สรุปการเดินทาง
เดินทางด้วยเครื่องบิน และออกเดินทางจากอุดรด้วยรถบัส เที่ยววังเวียงหนึ่งวันนิดๆ นับแค่เที่ยววังเวียง 3 วัน 3 คืน กิจกรรมมีเดินไปถ่ายภาพสะพานส้ม เดินตลาดกลางคืน ซื้อ One day trip มีกิจกรรม ถ้ำช้าง-ถ้ำน้ำ-พายเรือคายัคแม่น้ำซอง-บลูลากูน1 เสริมเองปีนผาเงิน เดินทางด้วยรถประจำทางและเดินเท้าเป็นหลัก ค่าใช้จ่ายประมาณ 5,052 บาท อันนี้คือเที่ยวแบบกลางๆ อาหารปกติ สรุปเงินด้านล่าง
เรื่องลาวที่น่าสนใจ
1 ) ภาษาที่ใกล้เคียงกับอีสานไทย แต่จะสลับกัน ลูกชิ้นทอด = ทอดลูกชิ้น
2 ) ด่านเก็บตังมีทุกจุด ที่เที่ยว, วัด, สะพาน เก็บทั้งคนทั้งรถ
3 ) รถยนต์ชิดขับขวา และไม่มีเส้นถนน ตำรวจไม่ตรวจบัตร
4 ) อาหารการกินแทบจะเหมือนไทย แต่จะมีขนมปัง พิซซ่าด้วย
5 ) นักเรียนหญิงใส่ผ้าสิ่นและปันจักรยานกลางร่มไปเรียน
6 ) เท่าที่เคยเห็น เค้ากินเบียร์กันตั้งแต่หัววัน
7 ) ฟังเพลงไทย ทีวีไทยซะส่วนใหญ่
8 ) Slow life อย่างแท้จริง คนเค้าชิวมากครับมากจริงๆ
9 ) กิจกรรมเยอะ บอลลูน รถ น้ำตก ถ่ำ แม่น้ำ ผับ Zip line ภูเขา
10 )ร้านอาหารและโรงแรมจะมีป้านไฟสีเหลือง มีมาตรฐานเดียวกัน
24 Feb - กรุงเทพ,ลาดกระบังไปอุดรธานี นั่งรถ Shuttle bus จากสนามบินสุวรรณภูมิไปสนามบินดอนเมือง ( ชั้น 2 ประตู 3 ) ใช้เวลาเดินทาง 1 ชมอันนี้คือรถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ รถจะออกทุก 30 นาที คือเราต้องมีตั๋วสนามบินดอนเมืองถึงจะขึ้นรถได้โดยต้องให้เค้าตรวจตั๋วด้วย
25-26 Feb - นอนแถวอุดรธานีกับหนองคาย 3 คืน แต่คืนสุดท้ายเพื่อที่จะไปซื้อตั๋วรถให้ทัน 7:00 เลยต้องนอนที่กวินบุรี กรีน โฮเท็ลใกล้ๆบขส.อุดรธานี ซึ่งโรงแรมนี้เจ๋งมาก เพราะมีสระว่ายน้ำที่ชั้นเจ็ดด้วย มี Soft drink ให้ด้วย
มีให้ครบครันครับใครไปก็แนะนำนะครับ แต่ตอนถามเวลา Walkin ราคาแพงกว่า Agoda ก็เลยกดจิ้ม Agoda กันตรงเค้าเตอร์เลย ได้ราคา 752 บาท
แผนที่เอาไว้เลือกวิธีไป
27 Feb - ตื่นขึ้นมาเช็คเอาว์ตั้งแต่ 6:30 ฝากกระเป๋าอะไรไว้ที่โรงแรมเรียบร้อยเพราะจะเดินกลับมากินข้าวที่ร้านมาดาม พาเท่ห์ เดินออกจากโรงแรมไปไม่ถึง 5 นาทีเพราะไปทางลัดเข้าจากด้านหลังของบขส. ระหว่างเดินก็สังเกตุเห็นมี Hostel อยู่ 2 เจ้าเห็นราคาแว๊ปๆ 99 บาท ใครอยากเซฟค่าใช้จ่ายแนะนำเลยครับ
มาถึงบขส 7:00 เดินไปตรงทางออกของรถเลยครับ ตึกสีส้มไว้ขายตั๋วที่จะไปลาว รถอุดร-หนองคาย-วังเวียง ราคา 320 บาท รถจะมีหนึ่งรอบต่อวันครับ ใช้พาสปอร์ตซื้อ พูดถึงพาสปอร์ตหน่อย วันหมดอายุของพาสปอร์ตต้องมากกว่า 6 เดือนในวันที่เดินทางข้ามไปประเทศลาวได้นะครับ
ร้านมาดาม พาเท่ห์ - ผมนัดเพื่อนไว้ว่าจะไปกินข้าวกันที่ร้าน ก็เลยต้องเดินกลับมาที่หน้าโรงแรมเหมือนเดิม โดยที่ร้านจะอยู่ห่างจากโรงแรมไม่ถึง 30 ก้าวคือใกล้มาก แต่อาจจะหาร้านยากหน่อย เพราะเค้าจัดไว้แบบไม่ธรรมดาถึงจะสีแดงแต่ก็เดินผ่านได้ง่ายๆ มีเพื่อนที่อยู่อุดรเป็นคนแนะนำมา และร้านนี้เปิดได้ไม่ถึงสัปดาห์ด้วยมั้งครับ เพราะถามเจ้าหน้าที่ที่โรงแรมเค้ายังไม่รู้จักเลย
ผ่านซุ้มประตูเข้าไปก็จะเป็นตรอกเล็กๆ ตกแต่งได้เก๋ไก๋มาก ร้านที่อุดรธานีทีแต่ร้านเจ๋งๆครับ ชอบมาก ในความคิดผมคิดว่าเมนูอาหารที่นี้จะคล้ายๆทางภาคใต้ แต่ถือว่าแปลกใหม่สำหรับผมทุกเมนูครับรสชาติดีมากครับโดยเฉพาะโกปิ๊บวกอะไรซักอย่างทอดๆ ราคาก็เป็นช่วงกลาง 40 - 200 บาท
รู้สึกว่ามาถึงอุดรแล้วได้กินอาหารเจ้าถิ่น ฮ่าๆ ใครบอกว่าไม่ใช่พิมพ์แนะนำไว้นะครับวันหลังจะได้ไปลองบ้าง
8:15 - กินไปกินมา ก็ใกล้เวลารถออกแล้วเลยต้องรีบเดินกลับไปที่รถบัส ในตั๋วมีบอกอยู่แล้วครับว่าชานชลาไหนที่นั่งเท่าไหร่ ก็ตรงเข้าไปเลยครับอย่าลังเลเพราะรถใกล้ออกละ พอผมขึ้นรถปั๊บรถออกเลยแต่ก็ก่อนเวลาอยู่นิดหน่อย เต็มคือออก
พอรถออกวิ่งพนักงานเค้าก็จะแจกใบผ่านเลยครับก็เขียนตามพาสปอร์ตเลย มันมีสองใบขาออกและขาเข้าประเทศ ดังนั้นเราจะต้องเก็บใบขาเข้าเอาไว้วันกลับด้วย ข้อมูลในการเขียน ถ้ามีไม่ก็ไม่เขียนสบายๆ เขียนเป็นภาษอังกฤษทั้งหมด
9:30 - จอดรถรับคนเพิ่มที่หนองคาย ใช้เวลาไม่นานครับถ้าคนครบรถออกเลย ถ้าถึงนี่ก็แปลว่าใกล้ด่านไทยแล้ว พอถึงด่านไทยลงรถไปแสตมพาสปอร์ต ก็เข้าให้ถูกช่องมันจะมีใบผ่านแดนชั่วคราวหรือใช้พาสปอร์ต ช่องพาสปอร์ตก็มีอัตโนมัติกับไม่อัตโนมัติ
กลับมาขึ้นรถ เข้าด่านของลาวก็คล้ายๆเดิม ลงไปแสตมพาสปอร์ต เสร็จแล้วเดินไปซื้อบัตร One way Ticket ของผมไปวันธรรมดาเสีย 5 บาท
เอามาเสียบเข้าช่องเหมือน BTS เข้าให้ตรงช่องเพราะเค้ามีป้ายเขยนบอกด้านบน เสียบบัตรแล้วเดินผ่านเข้าไปเลย ไม่มีการคืนบัตร พนักงานรถเค้าจะไม่ให้แลกเงินที่นี้ ก็เข้าห้องน้ำเลย เพราะเราไปอีกไกลครับ ที่ต่อไปจะเป็นจุดพักรถซื้อซิมแลกเงินที่นี้
13:00- จุดพักรถ ลงมาก็เข้าไปซุปเปอร์เพื่อแลกเงิน อัตราแลกเงินวันนั้น 1 บาทเท่ากับ 260 กีบ ผมแลกไป 4000 บาท ซิมไม่ซื้อเพราะที่นั้นมี Wifi ค่อนข้างเยอะ แผนที่ก็โหลดแอฟ map.me มาใช้เป็นแบบออฟไลน์
แลกเงินเสร็จก็กินข้าว แต่คนเริ่มเยอะก็เลยซื้อลูกชิ้นมากินแทนน้ำจิ้มอร่อยมาก ใครผ่านแวะลองได้ ช่วงหลังจากนี้คือตื่นตลอดทาง ก็เลขได้รู้ว่าที่มันนานก็เพราะรถขับไม่ได้เร็วมากครับ ประมาณ 30-50 km/hr เพราะถนนก็จะเลี้ยวโค้งตลอดเวลา
ลูกชิ้น 20,000 กีบ
3:40- บขส.วังเวียง ใช้เวลาเดินทาง 7 ชั่วโมงนิดๆ พอลงรถหยิบกระเป๋าแล้วก็ไปรอซื้อตั๋วกลับได้เลยครับ รถก็มีไปหลายที่นะครับ แต่ผมซื้อขากลับไปลงอุดร ตั๋วรถที่เราซื้อมันจะเป็นแค่การจองนะครับ ยังไม่ใช่ตั๋วจริง วันขึ้นต้องเอามาแลกผมจองกลับเช้าวันที่ 1 มีนาคม ราคา 90,000 กีบ ต้องบอกที่พักคืนก่อนเดินทางครับเค้าจะมารับถึงหน้าที่พักเลย แต่ของผมต้องโทรแจ้งทีหลังเพราะไม่ได้จองที่พักไว้ โดยต้องบอกเลขปี้โดยสาร (ภาษาลาวครับปี้แปลว่าตั๋ว)
ตรงด้านหน้าบขส.เหมือนมีรถรับส่งไปโรงแรมอยู่แต่ไม่รู้ว่าเสียตังไหมนะ แต่ผมไม่ได้จองไว้ก็เลยเดินไปดีกว่า จะได้หาโรงแรมไปด้วยเลย เดินเข้ามาในเมืองก็ถามไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเต็มหมดเลย สุดท้ายมาเจอโรงแรมมาลินี2 ตรงข้ามซากูระบาร์อันโด่งดังเลยครับ และกลางคืนดังจริงๆครับเพราะผมนอนชั้นแรก
ค่าโรงแรม 120,000 กีบ ตัวห้องก็ตามภาพเลย มี Wifi แต่ที่ชอบคือมีน้ำร้อนแบบหมุนเปิดเอา บ้านเรายังไม่ค่อยมีเลย เจ้าหน้าที่ก็ชิวดีครับพี่แกแนะนำดีมากสบายๆ แกก็ถามไปเที่ยวไหนแผนเป็นยังไง เพราะแกจะขาย One day trip
ซึ่งผมก็ยังไม่ตบปากรับคำเพราะอยากไปนั่งห่วงยาง ก็เลยถามแกว่าไปเช่าที่ไหน แกก็บอกว่าแถววงเวียน พอไปถึงเห็นราคา 60,000 กีบเวลา 9:00-16:00 ก็มานั่งคิดเอะคุ้มไหมเนี่ย สุดท้ายเลยเปลี่ยนแผน
มาซื้อ One day trip กับทางโรงแรม ราคา 120,000 กีบ โปรแกรมมีถ้ำช้าง-ถ้ำน้ำ-พายเรือคายัคแม่น้ำซอง-บลูลากูล1 พร้อมอาหารเที่ยง เป้าหมายหลักในครั้งนี้คือ บลูลากูน1และผาเงินทางเลือกนี้เลยดีกว่า
เดินผ่านวงเวีนมาอีกนิดก็ลงทางราบไปเจอสะพานครับ เป็นสะพานไม้ แต่ประเด็นคือทำฝาครอบเลนตกน้ำ ชิบหายละตอนแรกก็นึกว่าน้ำลึกมากแต่ไม่ลึกครับ ก็เลยลุยเลยสรุปได้คืนเฉย
ที่พักก็มีแล้ว โปรแกรมพรุ่งนี้ก็มีแล้ว ก็เลยต้องหาอะไรทำผมก็เลยเดินไปสะพานส้ม ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างทางก็ผ่านตลาดกลางคืนแต่ยังไม่เปิด
แล้วก็เจอบอลลูนครับผม ช่วงเวลาที่เค้าจะเล่นกันพอมาพอดี แต่บอลลูนมันมาใกล้มาก อารมณ์เหมือนใกล้จะตก ไอ้เราก็ตกใจตาม มันจะตกป่ะวะเลยเดินตามไปดู สุดท้ายกลับขึ้นไปได้ชิวๆ
เดินมาซักพักได้ยินเสียงเชียร์เฮฮาน่าสนุกมาจากทางโรงเรียน ก็เลยแวะเข้าไปดูน้องๆเค้าเล่นกีฬา ตอนแรกที่เห็นเค้าดูพร้อมมากมีกรรมการ คนเชียร์ ก็นึกว่าเค้ากำลังแข่งกีฬาสีอะไรแบบนี้ แต่ซักพักเห็นนักท่องเที่ยวไปขอเล่นด้วย เค้าก็ให้เล่นได้ปกติ คงจะแข่งกันเล่นๆแล้วแหลพแบบนี้ ก็เจ๋งดีครับดูเค้าสามัคคีมาเล่นกีฬากันหลายคนเลยและเชียร์ได้มันมาก
เดินต่อไปสะพานส้มหรือเส้นทางไปถ้ำจัง ถ้าถ้ำจังคงไม่ได้เข้าเพราะดึกแล้ว เสียค่าผ่านทาง 2,000 กีบ ไปถึงมีต้นไม้ดอกสีส้มพอดี ก็เลยเล็งๆถ่ายภาพให้เข้าโทนซะหน่อย ถ้าจะเข้าไปถ้ำจัง
ก็ต้องเดินผ่านสะพานเข้าไปอีก ที่นั้นจะมีด่านเก็บตังอีกที แต่ด้านหน้าของถ้ำจะมีน้ำไหลผ่านซึ่งใสมาก
กลับมาตลาดกลางคืน มันจะมีสองซอยนะครับซึ่งจะมีซอยขึ้นกลางอยู่ ก็แปลกใจทำไมไม่ให้ตลาดมันซอยติดกันนะ ของที่ขายก็จะเป็นเครื่องประดับเสื้อผ้า มีอาหารขาย เดินผ่านๆครับไม่ได้สนใจเท่าไหร่
19:00- กลับมากินข้าวแถวๆที่พัก วันนี้ต้องโดนซะหน่อยส้มตำลาว แต่รสชาติยังไม่ถึงเท่าไหร่ ยังไม่ค่อยชอบ ใครอยากรู้รสชาติเป็นยังไงมาลองเอง
น้ำอะไรไม่รู้ไม่ได้ชิม ใครไปชิมบอกด้วยนะมันคืออะไร แถวเครื่องปรุง
โรตีกล้วย 10,000 กีบ
28 Feb - วันนี้เรามีนัด 9:00 ครับ แต่ผมตื่นมากินข้าวก่อน เดินออกมาแถวๆที่พัก เจอที่พักที่เคยมาเมื่อสี่ปีก่อนด้วย Vang vieng central backpacker ชั้นบนสุดวิวดีมากครับ เห็นหมอกสวยงามมาก c]tเช้านี้กินปาเต้ครับ
เบคอลชีต 15,000 กีบ รวมก็อร่อยนะครับ แต่คำมันใหญ่ไปหน่อย
แล้วก็ถึงเวลานัด ก็จะเห็นคนอื่นเค้ามารับคนคือมันมีหลายกรุ๊ปหลายทัวครับ ส่วนของผมก็มีคนเดินมารับแล้วก็ให้ไปรอรถรวมกันที่โรงแรมใกล้ๆครับ
ซักพักรถมารับเราแล้วก็วนๆไปรับคนอื่นจนเต็มคัน เดินขึ้นเหนือไปถ่ำช้างและถ้ำน้ำ ถนนเป็นดินที่มีฝุ่นตลบอบอวนครับ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราก็ไปลงน้ำอยู่ดี
9:40- จุดจอดแรกถ้ำช้าง เกินข้ามสะพานไปไม่ไกลครับ ต้องผ่านวัดเข้าไป ที่นี้มีเก็บตังทุกๆที่ครับ เป็นธรรมเนียมเค้า ทัวเค้าก็จะแจกน้ำแจกถุงกันน้ำครับป้องกันของเปียก ของสิ่งนี้สำคัญมากสำหรับที่นี่
บรรยากาศก็อีสานบ้านเฮานี้แหละ
10:30- ถ้ำน้ำ เราเดินต่อจากถ้ำช้างมาประมาณ 1 กิโลเมตรก็มาถึง ที่นี้มี Zip Line ให้โหนเล่นด้วย แต่วันนี้ที่เราจะทำคือลอดเข้าไปในถ้ำครับ ในถ้ำจะมีน้ำไหลตลอดทาง คือเราต้องนั่งห่วงยางเข้าไป พร้อมกับจับเชือกมุดเข้าไปในถ้ำพนักงานเค้าก็จะแจกไฟฉายแบบคาดหัวให้คนละอัน มาครั้งแรกที่นี่จะ Amezing มากเพราะไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน แต่ไม่ได้ถ่ายภาพตอนเข้าไปในถ้ำครับ เอากล้องฝากไว้กับทัวด้านหน้ามีคนเฝ้าให้ครับ
11:40 - จุดพายเรือคายัคล่องแม่น้ำซอง ออกจากถ้ำน้ำก็นั่งรถต่อมาไม่ไกลมาก มากินข้าวที่จุดปล่อยเรืออาหารก็จะเป็น ข้าวผัด บาบีคิว ขนมปังหอมๆ มันเป็นสไตเค้าจริงๆครับ แต่ทีเด็ดคือกล้วยครับ หวานเจี๊ยบ สีมันจะเป็นสีส้มๆ ชอบมากกินจนไม่ได้ถ่ายรูปเลย
นั่งกินก็คุยกับคนไทยที่มาด้วยกันคุณต้นกับแฟน ก็ถามไถ่กันครับว่าไปเที่ยวไหนกันมาก เค้าเล่าให้ฟังว่าเค้าไปบลูมากูน1-3 มาแล้ววันนี้เค้าเลยจะไม่ไปต่อ คือพายเรือกลับที่พักเลย
แต่ที่น่าสนใจก็คือข้อมูล บลูลากูน มันมีสามที่ครับ
บลูลากูน 1 คือ กรุ๊ปจะลงที่นี่ มีที่กระโดดน้ำ และคนเยอะ ใกล้ที่สุด มีถ้ำปู่คำอยู่ด้านหลัง
บลูลากูน 2 คือ เหมือนสระน้ำใหญ่ ไกลขึ้นไปอีก คนไม่เยอะ ใสที่สุด
บลูลากูน 3 คือ เหมือนสระน้ำ ไกลขึ้นไปอีกทางลูกรัง 8-9 กิโลเมตร คนไม่เยอะ
แต่วันนี้ขอแค่บลูลากูน1 ได้กระโดดน้ำก็พอแล้วครับ
นั่งกินข้าวเสร็จพนักงานเค้าก็จะอธิบายการพายเรือคายัคให้ แล้วก็ได้รวมกลุ่มกับทีมที่เค้ามาก่อน ไปพร้อมกันเลยพายเรือไม่ไกลมากน้ำก็ไม่เชียวเท่าไหร่ มีแค่จุดเดียวเท่านั้นที่จะเรียกได้ว่าล่องแก่ง ระหว่างทางที่เราผ่านก็จะมีจุดพัก ซึ่งเราไม่ได้แวะนะครับ ถ้าเราไม่ไปบลูลากูนต่อก็จะต้องพายเรือไปจนตัวเมืองวังเวียง แต่เราต้องไปต่อก็นั่งรถกันอีกรอบ
14:00- บลูลากูน1 จากจุดพายเรือคายัค เรานั่งรถผ่านตัวเมืองอีกรอบและผ่านผาเงิน เออ! แล้วก็คิดขึ้นมาได้ เราไม่ได้วางแผนต่อที่จะไปที่นี้นี่หว่าไหนว่าเป็นเป้าหมายไง ฮ่าๆ แต่ไปเล่นน้ำก่อนค่อยว่ากัน พอถึงบลูลากูน กรุ๊ปทัวเค้านัดขึ้นรถ 16:30 มาขึ้นรถ
กรุ๊ปเราน่าจะไปถึงก่อนใครเพื่อน เพราะคนไม่ค่อยเยอะ พอเริ่มเย็นขึ้นกรุ๊ปมากันเพียบครับ ต้องต่อแถวโดดน้ำกันเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวมีหลายเชื่อชาติครับ เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย ฝรั่ง ที่กระโดน้ำก็จะมีสองชั้นและโหนเชือกอีกอัน ซึ่งต้องผลัดกันโดด อารมณ์แบบไว้โชออฟพอตัว ผมได้กระโดดน้ำหนึ่งทีจากบนสุด บอกเลยว่าใจหายแว๊ป มันสูงนะนั่นและน้ำเย็นเจี๊ยบ
16:00- ถึงเวลากลับ ตัดสินใจไปคุยกะคนรถว่าจอดส่งทางเข้าผาเงินหน่อยเดี๋ยวไปดูวิว พี่เค้าก็โอเค ชิวๆอยู่ละที่นี้ แต่ทางเดินขึ้นผาเงินและกลับมาตัวเมืองวังเวียง 4 กิโลเมตรกว่าๆนะครับ ไม่แนะนำให้ทำตามนะครับ ควรกลับไปเช่าจักรยาน เช่ามอเตอร์ไซแล้วกลับมาใหม่จะดีกว่านะครับ ค่ามอเตอร์ไซ ประมาณ 50,000 - 60,000 กีบ เช่าครึ่งวันก็ได้นะครับ
เอาจริงๆทางขึ้นผาเงินโหดมาก 680 เมตรแบบแม้วๆ ทางชันประมาณ 60 องศา รั่วกันตกก็ไม่ได้แข็งแรงเท่าไหร่ ค่าเข้า 10,000 กีบ ผมใช้เวลาเดินขึ้นไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้
เหนื่อยชิบหายแต่เห็นวิวก็หายเหนื่อยนะ อยู่บนนั้นประมาณชั่วโมงครับ เอาจริงๆคือแอบหลับ ฮ่าๆ
17:45- ได้เวลาเดินลง เพราะไม่อยากอยู่จนมืดเท่าไหร่ เราไม่มีรถอะเนอะ ลงมาก็บังเอิญเจอบอลลูนลอยมาไกลๆ ผ่านมาให้ถ่ายรูปเล่นก็ได้บรรยากาศดี
พระอาทิตย์ที่นี้ตกนานมาก คิดว่าภูเขาน่าจะบังอยู่ คือมองไม่เห็นพระอาทิตย์แล้วแต่ยังไม่มืด
กลับมาเจอน้องเค้าขายหวย ก็เลยไปถามดูครับ หวยจะออกทุกวันพุธ ซื้อเท่าไหร่เลขอะไรก็ได้ มีสองตัวสามตัวคล้ายของไทยตรวจเอาในเฟสบุ๊คได้ ประมาณ 2 ทุ่มจะออก
กลับมากินข้าวแถวที่พัก ก็สั่งอาหารตามสั่งมากินครับ แต่จะแนะนำอาหารอร่อยของที่นี้นะครับ คือแจ่วบอง
เบียร์ดำลาว 20,000 กีบ
เที่ยวแป๊ปๆก็กลับบ้านแล้ว ความสนุกผ่านไปไวเสมอครับ กลับมาห้องก็ไปบอกเจ้าหน้าที่บอกรถจาก บขส. มารับด้วย คืนสุดท้ายว่าจะไปซากูระบาร์ แต่พอถึงห้องหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
1 Mar - 8:30 รถมารับตามเวลา ตื่นมาก็สายแล้ว เตรียมตัวกลับบ้าน มารอรถไม่นานก็มารับครับ ถึงบขส.ก็เอาตั๋วชั่วคราวไปแลกเป็นตั๋วจริง แล้วว่าจะหาข้าวกินแต่ไม่มีร้านเลยครับ อดครับผม
10:00 - รถออกสายๆหน่อยครับ
11:50 - ถึงที่พักรถ รีบลงไปซื้อข้าวเลยครับ หิวชิบหาย ><
ข้าวเหนียวจี่x5,000 หมูปิ้งx5,000
14:25 - ถึงด่าน เต็บก็ย้อนกลับจากที่มาเลยครับ แต่ที่ขาย One way ticket จะอยู่อีกที่ รอบนี้ได้ตั๋วมาฟรีๆเลย เดาว่าเป็นวันพระใหญ่นั้นเองเลยได้มาฟรี เดินหาไม่ยากของผมข้ามตมลาวมาแล้วค่อยไปแลกเงิน 270 กีบ= 1บาท แลกไปทั้งหมด 400,000 กว่ากีบเงินเหลือเยอะเลย
พอถึงด่านไทยจะไม่เหมือนขามาตรงต้องขนกระเป๋าลงจากรถ เผื่อเค้าจะเรียกตรวจครับที่เหลือก็หลับยาวๆไปบขส.อุดร
16:20- บขสอุดร ลงรถได้ก็จะโดนรุมเลยครับ ไปไหนๆกลุ่มรถรับจ้างเค้าจะเข้ามารุมครับ ผมจองเครื่องบินไว้ดึกมาก็เลยว่าจะแวะศาลปู่ย่าก่อน แต่ก่อนเดินออกจาก บขส ก็เห็นรถแดงเขียนว่าเข้าสนามบินนะครับ เผื่อใครอยากประหยัด คิดว่ามีรถประจำทางเข้าสนามบินนะครับ ไม่ต้องเหมารถเพราะราคาต่างกันแน่นอนครับ
เดินผ่าน UD Town ข้ามทางรถไฟก็ถึงแล้วครับ ไปอ่านต่ออีกอันแล้วกันนะครับ เพราะคิดว่าอุดรเป็นเมืองที่น่าสนใจอีกเมืองเลยนะครับ
17:00- นั่ง Grab มารอขึ้นเครื่องกลับบ้านแล้วครับ ใช้เวลาเดินทางมาประมาณ 30 นาทีถ้ามาจากบขส.ก็คงพอๆกัน
พูดถึงสนามบินดอนเมืองนิดหนึ่ง เพิ่งสังเกตุว่ามีรถรับส่ง A1 ไปส่งที่BTSหมอชิต กับขนส่งหมอชิต1 สังเกตไหมครับว่าชื่อมันเหมือนกัน และก็มีต่างชาติมาเที่ยว พอถึง BTS หมอชิตเค้าก็ถามกระเป๋ารถว่า หมอชิต! กระเป๋ารถก็เซเยสเลยและแน่นอนครับมันไม่ใช่ที่เค้าอยากไปแน่นอน ถ้าสถานีมันไม่ถึงหมอชิตจริงๆ ผมว่าตั้งชื่อว่า BTS จตุจักรก็ไม่เสียหายนะครับ
รีวิว <<<<<< 5 ดาวคือ ง่าย,สะดวก และดี
★★★★ : [ เดินทาง ]ยังใช้เวลาเยอะครับ 7-8 Hr เพราะถนนไม่ดีเท่าไหร่
★★★★★ : [ เดินเขา ]โหดเพราะชันมาก แต่ก็ช่วงสั้นๆ ไหวอยู่
★★★★ : [ ที่พัก ] สบายๆเทียบกับราคามันโอเคแต่ของใช้ไม่ค่อยมี
★★★★★ : [ ความเจ๋ง ] ไปชมกันเอง
★★★★ : [ ราคา ] กลางๆแต่ก็ไม่คิดว่าถูกอะไรเพราะเสียจุกจิกเยอะ ค่าครองชีพพอกัน
เงิน
เครื่องบิน ------------------ 698+439
โรงแรม --------------------------- 752
อาหารเช้า มาดาม ---------------- 200
รถอุดร-วังเวียง -------------320 +360
Ticket pass -------------------------5
ลูกชิ้น+เปปซี่ --------------------40+20
ค่าผ่านสะพานส้ม -------------------20
โรตี ----------------------------------40
ข้าวเย็น -----------------------120+80
โรงแรม มาลินี2 -------------480+480
One day trip -------------------480
ค่าขึ้นผาเงิน ------------------------40
น้ำมะม่วง+เบียน์ลาวดำเล็ก ---20+40
ข้าวจี่+หมูปิ้ง --------20+20+20+20
Grab ไปสนามบิน -----------------110
ข้าวเย็น Texas ---------------129+29
Taxi กลับบ้าน -----------30+33+247
<<<<< 5,052 บาท
สามารถเลี้ยงกาแฟครีเอเตอร์ผ่าน Ko-fi ผ่าน Link ด้านล่าง เพื่อเป็นกำลังใจครับ
ฝากเพจจ้า https://www.facebook.com/Gtrip9/
หวังว่าจะชอบนะครับ
GIFT9 เลขเก้าไม่ออกเสียง
วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.35 น.