EP.2 ของ The Planners - เที่ยวนอกแพลน

กระทู้นี้ เราจะพาทุกคนไปบุกตะลุยกันที่



Sun Moon Lake!!!



หลังจากที่ EP.1 เราได้พาทุกคนไปเยือน Alishan กันมาแล้ว

สามารถติดตามได้ที่ https://pantip.com/topic/36544600

(และยังมี EP.0 https://pantip.com/topic/36539261 ด้วยนะ)



สามารถติดตามเราสองคนได้ที่ Fan Page

https://web.facebook.com/pg/theplannersbytsst/posts/



เราก็จะเดินทางมาต่อที่ ทะเลสาบสุริยันจันทรากัน



SML(Sun Moon Lake)

เป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในไต้หวัน

ตั้งอยู่ในเมืองหยูชี (Yuchi) เขตหนานเถา (Nantou)



SML เป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของเกาะไต้หวัน มีพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 5.4 ตารางกิโลเมตร ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่มากมาย สถานที่แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ มีลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่น โดยด้านตะวันออกจะมีรูปร่างคล้ายพระอาทิตย์ และฝั่งด้านตะวันตกจะมีลักษณะคล้ายพระจันทร์ จึงได้ชื่อ "ทะเลสาบสุริยันจันทรา" นั่นเอง



เรามาเริ่มกานเดินทางของ เจ้าหมี เจ้าหมู กันเถอะ



การเดินทางจาก Alishan ไป Sun Moon Lake

นั้นง่ายมากๆ เราทั้งสองคนเลือกนั่งรถบัสราคา 328TWD / คน

จาก Alishan ไปถึง Sun Moon Lake เลยครับ

โดยรอบเวลารถบัสมีสองรอบด้วยกันคือ



13:00 น.

และ

14:00 น.



ระหว่างการเดินทางเราจะเจอวิวทิวทัศน์แปลกตา

มีทั้งภูเขา แม่น้ำ หมู่บ้าน ทำให้เราไม่เบื่อเลยครับ



การนั่งรถใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

โดยระหว่างทางจะมีจอดที่จุดแวะพัก มีร้านขายของฝากเป็นเวลาประมาณ 15 นาที



ปล. ใครเมารถแนะนำให้พกยา ซัดสักนิด แล้วจอมืดยาวๆไปครับ

พูดตรงๆ ทางมันช่างงงงง........ โหดร้ายมาก คดเคี้ยวจริงๆ



เวลาประมาณ 16:00 น.

เราสองคนก็ได้เดินทางมาถึง Sun Moon Lake สักที

ไม่รอช้าครับ ตรงไปจองตั๋วโดยสารก่อนเลย



โดยตั๋วที่เราจอง มี 2 ส่วนด้วยกัน

1. ส่วนที่เราจะเดินทางกลับไทเป

โดยเราต้องนั่งรถบัสออกจาก SML เท่านั้น และสามารถเลือกได้ว่าจะไปลงที่สถานี HSR เพื่อต่อรถไฟความเร็วสูงกลับไทเป หรือไปที่สถานี TRA เพื่อนั่งรถไฟธรรมดากลับ โดยรอบสุดท้ายที่รถจะออกคือ 19:25 น. ซึ่งหมายความว่าเราเหลือเวลาเที่ยวรอบๆอีกประมาณ 3 ชั่วโมงเศษๆ



2. ส่วนที่เดินทางท่องเที่ยวใน SML

โดยเราเลือกซื้อคูปองรถโดยสารรอบ SML ราคา 80TWD ซึ่งสามารถเดินทางได้รอบทะเลสาบ



แต่จริงๆแล้วการเดินทางรอบทะเลสาบยังมีทางเรืออีกครับ ราคาคนละ 300TWD โดยออกจากท่าเรือจุดที่ 1 ไปจุดที่ 2 เพื่อไปเที่ยว Xuanguang Temple และสามารถเดินทางไปยังจุดที่ 3 เพื่อไปถนนคนเดินของ SMLได้อีกครับ



ระหว่างรอรถบัสวิ่งรอบเกาะ เราก็เดินเล่นไปตามทาง จนไปเจอร้านชานมไข่มุก

เจ้คนขายหน้าตายิ้มแย้มดีครับ เราเลยถามกันถึงการท่องเที่ยวรอบๆทะเลสาบ



เพราะเราคิดว่านั่งเรือค่อนข้างแพง อาเจ๊ดันยื่นข้อเสนอสุดพิเศษให้เราครับ

คือลดราคาตั๋วจาก 300TWD เหลือเพียง 100TWD เท่านั้น!!!



รออะไรล่ะครับ ควักสิ่



เพราะใบละ 100 ต่อให้ทิ้งตั๋วรถบัส 80TWD ไป ก็ยังถูกกว่าตั้ง 120TWDแหน่ะ!!!



เมื่อได้ตั๋วเป็นที่เรียบร้อย เราก็เดินต่อมาจนถึงท่าเรือแรกครับ

โดยอาเจ้ใจดี บอกกับเราว่า ไปที่ท่าเรือแล้วให้มองหา โป๊ะเรือ สีแดง



เราเลยเดาๆว่าน่าจะเป็นอันที่มีร่มแดงๆนั่นแหละครับ



ทาดาาาาาาา



นี่ไงตั๋วที่เราได้มาในราคาใบละ 100TWD เท่านั้น



เมื่อเรือมาจอดที่จุดจอดเรือจุดแรก เราก็ไม่รอช้าขึ้นไปไหว้พระที่วัด Xuan Guang ทั้งยังมีหิน......

หินอะไรก็ไม่รู้ ทั้งผม และเจ้าหมู เลยเรียกว่าหินนักรบแล้วกัน



(แต่ตอนหลังมีแฟนเพจมาแก้ให้ ว่ารู้สึกจะเป็นที่ฝังศพของพระถังซัมจั๋งครับ

ใครพอทราบข้อมูลมาและเปลี่ยนกันเนอะ)



พอเดินลงมาก็เจอคนมุงที่ร้านนี้อยู่ ซึ่งตอนขาขึ้นเราไม่ได้สังเกตเลยว่าร้านนี้มีต่อคิวเยอะขนาดนี้เชียวเรอะ

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เราก็เดินเข้าไปต่อคิวไม่รอช้า ส่องไปส่องมาอยู่นานครับ ว่าเขาขายอะไร



จนคว้ามาได้ในที่สุด

สินค้าที่ทุกคนต่อคิดยาวเหยียดรอซื้อเยี่ยง อีฟแอนด์บอย ก็คือ



ไข่ 25 ปี!!!



ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อ ใครที่แวะมาที่วัดนี้ต้องมาลองกัน

ไม่แน่ใจว่าเพื่อความเป็นสิริมงคลรึเปล่า



(รสชาติคล้ายๆไข่พะโล้นะ)



หลังจากนั้นเราก็ดิ่งไปขึ้นเรือ เพื่อไปยังจุดจอดที่สองกันครับ



ท่าเรือของจุดที่สองที่มาจอดนั้นค่อนข้างใหญ่ และมีผู้คนคับคั่งมากๆ

ระหว่างรอคนระบายออกจากท่าเรือก็เลยมีเวลาถ่ายรูปเล่นนิดโหน่ย



หน้าง่วงมากนะเจ้าหมู



ซึ่งทะเลสาบสุริยันจันทรา ก็ไม่ทำให้ผิดหวังในความสวยงามนะครับ

แต่อันนี้ต้องแล้วแต่ว่าเราไปในช่วงเวลาไหนด้วย

เพราะบางครั้ง ถ้าแดดส่องแรงเกินไป น้ำในทะเลสาบ

อาจจะกลายเป็นสีทองเรืองรองแทนเป็นสีฟ้าสดใสครับ



เดินตามๆกระแสคนเขาไปก็จึงได้ทราบว่า

อ๋อออออออออ
จุดจอดที่สองนี้เป็นถนนคนเดินนี่เอง

เมื่อได้ยินคำว่าถนนคนเดิน
เหมือนหูทำงานพร้อมกระเพาะ

มัน ต้อง มี ของ กิน เซ่ !!!!!!

พอได้สติดังนั้นเราก็มุ่งหน้าหาของกินกันเลยครับ

โดยเมนูที่เราสองคนสวาปามเข้าไปก็ได้แก่

1. สเต็กไก่แบบไม้ รสเผ็ด 45TWD

2. ยาคูลท์ปั่น 50 TWD (อันนี้ Recommend มาก ใครชอบนมเปรี้ยวถ้าพลาดนะจะตีให้ขาลาย)

3. สเต็กเนื้อหั่นเต๋า 200TWD



อิ่ม.......

555555555555+



ไปถ่ายรูปเล่นกันต่อดีกว่า

เพราะเดี๋ยวเราสองคนต้องวิ่งกลับไปขึ้นเรือให้ทันรอบสุดท้ายครับ



ตอน 17:20 น.



และเรายังต้องไปขึ้นรถบัสเพราะกลับเข้าไปในตัวเมือง ไถจง อีกด้วย



เราดำเนินมาถึงช่วงเข้มข้นที่สุดของ EP.2 กันแล้วครับ เพื่อนๆ

การกลับมาถึงฝั่งของเรานั้นยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น

เราก็ยืนรอรถตามปกติ

โดยคุยกันว่า ถ้าเกิดมีรถสายเดียวกัน มาไวกว่า

ก็จะขึ้นไปเลย เผื่อได้กลับไปทำอะไรที่ไทเปต่อ



คุยกันไป เล่นกันไปสักพัก

รถก็มาครับ



หลังจากขึ้นรถ เราก็นั่งเม้าท์มอยกันไปยาวๆ

มารู้ตัวอีกทีเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ



ว่าเรากำลังเข้าสู่ตัวเมือง ไถจง กันแล้ว

โดยตอนนี้เราต้องเลือกแล้วระหว่าง



1. นั่ง รถไฟความเร็วสูง (HSR) แต่เสียเงินแพงกว่าเท่าตัว



กับ



2. นั่ง รถไฟปกติ (TRA) ถูกว่า แต่เสียเวลากว่าอีกเท่า



ไปๆมาๆครับ



ด้วย ความ งก !!!

เราก็เลือกที่จะนั่งรถไปจนถึงสถานี TRA



เรามาถึงสถานี TRA ประมาณ 20:20 น.

ก็ตรงไปที่ตู้ขายตั๋วครับ



ด้วยความหวังใจว่าจะได้ตั๋วราคาถูกตามที่หวัง



แต่ผลปรากฎคือ!!!!!!!



ตั๋ว หมด จ้าาาาาา




ตอนนั้นในหัวเหมือนมีแต่เสียง เอคโค่ ว่า



ตั๋ว หมด หมด หมด หมด.........



เห้ย แล้วเราจะกลับไทเปกันยังไง

โรงแรมก็จองไปแล้ว

ในหัวมันพุ่งพล่านไปหมดเลยครับ



แต่พอตั้งสติได้ที่หน้าตู้ขายตั๋ว

เลยทวนคำตอบพนักงานขายตั๋วอีกรอบนึง



เขาบอกว่า

"รถไฟขบวนที่ไปไทเป ไม่มีตั๋วสำหรับนั่งแล้ว"



......................



เอ๊ะ!!

งั้นแปลว่ายืนได้ดิ่??



ก็เลยถามเขาไปครับ



สรุป!!!

เห้ย!!! มีตั๋วว่ะ แต่เป็นตั๋วยืน!!!



ทาดา ได้กลับไทเปแย้วววววววววว



แต่ความสาหัสยังไม่จบเท่านี้ครับ

เพราะรถไฟ TRA



Taizhuang - Taipei นั้น ต้องวิ่งประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที

นั่นหมายความว่า เราสองคน



ต้อง ยืน ตลอด เลย เหย๊อออออออออออ



แต่พนักงานก็น่ารักครับ มีบอกไว้ว่า

ถ้าเกิดสถานีไหน ไม่มีคนขึ้นมานั่ง เราสามารถนั่งเบาะนั้นไป

จนกว่าเจ้าของที่ในสถานีถัดๆไปจะขึ้นมา



และแล้วเวลาที่เรารอคอยก็มาถึงครับ

จะได้ขึ้นรถไฟ TRA แล้ว



คุณพระ!!!



อุ่นใจ ตอนแรกนึกว่าจะมีแค่เราสองคนที่ต้องยืนเป็นหุ่นไล่กาบนขบวนนี้

ไปๆมาๆ เพื่อนรึ่ม 55555555555+



โอเค สบายใจละ เราสองคนก็กลับไทเปกันด้วยสภาพ

Train to Taipei ไปแบบนี้



แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆนะครับ

คือการยืนตลอด 2 ชั่วโมงกว่าๆ เห้ยมันไม่สนุกเอาซะเลย T^T



เราสองคนกลับมาถึงไทเปกันก็ปาไป 5ทุ่มกว่าๆแล้วครับ

กว่าจะได้เข้าที่พัก เก็บแรงไว้ลุยต่อในวันถัดไป






สิ่งที่เราได้เรียนรู้

1. บางครั้งการไปเที่ยว เราอาจจะต้องยอมเสียสละเงินเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งเวลาที่คุ้มค่า ในการเที่ยวที่อื่น หรือพักผ่อน

2. แต่ทุกข้อผิดพลาด มักจะสร้างโอกาสเรียนรู้ใหม่ๆให้เราเสมอๆ ขอแค่เราพร้อมจะนำมันไปปรับปรุง แก้ไข แล้วใช้ให้ดีขึ้น



ขอบคุณที่ติดตามครับ

#theplanners

#เที่ยวนอกแพลน

ความคิดเห็น