ดอยม่อนเงาะ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1425 เมตร มองจากด้านบนจะเห็นยอดดอยต่างๆที่สลับและลดหลั่นกันไปสุดสายตา โดยทางทิศตะวันตกจะมองเห็น ดอยอินทนนท์ ทิศเหนือ เห็นดอยผ้าห่มปก และทิศตะวันออกจะมองเห็นดอยหลวงเชียงดาว และยังสามารถมองเห็นห้วยน้ำดังอยู่ไกลๆ อีกด้วย ที่นี่นอกจากคนจะนิยมมาเที่ยวในฤดูหนาวแล้ว ช่วงปลายฝนทะเลหมอกก็สวยงามเช่นกัน



เดิมทีตอนแรกเลย ดอยม่อนเงาะ นี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์รายชื่อสถานที่ ที่เราตั้งใจจะมาในทริปนี้ แต่บังเอิญว่าปีนี้ดอกพญาเสือโคร่งที่ขุนวางบานไวกว่ากำหนดที่เราจองที่พักไว้ที่ขุนวาง ทำให้ช่วงที่เรามาถึงเชียงใหม่ คือ ต้นเดือน กพ. ดอกมันก็เริ่มร่วงโรยหมดแล้ว เราจึงต้องเปลี่ยนแพลนกะทันหัน ยกเลิกบ้านพักที่ขุนวาง แล้วหาที่เที่ยวที่อื่นแทน โดยลองหากูเกิ้ลดูสถานที่ใหม่ๆที่เรายังไม่เคยไปบ้าง จนมาสะดุดเข้ากับ ดอยม่อนเงาะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มาก ใช้เวลาขับรถแค่ 1 ชั่วโมงเอง และเค้าว่าเป็นดอยที่คนไม่พลุกพล่าน นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก เราจึงตัดสินใจเดินทางไปกัน

ซึ่งเราออกเดินทางจาก ที่พักคืนแรกแถวๆ ม่อนแจ่ม ขับรถมุ่งหน้ามาทาง ถนนสายแม่มาลัย-ปาย เลี้ยวซ้ายไปทางเดียว กับที่จะไป อ.ปาย ก่อนที่จะขึ้นดอยม่อนเงาะ เราได้แวะเที่ยวระหว่างทาง 2 ที่ ซึ่งเป็นที่ไหนกันบ้าง ตามไปดูกันค่ะ


หลังจากเลี้ยวซ้ายมาทาง อ.แม่แตง ได้ประมาณ 13 กิโลเมตร ก็จะถึงป่าไผ่ หรือ Bamboo Grove ซึ่งที่นี่ เป็นร้านกาแฟ และรีสอร์ทด้วยค่ะ เราแวะเข้าไปเดินเล่น ถ่ายรูป ใช้เวลาอยู่ที่นั่นประมาณ ครึ่งชม.ได้ ช่วงที่เราไป อากาศเย็นสบายกำลังดี และบริเวณโดยรอบ นอกจากมีต้นไผ่แล้ว ยังมีต้นไม้ใหญ่น้อย ทำให้ดูร่มรื่นมากๆ



ต้นไผ่ที่นี่จะปลูกเป็นแถวยาวเรียงกัน ดูสวยงามมากๆเลยค่ะ มองไปเผินๆ ก็คล้ายป่าไผ่ที่ญี่ปุ่นเหมือนกันน๊า





ออกจากป่าไผ่ เราก็ไปแวะกันที่ น้ำตกหมอกฟ้า ซึ่งทางไปน้ำตกนี้ จะเลยทางที่จะขึ้นดอยม่อนเงาะไปหน่อยค่ะ



จากถนนหลักเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก ประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าน้ำตก ด้านหน้าจะมีลานจอดรถ ก่อนจะเดินไปที่น้ำตก เราต้องจ่ายค่าเข้าอุทยานตรงนี้กันก่อนค่ะ ค่าเข้าอุทยาน คนละ 20 บาท และค่ารถ คันละ 30 บาท




จากลานจอดรถเดินเท้าไปประมาณ 300 เมตร



ทางเดินเข้าไปน้ำตกหมอกฟ้า เส้นทางเดินสะดวก และร่มรื่นมากค่ะ




เดินมาไม่นานพอได้เหงื่อเบาๆ ก็ถึงแล้วค่ะ น้ำตกหมอกฟ้า



น้ำตกหมอกฟ้า ตั้งอยู่ที่ ต.สบเปิง อ.แม่แตง อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี บรรยากาศร่มรื่นและเย็นสบาย และมีชั้นที่สูง โดยสายน้ำตกจะไหลจากหน้าผาลงสู่พื้นซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำ สามารถลงไปแช่น้ำเล่นได้ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบ้านพักและลานกางเต้นท์ไว้คอยรองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย


น้ำตกหมอกฟ้าในมุมต่างๆ

ออกจากน้ำตกหมอกฟ้า เราก็เดินทางต่อไปยังดอยม่อนเงาะกันเลย ทางไปดอยม่อนเงาะ จะอยู่ตรงข้ามวัดสบปิง เลี้ยวเข้าไปทางตำบลเมืองก๋าย 12 กิโลเมตร ทางจะแคบและชันพอสมควร แต่รถเก๋งสามารถขับมาได้ค่ะ ขับมาเรื่อยๆจะเจอกับทางแยกซึ่งจะมีป้ายบอกทาง ให้เลี้ยวซ้ายไปทางโครงการหลวงม่อนเงาะ หรือ บ้านเหล่าพัฒนา ซึ่งวันนี้เราจะนอนค้างคืนกันที่ โฮมสเตย์บ้านเหล่าพัฒนา




ขับเข้ามาในหมู่บ้านประมาณ ก็จะถึงโฮมสเตย์ ที่เราจะพักกันในคืนนี้ ชื่อว่าบ้านใบตอง โดยโฮมสเตย์นี้อยู่ในกลุ่มเครือข่ายการท่องเที่ยวม่อนเงาะ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในพื้นที่ ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว โดยโฮมสเตย์ของที่นี่ต้องการเน้นให้คนที่มาพักได้เรียนรู้วิถีชาวบ้าน และได้ศึกษาธรรมชาติอย่างแท้จริง




บ้านใบตอง เป็น โฮมสเตย์ ของ พ่อสุทัศน์และแม่น้อย ส่วนที่ทำเป็นโฮมสเตย์เป็นบ้านหลังใหญ่ มีที่นอนขนาด 5 ฟุตแบ่งเป็น 3 ที่นอน สามารถนอนได้ ตั้งแต่ 2 คน - 7คน โดยเค้าจะคิดราคาค่าที่พักเป็นคน
ที่พัก 1 คืน พร้อมอาหาร 2 มื้อ 450 บาท ต่อคน




ภายในบ้านมีผ้าห่ม ที่นอน หมอน ซึ่งเจ้าของบ้านซักทำความสะอาดเป็นอย่างดี รวมถึงมีผ้าเช็ดตัวเตรียมไว้ให้พร้อมค่ะ
นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลม แต่ช่วงที่เราไปไม่ได้ใช้เลยพัดลม เพราะหนาวมากๆห่มผ้า 3 ชั้นกันเลยทีเดียว




มื้อค่ำ แม่น้อย จะเป็นคนทำอาหารมาให้ทานค่ะ มีแกงแค ยำยอดใบชา น้ำพริกกะปิ แคปหมู ไข่เจียว กับข้าวถ้าไม่อิ่มเติมได้ตลอดนะคะ คุณแม่ใจดีมากๆ แถมทำกับข้าวอร่อยด้วย


หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็รีบอาบน้ำเข้านอนกันค่ะ เพราะตอนเช้าเรามีนัดจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ ยอดดอยม่อนเงาะ กันค่ะ โดยเราได้นัดกับพ่อสุทัศน์ไว้ตอนเช้ามืด ซึ่งเนื่องจากทางขึ้นดอยม่อนเงาะจะค่อนข้างชัน และเป็นทางลูกรัง รถเก่งจะไม่เหมาะซักเท่าไหร่ แนะนำว่าให้เช่ารถของชาวบ้าน ซึ่งเป็นรถโฟวิล ขึ้นไปค่ะ โดยค่าเช่ารถจะอยู่ที่คันละ 700 บาท


เช้ามืดเราตื่นกันแต่เช้า อากาศหนาวและลมแรงมากๆ ต้องใส่ทั้งหมวกและถุงมือ และเสื้อกันหนาวจัดเต็มซะหน่อย

จากโฮมสเตย์ที่เราพักขับขึ้นไปอีก ประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะถึงจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ดอยม่อนเงาะ


อากาศตอนเช้าหนาวมาก คุณพ่อที่ขับรถพาเรามา ต้องไปหาฟืนมาก่อกองไฟคลายหนาว ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้น ยืนพิงไฟไปคุยกันไป คุณพ่อสุทัศน์แกก็เล่าเรื่องราวของแกไปเรื่อย เราถามแกว่าทำไมที่นี่ถึงเรียกว่า ม่อนเงาะ เค้าปลูกเงาะเยอะหรอ แกหัวเราะแล้วบอกว่าไม่ใช่ ที่มาคือบริเวณนี้จะมีหินผาเรียงกันสามลูก ผาแรกคือ ผาลูก ผากลางที่เด่นที่สุดคือผาแม่ ซึ่งคือม่อนเงาะ และผาถัดไปคือ ผาพ่อ ที่เรียกม่อนเงาะเพราะว่า แม่ ภาษาม้ง คือโม่งโง๊ะ แล้วเรียกเพี้ยนมาเป็น ม่อนเงาะนั่นเอง 555 ไม่ได้มีต้นเงาะเยอะเหมือนที่เราเข้าใจ
แกยังบอกอีกว่าช่วงนี้หมอกจะน้อยแล้วเพราะอากาศแห้ง ถ้าอยากมาแบบเห็นหมอกเยอะๆ ต้องมาช่วงเดือน พฤศจิกา ถึง ราวๆต้นเดือนมกรา นั่นแหละ


รอไม่นานซักพักแสงแรกก็โผล่ขึ้นมา เราถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ เราชอบที่นี่นะ มันเงียบสงบ และเป็นธรรมชาติดี แถมวันที่เราไป ไม่มีคนเลย อาจจะเป็นเพราะเป็นวันธรรมดาด้วย และก็เลยช่วงที่เค้าท่องเที่ยวกันแล้วด้วยมั้ง


ค่าเข้าคนละ 30 บาทค่ะ

จากจุดที่ชมพระอาทิตย์ เดินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร เพื่อจะไปยังจุดชมวิวยอดดอยม่อนเงาะ



ทางเดินก็จะเป็นเนินเขาขึ้นไปเรื่อยๆ สูงพอสมควร ได้ออกกำลังขาเรียกเหงื่อกันแต่เช้า


ถึงแล้วค่ะ จุดชมวิวยอดดอยม่อนเงาะ เห็นวิวแล้วก็หายเหนื่อยนะ มันไกลสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ แถมอากาศข้างบนหนาวเย็นมากๆ มองไปจะเห็นหมอกอยู่ไกลๆ หลายจุดเลย ซึ่งคุณพ่อแกบอกว่า ถ้า เป็นช่วงที่หมอกหนาๆนะจะสวยกว่านี้อีก ตรงที่เรายืนจะมีแต่หมอกล้อมรอบตัวเลย แต่แค่นี้เราก็ถือว่าคุ้มแล้ว ได้มาสูดอากาศบริสุทธ์ หายใจเข้าเต็มปอด สดชื่นมากค่ะ เราสัญญากับคุณพ่อสุทัศน์เลยว่า เราจะกลับมาที่นี่อีกแน่นอน ต้องมาเห็นทะเลหมอกแบบอลังๆให้ได้


คลิปมุมสูงของดอยม่อนเงาะ


หลังจากชื่นชมทัศนียภาพ ของป่าเขา บนยอดดอยอยู่นานพอสมควร เราก็เดินทางลงจากดอยกันค่ะ


กลับมาถึงที่พัก คุณแม่น้อย ก็เตรียมอาหารมื้อเช้ารอไว้เรียบร้อย กำลังหิวพอดี



หลังจากกินข้าว อาบน้ำ เราก็เตรียมตัวเก็บของเพื่อจะเดินทางกลับกัน

ก่อนกลับ ขอเก็บภาพกับเจ้าของบ้านเป็นที่ระลึกกันหน่อย นี่แหละ พ่อสุทัศน์ และแม่น้อย ซึ่งดูแลเราดีมากๆตลอดการเข้าพักเลย หลังจากนั้นเราก็ร่ำลาแกเพื่อจะเดินทางไปเที่ยวที่ ไร่ชาลุงเดช กันต่อ


เบอร์โทรของบ้านใบตอง โฮมสเตย์ค่ะ เจ้าของเค้าจะติดไว้หลังรถกระบะคันที่เรานั่งขึ้นไปเที่ยว ดอยม่อนเงาะ เมื่่อเช้านั่นแหละ



ไร่ชาลุงเดช อยู่ไม่ไกลจาก โฮมสเตย์บ้านเหล่าพัฒนามากนัก สามารถขับรถเก๋งขึ้นมาได้ค่ะ

ที่ไร่ชาลุงเดช นอกจากจะมีชาขายแล้ว ยังมีอาหารอื่นๆด้วย แต่ส่วนมากคนจะนิยมมานั่งจิบชาร้อนๆ ท่ามกลางบรรยากาศของขุนเขา ที่นี่เจ้าของไร่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ชวนพูดคุยแบบเป็นกันเอง หลังจากที่ได้คุยกัน เลยได้รู้ว่า ลุงเดช แกเป็นผู้บุกเบิกการทำไร่ชาเป็นรายแรกๆของที่นี่ และที่นี่เป็นไร่ชาอู่หลงไม่กี่ไร่ของภาคเหนือ เราเคยเห็นแต่รูปของที่นี่จากเพื่อนๆที่เคยมากัน วันนี้เพิ่งได้มีโอกาสมาเที่ยวชมเองซักที


เราสั่งชาขาว มาทาน 1 กา ส่วนขนมเปี๊ยะ เราเอามาเองนะคะ ไม่ใช่ของที่นี่


ที่นี่นอกจากจะเป็นร้านอาหารก็ยังมีที่พักเป็นแบบโฮมสเตย์ด้วยค่ะ ถ้าได้นอนพักซักคืนคงจะฟินไม่น้อย

จบรีวิวเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ สำหรับเราดอยม่อนเงาะและที่เที่ยวใน อ.แม่แตง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากๆ อยากให้เพื่อนๆได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองซักครั้ง รับรองว่าจะติดใจอย่างเราแน่นอนค่ะ

โฮมสเตย์บ้านเหล่าพัฒนา เบอร์โทร 081-1651453 ,087-1836415

ไร่ชาลุงเดช เบอร์โทร 081-1633765

โครงการหลวงม่อนเงาะ เบอร์โทร 095-6753848
รถเช่าเชียงใหม่ by Bigjumb เบอร์โทร 081-7657737

ทริปหน้าเราจะพาไปเที่ยวไหนกันอีก ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

หรือเข้าไปสอบถามพูดคุยกับเราได้ที่เพจ https://www.facebook.com/somewheresomeone/

หากรีวิวถูกใจเพื่อนๆอย่าลืมแวะเข้าไปกดติดตามเพจเป็นกำลังใจให้เราบ้างนะคะ


Somewhere Someone

 วันพฤหัสที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 06.49 น.

ความคิดเห็น