สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาเจอกันอีกแล้ว เมื่อเดือนก่อนแก้ว พาไปเที่ยว Taipei มา ร้อนมากๆ ส่วนทริปนี้แก้วจะพาไปเที่ยว Seoul ประเทศเกาหลีใต้บ้าง ซึ่งหนาวม๊ากกก อากาศต่างกันอย่างสุดขั้วเลยจริงๆ ไปดูกันครับว่า บรรยากาศหน้าหนาวของ เกาหลีใต้จะสวย โรแมนติกขนาดไหน


เราขึ้นเครื่องออกจากไทย มาตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 27 มาถึงก็จะเช้าพอดีครับ
ไฟลท์แบบนี้ที่แก้วค่อนข้างแนะนำ เพราะว่า เราจะสามารถใช้เวลาท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่
อุณหภูมิ ภายนอกสนามบิน -3 ํC ต้อนรับกันอย่างเหน็บหนาวเลยทีเดียว

เรานั่ง Shuttle Bus ของสนามบิน Incheon ต่อเข้าไปใน Seoul ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาทีขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร นะครับ ใครหิว ใครหนาว แนะนำให้ซื้อของกินติดไม้ติดมือไปเลย

Incheon นั้น เป็นเกาะที่มีสะพานเชื่อมต่อกับ Seoul ที่มีระยะทางมากกว่า 20 กิโลเมตรเลยทีเดียว

ใช้เวลาไม่นาน แก้วก็เดินทางเข้ามาถึง Seoul แล้ว อากาศในโซล อุ่นกว่านอกเมืองเล็กน้อย แต่พอมีลมพัดมานี่ สั่นนนนนนนนน เลยครับ หนาวม๊ากก ถึงกับต้องรีบหยิบเสื้อ Overcoat ขึ้นมาใส่เลย

ก่อนจะไปเที่ยวกันต่อ แก้วขอแวะหาอะไรอุ่นๆ ทานก่อนนะครับ เมนูที่ใครๆ
มาเกาหลีใต้แล้วต้องมาลองทานก็คือ ไก่ตุ๋นโสม


ไก่ตุ๋นโสมเนี่ย เป็นอาหารประจำชาติของเกาหลีใต้เลย โดยจะเสิร์ฟไก่กันเป็นตัวๆ เลยนะครับ ด้านในเนื้อไก่จะมีข้าวอยู่ข้างใน พร้อมกับ โสมที่เคี่ยวกับน้ำซุป ให้ความอบอุ่น สดชื่นหลังทาน

อันนี้คือเครื่องเคียง ก็จะมี กิมจิ ฟักดอง แล้วก็สาหร่ายครับ


เริ่มกันที่ย่าน Gangnam ที่แรก ที่แก้วจะไป ตามสไตล์คนไทยครับก่อนจะเริ่มเที่ยวก็ต้องสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสริมศิริมงคล ขอพรกัน ซะหน่อย และวัดที่แก้วมา ก็คือ
[ วัดพงอึนซา หรือ Bongeunsa Temple (봉은사) ]

วัดพงอึนซาเนี่ย เป็นวัดพุทธในนิกายมหายาน ที่เก่าแก่ที่สุดใน Seoul เลย ซึ่งมีอายุกว่า 1200 ปี (ค.ศ. 794) มีการบูรณะอยู่เรื่อยๆ เพราะถือว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญต่อพุทธศาสนิกชนชาว เกาหลีใต้ทีเดียว

อีกทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย


ต่อมาครับ แก้วจะพาไปเที่ยวที่ พิพิธภัณฑ์สาหร่าย DALIN ถามว่าทำไมต้องมาที่นี่ ในสมัยก่อน ประเทศเกาหลีใต้นั้น ไม่ได้มีผลผลิตทางการเกษตร หรืออาหารการกินอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ สาหร่ายจึงเป็นแหล่งอาหารชั้นดี ของชาวเกาหลี ซึ่งที่นี่จะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้เราฟังได้ รวมไปถึง มีสอนปั้นข้าวปั้นด้วยนะ

การเก็บสาหร่ายมาตากแห้งเพื่อใช้เป็นอาหารของชาวเกาหลีในสมัยก่อน

วิธีการเสริฟสาหร่ายคู่กับอาหารในสมัยก่อน และแบบปัจจุบัน

วิธีดูว่าสาหร่ายแผ่นไหน มีคุณภาพดี และจะมีรสชาติอร่อย
ด้วยการนำขึ้นมาส่องแดด หรือไฟ แผ่นจะต้องใส และมีสีเขียวมรกตครับ

เอาล่ะครับ ต่อไปแก้วจะมาเรียนทำข้าวปั้นกัน

วัตถุดิบในการทำข้าวปั้นครับ โดยเราจะเริ่มจากการเกลี่ยข้าวในเต็มแผ่นสาหร่ายโดยไม่หนาจนเกินไป และตามด้วยนำไส้ของตัวข้าวปั้น วางลงบนข้าวแล้วม้วนเป็นก้อนยาวๆ ก่อนจะตัดเป็นชิ้นๆ เพื่อรับประทานครับ

และนี่คือผลงานของแก้ว แท่นแท๊นนน พอดูได้เนอะ ทำครั้งแรก 555

หรือ ข้าวปั้นอีกแบบหนึ่งจะเป็นการนำสาหร่ายที่ปรุงรสแล้วมา
คลุกกับข้าวแล้วทานได้เลย แบบนี้อร่อยดีครับ ซื้อฝากได้

บริเวณชั้นบนของ พิพิธภัณฑ์จะเป็นลานสวยๆ ที่ถูกตกแต่งเอาไว้
สำหรับให้เราได้หยิบชุด ฮันบก หรือชุดประจำชาติเกาหลีไปถ่ายรูปสวยๆ กันเล่นๆ ได้ครับ


พอตกเย็นอาหารก็เริ่มหนาวลงครับ จาก -3 เริ่มจะลดๆ ลงเรื่อยๆ อาจจะแตะ -8 ได้
เสื้อโค้ต ถุงมือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ สำหรับใครที่จะมาเที่ยวเกาหลีในเวลานี้

แก้วได้ข่าวมาว่า ที่ห้าง COEX ใกล้ๆ กับวัดพงอึนซา ที่แรกที่แก้วไป
มีห้องสมุดสวยๆ เพิ่งเปิดใหม่ที่มีชื่อว่า COEX Starfield Library

เราจะเห็นคนเกาหลีมานั่งอ่านหนังสือกันที่นี่จำนวนมาก มีทั้งร้านกาแฟ หรือร้านเครื่องดื่ม
ขนมเล็กๆ น้อยๆ คอยให้บริการด้วย เป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่ดีจริงๆ อยากให้ไทยมีบ้างจัง


เนื่องจากเป็นช่วงใกล้จะถึงปีใหม่พอดี เราก็เลยจะเห็นต้นคริสมาสแบบเนี้ย ประดับอยู่ทั่วทุกที่เลย

ออกไปหน้า COEX อย่าลืมถ่ายกับเจ้านี้นะครับ Gangnam Style Landmark ของที่นี่


คืนนี้แก้วตั้งใจจะไปดูดอกไม้ LED ที่ ย่านทงแดมุน และ ไปกิน Street Food ที่ เมียงดง
แต่ว่าตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่ แก้วเลยออกมาเดินบนถนน ถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสี รอบๆ Seoul
ในช่วงนี้ใบไม้เริ่มร่วงแล้ว แต่ก็ยังมีบรรยากาศสวยๆ ให้เราได้เห็นกันอยู่ครับ


เอาล่ะครับนี่ก็มืดได้ที่แล้ว แก้วพามาที่ Dongdaemun Art & Cultural Center เพื่อจะมาถ่ายรูป ดอกไม้ LED ที่จะสว่างสวยมากๆ ยามค่ำคืนกันครับ


เดินมานาน นี่เริ่มจะหิวแล้วสิครับ เอาเป็นว่าเราไปหาอะไรทานกันต่อที่เมียงดงเลยดีกว่า อากาศที่เมียงดงนี่พอตกกลางคืนแล้ว หนาวใช้ได้เหมือนกันนะครับ ลมแรงด้วย ทะลุถุงมือเข้ามาเลย

ไม่รอช้าครับ หา Street Food รองท้องก่อนเลย ไก่ทอดร้านนี้อร่อยมาก มากี่ทีก็จะกินเสมอ

แล้วไปต่อกันด้วยร้าน James Cheese ซี่โครงหมูบาบีคิวพันชีส ชื่อดังของเมียงดง (ที่ไทยมีแล้วนะ)

ค่าเสียหาย 74,000 วอน พร้อมโซจู 2 ขวด ทานได้ 3 คนครับ

ยังครับ ยังไม่อิ่ม ทริปตัวแตกเพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น มาเกาหลีก็ต้องหมูย่างเกาหลีใช่มั้ยฮะ !

เราจะเห็นว่า ที่นี่ เขาจะย่างหมูกันบนกระดาษ นั่นก็เพราะว่า จะทำให้หมูไม่ติดกระทะ และไม่เกิดรอยไหม้ด้วย
ราคาเฉลี่ยต่อหัว อยู่ที่ 58000 วอน ทานได้ 1 ชั่วโมง 30 นาทีครับ


แก้วเดินทางกลับมาแถวโรงแรม ในย่าน ชองดัม เพื่อนๆ บางคนบอกว่า คืนนี้ยังไม่จบ เราอยากไปหาร้านอาหารที่เป็นบรรยากาศแบบ คนเกาหลีชอบไปกินกันหลังเลิกงาน

เราเดินมาเรื่อยๆ จนถึงซอยที่มีชื่อว่า K Star Road ที่ซอยนี้เต็มไปด้วย ร้านนั่งดื่ม นั่งกินหลากหลายแนว ไม่ว่าจะปิ้งย่าง อาหารทะเล อาหารญี่ปุ่น ไก่ทอด อิตาเลียน มีหมดเลย

ลุยร้านแรกกันเลยครับ ! ซีฟู้ดสดๆ จากทะเล
- สลัดปลาหมึกคลุกกิมจิ
- หอยทากเผาเกลือ

ที่ขาดไม่ได้คือ ซันนักจี หรือ หนวดปลาหมึกดึ๊บๆ ที่ใครหลายๆ คนชอบ

ร้านสุดท้ายแล้ววว เป็นร้านขาหมูแห้ง พร้อมน้ำซุปกิมจิ เป็นร้านที่มีผู้คนส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัท มานั่งทานกันจนเต็มร้าน นั่งคุยนั่งดื่ม หัวเราะกันสนุกสนาน อย่างกับหลุดมาจากซีรีย์เลยทีเดียว


[ ติดตาม Mobile Photographer ได้ที่ ]
Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer/
Medium : https://medium.com/@sitthikitraviverawan
Readme : https://th.readme.me/id/MobilePhotographer
IG : kaew.mobilefoto

#Mobilephotographer #โมบายโฟโตกราฟเฟอร์

ความคิดเห็น