สวัสดีเชียงใหม่ หนีร้อนมาพึ่งเย็น นอนเล่นที่ Wintree City Resort

“อยากพักผ่อน ปล่อยใจให้ว่าง แล้วเดินทางไปหาอากาศเย็นๆ” คิดอะไรไม่ออกก็จะต้องมาเชียงใหม่ มากี่รอบๆก็ไม่เบื่อจริงๆนะคะจังหวัดนี้ เป็นอะไรที่ลงตัวที่สุดแล้ว ทั้งการเดินทาง อาหารการกิน และอากาศเย็นสบาย พอเคลียร์งานจนมีเวลาว่าง 2วัน 1 คืน ก็รีบจัดทริปด่วน

วันที่ 1

- ทุ่งคอสมอสเมืองแกน

- เช็คอิน และทานอาหารกลางวันที่ Wintree City Resort

- ไปงานที่บ้านข้างวัด

- ทานอาหารเย็นที่ ที่พัก

วันที่ 2

- ภูฟินดอย

- เดินทางกลับ

เราเดินทางมาช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงที่อากาศสลับร้อนสลับเย็น ซึ่ง กทม. ก็เริ่มร้อนขึ้น แต่พอเดินทางมาถึงเชียงใหม่ในช่วงเช้า แค่ในเมืองก็ได้เจออุณหภูมิ 13 องศาเซลเซียสแล้ว ลมพัดแรงอีกก็ยิ่งเย็นเข้าไปใหญ่ เย็นจนหน้าชาเลย... เอาล่ะค่ะ เริ่มเดินทางกันได้แล้วๆๆ เรามุ่งหน้าไปที่ เทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง เพราะทราบข่าวมาว่า ทุ่งคอสมอสกำลังบานสะพรั่ง ด้วยความที่เป็นผู้หญิงรักธรรมชาติและดอกไม้ จึงไม่พลาดค่ะ


ใช้เวลาเดินเล่น ถ่ายรูปเล่นอยู่นานเป็นชั่วโมง กระทั่งแดดเริ่มมาตรงหัว ตอนนั้นไม่รู้ร้อนเพราะอากาศเย็นซะจนลืมร้อนไปเลย แล้วทุ่งคอสมอสก็สวยมากซะจนทำให้หลงอยู่ในนี้นาน รู้ตัวอีกทีก็เริ่มแสบหน้าแล้ว เพราะไม่ได้ทาครีมอะไรมาสักอย่าง ฮ่าๆๆ


การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ถนนหมายเลข 107 และเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 3038 (ทางที่จะไปเขื่อนแม่งัด) สำนักงานเทศบาลจะอยู่ทางขวามือ โดยมีลานจอดรถอยู่ก่อนถึงสำนักงานเทศบาล ซึ่งจะมีป้ายบอกทางอยู่ตลอด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจากตัวเมือง และมีรถรางคอยให้บริการ รับ-ส่ง เข้าสู่ทุ่งคอสมอส

อ่านข้อมูลและชมภาพเพิ่มเติม : https://gowithampth.com/muangkaen-chiangmai


อ่านมาถึงตรงนี้ คงมีคนเกิดคำถามว่า อ้าว แล้วถ้าไม่ได้ไปช่วงที่มีทุ่งคอสมอสล่ะ ไปเที่ยวไหนได้บ้างไหม” เรามีคำตอบไว้ให้แล้วค่ะ เมื่อขับรถมาทางเส้นทางนี้แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวรอให้มาเยือนอีก เช่น


เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล


น้ำตกบัวตอง – น้ำพุเจ็ดสี





จากนั้นเดินทางกลับตัวเมือง และเข้าเช็คอินที่พักของเราในทริปนี้ คือ Wintree City Resort ค่ะ อยู่ริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ ลำปาง เดินทางเข้าออกสะดวกดีค่ะ ไม่ไกลจากถนนนิมมานเหมินซะด้วย


เป็นรีสอร์ทในเมืองที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง ห๊า!!! ที่ต้อง ห๊า นี่เพราะว่า สภาพโดยทั่วดูใหม่มากๆแต่ว่ามีแขกเข้าพักไม่น้อยเลย คือแอบสงสัยว่า ทำไมคนถึงเข้ามาพักที่พักเปิดใหม่เยอะขนาดนี้ ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ทัวร์ ไม่ใช่ชาวต่างชาติด้วยนะ คนไทยสัก 90% ได้เลย ยิ่งทำให้อยากรู้อยากเห็นแล้วสิว่าเพราะอะไร (นี่ก็ไปช่างสงสัยอะไรเนี่ย ฮ่าๆๆๆ)


เมื่อเข้ามาถึงบริเวณหน้าฟร้อนท์และล็อบบี้จะมีโซฟานุ่มๆไว้ให้นั่งพักอยู่หลายตัวมาก พร้อมด้วย Welcome Drink เป็นน้ำอัญชันหวานเย็นชื่นใจ


รอไม่นานก็มีพนักงานพาไปที่ห้องพักค่ะ ห้องพักของเราวันนี้เป็นประเภทดีลักซ์ ห้องกว้างมาก อยู่ตรงมุมตึก สามารถเปิดม่านได้ทั้งฝั่งข้างเตียงและบนหัวเตียง ซึ่งจะมีช่องให้เดินบริเวณหัวเตียงได้ด้วย

ส่วนเตียงนอนเป็นขนาดคิงไซต์ นุ่มมาก!!!!! อันนี้สามารถเลือกเป็นเตียงเล็กสองเตียงได้นะคะ


ภายในห้องมีอุปกรณ์ให้ความสะดวกครบครันทุกอย่าง เน้นการตกแต่งเป็นสีน้ำเงิน ขาว เป็นธีมเดียวกับด้านนอกอาคารเลยล่ะค่ะ จะบอกว่าโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบสีน้ำเงินที่สุด รองลงมาก็คือสีขาว เมื่อเรามาเห็นนี่รู้สึกเหมือนว่า หูย!! นี่มันคือสถานที่สำหรับเรา หุๆๆๆ


หันมาอีกทางเจอห้องน้ำ อุ๊ย ดูโป๊เปลือยมาก เป็นกระจกใสบางๆที่กั้นตรงกลางเท่านั้น... พอสังเกตดูอีกที อ่อ มีผ้าม่านให้ปิดได้อยู่ แอบตกใจ นึกว่าจะต้องโชว์การอาบน้ำรวมไปถึงโชว์สกิลการเบ่งหนักเบากันซะแล้ว ^^


ห้องน้ำดูกว้างดีด้วยค่ะ ชักโครกนั่งสบาย กั้นห้องกระจกสำหรับโซนอาบน้ำอีกชั้นหนึ่ง หมุนปรับอุณหภูมิน้ำร้อนเย็นได้ตามใจชอบ มีเจลอาบน้ำ แชมพู โลชั่นไว้ให้ใช้


โดยรวมแล้วเป็นห้องที่น่าอยู่มากๆ ใหม่เอี่ยมอ่องทุกซอกทุกมุม ไม่มีกลิ่นเหม็นอับหรือกลิ่นใหม่ใดๆทั้งสิ้น แบบนี้เอาใจเราไปก่อนเลย




ห้องอาหาร

เก็บของ เข้าห้องน้ำ นั่งเล่นนอนเล่นจนหายเมื่อยแล้วก็ลงมาที่ห้องอาหารกันต่อค่ะ ช่วงกลางวันแบบนี้แขกท่านอื่นๆคงพักผ่อนอยู่ในห้องหรือไม่ก็ออกไปเที่ยวข้างนอกกันอยู่ ส่วนเราขอเข้ามาทานอาหารกลางวันที่นี่ก็แล้วกัน



มาเริ่มดูเมนูกันค่ะ แผ่นใหญ่มากถือถ่ายรูป สไตล์อาหารจะเป็นฟิวชั่นฟู้ด ทั้งไทยและฝรั่ง


สำหรับมื้อนี้เป็น บลันช์ (Brunch) ควบทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวันทีเดียวเลย ออกจะหิวโหยสักหน่อย จัดหนักเต็มโต๊ะกันเลยทีเดียว


มาเริ่มที่จานแรกค่ะ “สลัดผักสดโครงการหลวง” สามารถเลือกน้ำสลัดได้จาก 3 แบบ คือ 1. French Dressing (น้ำสลัดน้ำใส) 2. Italian Dressing (เข้มข้นปานกลาง) 3. Thousand Islands Dressing (ซอสเข้มข้น หอมมัน เปรี้ยวนิดๆ) เราเลือก Thousand Islands ค่ะ นึกถึงเวลาทานพซซ่าหน้า Thousand Islands อารมณ์จะคล้ายๆกันแค่เปลี่ยนจากแป้งเป็นผักสดๆกรอบๆ ทานง่ายอร่อยด้วยค่ะ


จานที่ 2 “ไก่ทอดวินทรี” เป็นเนื้อไก่ชุบแป้งผสมเครื่องเทศทอดกรอบ กรอบนอกนุ่มในรสกลมกล่อมดีค่ะ เราทานพร้อมกับหมี่ทอดกรอบและสมุนไพรทอดกรอบ ราดน้ำจิ้มด้วย อร่อยมาก


จานที่ 3 “สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า” อยากทานมาก พอได้ทานแล้วมันสมใจอยาก อร่อยมาก รสชาติเข้มข้นหอมมัน ใช่เลย เส้นก็นุ่มกำลังดีด้วย


จานที่ 4 “ปลากะพงราดซอสสามรส” จานนี้รสค่อนข้างจัด ทานกับข้าวสวยหรือผักสดๆจะลงตัวมากค่ะ


จานที่ 5 "ต้มยำกุ้งนาง" เมนูนี้รสชาติกลมกล่อมกำลังดีค่ะ ไม่จี๊ดจ๊าดเกินไป เนื้อกุ้งเด้งอร่อยมาก ซดน้ำร้อนๆนี่ใช่เลย


จานที่ 6 "ซุปข้าวโพด" รสชาติกลางๆ มีความเข้มข้นเล็กน้อย


เวลาเปิดทำการร้านอาหาร

Breakfast: 6:00 a.m. – 10:30 a.m.

Lunch: 12:00 a.m. – 3:00 p.m.

Dinner: 6:30 p.m. – 11:30 p.m.




หลังจากทานหมดเกลี้ยงทุกจานด้วยความเอร็ดอร่อยแล้ว ออกมาเดินย่อยด้วยการขอดูมุมต่างๆของที่นี่ต่อค่ะ


Wintree City Resort เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมานี้เอง และมีการจัดภูมิทัศน์ให้สวยงาม มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย เมื่อเข้ามาแล้วจะได้อารมณ์เหมือนไม่ได้อยู่ในเมือง จึงใช้คำว่า รีสอร์ท ต่อท้าย เพราะอารมณ์เขาได้จริงๆค่ะ


ประเภทห้องพัก

ที่นี่มีอยู่ทั้งหมด 4 อาคาร มีห้องพัก 4 ประเภท คือ Superior, Deluxe, Premier Garden View และ Duplex Suite แต่ละประเภทจะแตกต่างกันอย่างไรบ้างนั้น ตามมาชมกันค่ะ


1. Superior Room

เป็นห้องมาตรฐาน ที่ถือว่าเป็นมาตรฐานค่อนข้างสูงเลยล่ะค่ะ ขนาดห้อง 32 ตารางเมตร มีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมให้ใช้งานอย่างครบครัน ขนาดห้องกว้าง 32 ตารางเมตร ถือว่าพักแบบสบายๆได้เลยค่ะ เตียงนอนสามารถเลียกได้ทั้งเตียงเดี่ยวคิงไซส์ และเตียงคู่


2. Deluxe Room

ห้องประเภทนี้จะคล้ายคลึงกับประเภทซูพีเรีย แต่มีขนาดห้องที่ใหญ่กว่าถึง 35 ตารางเมตร คือห้องที่เราพักในวันนี้นั่นเองค่ะ


3. Premier Garden View Room

ขยับประเภทขึ้นมาอีกหน่อย ประเภทนี้มีขนาดกว้าง 39 ตารางเมตร สะดวกสบาย มีอ่างอาบน้ำ มีกำแพงกระจกที่มองออกไปแล้วให้ความรู้สึกเหมือนอาบน้ำในสวนเขียวๆ


4. Duplex Suite Room

ดีลักซ์ สวีท คือห้องพักประเภทที่อยากนำเสนอมากที่สุด ประเภทนี้มีความกว้างขวางโอ่อ่า ด้วยขนาดที่กว้างถึง 65 ตารางเมตร ตกแต่งสไตล์คอนโด 2 ชั้น เริ่มจากเปิดประตูเข้าไปจะพบชั้นแรกที่มีห้องน้ำสุดหรู และกว้างมาก มีอ่างอาบน้ำอยู่ภายใน ถัดไปเป็นเตียงนอนขนาดคิงไซส์ สามารถเปิดประตูกระจกออกไปนอกระเบียงได้ และเมื่อเดินลงบันไดมาจะพบกับชั้นล่างที่เป็นห้องนั่งเล่น มีโซฟา ทีวี โต๊ะ ห้องน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่สำคัญคือระเบียงด้านนอก สามารถลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำที่อยู่ติดอาคารได้เลย





พอช่วงเย็นเราออกเดินทางไปยัง “บ้านข้างวัด” ปกติบ้านข้างวัดจะเปิดให้บริการช่วง อังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00 – 18.00 น. *ปิดวันจันทร์ แต่วันที่เราไปเป็นช่วงที่มีงาน “สวัสดี คราฟท์ ครั้งที่ 3” พอดี ภายในงานจะเป็นการเปิดบูธสไตล์อาร์ตๆ จำหน่ายเสื้อผ้า ของใช้ หนังสือ อาหารและเครื่องดื่ม จำหน่าย มีฉายหนังกลางแปลง ให้อารมณ์คล้ายงานวัดที่ดูอบอุ่นเป็นกันเอง


ภายในบริเวณ “บ้านข้างวัด” จะมีบ้านกึ่งไม้กึ่งปูนเปลือย แบบ 2 ชั้น สร้างให้เหมือนบ้านในสมัยก่อน ตั้งอยู่ล้อมรอบกัน ตกแต่งด้วยของเก่าดั้งเดิม บ้านแต่ละหลังก็จะเปิดเป็นร้านขายของเแฮนเมด, ของตกแต่งบ้าน, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, งานไม้ , Bookoo studio Showroom งานคราฟท์และงานเซรามิก, Orn the Rose บ้านและสตูดิโอ ของหญิงสาวที่รักงานปักผ้า, ห้องสมุดเก๋ๆ เอาไว้นั่งอ่านหนังสือชิลๆ และในแต่ละเดือนที่ บ้านข้างวัด ก็จะจัดตารางเรียน workshop ให้ได้มีกิจกรรมสนุกทำกันด้วย ฯลฯ อีกทั้งบ้านทุกหลังหันไปทาง ลานหญ้าสีเขียว ที่ตั้งอยู่ไล่เป็นชั้นๆ เป็นลานกิจกรรม เอาไว้จัดงานและทำกิจกรรมร่วมกัน ในทุกเช้าวันอาทิตย์ที่นี่จะมีกิจกรรม Morning Market ซึ่งเป็นออกร้านจำหน่ายอาหาร ผักสด ผลไม้สดจากร้านที่ผ่านการคัดเลือกมาในบางช่วงของปียังมีการจัดกิจกรรมตลาดนัดมือสอง ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนนำของมือสองนานาชนิด ทั้งของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า ของทำมือ ของใช้ต่างๆ มาออกร้านวางขายกันในพื้นที่อีกด้วย

ที่อยู่ : 191-197 ม.5 ซ.วัดอุโมงค์ และวัดร่ำเปิง ถ.คลองชลประทาน ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50200

พิกัด : 18.776105, 98.948378

โทรศัพท์ : 095-0691-0888 , 090-056-9042 ,

Facebook : https://www.facebook.com/BannKangWat




แล้วก็กลับมาทานอาหารค่ำกันที่ Wintree ติดใจรสชาติจากมื้อกลางวัน และคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องกลับมาทานเมนูที่ยังไม่ได้ทานอีก ฮ่าๆๆๆ จัดหนักกันอีกมื้อค่ะ


เริ่มจาก “เชฟสลัด” เป็นสลัดครบเครื่องมาก ทั้งผัดสดๆ ไข่ต้ม เนื้อหมู เนื้อไก่ และกุ้ง ราดน้ำสลัดแล้วตักทุกอย่างให้อยู่ในช้อน ป้อนเข้าปากด้วยคำโตๆมันอร่อยสะใจดีมาก

ต่อมาเป็น “ซุปเห็ด” ด้วยความที่เคยชิมซุปเห็ดมาครั้งหนึ่ง จำไม่ได้ว่าจากที่ไหนและตั้งแต่เมื่อไร แล้วมันไม่อร่อยเอาซะเลย แต่พอได้ลองชิมของที่นี่แล้ว ความคิดเราเปลี่ยนไปเลย มันต้องได้เจอที่อร่อยๆแบบนี้สิ หอมกลิ่นเห็ดกรุ่นๆ ซุปเข้มข้น อร่อยมาก!


จานต่อมา "ไก่ผัดเม็ดมะม่วง" จานนี้รสชาติอร่อยดีมากค่ะ กลมกล่อมดีมาก ทานกับข้าวสวยร้อนๆอร่อยเลย


จานนี้คือ "ผัดไทยกุ้งสด" ชื่อธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดานะจ๊า... เป็นผัดไทยที่อร่อยไม่แพ้ร้านดังร้านไหนเลยแหละ แนะนำให้ลองค่ะ


และเมนูสุดท้าย "แกงจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่ายทะเล" น้ำซุปรสชาติกลมกล่อมลงตัวดีมาก ส่วนประกอบทุกอย่างอร่อยมาก เราชอบนะ เพราะทานบางที่จะเค็มไป บางที่อาจจะจืดไป แต่ของที่นี่อร่อยกำลังดีเลย




จากนั้นมาชมบรรยากาศยามค่ำคืนกันต่ออีกสักหน่อย ก่อนจะนอนพักผ่อนกัน ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดูโรแมนติกไม่น้อยเลยค่ะ แสงไฟสาดเบาๆมองเห็นวิวรอบๆแบบอบอุ่นๆ เหมือนเป็นรีสอร์ทที่อยู่ห่างจากเมือง แบบที่สามารถพักผ่อนอยู่แต่ในนี้ได้เลย




สวัสดียามเช้า ตื่นมาจิบชาร้อนเบาๆก่อน


ลงมาทานอาหารเช้ากันต่อค่ะ อาหารเช้าจะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ที่มีไลน์อาหารเยอะมาก เลือกทานกันได้เต็มที่ ทั้งข้าว กับข้าว แบบไทยๆ ข้าวต้มร้อนๆ แฮม ไส้กรอก ไขาดาว ไข่คน อย่างแบบฝรั่ง สลัดบาร์มาเต็มครบครัน ก๋วยเตี๋ยวก็มี ขนมปังก็มา ผลไม้ก็วางรออยู่ โอย..แทบเลือกทานไม่ถูกเลยค่ะ ที่สำคัญรสชาติดีซะด้วย โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยว ติดใจก๋วยเตี๋ยวที่นี่มาก ใช้ผักเป็นถั่วงอกและผักกาดขาว น้ำซุปหอมอร่อย ถ้าไม่แน่นพุงซะก่อนก็อยากจะจัดหลายๆชาม ^^


ขอชมอีกอย่างหนึ่งว่า น้ำฝรั่งและน้ำส้มอร่อยมาก!! โดยเฉพาะน้ำส้มนี่เป็นรสน้ำส้มแท้ๆคั้นสดๆ หอมกลิ่นส้มมาก อร่อยมากค่ะ


ตักไปตักมา โอ้โห เต็มโต๊ะ!! ^^"




มาเดินชมบรรยากาศก่อนจะเช็คเอ๊าท์กันต่ออีกสักหน่อยค่ะ อย่างที่บอกไปแล้วว่าที่นี่จะมีอาคารทั้งหมด 4 อาคารด้วยกัน และนอกจากห้องพักแล้วยังมีสระว่ายน้ำที่สามารถลงเล่นได้ตลอดเวลา แถมยังมีห่วงยางที่นอนยางนกยางไว้เป็นพร็อพให้อีกมากมาย


มีห้องฟิตเนส ไว้ให้ออกกำลังกายกันได้อย่างเต็มที่


Wintree City Resort

ที่อยู่: เลขที่ 72 ถนนเชียงใหม่-ลำปาง ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง เชียงใหม่ 50300

โทรฯ: 052 081 377

อีเมล: [email protected]




ก่อนกลับ เราแวะมากันที่ "ภูฟินดอย" ซึ่งเป็นสาขาแรกของภูฟิน ตั้งอยู่ที่ ตำบลน้ำแพร่ อ.หางดง ไม่ไกลค่ะ ภายในร้านตกแต่งให้เข้ากับธรรมชาติรอบๆร้าน มีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายโซน ทั้งนั่งบนโต๊ะ นั่งโซฟา หรือใครจะนั่งบนพื้นหญ้าเทียมก็เลือกกันได้ตามสบาย













ติดตามบันทึกการเดินทางต่อๆไปได้ที่ :

GowithAmp

https://facebook.com/GowithAmp

http://gowithampth.com

GowithAmp

 วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.58 น.

ความคิดเห็น