ต้องมนต์เสน่ห์เมืองเล็กในหุบเขา "สะเมิง-เมืองคอง เชียงดาว"


เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้มีเวลาวาปไปเชียงใหม่หลายวัน เลยได้ไปสัมผัสเมืองเล็กๆที่ไม่เคยไปเที่ยวมาก่อนเลย แต่ครั้งนี้มีโอกาสได้ไปสัมผัสความมีเสน่ห์อีกสถานที่ทั้งที่พักสุดอาร์ตและเป็นกันเอง ความน่ารักของเจ้าบ้านที่ได้ไปพักผ่อนค้างคืน 2 คืน กับ 2 สถานที่ ที่แตกต่างแต่ก็ไปแล้วจะหลงรัก บอกเลย.......
  • สะเมิง ( ปั้นดิน รีสอร์ท แอนด์ อาร์ท , พระธาตุดอยนก , อุ๊ยแก้วกาแฟ คุ้มสะเมิง)
  • เมืองคอง เชียงคาว ( เมืองคอง อ้ายด่องโฮมสเตย์ )

"มาสะเมิงสักครั้งแล้วคุณจะรักสะเมิงตลอดไป"

เขาว่ากันอย่างนั้น
ใครๆก็รู้จักสะเมิงกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกสตอเบอร์รี่ชั้นเยี่ยมของประเทศไทย เมื่อถึงฤดูหนาวผู้คนต่างก็พากันมาเลือกซื้อสตอเบอร์รี่ที่นี่กัน แต่การเดินทางครั้งนี้เราไม่ได้ไปช่วงหน้าหนาวหรือช่วงที่เค้าปลูกสตอเบอร์รี่กันแต่เราได้จังหวะไปช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่เขาเพิ่งลงปลูกต้นสตอเบอร์รี่กัน แต่เราอยากไปสัมผัสสะเมิงที่แตกต่างจากฤดูท่องเที่ยว

ตามมากันเลยเริ่มต้นการเดินทางไปสะเมิง จุดหมายคืนนี้อยู่ที่ "Pundin Resort and Art" ซึ่งได้จองที่พักไว้เป็นที่เรียบร้อย การเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ - สะเมิง เส้นทางเต็มไปด้วยธรรมชาติสองฝั่งทาง

เป็นที่พักอยู่เชิงดอยนก "สะเมิง" ห่างจากตัวเมืองสะเมิงประมาณ 7 กม.อยู่บนถนนทางไปตำบลยั้งเมิน-สะเมิง จะสังเกตุเห็นว่ามีบ้านพักหลังเล็กๆ เรียงรายกันอยู่ทางด้านขวามือ ปั้นดินรีสอร์ท แอนด์ อาร์ต ดีอีโครีสอร์ท ห้องพักสะอาดมีห้องน้ำแบบเปิดโล่ง มีศิลปะและธรรมชาติแห่งนี้มีบ้านไม้พาเลทรองรับถึง 7 หลัง

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีกิจกรรมน่ารักสำหรับเอาใจคนรักงานอาร์ตอย่างการปั้นดิน เพื่อให้ผู้ที่มาพักได้รู้สึกอบอุ่นไปพร้อมๆ กัน

มาดูห้องพักกันดีกว่า เป็นอะไรที่เกร๋ๆมากเลย ตกแต่งด้วยงานศิลปะของเจ้าบ้าน ก็ยังมีทีวีไม่ให้เบื่อด้วยนะ

นี้ก็จะเป็นโซนแกลอรี่ของที่นี่มีทั้งงานปั้น งานวาด และเป็นห้องกิจกรรมสร้างสรรค์ศิลปะสำหรับลูกค้า

พอตะวันตกดินก็จะถึงมื้อค่ำ อยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวเหงาเพราะจะมีลานชมดาวที่อยู่เชิงเขาด้านหลังห้องพัก ทำปิ้งย่างเป็นมื้อค่ำหรือจะสั่งอาหารพื้นเมืองผ่านที่พักก็ได้ เจ้าของบ้านที่นี้ก็ใจดีด้วยนะ มานั่งพูดคุยกับลูกค้าเล่นกีต้าร์ร้องเพลงขับกล่อมให้แก่ผู้ที่มาเข้าพัก จนได้รู้ถึงที่มาของที่นี่ เจ้าของบ้านปั้นดินชายหนุ่มผู้มีความฝัน จากที่รู้ว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานประจำ เลยออกเดินทางก็เลือกที่จะมาเที่ยวที่นี่ จากที่ได้อยู่ได้ไม่นานดันเกิดหลงไหลในไอหมอก ลมหนาวของเมืองสะเมิงแห่งนี้ จนวันนี้ความฝันของหนุ่มคนนี้ก็เป็นจริง บนพื้นที่ประมาณไร่เศษๆเกิดที่พักสุดติส ศิลปะ และธรรมชาติ ที่ทำให้เข้ากันได้อย่างลงตัว



ในช่วงเช้าก็ยังมีกิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่จะแนะนำว่าห้ามพลาด ไปดูทะเลหมอกกัน “พระธาตุดอยนก” ซึ่งเมื่อคืนได้พูดคุยกันกับพี่อาร์มเจ้าของ "ปั้นดิน รีสอร์ท แอนด์ อาร์ท" ด้านหลังที่พักจะเป็นพระธาตุที่ตั้งอยู่บนดอยนก ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมทะเลหมอกสวย แต่ช่วงที่ไปนั้นทางที่รถสามารถขับขึ้นไปได้ มีต้นไม้ล้มและดินสไลด์เนื่องจากก่อนวันที่ไปพักเกิดฝนตกหนัก เลยต้องใช้อีกวิธีโดยเดินขึ้นไปทางบันไดใกล้ที่พัก

ซึ่ง “พระธาตุดอยนก” เป็นพระธาตุที่ตั้งอยู่บนดอยนก ในพื้นที่บ้านแม่สาบ สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 740 เมตร อยู่ท่ามกลางป่าดงดิบเขาและป่า แต่ในความยากลำบากของการขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยนกนั้น เมื่อได้ไปถึงแล้วถือว่า “สุดคุ้ม” เนื่องด้วยที่นี่มีอากาศเย็นสดชื่น

พร้อมทั้งชมวิวอำเภอสะเมิงได้อย่างถนัดตา และหากในห้วงบรรยากาศของฤดูหนาวนี้ ถ้าได้ขึ้นไปตอนเช้าตรู่ ราวๆสักตีห้าหรือหกโมงเช้าท่านก็จะได้สัมผัสกับทะเลหมอกอันสวยงาม พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นต้อนรับวันใหม่

เมื่อลงจาก "พระธาตุดอยนก" พี่อาร์มก็จะพาไปกันที่ตลาดสะเมิงไปกินมื้อเช้าที่นั้นกัน มาช่วงนี้ลูกค้าน้อยเลยได้พิเศษหน่อย ออกไปกินมื้อเช้าและยังได้สัมผัสวิถีชีวิตของสะเมิง

ร้าน โจ๊กสามแยกสะเมิง เป็นร้านที่พี่อาร์มแนะนำเลย มาสะเมิงต้องลองมาชิมกัน

นอกจากโจ๊กแล้วยังมีน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ให้กินอีกด้วยนะ เช้านี้อิ่มกันไปตามๆกันเลยจร้า

มาแล้วหน้าตาโจ๊กสะเมิง และปาท่องโก๋กรอบๆพร้อมนมข้นหวาน กับอากาศกำลังดีในตอนเช้า

ถัดจากร้านโจ๊กเดินไปนิดนึงก็จะเจอ ตลาดเทศบาลหรือตลาดสดในตอนเช้า วันจันทร์ก็จะคึกคักหน่อยเพราะเป็นตลาดนัดที่มีชาวบ้านและชาวเขาออกมาขายของกัน

จะเป็นบรรยากาศตลาดของสะเมิง เรียบง่าย และไม่วุ่นวาย ผู้คนน่ารักยิ้มแย้มให้กันตลอดเลย

เดินไปทั่วตลาดก็ได้จัดชุดชาวเขามา 1 ชุด เปลี่ยนชุดใส่เดินตลาดกันเลย

ก่อนที่จะบอกลาพี่อาร์มเจ้าของ ปั้นดิน รีสอร์ท สุดติส ได้แวะไปนั่งจิบกาแฟที่ "คุ้มสะเมิง"

"อุ๊ยแก้วกาแฟ" ที่สาขาอยู่หน้า "คุ้มสะเมิง"

ร้านเป็นเรือนไม้ บรรยากาศ ร่มรื่น มีมุมให้นั่งดื่มกาแฟอยู่หลายมุม อยู่โซนหน้าของ"คุ้มสะเมิง เชียงใหม่"

ตกแต่งร้านในสไตล์ล้านนา มีเครื่องดื่มกาแฟ ขนมเค้ก

จากนั้นก็ได้สั่งกาแฟมานั่งจิบพร้อมกับบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ และอากาศดีมากเลย

ที่นี่ยังมี บ่อน้ำแร่ (onsen) สไตน์ไทยจะเปิดให้บริการ แต่วันนี้เสียดายไม่ได้ลงไปแช่ เพราะต้องไปต่อเมืองคอง

การเดินทาง ถึงสามเเยก หันหน้าเข้าที่ว่าการอ.สะเมิง ให้เลี้ยวซ้าย ตรงไป 500 เมตร อยู่ซ้ายมือใหญ่โตอลังการมาก

ต้องลองไปพักที่นี้สักครั้ง"ปั้นดิน รีสอร์ท แอนด์ อาร์ท Pundin Resort and Art"แล้วคุณจะหลงรักบ้านปั้นดิน และสะเมิง มาสัมผัสคือบรรยากาศที่สงบเงียบ ที่หลายๆคนเรียกว่า Slow Life (สโลว์ไลฟ์)

"ออกไปสำผัสกับที่พักในมุมมองที่แตกต่าง แนวอาร์ตๆใกล้ชิดกับธรรมชาติได้ก่อนใคร"


และหลังจากที่เรากลับมาแล้ว ก็ได้ติดตามเพจของ "Pundin Resort and Art" อยากบอกเลยว่าตอนนี้พี่อาร์มได้ปรับตกแต่งที่พักเพื่อรอรับลูกค้าที่จะไปสัมผัสอากาศหนาวได้อย่างสวยและลงตัวด้วยงานศิลปะ เราขออนุญาตินำภาพของปั้นดินล่าสุดจากเพจของที่พักมาให้ชมกัน


ที่นั่งชิลฟังเพลงริมสระเล็กๆ

ล็อบบี้หน้าบ้าน

ระเบียงชมดาว ลานกว้างไว้สำหรับปิ้งย่างปาร์ตี้กันชิลๆกับเพื่อนๆ

Treehouse artgallery

เปลตะข่ายไว้ให้นั่งๆนอนๆชิลๆ
ปล.ขอบคุณภาพสวยๆจากเพจ Pundin Resort and Art เห็นแบบนี้แล้วหนาวนี้ยังไม่รู้จะพักที่ไหนบอกเลยว่าต้องไปลองที่นี่กันที่พักที่มีมากกว่าคำว่าที่พัก

วิถีชีวิตแบบ Slow Life กลางหุบเขา "เมืองคอง"

"เมืองคอง" เป็นเมืองแห่งท้องทุ่งนาจริง ๆ มีแต่นาข้าวสลับกับภูเขาและสายน้ำ กระท่อมปลายที่พักโฮมสเตย์ท่ามกลางหุบเขา เที่ยวเมืองคองนาขั้นบันไดกับวิถีชีวิตกับธรรมชาติที่ลงตัวมากครับ เป็นเมืองที่น่าอยู่มากๆไกล้ชิดกับธรรมชาติที่สุด

ก็เดินทางออกจากสะเมิงมุ่งหน้าไปสู่ อำเภอเชียงดาว ที่เราจะไปตามหาก็คือ "เมืองคอง"เพราะก่อนหน้าที่จะเดินทางมาเที่ยว ได้ยินคำว่าเมืองคอง เชียงดาว เป็นหมู่บ้านกลางหุบเขาอีกที่หนึ่ง

การเดินทาง เมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เส้นทางเดียวกับไปบ้านนาเลาใหม่(ระเบียงดาว) เพียงแต่เมืองคองเลยบ้านนาเลาใหม่ไปอีกประมาณ 27 กิโล หากใช้รถส่วนตัวก็วิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ผ่านแยกเข้าระเบียงดาว ก็ขึ้นตรงไปเลย ถนนปูนทั้งเส้น ไม่ลำบาก เพียงแต่คดเคี้ยว และแคบ ต้องระวังรถที่สวนมา

ใช้เวลาการเดินทางจากสะเมิงมาที่นี้ทั้งหมดเกือบๆ 5 ชั่วโมงกันเลยจร้า ตอนแรกก็นึกว่าจะหลงสะแล้ว เพราะในช่วงเดินทางที่พ้นจากบ้านนาเลาใหม่แล้วก็จะภูเขาและป่าตลอดเส้นทาง บ้างช่วงอินเนอร์เนตก็ขาดหายไป แต่พอได้เห็นบ้านก็ชื่นใจ ขับไปเรื่อยๆเจอร้านค้าของชำก็ลงถามว่านี้เรามาถูกทางมัย บอกว่าถูกแล้วแต่ต้องขับไปต่ออีก 3 กิโล และอ้ายด่องก็ใจดีโทรเช็คเป็นระยะว่าถึงไหนกันแล้ว

มาเมืองคองทั้งทีก็ได้จอง "เมืองคอง อ้ายด่องโฮมสเตย์" ช่วงที่ไปนั้นเป็นฤดูนาข้าวพอดี ต้องจองที่พักกันล่วงหน้ากันเลย

มาถึงแล้วเมืองคองโฮมสเตย์มาถึงสะมืดเลย มื้อเย็นก็ไม่ได้เตรียมกันมาเลยสั่งกับข้าวกับอ้ายด่อง แต่ไม่ต้องกลัวอดนะ ที่นี้มีแปลงผักปลอดสารพิษให้เก็บทำกับข้าวกินกันเองได้เลย

ที่นี่เป็นบ้านพักทรงแปลกตาทำจากไม้ไผ่ มีห้องนอนที่เรียบง่ายอยู่ติดกับชายทุ่งท้ายหมู่บ้านเลย มีระเบียงไม้ไผ่ที่สามารถทำกิจกรรมยามค่ำคืนได้ด้วยนะ ที่นี่มีห้องนอนหลายขนาดบ้านไม้ไผ่มี 4 หลัง หลังเล็กนอนได้5คน หลังใหญ่นอนได้10คน

เป็นห้องน้ำรวม เจ้าของคืออ้ายด่องใจดีสุดๆครับ....ค่าที่พักก็ 350 บาท/คน/คืนคะ

ซิกเนเจอร์ของบ้านอ้ายด่อง ครัวคะครัว ครัวเปิดโล่งรับวิวนาขั้นบันได ในวันนั้นได้เก็บยอดฟักแม้วสดๆมาผัดน้ำมันหอย ยังมีผักที่อ้ายด่องปลูกไว้รอบบ้านอีกหลากหลาย สามารถเก็บมาปรุงอาหารกินกันเองได้เลย

นี้งัยอ้ายด่องมาก่อไฟให้แล้ว เราก็เตรียมตะกร้า กรรไกร ไปเก็บยอดฟักแม้วกัน

ได้ผักมาแล้ว เมนู "ยอดฝักแม้วผัดน้ำมันหอย" ก็จึงได้เกิดขึ้น

เช้าวันใหม่ ณ เมืองคอง ตื่นมาหน้าเปิดประตูออกไป ก็จะเจอทุ่งนาเขียวขจี หอมกลิ่นต้นข้าว แล้วสดชื่น

อากาศก็จะเย็นๆหน่อย มาต้มน้ำร้อนผิงไฟให้อุ่นๆกันหน่อย

มื้อเช้าของนี้สามารถสั่งออเดอร์เพิ่มได้ จะเป็นชุดอาหารพื้นเมืองของที่นี้

เช้านี้เราก็ยังติดใจยอดฝักแม้วของอ้ายด่อง ก็ต้องเก็บมาผัดน้ำมันหอยกันอีกมื้อ

มาแล้วมื้อเช้า จะมีพี่ดามาส่งอาหารให้ใส่ปิ่นโตมาจัดใส่ถาดให้หน้าห้องกันเลย

จากนั้นเมื่อกินอิ่มแล้วก็อยากเดินให้ย่อยกันหน่อย มีเพื่อนที่มาพักก่อนหน้าเราแนะนำให้ไปท้ายหมู่บ้านจะมีสะพานไม้แขวนสวยและอากาศดีมากเลย จะอยู่ช้าได้งัยล่ะ ก็เดินไปตามทางที่เขาบอกกันเลย

การเดินไปที่คลองท้ายหมู่บ้านก็ได้สัมผัสกลิ่นไอของวิถีชีวิตของที่นี้ได้เลย ว่าเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบมาก ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ร่มรื่นกันทุกบ้านเลย

ที่นี่ก็จะมีการทำงานสักสานจากไม้ไผ่ บ้านเกือบทุกหลังที่เดินผ่านก็จะนั่งก้มหน้าก้มตากันทำงานคนละไม้คนละมือ

ขอบคุณ เมืองคอง อ้ายด่องโฮมสเตย์ ที่สร้างที่พักให้แอบอิงธรรมชาติ ในอ้อมกอดขุนเขาในอำเภอเชียงดาว เมืองคอง ลองเถอะ แล้วจะหลงรักจริง ๆ นะ


- https://www.facebook.com/pundinarm/

บ้านมีทั้งหมด7หลัง ราคา1500บาทต่อคืน

- https://www.facebook.com/dingdongmuangkhong/

บ้านไม้ไผ่มี 4 หลัง หลังเล็กนอนได้5คน หลังใหญ่นอนได้10คน ราคาห้องพักคนละ350 ห้องน้ำรวม


How About Chillout

 วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.48 น.

ความคิดเห็น