อยากไปรถไฟนำเที่ยวเส้นทางรถไฟลอยน้ำไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ตั๋วเต็มทุกเที่ยว มาปีนี้ด้วยความโชคดีที่เราผ่านหัวลำโพงเลยแวะเข้าไปถามหาตั๋วเส้นทางนี้ และก็ว่างพอดี เจ้าหน้าที่ห้องจำหน่ายตั๋วก็เลือกที่นั่งให้เราได้นั่งริมหน้าต่างฝั่งโค้งน้ำพอดีด้วย ค่าตั๋วโดยสารไป-กลับ 270 บาท ได้ตั๋วก่อนเดินทาง 5 วันไปนอนกอดแบบสบายใจ

วันเดินทาง วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561 หลังวันเด็ก 1 วัน มาถึงหัวลำโพงก่อนเวลาก็เดินเล่นถ่ายรูปรอเวลาขบวนรถไฟ 921 ออกเวลา 7:10 น.


มีนักศึกษาวิชาทหารมาเตรียมรอขึ้นรถไฟด้วยเราเลยถ่ายมุมสูงแทน


ถึงเวลาใกล้รถออกแล้ว ขึ้นไปรอบนรถดีกว่า ขบวนรถไฟนำเที่ยวสะอาดมาก


เจอที่นั่งตัวเองแล้ว เลขที่นั่ง 72 ริมหน้าต่าง คันที่ 12


นั่งสนุกมาจนถึงบางซื่อก็มีคนมาขอแลกที่นั่ง เขามากัน 2 คนแต่นั่งคนละที่ แล้วทั้งสองจุดก็ไม่ริมหน้าต่างด้วย เราไม่ได้ให้เปลี่ยน จะว่าเราใจร้ายก็ได้นะ ประสบการณ์ในการขอแลกที่ในขบวนรถไฟนำเที่ยวเส้นน้ำตกยังจำได้ดี เรายอมแลกที่นั่งแล้วเราก็อดถ่ายรูป ตลอดเวลาที่อยู่บนรถไฟ เรามีรูปวิวข้างทางไม่ถึง 5 รูป จากนั้นเราก็ไม่ใจดีอีกแล้ว นั่งรถจนเข้าเขตอยุธยาก็จะเห็นเจดีย์เก่าในระยะไกล


สักพักก็มีคนขายอาหารขึ้นมาขาย มีทั้งข้าวกล่อง ข้าวเหนียวหมู โรตีสายไหม ขนมพื้นเมืองต่างๆ เราก็ซื้อของกินมาตุนไว้สำหรับ 2 มื้อ ข้าวกล่อง 40 บาท ข้าวเหนียวหมู 30 บาท



นั่งกินชมวิวไปเรื่อยๆ เรานั่งฝั่งแดด และเราชอบแดดมาก แต่เราลืมไปว่าคนอื่นไม่ชอบเหมือนเรา น้องที่นั่งตรงข้ามเราถึงกับบ่นว่าร้อนมาก (ต้องขอโทษน้องด้วย ที่ชอบแดดจนเผลอตัวมากไปหน่อย) ไม่นานก็ถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แล้ว

ขบวนรถไฟหยุดรับผู้โดยสารที่จะไปดูและถ่ายรูป #รถไฟลอยน้ำ อีกเยอะจนต้องยืนกันไป และแล้วก็ถึงไฮไลต์ของทริปนี้ เส้นทางรถไฟผ่านน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทุกคนสนุกมากๆ เราก็ด้วย และยิ่งต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ห้องจำหน่ายตั๋วมากๆ ที่เราได้ที่นั่งที่ดีมากๆ ได้รูปสมใจ พอรถไฟจอดก็ลงมาซนด้านล่างกับเขาด้วย เจ้าหน้าที่ให้ขอมูลของลพบุรี (คนละชุดกับเจ้าหน้าที่รถไฟ) ให้ข้อมูลว่าน้ำลงเยอะแล้ว อยากเห็นช่วงลอยน้ำจริงๆ ต้องมาช่วงเดือนธันวาคม จะสวยมากๆ



คนเยอะมากมายมหาศาล แต่ทุกอย่างลงตัว สวยจนไม่ต้องกังวลเรื่องคนเยอะเลย เดินไปท้ายขบวนและวิ่งไปหัวขบวนอย่างสนุก เก็บภาพวิวและผู้คนไปด้วย



ถึงเวลาไปต่อที่สถานีโคกสลุงแล้ว ทุกคนขึ้นรถ พอเลยจุดพีคแล้วทุกคนก็นั่งเรียบร้อย แต่เรายังสนุกต่อ ด้วยการโผล่ไปถ่ายรูปต่อ




และรถไฟก็มาจอดที่สถานีโคกสลุง ลงมาเดินซื้อของได้เลย ชาวบ้านนำมาขายเอง ราคาถูกกว่าตลาดในกรุงเทพฯ แถมสดมากด้วย เราได้มะรุมอ่อนมาให้แม่ทำแกงส้มถุงละ 10 บาท และพุทธาถุงโต 20 บาท


ขบวนรถไฟกลับมาจอดที่สถานีรถไฟเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ให้เวลาเราเที่ยวแบบฟรีสไตล์ 3.5 ชั่วโมง ความคิดแรกจะไปรถรางชมสันเขื่อนและไปกราบพระใหญ่ก่อน แต่คนไปเยอะมากก็เลยตัดสินใจไปทุ่งทานตะวันก่อน มีรถตู้บริการไป-กลับ 50 บาท จุดที่เขาพาไปเป็นทุ่งทานตะวันผู้ใหญ่เตี้ย มีค่าธรรมเนียมเข้าชม 10 บาท ที่นี่เป็นพันธุ์ดอกใหญ่ เราจะเรียกทานตะวันแบบนี้ว่าดอกทานตะวันพันธุ์ปลาทูแม่กลอง (หน้างอ คอหัก)


เวลาถ่ายต้องนั่งยองๆ แล้วก็ถ่ายเสยขึ้น แต่กลายเป็นข้อดีอีกที่ได้สีท้องฟ้าสดๆ มาด้วย




ก่อนกลับเราก็อุดหนุนเมล็ดทานตะวันคั่วกันสดๆ 3 ห่อ 100 บาท ขาเข้าเราชิมของเขาแล้วก็ต้องอุดหนุนเขาหน่อย ไปนานรถตู้คันที่เรานั่งมาก็เต็ม ถึงเวลากลับมาส่งที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อีกครั้ง ตอนนี้เที่ยงเราไปต่อคิวขึ้นรถรางแต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่ารอบรถถัดไปบ่าย 2 ผู้โดยสารที่มากับรถไฟนำเที่ยวจะไม่ทันรถเที่ยวกลับกรุงเทพฯ โอเคๆ เดินเองก็ได้ มารอบนี้รอบที่ 3 แล้ว แค่ตั้งใจจะไปซนบนสันเขื่อนแค่นั้นเอง จากจุดบริการรถรางเดินมาริมน้ำก่อน มองทิศที่น่าจะเป็นสันเขื่อน เจอแล้วอยู่ด้านขวามือ จากนั้นก็เดินเลียบน้ำมาเรื่อยๆ ไม่ไกลมากนักก็จะถึงทางขึ้นสันเขื่อนแล้ว


เดินขึ้นบันไดมาด้านขวามือจะเป็นลานพญานาค


เดินต่อมาที่สะพานจุดนี้จะเป็น spillway หรือทางน้ำล้น


เดินต่อไปเรื่อยๆ เข้าไปในเขตสันเขื่อนที่มีถนนข้ามไปกราบพระใหญ่ เราก็เดินมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ทางโค้งของสันเขื่อนเพื่อถ่ายรูป


ก่อนเดินเข้ามาเราถามพี่ รปภ.ก่อนว่าเข้าได้ไหม พี่เขาบอกตามสบายแต่ระวังรถใหญ่ด้วย หลบดีๆ ก็สงสัยรถใหญ่คือรถอะไร สักพักรู้เลยก็รถรางนำเที่ยวที่เราไม่ได้นั่งไง 5555

พอทุกอย่างโล่งไม่มีคนแล้วก็เริ่มแอคชั่นบ้าบอตามแต่อารมณ์จะพาไป




ปิดท้ายหลังจากนั่งอาบแดดอยู่นานด้วยการกระโดด ตั้งมือถือถ่ายง่ายๆ แค่นับ 5


เดินย้อนกลับมาก็เจอรถกอล์ฟเช่าอีกหลายคันเตรียมจะเข้ามาในสันเขื่อนพอดี ถือว่าเราโชคดีที่มาได้ก่อน ไม่งั้นก็คงไม่กล้ากระโดด ขากลับแวะลงไปถ่ายความแรงของน้ำที่ล้น spillway มาด้วย


เดินขึ้นมาจนถึงตัวสะพานจะข้ามกลับก็หันมาถ่ายอีกสักมุม จุดนี้จะเห็นคนมาตกปลาเต็มไปหมด คนตกปลาบอกปลาเขื่อนอร่อย แต่รอบนี้ไม่ได้ชิม


เดินย้อนกลับมาเส้นทางเดิมกำลังตัดสินใจจะปีนขึ้นหอชมวิว (ต้องปีนเพราะลิฟต์เสีย) แต่ดูเวลาแล้วรอบนี้คงไม่ได้ขึ้น ไปหาอะไรง่ายๆ กินก่อนกลับดีกว่า เดินผ่านลานโล่งๆ จะเห็นพระบรมสารีริกธาตุมาจากวัด (ขออภัยไม่ทันได้ถาม รีบมากจริงๆ) มีพระสงฆ์มารับถวายสังฆทานด้วย


ไม่นานเราก็เดินย้อนกลับมารอที่สถานีรถไฟเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ รถไฟมาถึงก่อนเวลาเราก็เลยเลือกที่จะขึ้นมานั่งกินข้าวเหนียวหมูที่ซื้อตุนไว้เมื่อเช้า ขบวนรถไฟไปทำความสะอาดมา เอี่ยมเหมือนออกจากกรุงเทพฯ


รถไฟออกเลทนิดหน่อยเพราะต้องรอคนของครอบครัวใหญ่ที่ยังมาไม่ครบ พอรถออกก็เริ่มใกล้หมดแรงแต่บรรยากาศดีจนพลังซนฟื้นตัวอีกครั้ง

พอถึงสถานีรังสิตก็ได้แสงก่อนอาทิตย์ตกพอดี


จบทริปสั้นๆ ง่ายๆ แต่ฟิน ขอบคุณเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วสถานีรถไฟหัวลำโพงอีกครั้งที่หาที่นั่งที่ดีที่สุดที่จะหาให้ได้มาให้ ขอบคุณน้ำใจของน้องที่นั่งตรงข้ามที่หยิบยื่นทิชชูมาให้ ขอโทษน้องด้วยที่ทำให้ต้องโดนแดดมากไปหน่อย


ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่

เพจ : ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

IG : prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว



ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันพฤหัสที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 01.20 น.

ความคิดเห็น