ครั้งนี้เรากลับมาเสนอทริปที่ดองไว้นานตั้งแต่มีนาคม จนลืมรายละเอียดไปแล้วเนี่ยยยย ครั้งนั้นก็เป็นทริปอาจจะเรียกได้ว่า "มินิมาราธอน" ก็เป็นได้นะ เพราะเป็นทริปแบบสองประเทศ

คือเราไม่ได้ตั้งใจจะไป เวียดนาม โดยตรง และเป็นครั้งแรกที่เราได้ไปเยือนประเทศเวียดนาม แต่จุดมุ่งหมายของเราคือ ประเทศไต้หวัน

เราเลือกเดินทางโดยสายการบิน Vietnam airlines สายการบิน full service ของเวียดนาม

ที่ต้องไป STOP ที่ประเทศเวียดนามก่อน

--------------------------------------------

ราคาตั๊วไป-กลับ: สายการบิน Vietnam airline กทม-ไทเป ในตอนนั้นเราจองได้ประมาณ 9500 บาท กว่าๆ

ทำให้เรามีเวลาหลายชั่วโมงเลยในการเก็บภาพวิถีชีวิตของคนเวียดนามในเมืองหลวงอย่างโฮจิมินห์

ป.ล. สามารถเลือกเที่ยวบินแบบไม่ STOP นานได้เน้อ ส่วนเราเลือก STOP ประมาณ 10กว่า ชั่วโมงได้นะ ถ้าเราจำไม่ผิด

ตามมาดูกันเลยว่าการ STOPOVER ในระยะเวลาที่จำกัดครั้งนี้ของเราจะได้อะไรมาบ้าง

ติดตามพูดคุยให้กำลังใจกันได้ที่ http://www.facebook.com/goalongtime

#goalongtime #Hochiminh #vietnam

นครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City) หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า "ไซง่อน" (Saigon) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเคยเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส มีการขยายวัฒนธรรมเข้ามาสู่โฮจิมินห์ในช่วงนั้น ตึกและอาคารสำคัญต่าง ๆ ถูกสร้างขึ้นในสไตล์โคโลเนียล ทำให้เมืองทั้งเมืองมีบรรยากาศคล้ายกับยุโรป

ภาษาราชการ: ภาษาเวียดนาม

ภูมิอากาศ: มี 2 ฤดู คือ ฤดูฝน พ.ค.-พ.ย. และ ฤดูแล้ง ธ.ค.-เม.ย.

ค่าเงิน: ดอง (VND)

การเดินทางไปเมืองโฮจิมินห์

1. เครื่องบินใช้เวลาโดยประมาณ 1 ชม.ครึ่ง มีทั้ง Full service และ Low cost

2. รถยนต์-รถทัวร์ โดยเดินทางผ่านด่านปอยเปญสู่พนมเปญ ประเทศกัมพูชา แล้วต่อเข้าเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม

เราเดินทางด้วยเครื่องบิน ประมาณบ่ายโมงกว่าเราก็มาถึงประเทศเวียดนาม นี่เป็นครั้งแรกของเราเลย

เดินออกมานอกอาคาร จะเจอกับมวลมหาประชากรที่มารอรับญาติพี่น้อง ตอนเดินออกมารู้สึกเป็นซุปตามากอ่ะ มีญาติของคนอื่นแบบถือดอกไม้เป็นช่อๆยืนรอ สองข้างทาง ตาทุกคนเป็นประกายจับจ้องมาที่ประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้า แบบเหมือนจะเจอคนที่รอแล้วโว๊ย ไรประมาณนั้น

เดินไปก็เขิลไป(อยากรู้เป็นไงต้องไปลอง)

คำถามต่อไปเราจะเข้าเมืองกันยังไงดี เราก็อ่ะ เริ่ม search หาจากอากู๋ ณ ตอนนั้นเลย ที่สนามบินมีแท็กซี่บริการ (น่าแพงและโดนฟันหัวแบ๊ะ ไม่ไป) มีรสบัสเข้าเมือง เข้าเมืองราคา 5000 VND แน่นอนที่สุดเราเลือกทางนี้ มองหาได้ไม่ยากเดินออกจากอาคารโดยสาร หันไปทางด้านขวา นั่งไปประมาณ 30-40 นาที ก็ถึงจุดจอดรถบัสคล้ายๆแบบอู่รถยังงั้น

ระหว่างนั่งบนรถเราก็ได้ search หาที่เที่ยวแล้วล่ะ เราก็เริ่มออกเดินตาม Google map เลย


ตอนนี้แหละที่เราจะเห็นความวุ่นวายบนท้องถนน รถมอเตอร์ไซต์เยอะสมคำร่ำรือ และเสียงบีบแตรส่งเข้าไปในรูหูทั้งสองข้าง (คือทุกคนไม่เบรก แต่ทุกคนจะบีบแตรใส่กันให้หลีก) นึกภาพตัวเองขับมอเตอร์ไซต์ที่นี่ไม่ออกเลยอ่ะ เหวอไปช่วงนึกเลย กุมขมับแปป



รวบรวมสติแล้วเดินต่อไป


เมื่อรอดชีวิตจากการเดินผ่านถนนสี่แยก ห้าแยก หกแยก นั้นได้แล้ว

เราก็มาถึงตลาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง คือ "Ben Thanh Market"

Ben Thanh Market

ที่นี่เป็นตลาดท้องถิ่นขนาดใหญ่ใจกลางเมืองโฮจิมินห์ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โคโรเนียล ด้านในมีร้านค้ามากมายจำหน่ายสินค้าหลากหลายชนิด ทั้งผัก-ผลไม้ท้องถิ่น อาหารพื้นเมือง สินค้าพื้นเมือง สินค้าหัตถกรรมและสิ่งทอ เครื่องประดับ ของที่ระลึก และอื่น ๆ อีกมากมาย อยากได้ของฝากเวียดนาม ต้องมุ่งตรงไปที่นี่เลย

ต้อนรับเราด้วย ป้าคนนี้เลยจ้า

เราเดินไปรอบๆตลาด พยายามเก็บภาพวิถีชีวิตของคนไซ่ง่อนให้ได้มากที่สุด

จากนั้นเราออกมุ่งหน้าเดินไปที่โบสถ์นอร์ทเธอดาม

เดินไปเรื่อยๆ ข้ามถนน โปรดระมัดระวังด้วยน้า ดูจากจำนวนรถมอเตอร์ไซต์ที่จอดตามซอกซอยก็พอจะเดาออกว่ารถบนถนนมันจะเยอะแค่ไหนนนนน

ความยุ่งเหยิงในการขับรถ คนขับก็มึนคนเดินอย่างเรายิ่งมึน

เดิน เดิน เดิน มาเรื่อยๆ เราก็ถึงแล้ววว โบสถ์นอร์ทเธอดาม

เห้อ! เหงื่อท่วมดี ท่ามกลางอากาศร้อน เราพยายามยิ้มสู้

Notre-Dame Cathedral Basilica of Saigon

โบสถ์แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม โดยในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมาย ลักษณะของตัวโบสถ์เป็นรูปแบบของสมัยอาณานิคม มีหอคอยคู่สี่เหลี่ยมอยู่ด้านหน้าสูง 40 เมตร เป็นเอกลักษณ์ที่แสนสง่างามของโบสถ์แห่งนี้ ด้านหน้าโบสถ์มีรูปปั้นขนาดใหญ่สีขาวเด่นเป็นสง่าของพระแม่มารี สร้างในช่วงปลายปี ค.ศ. 1880 มีสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ ออกแบบโดย J. Bourard สถาปนิกชาวฝรั่งเศส

เราเดินข้ามถนนไปชมโบสถ์

เราสามารถไปเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ช่วงเช้าวันอาทิตย์จะมีพิธีกรรมทางศาสนา ควรแต่งกายสุภาพในการเข้าชม

ด้านหน้าของโบสถ์มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันมากมาย

ด้านหน้าของโบสถ์มีบริการรถสามล้อให้สำหรับนักท่องเที่ยว ใครอยากใช้บริการ ราคาเท่าไหร่ก็ตกลงกันดีๆน้า

มองข้ามไปอีกฝั่งของถนนจะเจอไปรษณีกลาง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์นอร์ทเธอดาม (ข้ามถนนก็ถึงเลย)


เดินข้ามไปกันเลยดีกว่า



Saigon Central Post Office

เป็นที่ทำการไปรษณีย์ที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ใกล้กับ Notre-Dame Cathedral Basilica of Saigon ออกแบบโดย Gustave Eiffel ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ด้านในมีการออกแบบอย่างสวยงาม โครงสร้างหลังคาโค้ง เพดานสูง เราสามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ พร้อมทั้งสามารถส่งไปรษณีย์ ซื้อแสตมป์เก่าและของที่ระลึกต่าง ๆ ได้อีกด้วย เปิดให้เข้าเที่ยวชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น.


ลุงคนนี้เราก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครเหมือนอ่ะ แต่นักท่องเที่ยวเข้าไปคุยกับลุงหลายคนเลย และลุงก็มีท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นเจ้าบ้านที่ดีมากๆเลย


ที่นี่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเยอะเลย ส่วนใหญ่ก็มาซื้อโปสการ์ดแล้วส่งไปให้ใครตามสะดวกใจจ้า เราก็เขียนโปสการ์ดส่งกลับมาไทยเหมือนกัน ราคาไม่แพงด้วยเน้อ ใครมาโฮจิมินห์ก็อย่าลืมมาที่นี่กันน้า

ออกมาข้างนอกมีของขายอยู่พอสมควร อย่างลุงคนนี้โชว์สกิลแบกของบนศรีษะ ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากเลยทีเดียว

มีคู่รักมาถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย น่ารักมากเลย

ไปไหนชอบเจอแบบนี้อ่ะ แล้วก็ไม่วายต้องเก็บภาพมาตลอด

เอาจริงเจอเกือบทุกทริปเลยก็ว่าได้ ...

เราเดินต่อไปเรื่อยๆตามถนน เริ่มไม่มีจุดหมายล่ะ


ป้ากำลังมึน กับจำนวนรถที่แล่นขวักไขว่ไปมาเหมือนเราไหม

เราเดินไปเรื่อยๆจนเจอสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง

ที่นี่มีหนุ่มสาวมานั่งพักผ่อน เดินเล่น อยู่มากเลย แถวนี้มีอาหารขายอยู่โดยรอบ

Independence Palace "ทำเนียบอิสรภาพ"

ในอดีตเคยเป็นที่ทำการของรัฐบาลท้องถิ่น หรือที่เรียกว่าทำเนียบอิสรภาพ (Independence Palace) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962-1966 ที่นี่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ด้านในตกแต่งอย่างสวยหรู โอ่อ่า แบ่งเป็นห้องต่าง ๆ อย่างชัดเจน เช่น ห้องของประธานาธิบดี, ห้องรับรองแขก, ห้องประชุมของรัฐมนตรี เป็นต้น ทั้งนี้สามารถขึ้นไปชมลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนดาดฟ้าได้อีกด้วย

อ่านหนังสือนอกบ้าน ชิล ชิล

เห็นแล้วอมยิ้มเลย

ที่นี่มีบุฟเฟ่หมูกระทะด้วย ไว้มาครั้งหน้าต้องลองสักหน่อยล่ะ

เดินมาเรื่อยๆ เราก็กลับมาที่ Ban Thanh Market ที่เดิม เพื่อขึ้นรถกลับสนามบิน

เรามีเวลาเก็บภาพอีกสักพักก่อนจะตกเย็น

ร้านซ่อมรองเท้า ที่ช่างทั้งหลายดูตั้งใจทำมากๆ อยู่ตามทางเท้าสองข้างทาง หลายร้าน




ผู้คนที่นี่ดูมีความสุขกับวิถีชีวิตที่เรียบง่าย


ชิล ชิล บน รถ


ใครมีแพลนจะมาเที่ยวที่นี่ก็ต้องระวังรถกันหน่อยเน้อ ที่นี่ใช้รถมอเตอร์ไซต์กันแบบเนืองแน่นมากกกกกก ถึงมากที่สุด แบบเราเดินบนทางฟุตบาทสำหรับเดินแล้วนะ ยังไม่วาย จ่อตูดติดๆ ที่สำคัญก็แค่มีสติ อย่าเหม่อ ล่องลอย


ถ้าไปตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ แนะนำว่า เดินเที่ยวสนุกกว่า เพราะจะได้เห็นสถาปัตยกรรม เห็นการใช้ชีวิต เห็นวัฒธรรมของชาวไซ่ง่อน และสถานที่ท่องเที่ยวไม่ได้ไกลกัน ดูแผนที่แล้วสามารถเดินจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ รับรองว่าไม่หลงแน่ๆ


เรากลับรถบัสสายเดิม ไม่นานก็ถึงสนามบินแล้วจ้า แต่ความมาราธอนก็ยังไม่หมด

คืนนี้เราต้องนอนที่สนามบินนี้เพื่อรอขึ้นเครื่องอีกที่ประมาณ ตี4-5

นั่งๆนอนๆไป ในสนามบินมีร้านอาหาร ก๋วยเตี๋ยวเวียดนามอร่อยมากกก ต้นตำหรับต้องมาลองทานกันให้ได้ เราก็นั่งๆเล่นไปเรื่อยจนเริ่มดึก เอ้อ ก็ไม่ได้คิดอะไร

พอเริ่มดึกๆ ๆ ๆ เรานั่งอยู่ดีๆ ไฟดับ ไม่ใช่สิ! เค้าปิดไฟ อ๊ากกกก ไม่เคยเจอสนามบินที่ไหนปิดไฟเลยอ่า ปิดทั้งสนามบิน ในใจ ตายห่าแล้วกรู! คนหายไปไหนหมดว่ะเนี่ยยย

พยายามหาที่ๆ safe ที่สุด แล้วนอน ดีนะ มีนักท่องเที่ยวแบคแพคหนึ่งคนนอนบนโต๊ะ ไม่ไกลจากเรา นึกในใจ เกิดไรก็คงขอความช่วยเหลือเค้าได้น่า

เราหลับๆตื่นๆ จนถึงเวลาขึ้นเครื่อง มีความมึนหัวสุดยอดดดด แต่อึดใจเดียวเราก็จะถึงไต้หวัน แล้ววว ไปฝากท้องบนเครื่องบินเอาแล้วกัน

**สายการบิน Vietnam airline บริการดีมาก อาหารอร่อย ที่นั่งกว้าง แนะนำเลย

trick สำหรับการมาเที่ยวโฮจิมินห์

1. มีสติ สติจงอยู่กับเจ้า เดินระวัง รถมอเตอร์ไซต์มีเป็นล้านนนน

2. ทำใจให้ชินกับเสียงแตรรรรร ยุบหนอพองหนอ!

3. แนะนำให้เดินเที่ยว เพราะสถานที่แต่และที่ไม่ไกลกันเลย จะได้ซึมซับบรรยากาศ วิถีชีวิตของคนที่นี่ แม้อากาศจะร้อนสักหน่อยแต่มันคุ้มมากๆเลย

4. เปิดใจ คิดในแง่บวกอยู่เสมอ

เวียดนามประเทศเพื่อนของไทย สามารถเดินทางไปได้สะดวก ใครมีเวลาน้อยก็มาเที่ยวได้ ยังมีสถานที่อีกหลายที่ ที่รอนักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม อย่าเพิ่งปิดกั้นความคิดเดิมๆว่า มาที่นี่แล้วต้องโดนโกงไรงี้

เราว่าทุกที่มีอันตรายทั้งนั้น จงเปิดใจ ระวังตัวอยู่เสมอ แล้วคุณจะพบเสน่ห์ของการเดินทางอย่างแท้จริง

ติดตามพูดคุยให้กำลังใจกันได้ที่ http://www.facebook.com/goalongtime


ความคิดเห็น