เนื่องจากภาพมีเยอะค่ะ ขอแยกออกเป็นการแข่งขันฟุตบอลประเพณี ระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่จัดมาเป็นครั้งที่ 72 แล้ว ส่วนขบวนพาเลซทางการเมือง และการแปลอักษรสู้กันนั้น ขอเป็นโพสต์หน้าแล้วกันค่ะ
ทั้งสองทีมเดินลงสนาม เพื่อต้อนรับผู้แทนพระองค์ ในการเปิดงาน
ความเป็นมาของงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์
งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ เป็นการแข่งขันที่มีมาอย่างยาวนาน โดยถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2477 ด้วยความคิดของนิสิตและนักศึกษาที่ต้องการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ระหว่างนิสิตและนักศึกษา 2 สถาบัน ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือในการบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ โดยช่วงแรกได้นำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของการจัดงานทุกปีไปบริจาคเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านสาธารณกุศล
ประธานฝั่งจุฬาฯ กล่าวเปิดงาน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการเชียร์ ขบวนพาเหรด การแปรอักษร รวมถึงรูปแบบการจัดกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งนิสิตนักศึกษาทั้งสองสถาบันได้รวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ทุ่มเทเสียสละแรงกายแรงใจในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม ซึ่งถือเป็นแก่นแท้ของงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ที่สืบทอดจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ครั้งนี้ถือเป็นแมตช์สำคัญที่จุฬา-ธรรมศาสตร์เปิดโอกาสให้นักฟุตบอลมืออาชีพระดับซูเปอร์สตาร์ทีมชาติซึ่งเป็นนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบันที่ผ่านการศึกษาในรั้วจามจุรีและรั้วแม่โดมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงพลังปลุกสปิริตให้สังคม ด้วยการลงสนามแข่งขันฟุตบอลเพื่อความสามัคคีในครั้งนี้
การแสดงจากขบวนพาเลซ และเชียร์ลีดเดอร์ ฝั่งจุฬา
สถิติที่พบกัน
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะ 16 ครั้ง
เสมอ 31 ครั้ง
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะ 24 ครั้ง
การแปลอักษรเป็นพระบรมฉายาทิศลักษณ์
ดัมเมเยอร์ และขบวนพาเลซฝั่งจุฬา
เชียร์ลีดเดอร์ จุฬาฯ
นักเตะทีมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ : กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์, กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์, เจตน์จิณณ์ ศรีปราชญ์, ชนานันท์ ป้อมบุปผา, ชนินทร์ แซ่เอี๊ยะ, ชโนทัจน์ พิพัฒน์มงคลชัย, ชาคริต บัวทอง, ทัตพิชา อักษรศรี, ทิตาธร อักษรศรี, โทร่า เจริญสุข, ธนัตถ์ วงศ์ศุภลักษณ์, ประทีบ เสนาลา, ยศวรรธน์ มนทา
รชานนท์ ศรีนอก, วรรณพล ปุษปาคม, วัชรพงษ์ คงช่วย, วันเฉลิม ยิ่งยง, วีรภัทร นิลบูรพา, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, ศิวะเมต ธนูศร, สหวิช ขำเปี่ยม, สารัช อยู่เย็น, สุทน กุลมัย, อดิศร พรหมรักษ์, อดิศักดิ์ ไกรษร, อภิภู สุนทรพนาเวศ, อรรถวิท สุขช่วย, อัครชัย เสมาตั้งเจริญ, อาทิตย์ ดาวสว่าง, อานิสงค์ เจริญธรร
นักเตะทีมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, กฤษกร เกิดผล, รัตนัย ส่องแสงจันทร์, อดุลย์ หมื่นสมาน, พรรษา เหมวิบูลย์, อภิวัฒน์ งั่วลำหิน, ธีราทร บุญมาทัน, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, อนาวิน จูจีน, สุพรรณ ทองสงค์, กรวิทย์ นามวิเศษ, มีโชค มหาศรานุกูล
ปกเกล้า อนันต์, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร, วัฒนศัพท์ เจริญศรี, ศิวกร จักขุประสาท, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, ศราวุฒิ มาสุข, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, จักพัน ไพรสุวรรณ, สมปอง สอเหลบ, ธีรเทพ วิโนทัย, ชัยณรงค์ ทาทอง, เจนรบ สำเภาดี, ฤทธิพร หวานชื่น, อนันต์ บัวแสง
เชิญพระเกี้ยว
ประชุมทีมก่อนการแข่งขัน
จุฬาฯ ต้องขาดสองนายด่านตัวหลักอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่เดินทางไปค้าแข้งที่ยุโรป กับ โอเอช ลูเวิน ส่วน รัตนัย ส่องแสงจันทร์ เพิ่งกลับมาเรียกความฟิต จากอาการบาดเจ็บ ทำให้ตำแหน่งผู้รักษาประตู ฝั่งตราพระเกี้ยว ตกมาอยู่ที่ กฤษกร เกิดผล มือกาววัย 33 ปี ที่ผ่านสมรภูมิแห่งนี้มาอย่างโชกโชน ตั้งแต่ปี 2005
ซึ่งจะได้ประชันความเหนียวกับ ชนินทร์ แซ่เอี๊ยะ ผู้รักษาประตูจากค่าย ธรรมศาสตร์ ที่วันนี้ โชว์ฟอร์มเหนียวแน่นไม่แพ้กวินทร์ โดยมี สองนายทวารดาวรุ่ง ทัตพิชา อักษรศรี และ สหวิช ขำเปี่ยม ลูกชายอดีตประตูทีมชาติไทย คอยเป็นตัวซัพพอร์ท
เชียร์ลีดเดอร์นำเชียร์
นกหวีดดัง การแข่งขันฟุตบอลประเพณี จุฬา & ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 เริ่มขึ้น
จุฬาฯ หมดสิทธิ์ใช้งาน ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายตัวความหวัง ที่ย้ายไปเล่นลีกอาชีพที่ญี่ปุ่น แต่ก็ได้ “โย่ง” พรรษา เหมวิบูลย์ แนวรับดีกรีทีมชาติไทย จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในแผงเกมรับให้แก่ จุฬาลงกรณ์ฯ ซึ่งเขาได้เป็นนักเตะอาชีพครั้งแรกกับ จามจุรี ยูไนเต็ด โดยมี อภิวัฒน์ งั่วลำหิน เป็นคู่หู
เชียร์ลีดเดอร์เปลี่ยนตำแหน่ง ออกเชียร์รอบสนาม
การแข่งขันเข้มข้น ไม่มีใครยอมใคร
ข้ามฝากที่ ธรรมศาสตร์ ได้แนวรับฟอร์มแรงจาก เชียงราย ยูไนเต็ด อย่าง อาทิตย์ ดาวสว่าง มาคอยปัดกวาดแผงหลังร่วมกับ อดิศร พรหมรักษ์ จาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
กองหน้าธรรมศาสตร์ บุกมาจนถึงเขตกองหลังจุฬา
บุกทะลวงเข้าไปในเขตโทษ
ส่วนแดนกลางของ พระเกี้ยว เต็มไปด้วยขุนศึกแข้งทอง สายบู๊ ศิวกร จักขุประสาท, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร หรือสายบุ๋น วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, ศราวุฒิ มาสุข และคีย์แมนคนสำคัญ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มิดฟิลด์จาก บางกอกกล๊าส เอฟซี
ลูกขลุกขลิกอยู่หน้าประตูจุฬา
ทางฝั่งฟากของยุงทอง ลูกแม่โดม ได้โค้ชธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ส่ง “ตัง” สารัช อยู่เย็น มาเป็นตัวทำเกมส์โดยมีฟอร์มการเล่นนับตั้งแต่หายเจ็บกลับมายังกริ๊บ โดยผนึกกำลังร่วมสร้างสรรค์เกมกับ ศิวกรณ์ เตียตระกูล, อภิภู สุนทรพนาเวศ
นาทีทำประตู ธรรมศาสตร์ขึ้นนำจุฬาไปก่อน 0 : 1
ส่วนกองหน้าเก๋าเกมส์ วัย 33 ปี “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย มาด้วยความมุ่งมั่นเกินร้อย ขอทวงคืนแชมป์ที่หายไปกว่า 5 ปี ขนาบข้างด้วย สมปอง สอเหลบ และ เจนรบ สำเภาดี
ฟากธรรมศาสตร์ ส่งกองหน้ารุ่นน้อง เจ้าของฉายา “AK9” อดิศักดิ์ ไกรษร หวังลุ้นพาทีมซิวแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกัน ร่วมกับเหล่ามือปืนท่าพระจันทร์อย่าง รชานนท์ ศรีนอก, ชนานันท์ ป้อมบุปผา
เก้าอี้ฝั่งธรรมศาสตร์ ลุกขึ้นเฮ แสดงความดีใจ
สแตนด์เชียร์แปลอักษรหยอกกันไปมา
ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ จะมีเฮดโค้ชเป็นชาวไอริช นั่คือ เฮียสก็อตต์ ซึ่งมาทำหน้าที่แทน สัจจา ศิริเขตต์ ในภารกิจสำคัญ กลับมาผงาดครองแชมป์อีกครั้ง
ขณะที่แชมป์เก่า ยังคงไว้วางใจใช้บริการลูกหม้ออย่าง “โค้ชวัง“ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ผู้ผ่านฟุตบอลประเพณีมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะจนมาวันที่ได้ทำหน้าที่เฮดโค้ช การันตีฝีมือ ด้วยการพาทีมลูกแม่โดม สยบ ตรากระเกี้ยว ด้วยสกอร์ขาดลอยสุดในประวัติศาสตร์ 5-1 เมื่อปีที่แล้ว
จุฬาบุกหนักตลอดเวลาที่เหลืออยู่ ทำให้เกมส์ร้อนแรงขึ้น มีการทำฟาล์วกันหลายครั้ง
จนเกิดการกระทบกระทั่งกันในสนาม นึกว่าจะได้ดูมวยจุฬา & ธรรมศาสตร์ซะแล้ว
เล่นกันแรง ๆ จนนักฟุตบอลล้มลุกคลุกคลานเป็นใบไม้ร่วง
เดือดร้อนแพทย์สนาม ต้องหามเปลและกระเป๋ายาไปดูแล
แต่เกมส์ยังดำเนินต่อไป จุฬาฯ ยังบุกหนัก แต่ไม่สามารถผ่านมือประตูธรรมศาสตร์เข้าไปเป็นประตูได้
ในสนามแทบจะยกให้ ชนินทร์ แซ่เอี๊ยะ นายทวารของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นแมนออฟเดอะแมทซ์ เพราะเหนียวแน่น จนกองหน้าจุฬาฯ แทบทำอะไรไม่ได้ จนเวลาล่วงเลยมาถึง 90 นาที กรรมการทดเวลาบาดเจ็บ ตบตี มีเฮ ไปอีก 5 นาที
จุฬาได้ลูกเตะมุม
ชุลมุนที่หน้าประตูธรรมศาสตร์
แต่ไม่เป็นประตู
เกมส์เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ มีการกระทบกระทั่งกันเป็นระยะ
จนนาทีที่ 94 กับลูกเซตพลีซของจุฬาฯ
ลูกก็ขลุกขลิก กระด้อกระเดี้ยเข้าประตูธรรมศาสตร์ไปจนได้
นักเตะและสต๊าฟโค๊ซร่วมดีใจกันกลางสนาม
ส่งผลให้จุฬาฯ ตามตีเสมอธรรมศาสตร์ไปได้ด้วยสกอร์ 1 ประตู ต่อ 1 จนกระทั้งหมดเวลาการแข่งขัน และจะทำการต่อเวลากันอีกครั้งในฟุตบอลประเพณีครั้งที่ 73 ปีหน้าโน้นนนนนน และเป็นอันจบการแข่งขันฟุตบอลประเพณี จุฬา & ธรรมศาสตร์ในปีนี้ แล้วพบกันใหม่ ปีหน้า
อัศจรรย์ฝั่งธรรมศาสตร์แสดงผลการเข้าประตู
การแปลอักษรเชียร์ตอบโต้กัน ระหว่างกองเชียร์ของจุฬา และธรรมศาสตร์
รับมอบถ้วยพระราชทานจากตัวแทนพระองค์ร่วมกัน
ถ่ายภาพที่ระลึกร่วมกันของทีมธรรมศาสตร์
ส่งตัวแทนพระองค์ เพื่อเดินทางกลับ
กรรมการจัดงานฝ่ายจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปิดงาน เจอกันใหม่ปีหน้า
สายลม ที่ผ่านมา
วันพฤหัสที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 08.36 น.