ช่วงเดือนที่ผ่านมา ผมออกตระเวณถ่ายภาพดอกพญาเสือโคร่งแบบเข้มข้นมากๆ ขึ้นดอยทุกอาทิตย์จนสีชมพูท่วมทะลักเต็มหน้าเฟส ตามถ่ายอยู่เป็นเดือนๆ จนชักจะสำลักสีชมพู อยากจะไปหาอะไรแปลกๆใหม่ๆถ่ายมั่งครับ

เลยคิดโปรเจคไปตามหาทางช้างเผือกแรกของปี 2018 ที่บ้านจ่าโบ่ อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะได้อ่านมาว่า ทะเลหมอกที่บ้านจ่าโบ่นี่ งดงามไม่แพ้ที่ไหนๆในประเทศไทย

และดูจากในแผนที่เขตท้องฟ้ามืดจาก dark zone finder ก็พบว่าบ้านจ่าโบ่นี่ จัดว่าอยู่ในโซนที่ท้องฟ้ากลางคืนมืดสนิท เกือบๆจะสุดเสกล เหมาะแก่การถ่ายดาวยิ่งนัก
จินตนาการว่าถ้ามีภาพท้างช้างเผือกเป็นฉากหลัง คู่กับทะเลหมอกเป็นฉากหน้า โผล่พ้นทะเลหมอกขึ้นมา จะเป็นยังไง นึกไม่ออก อยากเห็นด้วยตา

ก็เลยจัดทริปนี้ขึ้นมา ก็เป็นทริปสั้นๆ เดินทางโดยรถยนต์ 2 วัน 1 คืน ออกจากบ้านผมที่เชียงใหม่ ไปนอนที่จ่าโบ่ วนไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน แล้ววันต่อมาก็กลับเชียงใหม่หละครับ


การเดินทาง ก็ตามแผนที่ในภาพครับ ใช้เส้นทาง เชียงใหม่ - ห้วยน้ำดัง - ปาย - ปางมะผ้า แล้วเลี้ยวขวา เข้าบ้านจ่าโบ่



หมู่บ้านจ่าโบ่ ก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่บนสันเขา แยกออกมาจากทางหลวงสาย 1095 เพียง 3 กิโลเมตร

จุดหมายแรก ก็แวะเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา อันเป็นจุดเช็คอินที่ดังที่สุดของที่นี่หละครับ

ก๋วยเตี๋ยวหมู น้ำใส รสชาติกลางๆ ไม่ต้องเติมเครื่องปรุง ไม่ต้องเติมน้ำปลา แค่มองวิวดอยที่อยู่ข้างหน้า มันก็อร่อยเพิ่มขึ้นของมันไปเอง


กินกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ ก็เข้าไปดูที่พักที่จองเอาไว้ครับ

ผมจองไว้ที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นที่พักแบบโฮมเสตย์ คืนละ 300 บาทต่อคน รวมอาหารเย็น

บ้านของผู้ใหญ่จะมีทั้งบ้านแบบพักสองคน และบ้านแบบพักสี่คน


ทำเลบ้านก็จัดว่ายอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายทางช้างเผือกหละครับ เพราะว่าบ้านหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้พอดี ช่วงเดือนมกรา กุมภานี่ ทางช้างเผือกก็จะขึ้นหน้าบ้านพอดีเลย

หน้าบ้านมีระเบียงชมวิวด้วย ซึ่งแฟนผมชอบใจมาก เพราะปกติ เวลาจะไปถ่ายดาวแต่ละที ก็ต้องขับรถออกไปดึกๆดื่นๆ

แต่พักที่นี่ เราสามารถนั่งถ่ายดาวได้จากหน้าระเบียงห้องนอนเลย

บ้านที่พัก ก็จะเป็นแบบนี้แหละครับ ผนังไม้ไผ่ พื้นปูเสื่อ ที่นอนหมอนมุ้งสะอาดสะอ้านพอใช้ได้อยู่

สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งบ้าน ก็มีให้ใช้เท่าที่จำเป็นนี่แหละครับ ช่องชาร์จไฟสองช่อง หลอดไฟ 4 หลอด จะได้ซึมซับธรรมชาติได้เต็มที่ WIFI ไม่มี ยังดีที่มี 4G ลอยมาให้ใช้



นี่หละครับ คอนโดชาวดอย ที่นอนของผมในคืนนี้



ปกติ เวลาเค้ามาเที่ยวบ้านจ่าโบ่ เค้าก็จะไปทำกิจกรรม กินกาแฟ ปีนเขา เก็บผัก อะไรกันกัน

แต่พอดีผมมีธุระต้องไปทำงานในแม่ฮ่องสอนนิดหน่อย พอเอาของเข้าที่พักอะไรเสร็จหมดแล้ว ผมก็เข้าเมืองแม่ฮ่องสอนไปทำธุระ ไหว้พระ และก็เยี่ยมเพื่อนเก่าครับ เสร็จกลับมาก็นอนเลย
คราวหน้า หวังว่าจะมาซึมซับให้ได้มากกว่านี้

นอนรอลุ้นทะเลหมอก กับทางช้างเผือกพรุ่งนี้เช้า ว่าฟ้าจะเปิดไหม จะได้เห็นทางช้างเผือกไหม


ก่อนนอน ก็ลองถ่ายดาวหมุนดูเล่นๆสักรูปก่อน



- แล้วช้างจะมาตอนไหน??

จาก app Star chart ตอนเช้ามืดวันที่ 20 มกราคม

ใจกลางของทางช้างเผือก จะโผล่ขึ้นจากขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่เวลาตีห้าครึ่ง

บริเวณกลุ่มดาวแมงป่องครับ


พอสักตีสี่ปลายๆ ไก่ก็ขัน เอ๊กอี้เอ๊ก ขานต่อๆกันดังไปทั้งหมู่บ้าน ผมเลยตื่นมาก่อนนาฬิกาปลุกหละ มาเซ็ทกล้องเซ็ทอะไรรอไว้ที่ระเบียงบ้านนี่หละครับ

เป็นการถ่ายดาวที่สบายที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่ง เพราะปกติต้องขับรถออกไปตั้งขาถ่าย


แต่คราวนี้ นั่งถ่ายกันที่ระเบียงบ้านได้เลย พร้อมๆถุงนอน หมอน น้ำดื่ม และขนมขบเคี้ยว และสัญญาณ 4G

พอถึงตีห้าครึ่งๆกว่าๆ ทางช้างเผือกก็เริ่มโผล่พ้นขึ้นมาจากท้องฟ้าทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตามที่ app บอกไว้ครับ

ฉากหน้า ก็เป็นทะเลหมอกอยู่ข้างล่าง ตามที่คิดไว้เลย ถือว่าฟ้าเป็นใจจริงๆที่วันนั้น ไม่มีเมฆมารบกวนสักนิดเดียว




ถ่ายไปได้สักครึ่งชั่วโมง ฟ้าก็กลายเป็นสี Blue เพราะดวงอาทิตย์ไล่ตามมาติดๆ ใกล้จะสว่างแล้วครับ


ต่อจากช้าง พอฟ้าเริ่มสว่าง ก็เห็นทะเลหมอกชัดเจนขึ้นละครับ

ภาพที่เห็นข้างหน้า น่าจะตรงกับคำบรรยายที่ว่า breath taking view

วิวกระชากลมหายใจจริงๆ มันสวยทุกวินาที สวยบริสุทธิ์ สวยจรรโลงใจจริงๆ


เราอยู่บนสันเขา และมองลงไป ก็คือทะเลหมอกที่กว้างใหญ่ มันอยู่ใกล้มากๆ ประมาณว่าถ้าเปลี่ยนหมอกเป็นน้ำได้ กระโดดลงไปจากระเบียง เราก็คงอยู่ใต้ทะเลหมอกนี่แล้วหละครับ

นั่งกดชัตเตอร์กันยาวๆ แบบไม่รุ้เบื่อ




หันกลับมาดูที่ๆตัวเองนั่ง โห้ คนอะไร พกขาตั้งมาทีละสามสี่อัน ยังเหลืออันใหญ่ในรถอีกอัน


พอถ่ายรูปจนหนำใจ ถ่ายกันจนกล้องต้องร้องขอชีวิต ก็ได้เวลาอาหารเช้าหละครับ

พอดีเมื่อคืนผมไม่ได้ทานข้าวเย็นที่นี่ พี่นาคือ คนดูแลโฮมเสตย์เค้าเลยทำอาหารให้ทานเป็นมื้อเช้าแทน




อาหารของพี่นาคือ ก็จะเป็นเมนูง่ายๆ พวกต้มจืด ผัดผัก ไข่เจียวธรรมดาๆ พร้อมข้าวไร่เหนียวนุ่มอะไรแบบนี้แหละ กินเคล้ากับวิวพันล้านแบบนี้ มันสุดยอดละครับ



ได้เวลา ก็ร่ำลากันกลับ เดี๋ยวต้องมีซ้ำอีกแน่ๆครับ ทริปนี้เวลาน้อย ยังไม่ได้ปีนขึ้นไปถึงยอดเขาเลยครับ ทริปหน้าจะมาใช้เวลาอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้

สุดท้าย แวะเติมกาแฟก่อนจากที่ร้านกาแฟเด็กดอยคอฟฟี่ @จ่าโบ่

ลาเต้ร้านนี้ ไม่ธรรมดาครับ ก่อนทำ น้องชนม์ บาริสต้าจะถามก่อน ว่าพี่ชอบแบบเข้ม หรือแบบนุ่ม ผมจะได้จัดให้ได้
ผมชอบแบบนุ่มๆหน่อย เลยสั่งแบบนุ่มนวล
และสิ่งที่ได้มา คือลาเต้ฟองละมุน รสนุ่มๆ แบบที่ดีงามเกินกว่าคาดหวังเอาไว้มากมาย

นั่งจิบลาเต้อุ่นๆ เคล้ากับบรรยากาศวิวทะเลหมอกที่อยู่ข้างหน้า ลมหนาวๆพัดมาโชยๆ โอ๊ย อยากสั่งมายี่สิบแก้ว แล้วนั่งจิบอยู่นี่ทั้งวัน


ก็เป็นอันจบทริปสั้นๆของผมไว้เพียงเท่านี้ครับ

นอกจากได้รูปดาว ได้รูป ทะเลหมอก ได้รูปทางช้างเผือกกลับบ้านแล้ว

ยังได้ความอิ่มเอมใจแบบเต็มล้นหละครับ


ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่แวะเข้ามาเที่ยวชมกระทู้ของผมครับ

tamrong

 วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.40 น.

ความคิดเห็น