฮีเตอนะจ๊ะ พวกเครื่องอาบน้ำสบู่ยาสระผมเก็บไปเลย ไม่ได้ใช่แน่นอน..



หนาวจนต้องมานั่งในส่วนกลาง เพราะอุ่นสุดแล้ว

หลังจากที่เมื่อคืนเจอสภาพอากาศ ที่หนาวเหน็บ นอนกันแทบไม่หลับด้วยเสียงเครื่องปั่นไฟ

นอนไปก็คิดไปว่ามาทำอะไรที่นี่เพราะมันหนาวมากกกกกกกกกก แต่ก็ยอมแล้วเพราะตื่นมาเจอวิวแบบนี้เลย

สวยมากกกๆๆๆๆ Pangong Lake

ขอถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย

กลับกันแล้ว วันนี้เราก็เจอวิวที่สวยระดับล้านเช่นเดิม ชอบมากกกกกก

Yak!!

บอมแบท หาตัวเจอยากมากกกกก ตอนกลับมาถึงเพิ่งรู้ว่าเข้าไปใกล้ๆได้ ตอนนั้นไม่รู้ กลัวน้องหนี เลยซูมเอา

แวะ Chemrey Monastery ก่อนเข้าเมือง น่าเป็นช่วงที่เค้าบูรณะกันอยู่ ซุ้มไม้รอทำอีกเพียบบบ

Chemrey Monastery

Takthok monastery

Shey Palace

วิวจาก Shey Palace

และแล้วก็วันสุดท้ายของเรา
จริงๆใจยังไม่อยากกลับ ประทับใจกับวิวที่สวยงามของที่นี่มากๆ
อีกใจก็อยากกลับไปกิน กระเพราหมู ไส้อั่ว ส้มตำไก่ย่าง



วันนี้เลยเป็นวันเบาๆ แวะช้อปปิ้งกันในเมือง

ภายในตลาดๆ ใจกลางเมือง เรามาเดินที่นี่ทุกวันเลย ชอบๆ

ภายในตลาดใจกลางเมือง ช่วงเย็นก็จะมีเด็กมาเตะฟุตบอลกันแถวนี้ บรรยากาศก็ดูดีไปอีกแบบ

มี museum ด้วย

จบแล้วทริปเลห์ ลาดัก ของเรา ลากันไปด้วยร้านที่ดีและเหมาะสำหรับการซื้อผ้ามากกกกกก จ้า : )

ขอบคุณทุกท่านที่ได้อ่านจนจบนะคะ สามารถเข้าไปดูแล้วติดตามเราได้ที่

https://www.facebook.com/theforgetfulman/

ทริปหน้าเราจะไปไหนอีก คอยติดตามกันนะคะ

สิ่งมีชีวิตที่ชอบลืม

 วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.00 น.

ความคิดเห็น