ตามหาความสุขที่ "ปลายทาง"


ภูเขาแห่งทุ่งข้าว "บ้านป่าบงเปียง"&"ใจกลางขุนเขา ดอยอินทนนท์ " บ้านแม่กลางหลวง"

การเดินทางครั้งนี้ก็ยังคงอยู่กันที่ "เชียงใหม่" เมืองน่ารัก และฉันรักด้วย ได้เดินทางไปตามหานาขั้นบันไดในช่างกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นาข้าวกำลังออกรวงเริ่มจะสีทองสลับสีเขียว ได้ใช้เวลาในการออกตามหาความสุขครั้งนี้ 2 คืน 3 วัน ณ "บ้านป่าบงเปียง" & "บ้านแม่กลางหลวง"


วันที่ 1


วันที่ 1 เริ่มต้นกันที่การเดินทางจากเมืองเชียงใหม่ - ไปสู่ดอยอินทนนท์ คืนแรกจะพักกันที่ "บ้านป่าบงเปียง" โดยครั้งนี้ได้เช่ารถยนต์เมื่อนัดรับรถกันเสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปสู่ อ.จอมทอง จากนั้นก็เลี้ยวขึ้นดอยอินทนนท์ขับไปเรื่อยๆ พวกเราไม่รีบมากก็เลยขึ้นไปเที่ยวชมยังจุด "ยอดดอยอินทนนท์" สูงสุดแดนสยาม กันก่อนเพราะนี้เป็นการมาดอยอินทนนท์ครั้งแรก

มาถึงกันแล้วจร้า "ยอดดอยอินทนนท์" ที่เขาว่ากันว่าชมป่าดิบดึกดำบรรพ์ สภาพอากาศที่หนาวเย็นและชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี ลงจากรถปุ๊บรู้สึกหนาวเย็นกันเลยในเดือนตุลาคมนี้เอง

ระหว่างเดินก็จะเจอกับ เฟิร์นและพืชอิงอาศัย ชนิดอื่น ๆ ขึ้นปกคลุมตามลำต้นอย่างหนาแน่น ได้สัมผัสธรรมชาติที่แท้จริงของภูเขาที่สูงที่สุดของประเทศ

นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานกู่พระอัฐิของพระเจ้าอินทวิชานนท์ ผู้ครองเชียงใหม่องค์ที่ 7 และเป็นที่ตั้งของสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทย ช่วงที่ไปกลางเดือนตุลาคม อากาศจะอยู่ 11 องศา พร้อมกับสายฝนพร่ำตลอด


ก็ถึงเวลาลงจากยอดดอยอินทนนท์ไปยัง "บ้านป่าบงเปียง" อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่ตั้งของนาขั้นบันไดที่สวยงามสุด ๆ อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยใช้เส้น จากฝั่งดอยอินทนนท์ขับไปจนถึงด่านของอุทยาน เลี้ยวไปยังทางแยกที่จะไปอำเภอแม่แจ่ม ก็ใช้เวลาพอสมควรในการเดินทาง พอเริ่มมืดก็เริ่มกังวลว่าจะหลง ก่อนเดินทางได้โทรจองที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว ช่วงนั้นถ้าใครจะไปก็ควรจองไว้ก่อนเพราะเต็มทุกโฮมสเตย์เลย "บ้านเลข่อทิ วิว โฮมสเตย์" จองได้ที่นี่ พี่นาน่ารักมากเลย จะโทรหาพี่นาตลอดเส้นทางว่ามาถูกทางมัย เพราะขับรถไปถึงที่พักได้เลย


มาถึง บ้านเลข่อทิ วิว โฮมสเตย์ ประมาณ 1 ทุ่ม มืดพอดีเลย ที่นี้จะไม่มีไฟฟ้านะจร้า มาถึงพี่นากับพี่ชายบริการดีมาก ช่วยขนของกันและได้เตรียมมื้อค่ำไว้ให้เรียบร้อย


ดินเนอร์สำหรับมื้อนี้ อร่อยที่สุดกับอากาศหนาว ชิลๆคูลๆ กันไป


อาบน้ำท่ามกลางหมู่ดาวและอากาศที่เย็น


เหนื่อยกันมาทั้งวันก็ได้เวลาเข้าห้องนอนกันแล้ว พรุ่งนี้พี่นาจะมารับขึ้นไปทุ่งนา "บ้านป่าบงเบียง" เพราะที่นี่ จะอยู่ที่หมู่บ้านตีนผา ใกล้นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง เพียงแค่ 2 กม.


วันที่ 2


เช้าวันที่ 2 หน้า"บ้านเลข่อทิ วิว โฮมสเตย์" ก็จะเห็นบ้านป่าบงเบียงไกลๆๆ นั้นแหละที่จะนั่งรถของพี่นาไปกัน




ในที่สุดก็ได้มายืนจุดตรงนี้ตามที่ตั้งใจไว้จริงๆๆ สวยงามมากธรรมชาติที่นี้


มีวิถีชีวิตชาวบ้านที่เรียบง่าย ที่นี่มันอยู่บนเขา มีวิวภูเขาเป็นฉากหน้า มีหมอกสวย ๆ ให้ได้ชมทุกวัน มีอากาศดี ๆ เย็นสบาย เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วก็อดใจไม่ไหวต้องไปตามหา "ความสุข" แต่ถ้าจะให้ชิลที่สุดสำหรับการมาเยือนที่นี่ คือการเข้ามานอนโฮมสเตย์ริมคันนา ค้างสัก 1 คืนกำลังดี



เดินเล่น วิ่งเล่น ตามคันนา ได้ดั่งสมใจอยากแล้วก็กลับมาที่พัก มาถึงพี่นาก็เอาปิ่นโตอาหารเช้ามาเตรียมไว้ให้แล้ว

เป็นเงิน500บาทที่คุ้มค่ามากอะ ที่พัก พร้อมอาหาร 2 มื้อ (มื้อเย็น และ มื้อเช้า)

จากนั้นก็ได้บายๆๆ บ้านเลข่อทิ วิว โฮมสเตย์ บ้านตีนผา ไปต่อคืนนี้ที่บ้านแม่กลางหลวง

ก่อนจะลงไปบ้านแม่กลางหลวงก็ขึ้นไปยัง "พระธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ " เพราะเมื่อวานไม่ได้แวะรีบไปแม่แจ่มก่อน วันนี้ได้แวะแล้วนะ

พระธาตุนภเมทนีดล และพระธาตุนภพลภูมิสิริ มีความหมายว่า "เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งแผ่นดิน"

สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างชัดเจน พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้ มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือ มีฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปบูชา บริเวณโดยรอบมีสวนดอกไม้ที่ลปูกบนที่ราบสูง สำหรับผู้สูงอายุก็สามารถขึ้นไปเยี่ยมชมได้ เพราะมีบันไดเลื่อน สะดวกมาก

วันนี้ฝนตกเลยไม่ได้ชมทั่วๆ ได้มานั่งจิบกาแฟรอฝนซาจะเดินลงไปที่รถ


สถานีเกษตรอินทนนท์ ตั้งอยู่ในบริเวณดอยอินทนนท์

สถานีเกษตรอินทนนท์ ตั้งอยู่ในบริเวณดอยอินทนนท์ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย เป็นสถานีวิจัย ดอกไม้เมืองหนาว พรรณไม้ที่ปลูกมากที่สุด คือเบญจมาศ เพราะมีสีสันสดใส ที่สวน 80 พรรษาจะมีดอกไม้สวยๆ ให้ได้เดินเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี เพราะว่าอากาศที่นี่จะเย็นสบายตลอดทั้งปี

เดินไปดูหงส์ดำ ที่พี่เบิร์ดเค้านำมามอบให้ไว้ที่นี่ ตอนแรกเอามาให้ไว้ 2 ตัว ตอนนี้ขยายพันธ์กลายเป็น 5-6 ตัวแล้วล่ะ


ดอกกุหลาบนานาสายพันธุ์ และไม้ดอกอื่นๆ


"แม่กลางหลวง"

อีกหนึ่งสิ่งที่เมื่อมาดอยอินทนนท์ช่วงนี้ ไม่ควรพลาดช่วงฤดูกาลของการทำนาแบบขั้นบันได ของชาติพันธุ์ปกาเกอญอ "บ้านแม่กลางหลวง" ศึกษาวิถีชีวิตคนต้นน้ำ ชิมกาแฟ

คืนที่ 2 นี้จองที่พักกับ บ้านพักแม่กลางหลวงฮิลล์ ราคาดี หลังละ 1,500 บาท พักได้ 4 ท่าน

เมื่อไปเช็คอินและรับกุญแจบ้านมาแล้วจากพี่ทัศน์ผู้ดูแลที่นี้ ก็มาสำรวจบ้านพักกันหน่อย

ที่พักที่นี่ให้ความรู้สึกแบบสบายๆ ขนาดนอนอยู่บนเตียงก็สามารถมองออกไปเห็นวิวหน้าบ้านซึ่งเป็นวิวมุมกว้างนาข้าวขั้นบันไดสุดลูกหูลูกตา ที่ถูกรอบล้อมด้วยภูเขาเขียวขจี หลังบ้านยังมีลำธารไหลผ่าน

ไม่ได้เตรียมอาหารมื้อเย็นมาเลย แต่ไม่ต้องกังวลไปที่นี้สามารถสั่งชุดหมูกระทะได้ในราคา 499 บาทกินอิ่มกันแล้วก็นั่งซึมซับธรรมชาติกันสักหน่อยก่อนไป คดตัวในผ้าห่มที่อุ่นๆและหอม


วันที่ 3


ตื่นเช้ามาเปิดหน้าต่างก็จะเจอวิวทุ่งนาที่เขียวขจี และสายหมอกที่โอบกอดภูเขาไว้ตรงหน้า

มาบ้านแม่กลางหลวงแล้วไม่ไปหา พี่สมศักดิ์ "กาแฟใจหล่อ" ขึ้นชื่อของที่นี้ ก็เหมือนมาไม่ถึงนะ

กาแฟพี่สมศักดิ์ "โถ่บิเบ" กาแฟพี่เขาราคา "0" บาท แบบว่า "อร่อยจังสะตังค์อยู่ครบ" รสชาติกาแฟ สำหรับคอกาแฟดำ~ร้อน~โน น้ำตาล ขอบอกคำเดียวว่า "เด็ด" ถึงหอม ถึงขม

นั่งคุยๆกับกลุ่มชาวบ้านที่นี้น่ารักมากเป็นกันเองที่สุด สอบถามได้หมดเลยคะ แนะนำสถานที่เที่ยว

คุยกันไปคุยกันมาเลยบอกกับพี่เขาว่าอยากไปตามหา "น้ำตกรักจัง" ก็จะมีไกด์ท้องถิ่นหรือชาวบ้านเป็นคนพาไปเดินป่า เป็นกฏกติกาของที่นี้เลยก็ว่าได้ ต้องมีไกด์ท้องถิ่น 1 คน ในกรุ๊ปหนึ่ง ที่นี่เข้าได้ 2 เส้นทาง จากทางหมู่บ้านแม่กลางหลวง และ จุดเดินลงถนนข้างทางขึ้นดอยอินทนนท์ แนะนำควรใช้เส้นทางเดินลงดีกว่า จะไม่เหนื่อยมาก ถ้าเดินขึ้นจากหมู่บ้านเลย จะต้องเดินขึ้นเนินเยอะมาก

พี่ไกด์ก็ให้จอดรถไว้ที่ร้านกาแฟ แล้วนั่งรถไปเริ่มเดินป่าจากด้านบน ประมาณ 3 กิโลกว่าๆ

กลิ่นโอโซนบริสุทธิ์มาพร้อมอากาศที่หนาวกำลังดี ฟินสุดๆ

"น้ำตกผาดอกเสี้ยว" น้ำตกในหนังเรื่อง "รักจัง" อะ จำกันได้ป่าว

เดินชิล ๆ สูดโอโซนดี ๆ ท่ามกลางป่าเขียวขจี ระยะทางเดินก็ไม่ใกล้ ไม่ไกลเท่าไหร่ พอเรียกเหงื่อได้ดีเหมือนกัน 3 กิโลกว่าๆ เป็นน้ำตกสูง 10 ชั้น

เส้นทางส่วนมากเป็นทางราบ ยกเว้นช่วงใกล้น้ำตกมีความชัน ส่วนมากชันไม่มากยกเว้นบางช่วงที่ค่อนข้างชัน

ชั้นที่เป็นไฮไลต์ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องรักจังที่มีสะพานไม้คือชั้นที่ 7

ชั้นที่ 7 นักท่องเที่ยวต้องเดินผ่านสะพานไม้นี้ผ่าละอองน้ำจากสายน้ำตกนี้ทุกคนเพื่อเดินทางต่อไป

ในที่สุดก็มาถึงจุดนี้จนสำเร็จแล้ว แต่เสียดายมายืนอยู่คนเดียว ไม่เหมือนในหนังเลย เดี่ยวค่อยกลับมาใหม่นะ

***กฎของการเที่ยวชมน้ำตกรักจัง เราต้องไปติดต่อไกค์นำทางที่หมู่บ้านแม่กลางหลวงก่อนเข้าน่ะครับ เค้าไม่อนุญาตให้เราเข้าไปเอง อาจจะหลงทางได้หรือเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ค่าจ้างไกค์ชาวบ้านท้องถิ่นคนล่ะ 200 บาท

จากนั้นก็เดินกลับเข้าหมู่บ้าน ซึ่งจะผ่านแปลงเกษตรและทุ่งนาขั้นบันไดของที่นี้

แปลงดอกไม้

แล้วยังผ่านที่พักซึ่งมาแรงในช่วงนี้ด้วย "บ้านไม้ไผ่" แต่วันนั้นไม่ได้เข้าไป เพราะรีบกลับมาเช็คเฮ้า


มีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกเดินทาง ไม่ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไรแต่ก็ชอบที่จะออกค้นหา

ขอบคุณที่ติดตามอ่านรีวิวในครั้งนี้

- แม่กลางหลวงฮิลล์, ดอยอินทนนท์, เชียงใหม่ พักกับโฮมสเตย์คุณภาพดี ราคาดี หลังละ 1,500 บาท

- บ้านเลข่อทิ วิว โฮมสเตย์ อ.แม่แจ่ม เชียงใหม่ ที่พัก พร้อมอาหาร 2 มื้อ (มื้อเย็น และ มื้อเช้า) ท่านละ 500 บาท ติดต่อสอบถาม นา 094-1968341

- เดินป่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติเพื่อไปเยี่ยมชม "น้ำตกผาดอกเสี้ยว" ค่าจ้างไกค์ชาวบ้านท้องถิ่นคนล่ะ 200 บาท

ความคิดเห็น