ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะตั๋วถูกมากและพี่ที่รู้จักไปด้วย ออกเดินทางด้วยนกแอร์อีกครั้งหลังจากไม่ได้มาใช้บริการที่ดอนเมืองเกือบปี บนเครื่องแจกแค่น้ำอย่างเดียวแล้ว
มาถึงอุดรธานีก็ใช้บริการ grab car จากสนามบินเข้ามาที่เซ็นทรัลในราคา 80 บาท ถูกกว่าทุกอย่างที่เคยใช้บริการมา ที่พักสำหรับ 2 คืนเป็นที่ The One Resident Hotel เตียงคู่คืนละ 650 บาท เลือกที่นี่เพราะใกล้ของกิน ที่เที่ยว ไปไหนได้ด้วยการเดินแบบสบายๆ
เก็บของเสร็จก็พักกันสักหน่อย ออกมาซนอีกทีเย็นมากๆ แล้ว โดยเริ่มเดินมาที่วัดโพธิสมภรณ์ อยู่ใกล้กับหนองประจักษ์ มาถึงก็ใกล้มืดแล้ว
ออกจากวัดก็มุ่งหน้ามาหนองประจักษ์ จะมาเยี่ยมเป็ดเหลืองสักหน่อย แต่น้องโดนเอาออกไปแล้ว มีไฟสีๆ ตามสมัยนิยม เราก็เลยเดินถ่ายรูปสะพานแขวนที่จะข้ามไปเกาะกลางหนองประจักษ์แทน
เดินย้อนกลับมาที่ตลาดเซ็นเตอร์พ้อยและยูดีทาวน์ ซื้อของติดไม้ติดมือมานั่งกินในห้องเอา
วันรุ่งขึ้น (เราก็ยังไม่ได้ไปทะเลบัวแดง) ตื่นเช้ามาพร้อมทั้งออกแรงเดินมากินมื้อเช้าที่ริมหนองประจักษ์
ขากลับเดินย้อนมาทางวัดมัชฌิมาวาส เข้าวัดกันอีกครั้ง
เดินย้อนกลับมาพักที่ห้องอีก เป็นทริปมาพักผ่อนจริงๆ ก่อนจะตื่นออกมาตอนใกล้เที่ยง เป้าหมายคือร้านกาแฟใกล้ๆ เรือนจำ แต่แล้วพอเดินไปถึงร้านดันมากรุ๊ปมาเช่าจัดสัมมนา ก็เลยแวะกินก๋วยจั๊บข้างเรือนจำแทน สั่งแบบจัมโบ้ 60 บาท เยอะมากๆ
ต่อด้วยปากหม้อไส้ทะลัก กล่องนี้ 40 บาท ไส้เยอะจริง
ย้อนกลับมาเส้นเดิมจนได้โลเคชั่นของร้านกาแฟตรงข้ามราชภัฏอุดรธานี ชื่อร้าน Wood you like cafe ในปั๊มเชลล์ ร้านน่ารักดี กาแฟใช้ได้ บิงซูก็โอเค
ตอนนี้พุงจะแตกของจริงแล้วก็เลยเดินกลับที่พักมานอนพักตีพุงกันก่อนจะออกไปแก้ตัวที่หนองประจักษ์อีกครั้งในช่วง 5 โมงเย็น และแล้วก็มาทันอาทิตย์ตก
ก่อนแสงจะหมดก็ต้องมากระโดดกันสักหน่อย สนุกๆ บนเกาะกลางน้ำ
เห็นผู้คนมาถ่ายตรงป้ายไฟเราก็เดินตามเขาไปถ่ายบ้าง ได้มุมประมาณนี้
เดินต่อมาที่สะพานแขวน 1 ทันก่อนแสงจะหมดพอดี
เดินต่อมาที่สะพานแขวน 2 แสงหมดแล้ว ได้มุมแสงจากร้านรวงริมหนองประจักษ์มาแทน
ขากลับรอบนี้ตั้งใจจะเดินผ่านศาลหลักเมืองอุดรธานี มาถึงแล้วก็ต้องสักการะ
เดินกลับมาทางห้างเซ็นทรัล และก็ได้มุมนี้ที่เขาจัดสถานที่ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน
มื้อเย็นก็จบที่ร้านส้มตำเดิมแต่เปลี่ยนจากตำกุ้งสดเป็นตำป่าและยำหอยนางรม ปิดท้ายด้วยเนื้อแดดเดียว
วันสุดท้ายที่อุดรธานี เราจ้างรถพร้อมคนขับพาเที่ยว คนขับนัดพวกเรา 6 โมงก็เลยรีบตื่นกันตั้งแต่ตี 4 มาเก็บกระเป๋าเตรียมเช็คเอ้าท์ คนขับโทรตามก่อน 15 นาที ทำให้เราได้มาถึงท่าเรือบ้านเดียมและลงเรือมาทันช่วงที่สวยที่สุดของวัน คือ อาทิตย์ขึ้น เราเลือกระยะไกล ค่าเรือคนละ 150 บาท นั่งได้ 2 คน ภาพที่ได้เห็นคุ้มค่าการตื่นเช้า นั่งหนาวสั่นที่หัวเรือมาที่จุดนี้มากๆ
จุดจอดแรก มาจอดให้ถ่ายอาทิตย์ขึ้น จุดนี้บัวน้อย แต่แสงสวยมาก ขนาดกล้องมือถือแบบเรายังออกมาโอเค ความสนุกเริ่มมากขึ้น ความหนาวก็หายไป
ไปต่อกันที่จุดจอดที่สอง จุดนี้สวยจนต้อง WOW ขนาดไม่ใช่การมาทะเลบัวแดงครั้งแรกของเรา
ไปต่อที่จุดจอดที่สาม ไกลสุด บัวสวยสุด ถามว่าทำไมได้แต่รูปมุมไกล ไม่เห็นได้ภาพกลางดงบัวเหมือนคนอื่นเลย แค่นี้ก็ฟินมากแล้ว ถ้าต้องให้คนขับฝ่ากลางดงบัวเพื่อให้เราได้รูปจนคนมาทีหลังไม่เหลือความสวยงามให้ดูก็ไม่เอานะ
ก่อนกลับก็โดนแอบถ่ายแบบไม่รู้ตัวจากพี่ที่ร่วมทริปไปด้วย ชอบภาพนี้มากๆ
ขึ้นฝั่งมาเดินตลาดชุมชน เจอแบบนี้มันคืออะไรไม่รู้ แปลกดี คนขายก็ไม่อยู่ให้ถามอีก
จากนั้นเดินเข้าวัดมหาธาตุเทพจินดา กราบพระธาตุและเดินไปชมต้นมะขามยักษ์อายุ 1,409 ปี
เดินต่อมาที่หอคอย เลยจุดขึ้นเรือไปนิดหน่อย ปีนขึ้นไปชมวิวกันอีกนิดหน่อย
จากนั้นก็มาต่อกันที่บ้านเชียง พอมาถึงก็หามื้อเช้ากิน ก่อนจะมานั่งจิบกาแฟที่ร้านพวนคอฟฟี่
ตัวพิพิธภัณฑ์รอบนี้ไม่ได้เข้าเพราะมาบ้านเชียงรอบที่ 4 แล้ว เท่าที่ถามเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรไม่ได้เปลี่ยนจุดแสดงเหมือนพิพิธภัณฑ์หมุนเวียน เรามาที่จุดวัดโพธิ์ศรีใน รอบนี้มีจุดที่เป็นภาพสามมิติเพิ่มเติมมา
จุดท่องเที่ยวใหม่ที่เห็นป้ายตั้งแต่เข้ามาคืออุโบสถกลางน้ำวัดสันติวนาราม คุณพี่ตำรวจแนะนำคนขับรถให้พาเรามาเที่ยว ตัวอุโบสถกลางน้ำเป็นทรงดอกบัว ด้านในเงียบ สงบ และเย็นมาก
จุดหมายต่อไปที่พวกเราจะไปกันคือคำชะโนด เราอยากมาตั้งแต่ 7 ปีก่อน สมัยได้ฟังเรื่องเล่าของที่นี่ แต่ไม่มีโอกาสจนได้มาตอนนี้ ก็เปลี่ยนแปลงจากที่เราได้ยินมาเยอะ เปลี่ยนตามแรงศรัทธาของผู้มาทำบุญ
ออกจากคำชะโนดก็มาแวะกินข้าวกันที่เวียงชัยบุรี บรรยากาศดี มีร้านกาแฟบริการด้วย อาหารอร่อย
เราใช้เวลาที่นี่นานเพราะลมเย็นสบายดี กว่าจะออกจากที่นี่ก็เกือบจะ 4 โมงเย็นแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้แวะวัดอีกหนึ่งจุดที่เขาจะพาไป เข้ามาถึงตัวเมืองแล้วตรงมาสนามบินเพื่อรอเวลากลับบ้านเลย ทริปนี้เน้นพักผ่อน กินและนอนเป็นหลัก ตอนกลับตัวเมืองอุดรธานีเปิดไฟกันแล้วก็ได้ภาพแสงเมืองมาด้วย
ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่
เพจ : ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
IG : prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 01.15 น.