ททท.โปรโมทท่องเที่ยววิถีชุมชน เราก็เที่ยววิถีชุมชนมากหน่อย รอบนี้มาท่องเที่ยวชุมชนบ้านห้วยตองก๊อ ตำบลห้วยปูลิง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เรามีเวลาแค่คืนเดียวหลังจากไปพักบ้านห้วยฮี้ ถึงจะได้มาสัมผัสหมู่บ้านปกาเกอะญอนับถือพุทธแห่งนี้ไม่มาก แต่ก็ได้ความประทับใจกลับมาด้วย การเดินทางเราให้ชุมชนมารับ ไปคนเดียวก็นั่งมอเตอร์ไซค์ไป ติดต่อชุมชนได้ที่ https://www.facebook.com/cbt.huaytongkor/

ถนนก็เป็นลูกรังสลับกับปูน เส้นทางสนุกมาก ขึ้น-ลงเขาไปเรื่อยๆ จนสุดทางที่หมู่บ้านห้วยตองก๊อพอดี น้องบุญธรรมเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์มารับและเราก็พักที่บ้านน้องด้วย ห้องพักที่จัดให้เรานอนกันหนาวได้ดีมาก


เก็บกระเป๋าเสร็จก็เริ่มออกสำรวจหมู่บ้าน คุณพ่อ (เจ้าของบ้าน) ของน้องบุญธรรม (น้องที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับเรา) เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการรำดาบ ท่านกำลังลับดาบอยู่


มีแต่คนถามว่ามาห้วยตองก๊อทำไม? มาแค่คืนเดียวเราเลยไม่ได้เลือกฐานการเรียนรู้ของชุมชน เราเลือกเดินรอบๆ หมู่บ้านแทน เริ่มเดินไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน


ที่นี่มีความดิบมาก ไฟฟ้าก็ยังเป็นโซลาร์เซลล์ ไม่มีสัญญาณมือถือ ต้องต่อเสาเพิ่มเติมถึงจะใช้ได้ เดินต่อก็จะเจอต้นกาแฟริมรั้ว



การเลี้ยงสัตว์ก็จะเห็นตามใต้ถุนบ้าน มีทั้งไก่และหมู

เดินขึ้นเนินไปมุมสูงของหมู่บ้าน หมู่บ้านเขียวไปด้วยต้นไม้จริงๆ


เดินต่อมาที่ศาลาที่ประชุมหรือทำกิจกรรมด้านท่องเที่ยวประจำหมู่บ้าน


เดินต่อมาก็จะลงไปทางนาของชาวบ้านที่เก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว

ข้างๆ จะมีแหล่งน้ำธรรมชาติ ใสและเย็นมาก


ใกล้แหล่งน้ำก็จะมีดอกลำโพงใหญ่ๆ


เดินไปก็จะเห็นต้นสาบเสือเยอะมากๆ


หมดเวลาซนน้องบุญธรรมบอกแล้วว่าต้องรีบอาบน้ำตั้งแต่ตอนมีแดด อาบน้ำเสร็จไม่นานก็ได้กินมื้อเย็น ระหว่างนั่งกินข้าวน้องก็เล่าให้ฟังว่าที่นี่ทำไร่หมุนเวียน ย้ำว่าไม่ใช่ไร่เลื่อนลอย การทำไร่หมุนเวียนจะเวียนไปเรื่อยๆ ไม่ทำซ้ำที่เดิม เพื่อให้ดินได้พัก 10 ปีถึงจะกลับมาทำจุดเดิม การทำนาทำไร่ที่นี่จึงไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยและสารเคมีต่างๆ ตรงจุดที่ต้นสาบเสือขึ้นนั่นคือจุดที่ทิ้งไว้ 1 ปี และพื้นที่จุดอื่นๆ ก็เป็นพื้นที่ของแต่ละบ้านอยู่แล้ว และอีกเรื่องที่น้องเล่าให้ฟัง คือ จะมีนักศึกษาต่างชาติมาเรียนรู้วิถีชีวิตและทำวิจัยเรื่องการทำไร่หมุนเวียนที่นี่ทุกปี และจะมาอยู่ที่หมู่บ้าน 2 อาทิตย์ มื้อเย็นที่ได้กินก็เยอะเกินกว่า 1 คนอีกเช่นเคย



นั่งคุยกันต่อจนต้องลงไปผิงไฟ นั่งดูดาวที่เต็มท้องฟ้า เรากับน้องพยายามใช้กล้องมือถือถ่ายดาว (มือถมีโหมดถ่ายดาวด้วยนะแต่มารู้หลังจากถึงกรุงเทพฯ แล้ว) แต่ก็เห็นเพียงความมืด สุดท้ายเราก็ทนหนาวไม่ไหวเข้านอนตั้งแต่ยังไม่ 3 ทุ่ม



รุ่งขึ้นเราตื่นเพราะเสียงไก่ขัน อากาศหนาวมากจนนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มต่อ เราลุกออกจากที่นอนลงไปเดินซนรอบบ้านโฮมสเตย์ ด้านล่างมีทั้งพืชผลที่เก็บไว้กิน และสัตว์ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหาร



ที่บ้านโฮมสเตย์เตรียมอาหารเช้าให้เรานั่งกินบนระเบียงบ้านและได้เห็นวิวมุมสูงของหมู่บ้าน




พออิ่มก็ออกมาเดินซนรอบหมู่บ้านอีกรอบ




เดินลงไปที่นาข้าวอีกครั้ง เจอควายมองหน้าก็เลยไม่กล้าเข้าใกล้

เดินไปตามถนนเรื่อยๆ ที่นี่สงบมากจริงๆ ไม่มีรถผ่านเลย สงบจนเรานอนถ่ายรูปกลางถนนได้อย่างปลอดภัย


เดินจนหน่ำใจก็กลับมารอกินมื้อเที่ยง มีคนแนะนำว่าที่นี่น้ำพริกเมล็ดฟักทองอร่อย เราบอกอยากลองชิมแล้วก็ได้กินในมื้อเที่ยงนี่แหละ อร่อยจริง


ท่องเที่ยวชุมชนได้สัมผัสวิถีปกติของชุมชน ได้เห็นการไปไร่-นา ได้เห็นการหาฟืน หาของป่า (ป่าชุมชน) มาทำอาหาร ได้พูดคุยกับชาวบ้าน ได้เรียนรู้อะไรมากมายกว่าที่คิด มานอนโฮมสเตย์กับชุมชน ได้ชิมอาหารปกติที่ชุมชนกิน ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นสมใจ ได้อาบน้ำธรรมชาติที่มาจากต้นน้ำ

เรากลับเข้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอนในช่วงบ่ายโมง การนั่งมอเตอร์ไซค์รอบขากลับได้ถ่ายบรรยากาศ เส้นทางตลอดเกือบ 50 กิโลเมตร

ใช้เวลาในการเดินทางจากห้วยตองก๊อถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน 2.5 ชั่วโมง น้องบุญธรรมขี่ลงมาส่ง คนของชุมชนจะชำนาญเส้นทางมาก เราปลอดภัยทั้งขาขึ้นและขาลง พอลงมาถึงตัวเมืองปวดแขนมากๆ ต้องจับด้านข้างไม่ให้ไหล แถมนั่งเกร็งนานจนขาสั่นอีก เที่ยวชุมชนได้อะไรมากกว่าที่คิด


พอลงมาถึงตัวเมืองก็ออกมาเดินถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน ถ่ายวัดจองคำจากอีกด้านของหนองจองคำ


เดินมาเข้าวัดจองคำพระอารามหลวง



ถนนคนเดินมุมหนึ่งตกแต่งได้สวยมาก


จบการเดินถนนคนเดินด้วยก๋วยเตี๋ยวห่อ

รุ่งเช้าก่อนกลับบ้านก็เดินขึ้นพระธาตุดอยกองมู มาชมทะเลหมอกสวยๆ กลางเมือง




ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่

เพจ : ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

IG : prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว







ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันพฤหัสที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.23 น.

ความคิดเห็น