เริ่มเดินทางหลวงพระบาง ในวันที่ 25-28 พฤศจิกายน 2017 ทริปนี้จองตั๋วเครื่องบินข้ามปีกันเลยทีเดียว แต่เนื่องด้วยที่ว่าเราจองตั๋วเครื่องบินไปกลับหลวงพระบาง และไม่ต้องการเดินทางไกลๆ หรือนั่งรถนานๆ เพราะเมารถ ฉะนั้นเราขอเที่ยวแค่ที่หลวงพระบางค่ะ
ในการเดินทางครั้งนี้อยากออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ใช้ชีวิต แบบ slow life เราอาจจะได้พบสิ่งใหม่ๆ ที่ “หลวงพระบาง” พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลย go go……….
แผนการเดินทาง......
• วันที่ 1 สนามบินหลวงพระบาง - โรงแรม - ตลาดมืด
• วันที่ 2 น้ำตกตาดกวางสี - พระธาตุพูสี - ตลาดมืด
• วันที่ 3 ใส่บาตร - ร้านประชานิยม - ตลาดเช้า – ร้านตำบักหุ่ง(เจ๊ติ๋ม) - ร้านกาแฟโจมา - ร้านหมูกระทะริมแม่น้ำโขง
• วันที่ 4 วัดเชียงทอง – ร้านข้าวซอย - กลับไทย
วันที่ 1 ในหลวงพระบาง
จากกรุงเทพ – หลวงพระบาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที บินถึงหลวงพระบาง ใคร ใคร...ก็บินได้
ก่อนถึงหลวงพระบางบนเครื่องบินพนักงานจะแจกใบ ตม.ให้ผู้โดยสารกรอกข้อมูล ฉะนั้นเราจะต้องกรอกแบบฟอร์มใบ ตม.
ถึงสนามบินหลวงพระบาง ความรู้สึกแรกตอนเดินออกมาจากเครื่องบินสัมผัสอากาศที่หนาวเย็น อุณหภูมิน่าจะประมาณ 20-23 องศา แต่เราไม่กลัว เราเตรียมเสื้อกันหนาวมาพร้อม ดีนะเราเช็คพยากรณ์อากาศที่หลวงพระบาทจากบ้านมา(รู้สึกคุ้มค่ากับการแบกเสื้อกันหนาวมาจริงๆ)
ก่อนจะเดินออกไปเราซื้อซิมการ์ดกันก่อน เอาไว้ใช้เน็ต มีให้เลือกหลายค่ายตามความพึ่งพอใจ สามารถต่อลองราคาได้เลย ถ้าจำไม่ผิดเราซื้อมา 100 บาท ความเร็วเน็ตจำไม่ได้ สามารถใช้ได้ประมาณ 4 วัน หรือ 5 วัน เนี่ยแหละ
หลังจากซื้อซิมแล้วก็เดินออกมาแลกตัง ตรงประตูทางออกส่วนอัตราค่าแลกเปลี่ยนเงิน ตามนี้เลย(แลกที่สนามบิมคุ้มสุดแล้ว คนที่เคยมาแนะนำกันมา) แลกเงินกีบเรียบร้อยแล้ว มีคนขับรถของโรงแรม มารับที่สนามบินด้วย ก็ถึงเวลาเดินทางเข้าที่พักกัน
ที่พักสำหรับทริปนี้ The View Pavilion หลวงพระบาง
ตามเว็บนี้ >>>> http://www.theviewpavilion.com/
**ตั้งอยู่ ถนนเชียงทอง ภายในตัวเมือง อยู่ตรงข้ามวัดสบสิกขาราม และเยื้องๆกับวัดแสนสุขาราม
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักเช่น
• ฟรีอินเตอร์เน็ตไร้สาย
• โทรทัศน์จอแบน
• ห้องน้ำส่วนตัว
• วิวภูเขา
• อ่างอาบน้ำ
• ไดร์เป่าผม
• ตู้เย็น
ช่วงเย็นๆ เดินเที่ยวตลาดมืดเดินเที่ยวชมบ้านเมืองที่หลวงพระบาง อากาศเย็นสบายๆ อุณหภูมิสักประมาณ 20-23 องศา(ไม่แน่ใจนะ) บ้านเมืองที่นี่ดูเงียบสงบ สิ่งปลูกสร้างผสมผสานอารยาธรรมจากฝรั่งเศษ ดูแปลกตา
รถตุ๊กๆ เมืองหลวงพระบาง น่ารักดี
ตลาดมืดหลวงพระบาง
แหล่งช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยวในเมืองหลวงพระบางคือ ตลาดมืด ซึ่งตั้งอยู่ พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง หรือ ถนนหน้าทางขึ้นลงพระธาตุพูสี เวลาเปิด – ปิด 17.00 – 22.00 น. เปิดทุกวัน **จุดสังเกตุจะมีเต็นท์สีแดง สีน้ำเงิน อารมณ์เหมือนถนนคนเดินของไทย มีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ กระเป๋า ผ้าพันคอ เสื้อสกรีนภาษาลาว เครื่องเงิน ฯลฯ
พิกัดตามนี้ >>>> 19.8892775,102.1337461
เดินหาของกินกันต่อในซอยของกิน มีอาหารมากมายให้เลือกชิมกัน มีบุฟเฟ่ มีแต่ผัก กับแป้ง ไม่มีเนื้อสัตว์
ร้านเด็ดแนะนำส้มตำรสแซ่บ
เดินตลาดมืด แนะนำให้เดินเข้าไปในซอย จะมีของกินให้เลือกมากมาย และที่พลาดไม่ได้เลย “ส้มตำ” ที่ตลาดมืดจะมีร้านส้มตำเจ้าดัง ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักกันดี ตามรีวิว Pantip หรือ YouTube ใครมาแล้วต้องลอง แม่ค้าร้านส้มตำอัธยาศัยดีน่ารัก เอาใจใส่ลูกค้า เวลาแม่ค้าตำส้มตำจะตักใส่จานมาให้เราชิมก่อนหากใครชอบ เผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็ม มากน้อยแค่ไหนสามารถบอกแม่ค้าได้เลย ดีตรงเนี่ยแหละ
พิกัดตามนี้ >>>> 19.8894114,102.1339391(ต้องเดินเข้าไปในซอยอีกหน่อย)
วันที่ 2 ในหลวงพระบาง
อาหารเช้าของทางโรงแรม มีให้เลือก เช่น ข้าวต้ม เฝอ ไข่ดาว เบคอน ขนมปัง สามารถเลือกได้ตามใจชอบ นั่งทานอาหารเช้าพร้อมกับชมบรรยาทวัดที่สวยงามตรงข้ามโรงแรม
โยเกิร์ตผลไม้ที่โรงแรมนี้อร่อย ใครมาพักที่โรงแรม The View Pavilion หลวงพระบาง แนะนำนะว่าต้องลองให้ได้ ราดโยเกิร์ตท่วมๆ ไปเลยเด็ดจริงของบอก ^^
น้ำตกตาดกวางสี
การเดินทางไปน้ำตกมีให้เลือกหลายทาง- มารวมๆกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ อันนี้ไม่ทราบราคา
- เหมารถไปเองเป็นรถกระป้อ คนละ 200 x 4 คน = 800 บาทไทย (ราคานี้รวมทั้งไปและกลับ)
- เหมารถตู้ครึ่งวัน 1,200 บาทไทย (ราคานี้รวมทั้งไปและกลับ)
เช้าวันนี้เรามีนัดกับคนขับรถไปน้ำตกตาดกวางสี ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในหลวงพระบาง ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ไม่ควรพลาดเป็นน้ำตกสีเขียวมรกต ชอบการจัดการของที่นี่ ดูเป็นระเบียบ สะอาดเรียบร้อยมาก ประเทศไทยควรนำ การจัดการแบบนี้ไปใช้บางเนอะ ด้วยระยะทางจากตัวเมืองหลวงพระบาง – น้ำตกตาดกวางสี ประมาณ 32 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ด้วยถนนที่เดินทางไปค่อยข้างผิวถนนเป็นคลื่นขรุขระ ถนนเป็นหลุมบ่อบ้าง และถ้าเจอคนขับรถไม่ดีด้วยล่ะก็ เมารถ โคตรๆ (แบบเราอ้วกทั้งไป และกลับ)
เวลา เปิด 08:00 น.
เวลา ปิด 17:30 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าชม 20.000 กีบ หรือประมาณ 80 บาท
พิกัดตามนี้ >>>> 19.749503,101.9897482
บริเวณทางเข้าน้ำตกจะมีศูนย์อนุรักษ์หมี ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมหมีจากการช่วยเหลือจากการค้าสัตว์ป่าในสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศลาว
น้ำตกตาดกวางสี มีจำนวนชั้นทั้งหมด 4 ชั้น มีความสูงโดยรวมประมาณ 75 เมตร เป็นน้ำตกหินปูน น้ำในน้ำตกจึงมีสีเขียวมรกต ภายในน้ำตกมีการจัดการท่องเที่ยวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีพื้นที่แบ่งออกเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร โดยไม่อนุญาตให้มีการปรุงอาหาร พื้นที่สำหรับเล่นน้ำ และมีการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ(ขอบคุณข้อมูลจาก https://goo.gl/DU6J5r)
กลับถึงที่พัก(นอนพักก่อน เมารถ T_T) ตกบ่ายเราออกไปหาข้าวกินแถวๆ ตลาดมืด ข้าวที่นี่ก็เหมือนบ้านเราแหละ มีอาหารตามสั่งเยอะแยะเลย ส่วนเรื่องรสชาติหรอ ก็ได้อยู่นะร้านนี้เหมือนเขาใช้ข้าวหอมมะลิหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะข้าวนิ่มๆดีไม่แข็ง
พระธาตุพูสี
ตั้งอยู่ยอดภูเขาใจกลางเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นที่ตั้ง พระธาตุจอมสี มีบันได 328 ขั้น ระหว่างสองข้างทางโอบล้อมด้วยต้นลีลาวดี ชมวิวได้ 360 องศา ชมได้ทั้งเมืองหลวงพระบาง สามารถมองเห็นทั้งแม่น้ำโขง และแม่น้ำคานได้ชัดเจน และช่วงเย็นๆ ก็สามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในหลวงพระบาง
เวลา เปิด -
เวลา ปิด -
ค่าธรรมเนียมเข้าชม 20.000 กีบ หรือประมาณ 80 บาท
พิกัด 19.8901828,102.1369711
บันไดก็ไม่ได้ชันอะไรมากนัก แต่เดินไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก ^^
คำแนะนำ ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุสักเท่าไหร่ แนะนำให้ผู้สูงอายุนั่งรอด้านล่างจะดีกว่า
วันที่ 3 ในหลวงพระบาง
กิจกรรมตักบาตรข้าวเหนียว
การใส่บาตรข้าวเหนียวที่หลวงพระบาง พระออกบิณฑบาตเช้ามาก แนะนำให้รีบๆ ตื่นมาใส่บาตร เพราะพระออก ตี 5.45 และไม่ควรเกิน 7 โมง เพราะพระกลับไปทำกิจที่วัดแล้ว
ร้านประชานิยม
หลังจากที่เราใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว เดินต่อไปกินอาหารเช้ากันที่ร้านประชานิยม ร้านชื่อดังประจำหลวงพระบาง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงอยู่ตรงหัวมุมของถนน ซึ่งเป็นร้านยอดนิยมยามเช้า ส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทยเยอะมากเมนูแนะนำที่ร้านนี้ ข้าวเปียกเส้น,เฝอ,โจ๊กหมูใส่ไข่,ขนมคู่(ปาท่องโก๋) และกาแฟ หรือ ชา มีทั้งร้อน และเย็น อีกทั้งยังมีข้าวจี่ปาเต๊ะ
พิกัดตามนี้ >>>> 19.8905244,102.1302765
ตลาดเช้า
ตลาดเช้าของหลวงพระบางมักเป็นของสด มีของขายมากมายเช่น หมู เห็ด เป็ด ไก่ กบ เขียด งูเหลือม ปลา ผักสดๆ เป็ด ตัวเป็นๆ มีของที่ใช้สำหรับครัวเรือน ไว้หุ่งหาทำกับข้าว
ร้านตำบักหุ่ง เจ๊ติ๋ม
ร้านส้มตำประจำหลวงพระบาง ตั้งอยู่หน้าวัดหนองศรีคูณเมือง ใครมาแล้วต้องมาลองชิม อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมที่เราพัก ด้วยรสชาติจัดแซ่บเวอร์ มะระกอเส้นใหญ่ๆ แหนมหมูทอด หมูทุบแดดเดียว ข้าวเหนียว ข้าวปุ่น(แนะนำเลย ข้าวปุ่นที่นี่สด อร่อย เส้นนุ่มๆ ขาวๆ) สำหรับใครไม่ทานเผ็ดมาก ต้องบอกแม่ค้าว่าไม่เผ็ด เพราะร้านนี้ทำรสจัดมากกกกกกก
พิกัดตามนี้ >>>> 19.895459,102.1399271
ร้านส้มตำจะอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด Nong Sikhounmuang
สั่งตามเมนูแนะนำตามนี้เลย หิวจัด อยากกินแซ่บๆ
ถ้ามาร้านนี้ และถ้าเจอหมาน้อยขนปุกปุย น่ารัก อย่าไปยุ่งกับตัวนี้นะ “มันดุ” ทีแรกก็เดินเข้ามาหาเหมือนจะเป็นมิตร พอจะลูบหัวมันแยกเขี้ยวจะกัดเลย 555
กินอิ่มแล้ว ไปปั่นจักรยานเล่นรอบๆเมืองหลวงพระบาทร้านเช่าจักรยานมีหลายร้านให้เลือก ราคาก็แล้วแต่ต่อรองกัน
กาแฟร้าน โจมา(Joma Bakery Cafe)สาขา 2 ริมแม่น้ำคาน
กาแฟร้านดังในหลวงพระบาง เมนูแนะนำที่นี่ มีเบเกอรี่ เค้กมะพร้าว(อร่อยมาก) ชั้น 2 ลูกค้านั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ ที่นั่งมีให้เลือกได้ทั้งหน้าริมระเบียงชมแม่น้ำคาน หรือจะนั่งตากแอร์เย็นๆด้านใน
พิกัดตามนี้ >>>> 19.893816,102.1402845
ช่วงเย็นๆออกไปหาของกิน มื้อค่ำก่อนอื่นเราต้องแลกเงินเพิ่ม
ร้านหมูกะทะริมแม่น้ำโขง
ร้านหมูกระทะบุฟเฟ่(ชื่ออะไรอ่านไม่ออก) บรรยากาศดี ลมเย็นๆ พร้อมหมูกระทะร้อนๆ มีที่นั่งให้เลือก ส่วนเราของนั่งริมแม่น้ำโขง ชมวิว ของกินมีให้เลือกมากมาย ผักเยอะมาก ส่วนน้ำจิ้มเป็นแบบคล้ายๆน้ำจิ้มสุกี้ แต่ใสกะปิ รสชาติออกหวานๆเค็มนิดๆ หรือจะปรุงเองตามใจชอบก็มี พริก กระเทียม มะนาว ทำเป็นน้ำจิ้มซีฟุ้ด
พิกัดตามนี้ >>>> 19.891323,102.1331843
วันที่ 4 ในหลวงพระบาง
เช้าวันนี้เราไป “วัดเชียงทอง”
ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดของความงดงาม ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ถ้าอยากได้รูปสวยๆแบบไม่ติดคน เราควรไปเช้าๆ เพราะจะได้ มุมดีๆ
เวลา เปิด 06:00 น.
เวลา ปิด ไม่ทราบ
ค่าธรรมเนียมเข้าชม 20.000 กีบ หรือประมาณ 80 บาท
พิกัด 19.8975577,102.1430457
ออกจากวัดมาจากประตูทางหน้าวัดตรงแม่น้ำโขงเดินเลาะๆ ริมแม่น้ำโขงมาเรื่อยๆเจอสวนย่อม แวะนั่งเล่นกันสักหน่อย ชิลดีอ่ะ
แผนที่รอบเมืองหลวงพระบาท
สะดุดตาหมาน้อยตัวนี้ ฮ่าดี ขอถ่ายเก็บไว้สักหน่อยนะ ^^
ไปเดินไม้สะพาน สะพานไม้ที่นี่มีหลายที่ ที่ๆสวยที่สุดน่าจะอยู่ใกล้ๆกับวัดเชียงทอง ตรงจุดนี้ (ภาพนี้ถ่ายวันที่ 2) ตอนเช้าๆเลยน้ำยังไม่ขึ้นสูง เราบอกกับพี่ว่า เดี๋ยวจะกลับไทยค่อยแต่งตัวสวยๆมาถ่ายรูปกัน
อีกวันต่อมา ก็เป็นแบบนี้แล้วอ่ะ คือน้ำท่วมสะพานเลยร้องไห้แป๊บบบบบ
แต่ไม่เป็นไร มีสะพานไม้อีกที่นึง เรามาเดินเล่นถ่ายรูปตรงนี้ก็ได้มีเก็บค่าผ่าน 5.000 กีบ ก็ประมาณ 20 บาท
ก่อนจะกลับไทย แวะกินข้าวซอยกันสักหน่อย เป็นร้านที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมสันติ
เครื่องปรุงที่นี่จะเน้นผงชูรส กับกะปิ และผักสดๆ
จบทริปการเดินทางของ ”วันเวลา” คือต้องบอกเลยว่า เราไปช่วงปลายๆปี อากาศที่นี่เย็น สบายๆ เป็นการมาหลวงพระบางที่ประทับสุดๆ ชอบตรงที่เป็นเมืองสงบ เหมาะกับการใช้ชีวิต Slow life ไม่ต้องเร่งรีบ เดินเล่นถ่ายรูปสบายๆ นั่งกินกาแฟมองวิวแม่น้ำ ชอบตอนปั่นจักรยานรอบๆเมือง ทุกอย่างสวยงามที่สุดแล้ว
**ขอบคุณผู้ร่วมทริปทุกๆท่าน ที่ทำให้การเดินทางในครั้งนี้เป็นความทรงจำดีๆ ครั้งนึงในชีวิต
สรุปยอดรวมค่าใช้จ่าย
Wanwaylaa
วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 13.32 น.