จาก EP 1 ที่เราได้เดินเล่นซึมซับบรรยากาศวิถีชีวิตที่ยังคงรักษาไว้เหมือนในอดีต ที่ ถนนคนเดินเชียงคาน

หลังจากกลับมาที่พักเราก็ปรึกษาป้าเจ้าของที่พักว่าที่ไหนสวย ไม่ไกลจากแถวนี้บ้างไหม ป้าแนะนำเราดีมาก ป้าจัดการลิสมาเลย แถวเขียนแผนที่ให้เราอีก ที่ที่เราสามารถไปได้ให้ทันกลับกทมในช่งสายก็มี ภูทอก แก่งคุดคู้ วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน ตามเราไปกันเล๊ยย

ติดตามพูดคุยกันได้ที่ http://www.facebook.com/seasonjourney

วันรุ่งขึ้น เราตื่นแต่เช้า ออกเดินทางจากที่พัก ประมาณ ตีห้า แว๊น! ท่ามกลางอากาศหนาวและน้ำค้างคนเดียว ผ่านความมึดมุ่งหน้าไป ภูทอก ด้วยความหวังว่าจะเจอทะเลหมอกน้า ตลอดทางที่ขี่ไป จะมีรถยนต์ขับแซงเราไปบ้าง มีสกายแลปที่นักท่องเที่ยวเค้าเหมามาบ้าง บางช่วงก็ไม่มีใครเป็นเพื่อนเลย ว๊ากกกก มุ่งหน้ามุ่งตา แว๊นต่อคนถึงตีนภูทอก

เราฝากรถกับร้านข้าวร้านหนึ่งที่ป้าเจ้าของที่พักรู้จัก ไม่เสียงดัง หุหุ

แล้วรีบเดินไปต่อแถวขึ้นรถสองแถวต่อไปบนภู ราคาไม่น่าจะเกิน 30 บาท ต่อคน จ้า

น่าจะประมาณ 5 นาที เราก็ขึ้นมาถึงข้างบนภูทอกแล้ว สิ่งที่ปลื้มที่สุดคือ "ทะเลหมอก" วันนี้เราโชคดีมากเลยอ่ะ บางคนบอกต้องขึ้นมาตั้งหลายรอบกว่าจะเห็น ใครมาก็ลองเช็คสภาพอากาศกันน้า จะได้ไม่เสียเที่ยว

ภูทอก จุดชมวิวทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเชียงคาน มีลักษณะเป็นภูเขาสูง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บนยอดภูเป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมเชียงคาน และเป็นจุดชมวิวทิวทิวทัศน์ที่สวยงามของอำเภอเชียงคานและลำน้ำโขงได้โดยรอบ


วันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะมากเลยทีเดียว มีคนจับจองถ่ายภาพ

และบางส่วนรอดูพระอาทิตย์ขึ้นเป็นแสงวันใหม่ของวันนี้อย่างเช่นเรา

เราถ่ายภาพนั่งมองธรรมชาติไปเรื่อยๆ จนท้องฟ้าเริ่มมีแสงขึ้นมา มันสวยๆมากเลย บรรยากาศโคตรโรแมนติก


ในที่สุดพระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะมาดุพระอาทิตย์ขึ้นที่มุมๆนี้

หลังจากเราซึมซับบรรยากาศไปแล้วก็เริ่มหิว และยังต้องทำเวลาไปที่อื่นอีก เราเลยลงจากภูทอกก่อน มีโอกาสต้องมาที่นี่อีกแน่นอน

ข้างล่างมีของขาย อาหาร ของที่ระลึก มากมาย

บรรยากาศของร้านค้าต่างๆตกแต่งตามวิถีชีวิตของคนที่นี่ พ่อค้าแม่ค้าใจดีมาก อาหารราคาไม่แพง บางอย่างเป็นของท้องถิ่นก็มี

น้ำจิ้มซีฟู้ดของคุณลุงท่านนี้อร่อยมาก

เราแวะอุดหนุนร้านข้าวต้มเลือดหมูที่เราฝากรถ อร่อยมาก ไดซดน้ำซุปร้อนๆกับบรรยากาศหนาวๆแบบนี้ มันเข้ากันจริงๆ


วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ยังดำเนินไปตามที่มันเคยเป็น ไม่มีการปรุงแต่ง แม้ที่นี่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากก็ตาม เสียงดนตรี เสียงหัวเราะ ยังเกิดขึ้นเสมอ

ใครมีโอกาศมีเชียงคานสามารถเหมารถสกายแลปของลุงๆขึ้นมาได้ หรือ จะเช่ารถจากถนนเชียงคานแว๊นมาแบบเราก็ได้เหมือนกันนะค่ะ

หลังจากหนังท้องตึงแล้วเราก็แว๊น ต่อกันเลย เป้าหมายใหม่เราคือ "แก่งคุดคู้" และเราต้องไปให้ทันถ่ายรูปพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นที่นั่นเหมือนกัน รออะไรรีบแว๊น! หน้าชา กันใน EP ถัดไปเลยจ้า

ติดตามพูดคุยกันได้ที่ http://www.facebook.com/seasonjourney

ความคิดเห็น