เมืองพัทยา เป็นเมืองที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เรียกได้ว่า เป็นจุดหมายปลายทางอีกหนึ่งแห่งของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เพราะเมืองซึ่งเป็นเขตปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษเมืองนี้ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลากหลายรูปแบบ ทั้งแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ทะเล ชายหาดที่สวยงาม สถานบันเทิง ตลาดทั้งกลางวันและกลางคืน สถาปัตยกรรม และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน และที่สำคัญยังมีอาหารทะเลสด ๆ ให้ทั้งกิน เที่ยว พักผ่อนกันได้อย่างสุดฟิน
สำหรับใครที่ยังไม่เคยมาพัทยาหรือเคยมาพัทยากันบ้างแล้ว คงพอจะทราบกันว่าพื้นที่ท่องเที่ยวในเมืองพัทยา แบ่งออกได้เป็น 4 ส่วน คือ พัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ และหาดจอมเทียน สำหรับทริปนี้ เรามีเวลาทั้งหมด 2 วัน 1 คืน ด้วยการเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพมหานคร ตามมาดูกันค่ะ ว่าทริปนี้เราจะพาไปเที่ยวที่ไหนใน เมืองพัทยา กันบ้าง
Day 1
วันแรกเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 10 โมงเช้า ใช้เส้นทางด่วนบางนา-ตราดมุ่งสู่พัทยา เราใช้เวลาเดินทางกันเกือบ 2 ชั่วโมง ด้วยแพลนที่วางไว้ว่าจะไปรับประทานอาหารกลางวันและเดินเล่นกันที่ "ตลาดน้ำ 4 ภาค"
ขับมาถึงเมืองพัทยา ก็มุ่งหน้าไปสู่พัทยาใต้ "ตลาดน้ำ 4 ภาค" จะอยู่ซ้ายมือติดถนน มีป้ายบอก ไม่ต้องกลัวหลงค่ะ
ถึงแล้วจุดหมายปลายทางของเรา "ตลาดน้ำ 4 ภาค" หรือที่ชาวต่างชาติรู้จักกันว่า "Pattaya Floating Market"
เริ่มเห็นเรือรับนักท่องเที่ยวแล่นมาแล้วค่ะ
ตลาดน้ำ 4 ภาค จะแบ่งเป็นโซนภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ กว้างขวางพอสมควร เรียกว่าเดินกันเพลินทีเดียว
ร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก
ของกินมากมาย มีทั้งพ่อค้าแม่ค้าตั้งร้านอยู่บนตลาดและบนเรือ
มีเรือให้นักท่องเที่ยวนั่งชมตลาดกันด้วย
ปลาหมึกหลายชนิดให้เลือกทานกันตามใจชอบ
มีทั้งของคาว ของหวาน ผลไม้
แมลงทอดก็มี
งานฝีมือก็มีให้เลือกชมและเลือกช้อปมากมาย
งานแกะสลักสบู่เป็นลายดอกไม้ จำหน่ายเป็นที่ระลึก
งานวาดภาพศิลปะก็มีให้ชมกัน นี่ค่ะวาดโชว์กันเลย เรื่องศิลปะนี่คนไทยเราก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกนะคะ
ใครเดินเหนื่อยหรือเมื่อยก็มีร้านนวดแผนไทย ให้นั่ง ๆ นอน ๆ นวดพักผ่อนคลายเมื่อยกันด้วย
Fish Spa ก็มี ชาวต่างชาติชอบกันใหญ่
เดินชมตลาดกันแล้ว ก็หาร้านนั่งรับประทานอาหารกลางวันกันดีกว่า ที่ตลาดมีโซนที่นั่งให้นั่งรับประทานอาหารกันหลายจุดเลย บรรยากาศสบาย ๆ ค่ะ
มื้อเที่ยงนี้ขอเป็นส้มตำก่อนละกัน
ตำข้าวโพดไข่เค็ม
น้ำตกหมู
ต้มแซ่บกระดูกหมู
ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ก็มีโชว์ต่อยมวยทะเลให้ดูกันด้วย
นักมวยมากันแล้ว
ผู้ชมก็มารอกันพร้อมแล้ว
นั่งรับประทานอาหารไป ดูมวยทะเลไป เพลินเชียวค่ะ ชาวต่างชาติชอบกันใหญ่ เลยถ่ายวีดีโอมาฝากกัน มวยทะเลนี่ถือว่าเป็นกีฬาที่หาดูได้ไม่ง่ายเลยนะคะ
รับประทานของคาวเสร็จก็มาหาของหวานทานล้างปากกัน เป็นไอติมผัดก็แล้วกัน ดูน่ากินดี
ผัดโชว์กันแบบสด ๆ
เสร็จแล้วค่ะ หอมหวาน เย็น ชื่นใจ
เดินเที่ยวตลาดเสร็จ เราก็ไปเช็คอินเข้าที่พักกันก่อน สำหรับที่พักของเราคืนนี้ คือ D@Sea Hotel อยู่ริมหาดจอมเทียนพัทยาเลยค่ะ ใกล้กับร้านปูเป็น พัทยา
มาดูห้องพักกับบรรยากาศภายในโรงแรมกัน
ห้องที่เราพักเป็นห้องชุด 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 2 ห้องน้ำ กว้างขวาง สะดวกสบาย
โรงแรมที่นี่มี 2 อาคารและมีสระว่ายน้ำทั้ง 2 อาคารค่ะ
อาคารนี้มีสระว่ายน้ำบนดาดฟ้า วิวทะเลพัทยาจากมุมสูงสวยเชียว
อีกอาคารเป็นสระใหญ่ มองเห็นวิวทะเลเช่นกัน
เช็คอิน นอนพักเอาแรงกันแล้ว ตกเย็น จะเป็นอะไรไปไม่ได้ มาพัทยาทั้งที บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดต้องมา ทริปนี้เราเลือกร้าน "สุดเขตทะเลเผา" บุฟเฟ่ต์ทานไม่อั้นพร้อมเครื่องดื่ม ไม่จำกัดเวลา 399 บาท ร้านอยู่ติดหาดจอมเทียน เลยที่พักของเรามาประมาณ 800 เมตรเท่านั้น
บรรยากาศภายในร้านมองเห็นวิวทะเล
ตักน้ำจิ้มซีฟู้ดเตรียมพร้อม
เครื่องดื่มเติมได้ไม่อั้น
ของสดเพียบ
ปูสด ๆ
ปลาหมึกกับแซลมอนสด
หอยหลอด
หอยหวาน
หอยนางรมสด
กุ้งจับกันแบบเป็น ๆ วิธีการคือให้จับใส่ตะกร้าแล้วเอาไปน็อคน้ำเย็นค่ะ
ของกินเล่นก็มี
ต้มยำกุ้งรสเด็ด
กุ้ง หอย ปูสด ๆ บาบีคิวปิ้งย่าง ฟินกันไปอีก
หอยหวานจิ้มน้ำจิ้มแซ่บ ๆ
ตบท้ายกันด้วยขนมแล้วก็ผลไม้
กินเสร็จก็เดินย่อยชมพระอาทิตย์ตกกันหน่อย สวยมาก บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ
จบทริปวันแรกไปอย่างอิ่มอร่อยสวยงาม นอนพักเอาแรงพร้อมลุยต่อวันที่ 2
Day 2
วันนี้เราแพลนกันไว้ว่าจะไปชม "ปราสาทสัจธรรม" หรือ "Sanctuary of Truth" เพราะฉะนั้นก่อนออกเดินทางก็รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันก่อน
อิ่มท้องแล้วก็ไปเที่ยวกันได้
"ปราสาทสัจธรรม" หรือ "Sanctuary of Truth" อยู่ตรงซอยนาเกลือ 12 มีป้ายบอกตลอดเส้นทางเหมือนกันค่ะ ที่นี่มีค่าเข้าชม 500 บาท ถ้าใครไม่ต้องการเข้าไปที่ตัวปราสาทก็ชมอยู่ที่จุดชมวิวก็ได้ หรือหากใครอยากขี่ช้าง ขี่ม้าเดินชมรอบ ๆ ปราสาทเพิ่มก็ซื้อบัตรเพิ่มได้ค่ะ ทริปนี้เราตั้งใจมาชมความสวยงามภายในตัวปราสาท เพราะฉะนั้นซื้อบัตรแล้วไปเข้าชมกันเลย
มาถึงทางเข้าแล้ว ปราสาทสัจธรรม เปิดให้เข้าชมเป็นเวลา เพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวกค่ะ
จุดนี้จะเป็นจุดที่สามารถมองเห็นวิวปราสาท เห็นแล้วก็ยิ่งอยากจะเข้าไปชมใกล้ ๆ
ก่อนถึงเวลาเข้าชม ไกด์ของที่นี่ก็แนะนำความเป็นมาของปราสาทแห่งนี้ให้เราฟังคร่าว ๆ
"ปราสาทสัจธรรม" หรือ "Sanctuary of Truth"เป็นปราสาทสถาปัตยกรรมไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นบนพื้นที่ 80 ไร่ บนแหลมราชเวช ตำบลนาเกลือ ผู้สร้างปราสาทที่สวยงามแห่งนี้คือ คุณเล็ก วิริยะพันธ์ุ (เจ้าของวิริยะประกันภัย) นักธุรกิจที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมและเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ซึ่งก็คือท่านเดียวกันกับที่สร้างพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณและเมืองโบราณที่สมุทรปราการนั่นเองค่ะ
ได้เวลาแล้ว เข้าไปชมตัวปราสาทกัน
ก่อนถึงตัวปราสาทก็มีสถาปัตยกรรมไม้แกะสลักให้ชมและถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกเป็นระยะ
มาถึงแล้วตัวปราสาท ใหญ่โต สวยงาม อลังการ ใครจะนั่งม้าหรือนั่งช้างชมรอบ ๆ ก็ได้
สถาปัตยกรรมไม้แกะสลักของไทยเราเป็นเอกลักษณ์ที่มีความแตกต่างและสวยงามเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของทั้งชาวไทยเองและชาวต่างชาติ
ยอดปราสาท
ชมความงดงามโดยรอบตัวปราสาทกันก่อน
สถาปัตยกรรมไม้แกะสลัก
เข้ามาชมความงามภายในปราสาทกัน
ความหมายของประติมากรรมลอยตัวรูปเทพเจ้า
เสาสถาปัตยกรรมไม้แกะสลักภายในปราสาทประณีตงดงามมาก
มุมมองจากภายในออกไปนอกตัวปราสาท
ปราสาทสัจธรรม ตั้งอยู่ติดริมทะเล ทำให้วิวที่มองลงมาสวยงามและโดดเด่นมีความแตกต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ
เราใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง ชมปราสาทสัจธรรม หลังจากนั้น ก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ ค่ะ
มาพัทยาทริปนี้เรียกได้ว่าครบเครื่องทั้งเดินตลาด ช้อป ชิม ชิล ชมทะเล อีกทั้งยังได้เห็นสถาปัตยกรรมที่งดงามของไทยเราอีกด้วย ได้ชาร์จพลังงานกันไปแบบเต็มอิ่ม กลับบ้านไปแบบประทับใจสุด ๆ เลยค่ะ
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยว ที่พักและร้านอาหารในทริปนี้แล้ว เมืองพัทยา ยังมีที่พักและร้านอาหารอีกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกพักและเลือกชิมกันได้ตามใจชอบ รวมถึงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่ใช้เวลาเพียงแค่ 2 วัน 1 คืน คงไม่พอสำหรับเมืองท่องเที่ยวเมืองนี้ เพราะฉะนั้นสำหรับวันหยุดรอบหน้า รับรองว่าเมืองพัทยา จะเป็นจุดมุ่งหมายที่ต้องกลับมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอน สำหรับทริปนี้ ลาไปก่อน สวัสดีค่ะ
_________________________________________________________________________
ติดตามเรื่องราวต่าง ๆ ของ Yoko Go Around ได้ที่ :
https://th.readme.me/id/yokogoaround
https://www.facebook.com/YokoGoAround
https://www.instagram.com/yokogoaround
Time2Travel
วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 19.45 น.