พวกเรามีการเดินทางจาก 2 ที่ คือ ที่แรกจากจังหวัดสุรินทร์โดยรถนครชัยแอร์เป็นเพื่อนเรา 2 คน ค่าตั๋ว 710 บาทเดินทางวันที่ 10 ธันวาคม 2560 เวลา 18.15น. และที่สอง คือ เราเองกับเพื่อนอีก 1 คนเรากลับจากสมุทรสาคร ส่วนเพื่อนอีก 1 คนมาจากสำโรงใต้ มาเจอกันที่หมอชิต 2 เวลา 20.30น. ที่ชานชาลาที่ 102 ซึ่งค่าตั๋วก็ 569 บาท ของนครชัยแอร์เช่นกันจ้า รถพวกเราออก 21.15น. ไม่เข้าลำปางโดยประมาณ ก็จะค่อนข้างเร็วนิดนึง และเขาก็มีพักทานอาหารกลางดึก เราก็ทานคับ 555 ลงไปกินกันเลยจ้า
ส่วนเพื่อนเรา ตอนแรกนางบอกไม่ลงมากินหรอก ไม่ถึงนาที วิ่งตามลงมาอย่างไว เราเลือกที่จะกินก๋วยเตี๋ยวเพราะทานข้าวสวยที่ไม่ใช่หอมมะลิไม่ได้เลย
อุ่น ๆ เหมาะอากาศที่หน่วเย็นบนรถนครชัยแอร์ดีนะ 55
เนี่ยเป็นทางที่จะเลี้ยวเข้าบขส อาเขต 3 น่ะ คือตอนที่เราสองคนมาจากกรุงเทพมันจะมืดหน่อยแหละ แต่พวกเรามาถึง 06.00น. ต้องนั่งรอเพื่อนต่อไป เพราะคนที่มาจากสุรินทร์ถึง สองโมงเช้านู้นนน
แล้วพวกเราก็เดินเข้าเซเว่น 2 รอบ อาบน้ำ 1 รอบ เดินเข้าห้องน้ำที่ห้องรับรองนครชัยแอร์เสีย 3 บาท อาบน้ำเสีย 10 บาท แต่ห้องน้ำเขาสะอาดมากเลยนะ ที่นี้เป็นอาเขต 2 และ 3 อยู่ใกล้ๆกันเดินไปก็ถึง อย่าไปเสียโง่รถสองแถวบริเวณนั้นเด้อ
เราก็เลยมากินข้าวเช้ารอ ที่จานข้าวอ่ะเพื่อนกิน แต่ของฉันอ่ะหรอ ราดหน้าไงจะอะไรล่ะ ไม่กินข้าวให้ตายก็ไม่กิน
ไงล่ะเพื่อนเรามาถึง 09.30น. เลทททมากกกก เพื่อนไปอาบน้ำแต่งตัว พวกเราเริ่มขึ้นรถแดงไปขนส่งช้างเผือกเวลา 10.00น. เคยมีคนบอกว่าถ้าค่ารถมากกว่า 30 บาทไม่ต้องขึ้น แต่พวกเราไม่มีทางเลือกเพราะมาสายแล้ว ยอมจ่าย 40 บาท 4 คน 160 บาท สำหรับดิฉันบออกเลยว่ามันเกินราคาที่ติดไว้ข้างรถนะคะ ท่านขนส่งเชียงใหม่ ถ้าเห็นรีวิวนี้เอาไปปรับปรุงการขนส่งภายในจังหวัดด้วยนะคะ คือ พื้นที่ไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่นะ เคๆ ไม่บ่นละ
ประตูเขาไม่ได้ปิดนะ ระวังตกรถกันด้วย เพราะ นางเบรคแรงมาก สงสัยได้ยินพวกเราพูด 555 แต่ไม่ค่อยปลื้มคนเมืองเท่าไหร่เลย เขาเหมือนคนที่ถูกใส่สีมาแล้ว (หน้าสีแดงมากเลยคะ)
ก็มีของขายตามทางที่เราขี่ผ่านตลอดไม่ต้องห่วงเลย แต่ถ้าออกนอกเมืองไปแล้วก็ไม่แน่
ถึงแล้วขนส่งช้างเผือก มุ่งตรงมาหารถสีส้มเลยจ้า เชียงใหม่-เชียงดาว-ไชยปราการ-ฝาง-แม่อาย ค่ารถ 80 บาทจ้าเพราะเราจะไปอ.ฝาง กั๊น เขาจะเขียนเลขที่นั่งให้ด้านหลังตั๋วน่ะ นั่งตามเลขที่นั่งตั๋วน่ะ ถ้าไปหลายคนบอกเขาว่าเอาที่นั่งติดๆ กันนะคะ
นักท่องเที่ยวก็เยอะ คนเมืองก็เยอะ ต่างด้าวก็เยอะครับ ฉะนั้น ตั๋วที่ท่านได้มาเก็บไว้ดีๆนะ เพราะเขาจะตรวจๆๆ บ่อยมากกก ตอนไปนี่จำได้ว่าตรววจ 2 รอบเลย พวกเรานั่งไม่ตรงตามเลขที่นั่งตั๋ว คุณยายที่นั่งด้านหน้าเราบอกว่า "นั่งๆไปลูก เดี๋ยวคนอื่นมาเขาก็นั่งที่เราก็ได้" พวกเราก็ได้แต่หัวเราะ แล้วก็เปลี่ยนกับที่นั่งตรงด้านหลังที่พวกเรานั่ง กระเป๋าเราใหญ่ด้วยเนาะ ก็กะว่าพอดีกระเป๋า ไม่รู้แต่แรกว่าให้นั่งตามเลขด้านหลัง 555
ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.เต็มๆ แต่อยากจะบอกว่า "ขับรถเร็วมากกก" เสียวววโว้ยยยย 555
มาถึงดอยอ่างขางละ ห่างจากถนนนี้ 25 กิโลเมตรแต่ต้องเหมารถเข้านะจ๊ะ
ไปถึงบขส.ฝางเวลา 14.20น. แล้วเราเดินไปซื้อเนื้อสด ลูกชิ้นหมู น้ำจิ้ม อาหารรองท้อง จากนั้นหารถเพื่อเข้าไปในอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกไปสองแถว 250 บาทหารกัน 4 คน แต่อย่าไปวินมอไซนะแก คิดคนละ 100 บาทจะอัด 2 ยังคิดคนละ 100 บาท แย่ๆๆ อ่าาาา คือตอนแรก ถามทวนว่า 1 คัน 100 บาทนะคะ แต่ ไป 2 คนต่อคัน แกก็บอกว่า 100 บาท พอเราจะไปแกก็ว่าคนละ 100 บาท ผมเดินหนีเลยคับ
เข้าไปในอุทยาน เรารู้ดีว่าค่ารถขึ้นดอย 1,800 บาทพวกเรามี 4 คนหารกันก็ตกคนละ 450 บาท แต่หวังให้มีคนแชร์ค่ารถกับพวกเราเถอะค่ะ พลีสสสสส !! และแล้วเราก็เจอคู่รักคับ พี่เขามานั่งรอคนแชร์ ตั้งแต่บ่ายสองอ่ะ ต่างฝ่ายต่างดีใจลดค่าแชร์ไปได้เยอะ ก็ตกคนละ 300 บาทรวมไป-กลับคราบบบ
น้ำพุร้อนฝาง แต่เราไม่ได้ไปอาบเลยยยย เวลาไม่พอจริงๆ พวกเราต้องรีบขึ้นดอยไปที่ลานกางเต้นท์กิ่วลม ลานกางเต้นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย แต่ระหว่างทางขึ้นนั้น... ตามมาดูกันจ้า
อันนี้ต้องออกจากอุทยานแล้วไปเข้าซอยนึงนะ ก็ไกลกันอยู่ ระหว่างทางก็เป็นหมู่บ้าน ชาวบ้านนั่งปลูกกระเทียมกันซะส่วนมาก
มองไกลๆ เริ่มเห็นจุดหมายปลายทางของพวกเราแล้วคับ แต่ดูท่าทางแล้วไกลกันมากเลยนะ "ผ้าห่มปก"
ผ่าานป่าไผ่ของชาวบ้าน
รอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้ รากไม้ และแสงอาทิตย์ยามเย็น
ทางมีตั้งแต่ลาดยาง คอนกรีต และรุกรัง โคลนตมเพราะเมื่อวันที 9 ที่นี้ฝนตกจ้า ทางก็จะหวาดเสี่ยว ต้องเกาะรั้วเหล็กข้างรถตลอดเลยนะ
มาถึงโซนป่านสนกันแล้ว ด้านบนนี้มีต้นสนเยอะมาก ตามหาที่ถ่ายรูปกัน
เจอแล้วจุดชมวิว พี่คนขับรถเขาจอดให้ถ่าบโดยที่พวกเราไม่ได้บอกไว้เลย เพราะไม่รู้ว่ามันอยู่ระหว่างทางขึ้น แต่ถ้าใครไปแล้วกลัวพี่เขาไม่จอดก็แจ้งไว้เลยก็ได้นะ แต่เราว่าเขาน่าจะจอดทุกคันแหละ เพราะมันคือ อันซีนของที่นี้เช่นกัน
มองเห็นเขาทุกลูกกว้างสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับแสงอาทิตย์สาดส่อง
นี้ไงพี่คู่รัก ที่เป็นเพื่อนแชร์กับพวกเรา น่ารักไหมล่ะ พี่เขาเป็นคนกรุงเทพ แต่พี่มาพิชิตไปแล้ว 2 ดอยอ่าาาา อิจจจ คือ ดอยหลวงเชียงดาว และดอยอ่างขาง
มีพี่พักหน้าเขา ให้เราถ่ายรูปสวยๆ
อาจจะย้อนแสงนิดหน่อยเพราะด้านนี้เป็นทิศตะวันตกแล้ว
มาถึงลานกางเต้นท์พวกเราคับไม่มีคนเยอะมาก ประมาน 20 คนได้ บรรยายกาศเย็นสบาย เริ่มมีไอควันออกจากปากแล้ว 55
จากที่พวกเราจองที่พักผ่านอินเตอร์เตอร์เน็ต แต่เรายังไม่จ่ายตัง เพราะ จ่ายไม่ได้ ATM กรุงไทยที่เมืองเชียงใหม่เป็นอ่ะหยังบ่ฮู้เจ้า เลยโทรบอกเขาแล้วมาจ่ายที่อุทยานด้านบนเลย เย้ๆๆ ราคาถูกกว่าในเวบตั้งเยอะ คือตอนแรกจองบอกว่า 435 บาท พอมาจ่ายข้างบนเขาคิด 295 บาทเอง ป่ะๆๆ เช่าเตาอีก 50 บาท พร้อมก่อไฟให้ด้วย ของสดที่เราซื้อมาพร้อมบรรเลง คือจะบอกว่า เราซื้อไข่มาด้วย พร้อมทำไข่ปิ้งจ้า เก็บไว้กินตอนเช้าที่เดินขึ้นดอยพรุ่งนี้ตอนตีสามครึ่งเดะเขามาปลุก จะเริ่มเดินตอนตีสี่ตรง เพราะเราหารค่าไกด์นำทางกับพี่เขาอีกแล้ว 555 ค่าไกด์ทีมละ 300 บาท ทีมเรามี 6 คน ตกคนละ 50 บาท
ตรงด้านข้างมีศาลานั่งผ่อนคลาย ถ่ายรูปก็ได้ สวยเหมือนกัน ตอนเย็นเขาจะปั่นไฟ ตอน 18.00น. ผู้คนก็จะเริ่มหลั่งไหลเข้าที่ทำการอุทยานเพื่อชาร์จแบตโทรศัพท์ แบตกล้อง บราๆๆ
ตกเย็นแล้วงอากาศหนาว มีควันออกปาก แนะนำให้รีบอาบน้ำก่อนแสงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า เพราะ น้ำมันเย็นมากกกกก
ค่ำลงเราจะนอนกันละ นั่งดูดาว สวยมากเลยนะแต่กล้องเราไม่สามารถถ่ายทางช้างเผือกได่แหม่ เครื่องปั่นปิด 20.30น. ถ้าหากชาร์จอยู่อย่าพึ่งเล่นน่ะ เวลามีจำกัด จะบอกว่ามันเหมือนไปไม่เต็ม 220 โวล์อ่ะ แบตลงเร็วกว่าเดิมมาก
ตีสามครึ่งไกด์มากปลุกคับ เรารีบไปล้างหน้าและแต่งหน้าด้วยความรวดเร็วเพื่อเอาหน้าไปถ่ายรูป มาเตรียมของขึ้นดอยกัน ระยะทาง 4 กิโลเมตรจริงๆนะ และพวกเราไม่มีใครมีไฟฉาย คือ ตอนแรกจะเอามาอยู่แต่ลืมไง เปิดไฟฉายมือถือเลย หมดแบตก็ช่าง ดีกว่าเดินตกเขาละกันอ่ะเตรียมน้ำ เสบียง พร้อม ที่สำคัญอย่าลืม กล้องด้วยนะคราบบ
หมอกหนามากเลยท่าน ไม่เห็นวิวทิวทัศน์ หวังว่าฟ้าจะเปิดให้เราถ่ายรูปนะ พลีสสส
เป็นสันเขาที่เราเดินผ่านมาก ข้างบนนี้หรอ ไม่รู้กี่องศา แต่เทอร์มิเตอร์ก๋ขาดๆหายๆ ประมาณต่ำกว่า 10 ได้อ่ะ แต่เราไม่หนาวสักเท่าไหร่เพราะเครื่องร้อนอยู่
มากระโดดวอร์มให้หายหนาวกัน พร้อมสูดเอาไอหมอกเต็มที่ เพราะตัวเราอยู่กับหมอกขนาดนนี้
เฮ้ยยย มันเหมือนฟ้ากำลังเปิดรอดูๆๆ
จริงๆ มาจริงๆ สวยมาก
เปิดแล้ว 5 วินาทีเอง หายไปอีกแล้วววว
และแล้วก็หายไปจริงงๆ วันนี้ฟ้าคงเหนื่อย ไม่เปิดอีกรอบเลย ไปถ่ายรูปที่อื่นก็ได้
ทางเเดินกลับ คือสันเขา มุมนี้ดีและสวยงาม
กำลังจะลงไปข้างล่างแล้ว อีก สี่ กิโลว้าวๆๆ หวังว่าจะทันไปดูทะเลที่ลานกางเต้นท์น่ะ ตอนนี้ 07.30น. แล้วอ่ะ
ที่นี้มี 8 จุด นี้เป็นจุดสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุดจ้า ต้องเดินไปอีก 555 คุณหลอกดาว
บายๆ เจ้าดอกไม้บนที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,285 เมตร
มีมอสและเฟริ์น ตลอดทางที่เราเดินเลยแหละ
เจ้าแมง มุม ชัก ใย ไปมา
ต้นไม้นี้เห็นเขาถ่ายละ สวย จัดไป
อลังการจ้าาาาา ป่ะเดินต่อ พักเป็นระยะ เอ้อลืมบอก พวกเรากินไข่บนดอยน่ะ แต่เราเก็บขยะลงมาด้วย โปรดรักษาความสะอาดเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาตินะคะทุกคน
เนี่ยพึ่งเดินลงได้แค่ 1 กิโลเองงง พักเป็นระยะ ดีนะที่เราออกกำลังกายมา
จุด 6 เอง ลืมถ่ายจุด 7 มานะครับ 5555
จุด 5 ล้าววววว
จุดชมวิว ที่จุด 5 เลยจ้า เมื่อคืนที่นี้ดาวสวยมากเลยจ้าา
มาพร้อมกัน 2 กงจ้า เราลงทีหลังเพราะมัวแต่ถ่ายรูป55
น้อง แมง คาบ เทิ่ง ตี้ สูง เน้อ
จุด 4 แล้ว เหมือนชื่อจุดเขาจริงๆนะ
ดูดิ กางแขนรอแล้ว
จุด 3 ห้ามไปจับเชี่ยวนะ อันที่คล้ายหนามอ่ะ ร้องเลย อย่าว่าช้างร้องเลย อะไรก็ร้องหมดอ่ะถ้าจับโดน
ไข่จั๊กจั่นจ้าาาาา น่าไข่เอ้ย ไม่ใช่ 555
จุด 2 แล้ว แดดมาค่ะ เฮ้อออออ หมดกันทะเลหมอกหน้าลานกางเต้นท์
เหมือนอยู่ต่างประเทศยังไงยังงั้นเลยอ่ะ
นี้ไงทะเลหมอกจ้า เดินไปแล้วหาให้เจอนะ ไม่มีชื่อจุด ไปหาเจอเพราะความซุกซนอ่ะ ไม่ใช่55
คุณหมอกกะคุณสน น่าค้นหาจริงๆๆ หลงรักเธอแล้ว "ผ้าห่มปก"
3 กิโลหรือ หลอกดาวมากคะ สี่โล พุ้นเด้อ "ม่อนวัดใจ"
มาแล้วถึงจุด1 พอดีคับ หิววววววมากกกก ไปหารัยกินกัน
มาม่าคับเหมาะสุด เพราะอากาศเย็นๆ เขาจมูกเลย แกใส่น้ำร้อนเยอะไปอ่ะ เจือจางหมด น้ำจิ้มเมื่อคืนเหลือ เทเลยสิค่ะ 555 อร่อย มาม่า 20 บาท โดนัทนี้หรอ 10 บาทจ้า
ไปนั่งกินที่ศาลากัน แดดร้อนมาก
ข้างล่างตรงนี้น่าลงไปถ่ายวิวอ่ะ เหมือนฉากหนังเรื่องแวมไพร์เลย 555
เพื่อนไปอาบน้ำ 2 คน เรารอคิวอยูเต้นท์ 2 คน แล้วพี่ที่แชร์กะเราก็มาเรียกว่าลงไปกันเลยไหม เราตกลงว่าไปเลยเพราะสายแล้วววว เราสองคนที่รอเลย ไม่ได้อาบน้ำกันอี๊ก ป่ะ รีบเก็บของ พี่คนขับรถพาเราไปส่งถึงฝางเลยไม่เสียค่ารถอีกแล้วเย้ๆๆ แต่เราต้องไปส่งพี่คู่รัก สอง คนที่อุทยานก่อนนะ พี่เขาจะลงไปอาบน้ำ เราอยากไปอาบน้ำร้อนแช่ฮอนเซนเหมือนกันเด้อ แต่ไม่มีเวลาแล้ว พวกเราช้าเอง
บายๆ น้ำพุร้อนฝาง
มาถึงตลาดฝางเวลา 11.25น. รถออก 11.40น. รีบเอาเป๋าวางไว้ หาของกินกันเต๊อะ หิวๆๆ
ได้นี่จ้า กล้วยปิ้ง ของเขาอร่อยจริง ที่มีปลูกกล้วยเยอะมากกกก
สีส้ม คือ อะไรอ่ะ ฟักทองงงงง หรอ น่ากินจัง
ไปถึงแก่งปั้นเต๊ง มีร้านค้า ร้านกาแฟ สวยๆ ฮิมน้ำเน้อ
ถึงแล้วขนส่งช้างเผือก ถึงประมานบ่ายสามนิดๆ ช้ามากกกก นั่งรถเหลือง เชียงใหม่-จอมทองนะ ไปจอมทองกันเพราะเราจะไป่อินทนนท์กันเจ้าาา
นั่งรถนานมากกกก ถึงจองทอง 17.30น. ร้านเช่ามอไซปิดหมด โทรกะบ่มาเปิดให้ บอกว่าค่ำแล้วเขาบ่ให้ขึ้นดอย กะบอกว่า บ่ได่ขึ้นดอย จิไปนอน กะบ่เซื่อเฮาเลย
ดี่ที่ลุงขายข้าวหน้าร้านทอง พาไปหารถเช่า ตรงร้านเช่ารถคับ เจ้าของร้านซ่อมก็เหมือนด่าเราว่าไม่วางแผน แต่เราโทรหาอุทยาน ร้านเช่า กะบ่มีคนรับสายเน้อ วุ้ยยยยย
ดีที่ได้ยืม ร้านแกตรงข้ามวัดจอมทองเลยเด้อ ค่ารถ 300 บาทต่อวัน เติมน้ำมันเอง มัดจำ 1,000 บาท พร้อม บัตร ปชช
เราไปเติมน้ำมันที่ ปตท เลยสี่แยกที่จะขึ้นอินทนนท์อ่ะ แล้วกลับรถมา เลี้ยวขวาขึ้นดอย 30 กิโลคราบบบบ ไปหาที่ทำการอุทยานก่อนเพื่อจ่ายค่าเต้นท์ เช้าเครื่องนอน
แล้วก็กลับรถไปเลี้ยวที่ รพสต. เลี้ยวซ้าย ที่ลานสน เน้อ
มีร้านอาหาร ตลาด เยอะแยะ คนเยอะกว่าผ้าห่มมาก เราปูที่นอนแล้วไปอาบน้ำกันก่อนจ้าาาาา
เสร็จไปชาร์จแบตที่ศาลา ถ้าจะดีเอาปลั๊กต่อมาด้วยนะเพราะมี 2 รูเอง
เราไปกินข้าวดีกว่า ไปกินส้มตำปูปลาร้ากับไข่ปิ้ง 5555 ส้มตำอีกแล้ววว อากาศเย็นมากเลย สั่นด้วย
พวกเราเสร็จธุระ เริ่มเข้านอน 22.00น. กันจ้า เพื่อตื่นเวลา 04.40น. เพื่อล้างหน้าแปรงฟันไปขึ้นดอยอินทนนท์กันนนน แต่งหน้าพร้อม
อรุณสวัสดิ์ เช้าแล้ว ออกจากเต้นท์ ตีห้าครึ่งจ้า แล้วไปขึ้นดอยประมาณ 15 กิโล โดยมอไซ รถขึ้นก็เยอะจ้าทั้งสี่ล้อ สองล้อ เอ้าาวว ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน
พระอาทิตย์มาแล้ว อากาศเช้านี้ 4 องศา มือสั่น ขาสั่น กดชัตเตอร์แทบไม่รอดจ้าา
จองถ่ายกันยกใหญ่ คือด้านหลังทางขึ้นกิ่นปานแต่เราไม่รู้ไง ไม่เดินไปสักที คนเต็มทางเดิน ต่อแถวยาวมาก
หนาวจริง ควันออกปากเลย
ไปดูกันเถอะ "กิ่วแม่ปาน"
เช้านี้ 4 องศาจริงนะ แต่ตอนที่เราเข้ากิ่วแม่ปานมัน... 6 แล้ว แต่ยังหนาวอยู่เลย
เจ้าผีเสื้อแสนสวย
นี้คือ ไกด์นำทางของเรา ค่าไกด์ 200 บาท
มีทั้งหมด 21 จุด ด้วยระยะทาง 3 กิโล
ลำธารจากยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทย
สะพานริมทางเดิน
มีเฟริ์นกับมอสอีกแล้ว
เห็นแล้วทะเลหมอก ตรงนี้เข้าห้ามออกไปที่ทุ่งหน้านะ
ข้างฟ่าง อะไรนี้แหละ ลืมชื่ออีกแล้ว 55
ว้าวววว โอเอ็มจีเลยจ้า อยากไปนอนท่ามกลางที่นั่น 55
สะพานนี้มี สอง ระดับ ไปถ่ายได้ทุกระดับเลยจ้า แต่ห้ามปีน รั้วไม้นะ เดี๋ยวตกเขาเอาซะดื้อๆ 555
เหมือนใกล้ชิดหมอกมากเลยเนาะ
กดชัตเตอร์ได้สบายล่ะ สายล่ะ เริ่มไม่หนาวแล้วจ้า
ดอกไม้นี่ ขึ้นได้ทุกที่ของภาค เขาบอกมา ไกด์น่ะบอกนะ 55
ตรงนี้เป็นผาแง่มน้อย อาจจะเจอเลียงผาก็เป็นได้
มีรั้วตลอดทางเดิน
ดอกไม้บนที่สูง
กุหลาบพันปี มีดอกออกมาบางสะพรั่งให้เราดู
กุหลาบนี้อยู่กลางเหวววว แต่ไม่มีดอกนะ
มุมนี้หลังพระธาตุ
ไม่ได้กระโดนนาาาาาา สวยยยยยจัง
เดินกลับแล้วววว จ้าา
กินส้มตำอีกแล้ว แล้วลงไปเที่ยวต่อกัน
ไปสถานีเกษตรหลวงดอยอินทนนท์ ค่าเข้า 20 บาท
แล้วเพื่อนเราก็โทรตาม บอกว่ามาขอของที่เต้นท์ เขามาเข้าค่ายพักแรม คือ เราจะไปเที่ยวต่ออ่ะ แล้วต้องกลับไปเก็บเซ็งอ่ะ มาเบียดเบียน ทีหลังเอาเต้นท์มาเองนะ อย่ามาเบียดเบียนแบบนี้ ฉันก็เสียเงินเข้าเหมือนกัน สุดท้ายเราตัดสินใจเดินทางกลับ ไปเลย "สถานีเกษตรหลวงของฉัน" บายยยยยยยยย
จองรถทัวร์นครชับว่าจะกลับก็ไปจ่ายเงินไม่ทัน
ก่อนถึงจองทองมีไร่สตอเบอร์รี่ แวะซื้อเป็นของฝากกันนะทุกคน แพ็คเกตสวยมาก555
เราถึงจอมทองตอน 13.30น. คืนรถก่อน แล้วไปไหว้พระธาตุจองทองก่อนกลับ
นับอีก 4 วันต่อจากนี้ลูกจะขึ้นฝึกงานบนตึกผู้ป่วย ขอให้เจอแต่ความโชคดี ฝึกผ่าน มีเวลาพัก อ่านหนังสือ จำได้ ที่เรียนผ่านมาจำได้ดี ไม่โดนด่า ทำงานเสร็จทัน ตลอด 7 เดือนของการฝึกให้รอดปลอดภัยค่ะ
ล า แ ล้ ว เ มื อ ง ล้ า น น า ... อาจจะเจอทริปอีกที ที่
แ ม่ ฮ่ อ ง ส อ น เ จ้ า
thikan
วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.38 น.