ได้เวลาทางท่องเที่ยวไปหาอากาศหนาวเย็นกันอีกแล้ว วันนี้ #PareAekTrip จะพาไปเที่ยวที่ที่ใครก็อยากไป เดินทางใกล้ๆ ไม่ไกลจากเมืองหลวง แค่คืนเด่วก็ถึงและนะ 555 ไปกันยังล่ะ ไปไปไปสิจะรอไรล่ะ

เดินทางครั้งนี้เราออกเดินทางจาก กทม.ในช่วงดึกๆ เพื่อไปให้ถึงจุดหมายแรกในเวลามื้อเที่ยง เพราะเรามีนัดกับมื้อเที่ยงไว้ที่กลางน้ำ (เราจะลากลงไปกินในน้ำ 555) ตัวไรว๊าาาา....

วันที่ 1

นี่ไง เราจะลากลงไปกินในน้ำกัน 555 ลากแพนะ ไม่ใช่ลากไก่ ออิออิ

ที่นี่คือ อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง จ.เลย บรรยากาศดีมากๆๆๆๆเลยอ่ะน่ะ

การใช้บริการที่นี่ ให้เราเลือกร้านเลือกแพได้เลย เลือกเสร็จตกลงราคากันให้เรียบร้อย สั่งเมนูอาหารกันที่บนฝั่งก่อนในรอบแรก ส่วนใครจะสั่งเพิ่มค่อยรอสั่งอีกทีที่บนแพ

สั่งอาหารเสร็จขึ้นแพเตรียมออกกลางน้ำได้เลย จะมีเรือพาเราไปปล่อยไว้กลางน้ำ และจะมีอาหารตามมา
เสริฟให้ทีหลัง ระหว่างรอเราก็สามารถถ่ายรูปเล่นบนเรือได้เลยตามสะดวกนะ

อาหารมาแล้ว หน้าตาน่ากินไหมละ อร่อยด้วยนะบอกเลย จะมีเรือมาส่งอาหารเราสามารถสั่งอาหารเพิ่มได้เลย กินอิ่มก็ใช้วิธีชักธงขึ้นเด่วแต่ละร้านจะรู้แล้วให้เรือมาลากเราเข้าฝั่ง

ใช้เวลาได้ตามสบายเลย กลางน้ำลมเย็นสบายนั่งชิวไปเรื่อยๆ

ขึ้นฝั่งมาขอหนึ่งรูปก่อนเดินทางต่อ ต้องให้เขาเพราะเขานี่แหละเป็นคนพาเรามา 555 ให้เครดิตนะจ้ะ

ได้เวลาท้องอิ่มเราเดินทางกันต่อเลย 60 กว่ากิโล 1 ชั่วโมงก่าๆๆ เพื่อมุ่งหน้าสู่ ศูนย์การท่องเที่ยวเชิงเกษตร

เกษตรที่สูงภูเรือ จุดตรงนี้ก็ไม่ไกลจาก อช.ภูเรือ ใครจะขึ้นมาเส้นทางก็จะสูงนิดๆ ไม่อันตราย ขึ้นมาบนนี้มีอะไรบ้างลองไปชมดูนะ

มีต้นไม้ดอกไม้

มีวิว มีแปลงเกษตร

มีต้นสน มีคนน่ารัก ถึกโป๊ะ (อันนี้ส่วนตัวออกสื่อ 555)

มีแสงสวยๆ

และก็มีพระอาทิตย์ตกหลังเขา (ไม่ใช่หลังเรานะ อิอิอิ)

มืดพอดีได้เวลากลับแล้วจ้ะะะะ กลับไปไหนอ่ะหรอ คืนนี้เราจองที่พักไว้เรียบร้อย ที่ อช.ภูเรือ หมดเวลาวันนี้มาต่อกันวันรุ่งขึ้นนะ

วันที่ 2
โปรแกรมคือตื่นตีสี่เพื่อแบกร่างกายขึ้นไปยอดภูเรือ ขึ้นไปนั่งรอชมทะเลหมอก รอชมพระอาทิตย์ขึ้นหลังเขา (หลังเขาอีกแล้วไม่ใช่หลังเรานะ อิอิอิ) ไปลุ้นกันว่าจะได้เห็นอะไรบ้าง ไปๆๆๆๆๆๆ


ก่อนขึ้นด้านล่างบอกไว้ 19 ํC เห็นแบบนี้ตื่นเต้นแต่คงไม่หนาวเท่าไหร่ เรามันพวกสายชิววววว (หราาาาา)

ไปติดตามข้างบนสิชิวจริงป่าวๆๆๆๆ

ถึงข้างบนแล้วแต่ยังมืดสนิท พวกเรามีความพยายามอย่างสูงเพื่อถ่ายให้เห็นป้ายนี้ (ถ่ายตอนนี้ไม่มีใครแยงซีนเพราะมืดสนิทททท 5555)

นั่งรอกันอยู่พอควร แสงเริ่มมา หมอกเริ่มเห็น (แต่โครตน้อย) รอดวงอาทิตย์สิจะมาหลังเขาไหม รอ รอ รอ

ดวงอาทิตย์ก็มานะจ้ะ มาหลังเขาจริงๆ ด้วย เพราะทะเลหมอกมาก่อน ทะเลหมอกมาหน้าเขา 5555

เพื่อนๆ อย่าพึ่งงงนะว่า เขาอะไรของม_ึง มากมายขนาดนี้ 555 ก็วิวภูเขานี่แหละน๊าาาา

เดินเล่นรอบๆ ถ่ายรูปวนๆๆๆๆๆ ไปเรื่อยยยย

จะบอกให้ว่าที่เห็นข้างล่าง 19 ํC แต่บนนี้ 16 ํC เอง ใครอยากรู้ว่าอาการของเราเป็นยังไงบนนี้ บอกได้อย่างไม่อาย ด้วยที่ลมแรงจนน้ำหมูกไหล ซึ่งไหลออกมาตอนไหนไม่รู้ตัว เพราะหน้าชาไม่รู้เรื่อง มือชาจนกดชัตเตอร์ไม่รู้สึก (ไม่เว่อด้วยบอกเลย เพราะลมแรงเลยทำให้ยิ่งหนาว)

ทิ้งเวลาให้เก็บตุ้นความหนาวเหน็บสักนิดๆๆๆๆ ก็เดินทางลงสู่ด้านล่างเพื่อเก็บสัมภาระ เตรียมเดินทางกลับ

แต่ความสนุกเรายังไม่หมดแค่นี้ ระหว่างทางกลับเรายังแวะ ยังแวะ ยังแวะ อีกมากมายๆๆๆๆ

แวะดูเทศกาลต้นคริสต์มาสกันก่อนเลย ลงมาจากภูเรือนิดเดียวเท่านั้น

แดงเถือกกกกกเยอะมากกกกกกกก

เดินเล่นเลยตามสบาย แดดแรงๆ ลมแรงๆ เย็นๆ ร้อนๆ สบายๆ 555

ไปกันต่อดีกว่า เดินทาง 40 กม. 1 ชม. เพื่อไปไหว้สักการะ พระธาตุศรีสองรัก

องค์พระธาตุสีขาวตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางแจ้ง

ทิ้งท้ายด้วยภาพนี้ และออกเดินทางต่ออีก 3 กม. 10 นาที เพื่อไปยังจุดหมายสุดท้าย

จุดหมายสุดท้ายก่อนเดินทางยาวเข้าสู้ กรุงเทพ เมืองฟ้าอมร ก็คือ วัดเนรมิตวิปัสสนา สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ขอพรพระให้พบเจอแต่สิ่งดีงาม

วัดนี้ใหญ่ สวย สงบ ดีงามมากๆเลย

เก็บความใหญ่โตสวยงามนี้ไว้เป็นความทรงจำ และออกเดินทางต่อเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ กทม.บ้านเรา ด้วยระยะทาง 400 กว่า กม. 6 ชม. หน่อยๆ ขอเวลาให้กับการท่องเที่ยว 2 วัน เท่านั้น ทุกคนก็จะได้มีแรงทำงานกันต่ออีกยาวววว เหมือนพวกเรา ขอให้ทุกท่านเดินทางปลอดภัยกับการท่องเที่ยวในทุกๆ ครั้ง

เพื่อนๆ สามารถติดตามเราได้ที่
https://www.facebook.com/PareAekTrip/ นะครับ ขอบคุณครับ

บ้าย...บาย...สวัสดี...ครับ





ความคิดเห็น