!!! เมิงงง...วันนี้ ไปเดิน วังหลัง กัน ประโยคนี้จะดังขึ้นกับกลุ่มเพื่อนสาววัยมัธยมปลาย ถ้าให้นับถอยหลังไปก็น่าจะ 10 กว่าปีได้ มันจะเกิดประโยคนี้ขึ้นเกือบๆ ทุกวันจันทร์ แล้วก็แทบจะไม่เคยปฏิเสธกันซักครั้ง

วันจันทร์ ช่วงบ่าย จะเป็นเวลา หรรษา ของสาวๆ อย่างเราที่ เพื่อนชายต้องไปเรียน รด. สาวๆ อย่างเราก็หาที่ไปกันสิ่ บางคนก็ไปห้าง กลับบ้านบ้าง บางคนขยันหน่อย ห้องสมุดเล้ยยย ส่วนเราน่ะหรอ ตลาดวินเทจ เนี่ยแหละ ช๊อบ ชอบบบบ....

สมัยก่อนโรงเรียนเรามันติดท่าน้ำ (เกียกกาย) เดินทางนี่ก็จากท่าน้ำเกียกกาย - ท่าพระจันทร์เลย (จำไม่ได้ว่า ลงท่าน้ำอะไรแน่สมัยโน้น ท่า วังหลังเลย หรือ ท่าพระจันทร์แล้วนั่งข้ามฟาก) บางที่ก็รถเมลล์หน้าโรงเรียนไปลง สนามหลวง เดินอีกหน่อยไปท่าพระจันทร์ แล้วขึ้นเรือข้ามฟาก เกร๋ๆ

ถ้าถามกันจริงๆว่ารู้จัก ตลาดวังหลังได้ยังงัย ตอนนั้น จำไม่ได้เลย รู้แค่ว่าไปครั้งเดียวไม่เคยพอเลย พวกเรา มีความ enjoy กับการได้เดินตลาดแบบนี้มาก ของมือ2 มือ1 คือมันราคาย่อมเยาว์ เหมาะกับวัยมัธยมแบบพวกเราสมัยนั้นมาก แถมของมันจะแนวๆหน่อย ละคือความเกร๋ คือ ของมือ2เนี่ย มันจะมีอยู่ชิ้นเดียว เลือกดีๆ เลือกดีดี เนี่ย โค - ตร ชิค

...ละวันนึงอยู่ดีดี ก็นึกอยากจะไป อยากไป เช็คความวินเทจ ความชิคของสินค้ามือ 2 ซะงั้น อยากรู้ว่า วังหลัง ตลาดวัยรุ่นยุคเก๋า จะเปลี่ยนไปขนาดไหน....ไปกันเลยเน๊าะ

:

:

เวลาเปลี่ยน การเดินทางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเน๊าะ...ด้วยความที่ไปทำธุระมาก่อน...ไม่รู้จะเอารถไปจอดไหน ก็เลย จอดไว้ที่สาวรีย์นี่แหละ ยอมเสียค่าที่จอดเอา...เสร็จแล้วไปรอรถเมลล์มุ่งหน้าไปสนามหลวง เดินไปยังไม่ทันได้ยืนรอเลย เจ้าหน้าที่ พูดไปสนามหลวงๆ ไอ่เราก็ไม่รู้หรอกว่ารถเบอร์อะไร ไปสนามหลวงก็ขึ้นเลย จริงๆ ก็คือเป็น รถเมลล์ฟรี ที่พาประชาชนเข้าสนามหลวง เพื่อชมพระเมรุมาศ.....รถจอดก่อนถึงหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ครั้นจะเดินไป ก็ดูอ้อม ออกจะเหนื่อยๆ หน่อย ก็ อาศัยพี่วินไปลงท่าพระจันทร์โลด คนละ 40 บาท....เดี่ยวเราไปลงเรือ ข้ามฟากกัน

ค่าเรือข้ามฟาก 3.50

ตอนลงเรือจากท่าพระจันทร์ ด้านหน้าคนไม่เยอะเลยพอจ่ายเงินแล้วหมุนตัวไปเท่านั้นแหละ ผู้คนมากมาย

มีความคิดถึง ท่าวังหลัง

ยืนรอเรือก็ใช้ความระมัดระวังกันเน้ออออ

นี่เหมือนบอกตัวเอง ปีๆ นึงจะได้นั่งเรือกี่ครั้งเชียว ทรงตัวให้อยู่ก็ดีแล้ว

ขึ้นจากเรือด้วยความโงนเงน เล็กน้อย

มาถึงแล้ว เราก็จะไม่พูดพร่ำ ทำเพลง เดินสำรวจร้านรวงกันดีกว่า แต่บอกเลยวันนี้คนเยอะมาก

เราไปวันเสาร์ เน๊าะ คนก็จะมากมาย

ในส่วนแรกที่เดินเข้ามา แอบมึนโอ้ โห คนมากมายขนาดนี้เลยหรอเนี่ย

ร้านก็มีเพิ่มมาอีก ถ่ายยากมาก ด้วยความผู้คนเบียดเสียดกัน สีข้างแทบถลอก แต่ก็ไหลๆตามเค้าไป

มองซ้ายมองขวา มีทั้งร้านเดิม และร้านใหม่ ทั้งคุ้น และไม่คุ้น







ร้านแรก ผ่านไป อยากแวะ ใจจะขาด แต่คนเยอะไม่มีโต๊ะ ไม่เป็นไร ไหลๆ ไปก่อน




ร้านที่ 2 ผ่านไป ก็ยังคงต้องไหลๆ ตามๆกันไป ขายดิบ ขายดีกันมากที่นั่งไม่มีเล้ยย

หิวๆ แบบนี้ จะหันมากิน ฝักบัวละเนี่ย

ตัดใจ ยังไม่กินก็ได้ เดี่ยวเดินดูของก่อนก็ได้

เดินๆ มาซอยของมือ 2 อื้อหือเจอร้านนี้ น่ารัปทาน แต่ไม่มีที่นั่งอีกตามเคย

สุดท้ายเดินเสร็จก็มานั่งกินร้านนี้แหละ เตี๋ยวไก่ตุ๋น อร่อย

ซอยนี้เป็นของวินเทจ มือ2

กระเป๋า (มีทุกแบบ), รองเท้าผ้าใบ แตะ คัชชู บูธ, เข็มขัด, เสื้อผ้า

บอกเลยนะ เลือกดีๆ ได้ของดีเลยแหละ ละคือไม่แพง พ่อค้า แม่ค้าก็ใจดี

มากันในโหมด กระเป๋า


เข็มขัดหน่อยมั้ยล่ะ

ดูราคานะ

เห็นแล้ว คือ ถูกเน๊าะ เลือกๆ หน่อยได้เลยแหละ

วินเทจ มั้ยล่ะ

มาที่รองเท้ากันเลย

เริ่มกันที่ บูธ สูง โค-ตร ชิค

อยากจะแนวๆ ก็ลองแนวนี้ ราคาก้ออย่างเบา

ใส่แล้วสวยอย่างกะใส่แบรนด์ แต่ราคา เบ๊า-เบา

อยากได้สไตล์ Minimal ก็จัดสีขาวไปเล้ย

รองดูผ้าใบกันหน่อยเน๊าะ

ละลานตามาก

นี่แค่ซอยแรกนะเนี่ย

มาที่ เสื้อผ้า กันบ้าง

ถ้าใครชอบแนวนี้นะ ห้ามพลาด

อย่างกับไปรื้อตู้เสื้อผ้าแม่ ยุค 60 มาใส่


ชุดประจำชาติก็มา

เดินๆ ถัดไปอีกซอย เลยร้าน ซูชิ วังหลังไปจะไมีซอย ซ้ายมือ ของในซอยนี้ก็ปังๆ เหมือนกัน เสียดายที่เหมือนร้านเปิดไม่หมด แต่ก็ยังพอมีของ สไตล์ วินเทจ ให้เลือก


จะวินเทจ ก็ต้องวินเทจให้สุด


นี่ๆ มีร้านตัดผมด้วยอ่ะ

คือถ้าเปิดนะ จะเข้าไปตัดเล้ย

สุดซอยน้กันที่ร้านตัดผม

ไปต่อกันอีกซอยเน๊าะ ซอยนี้จะมีผลไม้อบแห้งขายอยู่ปากซอย

ซอยนี้มีทั้งของมือ 1 และมือ 2

แต่วันที่เราไปร้านปิดเยอะเลย

ของส่วนมากก็รองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋าสตางค์....

เดินไปให้สุด แล้วหยุดที่ซอยตัน 55+

หลังสุดเป็นร้านอาหาร เสร็จแล้วเราก็หันหลังกลับมาทางเดิม

ตัดภาพออกมาที่ซอยด้านนอก

ของด้านนอกก็มีให้เลือกเยอะ

ปล. ด้านนอกรูปจะไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะของก็จะเป็นของมือ1 ตามตลาดทั่วไป

แต่ราคาไม่ได้แพงมากมาย เลือกร้าน ถูกๆ ก็มีให้อยู่

ก่อนเดินออกจากซอยหลัก เราแว๊บบบ เลี้ยวไปอีกทางก่อนเดินไปท่าเรือ

เจอร้าน ลุงท่านนี้ ขายกำไล ข้อมือ ข้อเท้า ทำจากทองเหลือง

ไปยืนๆ ดูๆ เลือกๆ

ชอบตรงลุงบอกว่า "ใส่ดีๆ ใส่แล้วไม่หาย ไม่โดนปล้น ไม่ต้องระวัง เพราะมันเป็นทอง(เหลือง)"

ของลุงก็ไม่แพงนะ 100ต้นๆ มีหลายราคา

ราคาน่าร้ากกกก จับต้องได้

จากตรงนี้ตรงกลับที่ท่าเรือเลยจ้า

หันมาเห็นร้าน โรตี ยะยาห์ ซักหน่อยเถอะระหว่างรอเรือมารับ

รัปทานเสร็จ...เรือก็มาพอดีเลยค่ะคุณขา

ไปค่ะขึ้นเรือกัน ค่าโดยสารจ่าย พอถึงอีกฝั่งนะจ๊ะ

เวลาเย็นๆ ริมน้ำเจ้าพระยา มันดีแบบนี้นี่เอง


ไปค่ะ ขึ้นฝั่งแล้วไปจ่ายค่าโดยสารค่ะ

ออกจากท่าพระจันทร์ อยู่ๆก็อยากไปหาอะไรกินที่ท่ามหาราช

ไอติมเย็นๆ ซักแท่ง

น้ำเย็นๆ ซักถ้วย

ไปค่ะ ไปท่ามหาราชกัน

เกร๋ เน๊าะ ใช้แสง และเงา

มากินชาเย็นๆ กันดีกว่า ร้านนี้เลย Favour Cafe'

บอกเลย ชามะนาว เจ้มจ้นมาก เปรี้ยวถึงใจที่สุด ถูกปากมาก

นอกจากถูกปากแล้ว ร้านยังจัดได้ถูกตา ถูกใจ ดึงดูดมาก

และชาแก้วนี้ที่ถูกปากกมากกก

ตรงข้ามกันเป็นร้าน ไอศกรีม นี่ก็ดึงดูดไปอีก

ไปค่ะ ขอซักแท่ง ให้เย็นถึงใจ

ร้าน "Stickhouse"

เลือกรส แล้วเลือกtopping ที่อยากได้เลย

ราคาอาจจะสูงหน่อย แต่คือบอกเลย รสชาติไอศกรีม เข้มข้นมาก ละคือละลายช้ามาก

ถ้าจำไม่ผิด เป็นไอศกรีม สัญชาติ อิตาลี

ไปลองกันนะ

ใส่ Toping แต่งหน้าอีกนิด

น้องไอศกรีมก็เลยมีหน้า ยิ้มๆ แบบนี้ค้า

เสร็จจากท่ามหาราช เราก็เลยตัดสินใจเดินเล่นไปเรื่อยๆ

ร้านตัดผม แนววินเทจ

จ.สงวนเดือน

เดินวนไปเรื่อยๆ ตึกแถวนั้นมันมีความลงตัวกันม๊าก มากกก

ถ้าบอกตรงๆ เหมือนมันเดิมตามถนนไปเรื่อยๆ จุดหมายเราคือ โรงแรมรัตนโกสินทร์ แต่แอบกลัวหลง เราเลยเปิด GPS มันก็เพลินๆ ดีนะ


ในที่สุดก็ถึง จ้า

พูดได้เลยว่า เดินเยอะมากวันนี้ นาฬิกาจับจำนวนเก้า บอกเราเดิน ไป หมื่นๆเก้า

โอโฮ!!!! เยอะเน๊าะ

:

:

ใครรุ่นๆเดียวกับเรา อยากไปย้อนวัย หาที่เดินเกร๋ เหมือนสมัยมัธยม

วังหลัง ยังมีอะไรน่าสนใจอยู่เหมือนเดิม

ใครยังไม่เคยไป ลองไปดู ไปช๊อปกันเน๊าะ

ของวินเทจ เพียบบบบ

บ้าย บายยยย

ขอบคุณที่อ่าน และชม จนจบนะคะคุณขา




























































ความคิดเห็น