ສະບາຍດີ ວັງວຽງ
วังเวียงเมืองหนึ่งในประเทศลาว ใครที่ชอบเที่ยวแนวธรรมชาติต้องฝันว่าสักวันจะได้มีโอกาสมาเยือนเมืองเล็กๆ แต่มากไปด้วยความสวยงามของสายน้ำ ภูเขา ถ้ำที่สวยงาม แถมยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์หลากหลายกิจกรรมให้เราได้สนุกกันอีกด้วย ทริปนี้เราวางแผนกันค่อนข้างนานตั้งแต่ต้นปี โดยเริ่มจากเลือกหาที่พักก่อน พอเปิดดูข้อมูลเห็นภาพของที่นี่แล้วอดิปักหมุเลยต้องพักที่นี่ให้ได้ นั่นก็คือ จำปาลาว บังกะโล เลยรีบจองไว้เลยกลัวจะเต็มเพราะที่นี่มีห้องพักไม่เยอะมาก ส่วนการเดินทางนั้นกว่าจะตัดสินใจกันอยู่นานว่าจะขึ้นเครื่องไปหรือไปรถทัวร์ไป สรุปกันว่าเราจะไปโดยรถทัวร์ ถึงแม้จะใช้เวลาเดินทางมากกว่าเครื่อง แต่ก็ช่วยเซฟค่าใช้จ่ายลงไปได้เยอะเลย เกริ่นมาซะยาว ที่พักพร้อม ตั๋วพร้อม เริ่มออกเดินทางกันดีกว่าครับ
เริ่มออกเดินทางสู่วังเวียง
กรุงเทพ - อุดรธานี - วังเวียง
เราเริ่มเดินทางออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 22.45 โดยรถโดยสารของนครชัยแอร์ จองตั๋วแบบเฟิสคลาส ที่นั่งกว้างขวาง เบาะปรับนอนได้สบายมาก มีเครื่องนวดด้วย เราเป็นสมาชิกของนครชัยแอร์ เลยได้ลด 5 % ราคาตั๋วขาไป 605 บาท
ตั๋วพร้อมคนพร้อมออกเดินทางกันดีกว่า
รถมาถึงสถานีขนส่งอุดรธานี ประมาณ 06.30 โชคดีมากที่เราจองตั๋วล่วงหน้าไว้กับเว็ปออนไลน์ของทาง บขส. โดยจองและจ่ายเงินผ่านเคาท์เตอร์เซอร์วิส และนำใบเสร็จไปรับตั๋วที่จุดจำหน่ายตั๋วบขส. ที่หมอชิต 2 เพราะรถสายอุดร-หนองคาย-วังเวียง มีแค่วันละรอบ ราคา 320 บาท ตั๋วขายหมดไปตั้งแต่เรายังมาไม่ถึง แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ สามารถซื้อตั๋วไปลงเวียงจันทน์ แล้วหารถต่อไปวังเวียงได้เหมือนกัน
รถออก 8.30 ยังมีเวลา ล้างหน้าล้างตาแปรงฟัน เดินหาอะไรกินรองท้องก่อนเดินทางไกล อดิเดินไปหน้าทางเข้าบขส. เห็นร้านไข่กะทะ ชุดละ 50 บาท มีไข่กะทะ ขนมปังญวน กาแฟ เลยแวะไปชิมซะหน่อย
ใกล้ถึงเวลาเราเดินไปรอขึ้นรถ พอรถมาถึงก็จัดแจงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมออกเดินทาง ขาไปรถที่เรานั่งเป็นรถของทางฝั่งลาว ตั๋วพร้อมออกเดินทางไปวังเวียงกันต่อครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชม.
พอขึ้นรถพนักงานรถจะแจกใบตม. ให้เรากรอกเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความสะดวกรวดเร็วเวลาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง
ขั้นตอนการเข้าเมืองขาออก
ฝั่งไทยสแกนพาสปอร์ตที่เครื่องอัตโนมัติจากนั้นมองกล้องถ่ายรูปแสกนนิ้วมือ ยื่นพาสสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ประทับตราขาออกนอกประเทศ ใบตม.ยังไม่ใช้นะครับใช้ตอนด่านที่ฝั่งลาว
จากนั้นรีบเดินไปขึ้นรถเพื่อข้ามไปฝั่งลาวยังมีด่านตรวจเข้าเมืองที่ฝั่งลาวอีกรอบ
ถึงด่านลาวลงรถอีกรอบเตรียมพาสปอร์ตและใบตม.ที่กรอกไว้แล้วไปต่อแถวเพื่อประทับตราจากนั้นเราต้องไปซื้อ One way ticket
One way ticket ราคา 5 บาท ซื้อตรงตู้เลยครับ ตอนซื้อต้องใช้พาสปอร์ตด้วยนะครับ
พอได้ One way ticket ก็มาเสียบตรงช่อง อารมณ์คล้ายกับ BTS บ้านเรา
เราแลกเงินกีบระหว่างรอประทับตราพาสปอร์ตได้พอดี One way ticket พร้อม เงินกีบก็พร้อม ข้ามฝั่งไปตะลุยวังเวียงกันเลย
ข้ามฝั่งมาพอเราผ่านด่านได้ไว้เลยแวะมาซื้อซอมที่ ลาวโทละคอม ราคา 100 บาท ได้เนต 4 G 1.5 MB เราจัดการปิดเซลลูลาร์โปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ทั้งหมดจะได้ช่วยเซฟเนต ส่วนใครจะแลกเงินก็สามารถหาแลกแถวนี้ได้เลยครับมีเงินมาเที่ยวลาวเป็นแสนเลยครับ (แสนกีบ)
อัตราแลกเปลี่ยน
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทย 1 บาท = 2.5 กีบ
คำนวณแบบง่ายๆ 10,000 กีบ = 40 บาท โดยประมาณ
เวลา
เวลาของไทยกับลาว เท่ากันดีเลยไม่ต้องปรับนาฬิกา
ประมาณบ่ายโมงรถมาถึงจุดแวะพักทานอาหารกลางวัน ประมาณ 30 นาที ใครที่ซื้อซิมไม่ทันหรือยังไม่ได้แลกเงินก็สามารถมาแลกร้านได้นะครับวันที่เราเดินทางแลกที่นี่อาจจะได้น้อยกว่าที่ด่านเล็กน้อย
แซนวิสราคา 10,000 กีบ
เราสั่งเฝอหมู กับ ไก่มากินกัน ราคา 18,000 กีบ
น้ำซุปหอมอร่อยดี มีผักกับน้ำพริกมาให้ทานด้วย
อิ่มแล้วออกเดินทางกันต่อ เส้นทางต่อจากนี้จะลัดเลาะภูเขาเล็กน้อย ใครเมารถเตรียมหลับยาวได้เลยครับ
จากจุดแวะพักมาประมาณ 2 ชม. เราก็เดินทางถึงสถานีขนส่งของวังเวียง จะมีโต๊ะสำหรับซื้อตั๋วกลับ อุดรไว้เลย ราคาอยู่ที่ 90,000 กีบ แต่สามารถหาซื้อได้ตามเอเจนท์ทัวร์ในเมืองวังเวียง ได้ หลังจากซื้อตั๋วกลับเรียบร้อย จะมีรถสองแถวไปส่งในเมืองวังเวียง ฟรี จากนั้นก็เปิด Map เดินไปที่พักที่เราจองไว้ นั่นก็คือ จำปาลาว บังกะโล
สถานีขนส่งเมืองวังเวียง
ต่อแถวซื้อตั๋วกลับอุดรเรียบร้อย ราคา 90,000 กีบ ซื้อแล้วคนขายจะถามว่าเราพักที่ไหน เพราะวันกลับจะมีรถไปรับเราจากที่พักมาส่งที่ บขส. วังเวียง
รถสองแถวที่จะไปส่งเราในตัวเมืองครับจากนั้นก็เปิด GPS เดินไปที่พักไม่ไกลประมาณ 1 กม. ก็ถึงที่พักที่เราจองไว้ตั้งแต่ต้นปี นั่นก็คือ จำปาลาว บังกะโล
นอนไหนดีที่วังเวียง
จำปาลาว บังกะโล
เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดฮิตในการมาเที่ยววังเวียง และด้วยเจ้าของที่พักเป็นคนไทยทำให้การติดต่อสะดวกขึ้น อดิจองห้องแบบกระท่อมไม้ มีเปลนั่งชมวิวชิลๆ หน้าห้องพัก ไฮไลท์ของการมาพักที่นี่คือ จุดทานอาหารเช้าที่ราคาหลักสิบแต่วิวหลักล้าน วิวภูเขาที่นี่สวยมากๆ สามารถมองเห็นบอลลูนที่ลอยผ่านรอบที่พัก ห้องที่เราจองไว้เป็นกระท่อง ราคา 1,200.-บาท/หลัง พักได้ 3 คน มาดูบรรยากาศที่พักของเรากันดีกว่า
ห้องพักมี 1 เตียงใหญ่ และ 1 เตียงเล็ก มีเปลให้นอนเล่นหน้าบ้านชิลๆ ด้วย
อ่านรีวิวจำปาลาว บังกะโล >>> https://th.readme.me/p/13841
ติดต่อ จองที่พัก
จำปาลาว บังกะโล
Facebook : Champalao Bungalows
หลังจากเข้าห้องอาบน้ำล้างหน้าเรียบร้อย เราก็แต่งตัวไปเดินเล่นในเมืองเพื่อหาโปรแกรมทัวร์สำหรับเที่ยววันพรุ้งนี้กัน และกะว่าจะไปนั้งทานอาหารเย็นริมแม่น้ำซองกันด้วย
เดินมาเจอร้านแรกไม่ไกลจากที่พัก TN. Tour เจอการเปิดการขายแบบเฮฮาเป็นกันเอง และดูแล้วราคาก็ไม่แพง ก็เลยใจง่ายกันสุดๆ ตกลงจองที่นี่เลยละกันจะได้ไม่เสียเวลากินข้าวเย็น
ราคาแพคเกจถือว่าถูกมาก ไปถ้ำน้ำ-ถ้ำช้าง-พายเรือ-บลูลากูน ราคาคนละ 110,000 กีบ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 440 บาท รวมค่าเข้าทุกอย่างแล้ว แถมยังมีอาหารกลางวันให้อีก 1 มื้อ ผมว่าราคาโอเคเลย
เที่ยวที่ไหนดีที่วังเวียง
1. ถ้ำจัง - สะพานส้ม
ถ้ำจังห่างจากเมืองวังเวียงประมาณ 1 กม. เราปั่นจักรยานมาจากที่พัก ก็ไม่ไกลมาก ทางเข้าถ้ำจังจะต้องผ่านเข้าไปในวังเวียง รีสอร์ท มีค่าผ่านทางคน 2,000 กีบ + รถ 2,000 กีบ รวมด่านแรก 4,000 กีบ จากนั้นก็ไปจอดรถตรงก่อนขึ้นสะพานส้ม แต่ถ้าจะขึ้นไปถ้ำด้านบนต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก 15,000 กีบ
2. ถ้ำน้ำ
ถ้ำน้ำจะเป็นเหมือนอุโมงค์ที่ให้เรานอนบนห่วงยางแล้วค่อยๆเกาะเชือกเข้าไป ตรงปากทางเข้าจะมีหินย้อยลงมาออกจะเสียวๆหน่อย ก็สนุกตื่นเต้น ชุ่มฉ่ำดี เล่นเสร็จแล้วก็ทานข้าวกลางวันที่นี่เลย
แพคเกจที่เราจองมามีเลี้ยงข้าวกลางวันเป็นข้าวผัด กับ BBQ
3. Zipline
บริเวณถ้ำน้ำมี Zipline ให้สำหรับคนที่ชอบกิจกรรมตื่นเต้นท้าทายได้มาทดสอบความกล้า ตรงฐานสุดท้ายขอบอกว่าเสียวมากๆ คอแอดเวนเจอร์ต้องห้ามพลาด
4. ถ้ำช้าง
อยู่ระหว่างทางที่เราเดินไปถ้ำน้ำ ขากลับไกด์จะพาแวะไหว้พระ มีคนเก็บค่าเข้าแต่เราไม่ต้องจ่ายเพราะรวมอยู่ในแพคเกจทัวร์แล้ว
4. พายเรือล่องแม่น้ำซอง
หลังจากเที่ยวถ้ำน้ำและถ้ำช้างเสร็จเราก็ขึ้นรถเดินทางต่อไปยังจุดปล่อยเรือ ใครที่พายไม่เป็นก็จะมีไกด์คอยประกบไปด้วย ระหว่างทางจะมีบาร์ฝรั่ง ให้แวะพัก ขายเครื่องดื่ม หรือใครจะเล่นวอลเล่ยบอลด้วยก็ได้ แต่แวะได้ไม่นานนะเพราะว่าเดี๋ยวเราต้องไปบลูลากูกันต่อ ระยะทางที่พายประมาณ 5 กม. ต้องพายไปตามไกด์นะครับ เพราะว่าบางช่วงจะมีโขดหินเรืออาจจะติดได้
5. บลูลากูน
เป็นอีกจุดที่มาวังเวียงแล้วพลาดไม่ได้ ที่นี่น้ำจะออกเป็นสีเขียวๆ ฟ้าๆ สมชื่อบลูลากูน แต่เรามาช่วงเย็นแล้วคนมาเล่นเยอะ น้ำเลยไม่ค่อยใสเท่าไหร่
ระหว่างทางไปบลูลากูน จะเห็นวิวภูเขาสวยๆ สองข้างทาง
6. ถ้ำปูคำ
จะอยู่ภายในบลูลากูน ทางขึ้นจะชันเล็กน้อย ด้านในมีบางจุดที่มืด ทางขึ้นจะมีไฟฉายให้เช่า 10,000 กีบ หรือใครจะใช้ไฟฉายจากมือถือส่องก็ได้ แต่ถ้าเช่าแบบใส่หัวก็จะสะดวกเวลาปีนป่าย แนะนนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบขึ้นไปนะครับ ด้านในมีพระพุทธรูปปางไสยาส ยิ่งถ้าไปช่วงเย็นจะมีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามายังองค์พระสวยมากๆ
ทางขึ้นมีเป็นโขดหินแนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบ
7. ใส่บาตรพระยามเช้า
ใกล้ที่พักของเราจะมีตลาดเช้า และจะมีพระเดินมาบิณฑบาตร ที่นี่จะใส่บาตรข้าวเหนียวโดยเราหยิบปั้นข้าวเหนียวใส่บาตรพระแต่องค์แทนการตักข้าวสวยแบบของไทย จากนั้นพระก็จะให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล
9. Sakura Bar
ซากุระบาร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่ขึ้นชื่อ สามารถมาเที่ยวฟังดนตรีจากดีเจ ที่จะเปิดเพลงให้ขาแดนซ์ได้มายืดเส้นยืดสาย และช่วง 2 ทุ่ม - 3 ทุ่ม จะเป็นช่วงฟรีดริ้งค์
กินอะไรดีที่วังเวียง
หลังจากเที่ยวแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ลองมาดูกันดีกว่า ว่ามาเที่ยวที่วังเวียงแล้ว มีร้านอะไรที่น่าสนใจบ้าง อดิลองชิมร้านที่น่าสนใจและรวยรวมไว้ให้เพื่อนตามมากันเลย
1. ทานอาหารริมแม่น้ำซอง
ริมแม่น้ำซองมีร้านอาหารเป็นแคร่ริมน้ำ ถือเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยววังเวียง ร้านอาหารมีหลายร้าน แต่ต้องรีบมากันหน่อยนะจะได้โต๊ะริมน้ำ มาช้าอดนั่งริมน้ำแล้วจะเสียใจนะ ใครมาแล้วอย่าลืมมากินอาหารพร้อมเอาขาแช่น้ำซองเย็นๆ กันนะครับ
ตำลาว เมนูที่พลาดไม่ได้ถ้ามาเที่ยวลาว อาหารที่นี่ค่อนข้างจะได้ช้านะครับ แนะนำให้สั่งทีเดียวเลยเพราะว่าคนที่มาทานเยอะจะได้ไม่ขาดตอน
2. Rock Festival
ร้านนี้เป็น บาบีคิว บุฟเฟ่ ราคา 59,000 กีบ/คน มีดนตรีสดให้ฟังด้วย นักร้องส่วนมากจะร้องเพลงของไทยด้วยละ เมนูอาหารก็จะมี BBQ หมู ย่างกันสดๆ ส้มตำ, ข้าวผัด, น้ำพริก, สลัด, ผลไม้ รสชาติใช้ได้ มีที่นั่งชั้น 2 ชมวิวไปพร้อมทานอาหารแบบชิลๆ
เราไม่ชอบน้ำจิ้มมัสตาดเท่าไรห่เลยลองเอา BBQ มาจิ้มน้ำพริก อร่อยเลยทีนี้
3. ร้านพีบพิ่งสมหมูกะทะ
จิ้นดาด เป็นหมูกะทะของประเทศลาว ร้านนี้เป็นอีกร้านขึ้นชื่อ คนกินเยอะทีเดียว ใครสนใจลองหมูกะทะแบบลาว ลองแวะมาชิมกันได้นะครับ
4. จำปาลาว บังกะโล (อาหารไทยรสจัด - กาแฟสด)
ใครที่ไม่ได้พักที่นี่ สามารถมาสั่งอาหาร และเครื่องดื่มนั่งชมวิวสวยๆ ได้เหมือนกัน ที่นี่มีอาหารไทยรสจัดถูกปากคนไทย หรือจะสั่งกาแฟมานั่งจิบชิวๆ ชมวิวภูเขา โชคดีอาจได้เห็นบอลลูนลอยผ่านยิ่งฟินสุดๆ
5. ร้านแซนวิส - โรตี
ตั้งขายอยู่เป็นแถวเรียงกันหลายร้านเลยครับ มี 2 จุดใหญ่ อยู่ริมถนนทางไปสะพานริมแม่น้ำ กับด้านหน้าวัดราคาก็มีให้เลือกแล้วแต่ว่าอยากใส่อะไรบ้าง ที่วังเวียงนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นเกาหลีกับไทย จะเห็นได้จากป้ายต่างๆจะมีภาษาเกาหลีกันเกือบทุกร้านเลยก็ว่าได้
6. ร้านหลวงพระบาง
ขนมของร้านหลวงพระบาง หน้าตาน่าทานมากครับ แต่ละชิ้นใหญ่อลังการ ร้านนี้เป็นอีกร้านที่ขึ้นชื่อของวังเวียงมีนักท่องเที่ยวแวะมานั่งทานกันเยอะมาก
7. Eat me @ Vang Vieng
ร้านนี้อยู่ตรงข้ามกับร้านหลวงพระบาง ขายสมูทตี้ ไอศครีม เราอยากหาอะไรเปรี้ยวๆ ทานให้สดชื่นหน่อย ตอนแรกเล็งไอศครีมสตอเบอรี่กับฟรุ๊ดสลัด แต่พอดีหมด เลยเปลี่ยนมาเป็นสตอเบอรี่สมูทตี้แทน รสชาติเข้มข้นดีครับ มีโต๊ะให้นั่งเล่นชิลๆ ด้วย
8. Holly Cafe @ Vangvieng
ร้านคาเฟ่น่ารักๆ อยู่ในตัวเมืองวังเวียง ระหว่างเดินกลับที่พักเลยแวะมานั่งเล่นถ่ายรูป กินโกโก้ร้อนก่อนนอน ที่นี่ยังมีทัวร์บริการด้วยนะครับ
9. ร้านขายอาหารในตลาด
ร้านจะอยู่ใกล้ๆกับตลาดเช้า ใส่บาตรเสร็จก็สามารถแวะไปทานได้เลย อาหารก็มีให้เลือกหลากหลายครับ ทั้ง เฝอ ข้าวเปียก ข้าวต้ม ปาท่องโก๋ ให้เลือกทานกันยามเช้า
ถ้าใครมีเวลาว่างก็สามารถเดินเล่นรอบๆเมืองวังเวียงได้นะครับ อดิลองรวบรวมบรรยากาศภายในเมืองวังเวียงมาให้เพื่อนได้ชมกัน เผื่อเป็นไอเดียในการมาเที่ยว การเดินเที่ยวชมวิถีชีวิตของคนวังเวียง ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมและประสบการณ์ใหม่
ช่วงเช้าจะมีพ่อค้าแม่ค้ามาปูขายของกัน 2 ข้างทาง ทั้งผัก ของป่า และอาหารพื้นเมือง
เดินเล่นไปก็เจอบอลลูนลอยอยู่เลยรีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย เราเดินต่อไปชมสะพานข้ามแม่น้ำซองยามเช้า
เจอบอลลูนอีกแล้วรอบนี้ลอยเหนือแม่น้ำเลยสวยมาก
เราเดินกลับไปที่พักเตรียมเก็บกระเป๋ารอรถมารับที่หน้าโรงแรมไปส่งที่สถานีขนส่งเมืองวังเวียง
พระอาทิตย์เริ่มส่องแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็ใกล้ถึงเวลากลับละ ยังไม่อยากกลับเลย
พอถึงที่สถานีขนส่งเราก็เอาใบที่เราจองตั๋วไว้ เพื่อไปแลกเป็นตั๋วขึ้นรถโดยจะเปลี่ยนเป็นตั๋วระบุที่นั่ง
ได้ตั๋วพร้อมออกเดินทาง แต่ใจยังอยู่ที่วังเวียงอยู่เลย อยากเที่ยวต่อ
ขากลับเราขึ้นรถของ บขส. เป็นรถของไทย โดยรถจะไปแวะพักให้เราทานอาหารกันที่ร้านเดิมตอนขามา ใครที่มีเงินกีบเหลือจะแลกคืนที่นี่ก็ได้นะครับ ขากลับเราซื้อกาแฟดาวมา ราคา 25,000 กีบ
ขั้นตอนการเข้าเมืองขาเข้า
ก่อนรถจอดให้เตรียมใบ ตม. ขาออก กับพาสปอร์ตไว้ ใครทำหายให้ขอกับพนักงานรถแล้วกรอกไว้เลย
พอถึงด่านฝั่งลาวก็ไปต่อแถวเหมือนขามาครับถือพาสปอร์ตพร้อมใบตม.ขาออก จากนั้นก็ต้องไปต่อแถวซื้อ One Way Ticket รอบนี้ราคา 50 บาท
ใช้พาสปอร์ตในการซื้อด้วยนะครับ
ได้มาแล้วก็ไปสอดช่องเหมือนขามาแล้วรีบกลับไปขึ้นรถเพื่อนข้ามกลับไปฝั่งไทย
ถึงฝั่งไทยพนักงานจะให้เราเอากระเป๋าเดินทางของเราลงมาเพื่อผ่านเครื่องสแกนตรวจสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นก็ไปต่อแถวเพื่อประทับตราเข้าประเทศ
จากนั้นก็มารอขึ้นรถกลับไปอุดรธานี
ใครที่เดินทางโดยเครื่องบินก็จะมารอขึ้นรถกันตรงนี้
ยินดีต้อนรับกลับสู่ประเทศไทย แต่ทริปของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเราจองรถขากลับไว้ตอน 21.45 เลยมีเวลาเดินเที่ยวในเมืองอุดรธานีอีกหลายชั่วโมงเลยเซิสหาที่เที่ยวใกล้ๆ บขส. กันต่อ
ถึงสถานีขนส่งอุดรธานี จะมีรับ-ฝากกระเป๋าส ราคาใบละ 20 บาท ฝากได้ถึง 4 ทุ่ม ตามมาดูกันดีกว่าว่าใกล้ๆ บขส. อุดรธานี มีอะไรให้เราไปเที่ยวบ้าง
1. ศาลปู่-ย่า อุดรธานี
เหมาตุ๊กๆ ราคา 100 บาท มาส่งถึงที่ เราเดินไปไหว้ศาลปู่-ย่าเพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อน
ช่วงนี้เป้นช่วงจัดงานพอดีเลยมีการตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม จากนั้นเราเดินต่อไปเที่ยวชมศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี
สามารถให้อาหารปลาคราฟได้ด้วย ที่นี่ปลาคราฟเยอะมากๆ
ใครอยากเช่าชุดแบบจีนๆใส่ถ่ายภาพที่นี่ก็มีด้วยนะ
2. UD Town
เราเดินออกมาทางประตูด้านข้างและข้ามทางรถไฟมานิดเดียวก็ถึง UD Town มีของกิน ร้านอาหารให้เราเลือกเดินช็อป ชิม ชิล มาดูบรรยากาศกันดีกว่า
แวะมาชิมถั่ว 5 สีปั่น เจ้าแรกในอุดร ขายอยู่หน้าตลาด UD Town
ได้แล้วครับอร่อยดีครับ ไม่หวานมาก
3. Gooddays Cafe
ตั้งอยู่ริมถนนเดินจาก UD Town แล้วเลี้ยวซ้ายไปทาง Central เราเดินผ่านแล้วเห็นร้านตกแต่งน่ารักดีเลยแวะเข้าไปสั่งสมูทตี้ทานสักหน่อย ที่นี่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน และจะมีห้องพักให้เช่าด้่วยอยู่ด้านบน 2 ห้องเท่านั้น
4. หอยทอดเจ้ฮวย
ร้านนี้อยู่ใกล้ๆกับ บขส.อุดร เลยครับ มีเมนูน่าทานเยอะมากๆ ทั้งหอยทอดกรอบๆ ออส่วน กุ้งปลาหมึกใส่มาแบบเน้นๆ เราเลยขอแวะชิมสักจานอร่อยดีครับ
5. Central Plaza Udonthani
หลังจากถ่ายรูปกับต้นคริสมาสหน้าห้างเซ็นทรัลเรียบร้อยเราก็เดินกลับไปที่ บขส. เพื่อเอากระเป๋าและเตรียมตัวขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ เราขึ้นรถเวลา 21.45 น. รถเดินทางถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 05.30 น. เป็นอันจบทริปวังเวียงของเรา ทริปของอดิอาจจะไม่ใช่ทริปที่ถูกมาก เพราะเราเน้นเลือกที่พักที่บรรยากาศดี กินถูกบ้างแพงบ้าง เลยอาจจะทำทริปของเราสูงกว่าคนอื่นบ้างแต่รับรองคุณภาพคุ้มราคาแน่นอน
สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ค่ารถ
นครชัยทัวร์ กทม.-อุดร สมาชิก ลด 5 % = 605 บาท
นครชัยทัวร์ อุดร-กทม. สมาชิก ลด 5 % = 454 บาท
รถบขส. อุดร-วังเวียง = 320 บาท
รถบขส. วังเวียง-อุดร = 360 บาท
รวมค่าตั๋วรถ = 1,739 บาท
ค่าห้องพัก
จำปาลาว บังกะโล 1,200 บาท / 3 คน = 400 บาท/คืน x 2 คืน = 800 บาท
ค่ากิน/ค่าทัวร์/ค่าธรรมเนีบมต่างๆ
ในนี้มีค่าทัวร์ 110,000 กีบ = 440 บาท
รวมค่ากินและใช้จ่ายกินแบบเต็มที่ = 1,895 บาท
รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณของทริปนี้ = 4,434 บาท
ทริปนี้ขอรีวิวแบบละเอียดหน่อยนะครับ เพราะว่าไปแล้วมีมุมที่อยากแชร์ให้เพื่อนที่มีแผนไปเที่ยววังเวียง อ่านแล้วได้ข้อมูลเยอะที่สุดจะได้เตรียมตัวจัดทริปกันได้ง่ายขึ้น ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ด้วยนะครับแล้วพบกันใหม่ทริปหน้านะครับ แล้วตามมาเป็นเพื่อนเที่ยวไปกับอดินะครับ
เพื่อนที่เข้ามาอ่านแล้วชอบฝากเข้ามากดถูกใจเพจผมได้ที่นี่เลยครับ >> ChillWithAdi
แล้วมาเป็นเพื่อนเที่ยวไปกับอดินะครับ
#chillwithadi
#อดิพาชิล
อดิพาชิล
วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.59 น.