เที่ยว 2 เมืองประวัติศาสตร์ กำแพงเพชร สุโขทัย

สวัสดีออเจ้า ทริปนี้ ข้ายัยตัวร้าย จะพาออเจ้าเที่ยวเมืองประวัติศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งเมืองประวัติศาสตร์ทั้ง 2 เมือง มีเรื่องราวแหล่งอารยธรรมมานับร้อยๆ ปี ข้ายัยตัวร้าย จะพาออเจ้าไปเที่ยวชมนั่นคือ จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดสุโขทัย

เมื่อพูดถึงจังหวัดสุโขทัยหลายๆ ท่านก็จะนึกออกว่าสุโขทัยมีสถานที่เที่ยวไหนบ้าง แต่เมื่อพูดถึงกำแพงเพชรนี้สิ คงไม่ทราบว่ามีสถานที่เที่ยวที่ไหนบ้าง เพราะจังหวัดกำแพงเพชรถือเป็นจังหวัดทางผ่านเพื่อมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ แต่ไม่มีใครทราบเลยว่าจังหวัดกำแพงเพชรมีดีมากกว่าทางผ่าน

ใช่แล้วค่ะ ยัยตัวร้าย จะพาเที่ยวจังหวัดกำแพงเพชรเป็นสถานที่แรก ซึ่งยัยตัวร้ายรับรองเลยค่ะ เมื่อทุกท่านไปเที่ยวกับยัยตัวร้ายต้องร้อง “ว๊าว” อย่างแน่นอนค่ะ ซึ่งการเที่ยวกำแพงเพชร ยัยตัวร้ายใช้เวลาแค่ 2 วัน 1 คืน เท่านั้น อย่าค่ะ อย่าเพิ่งมาเชื่อยัยตัวร้าย ต้องตามยัยตัวร้ายมาเที่ยวกันก่อนจ้า

คำขวัญประจำจังหวัดกำแพงเพชร : กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ เลื่องลือมรดกโลก

เริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพมหานคร มุ่งสู่จังหวัดกำแพงเพชร ยัยตัวร้ายใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ หรือที่เรียกกันติดปากว่ารถทัวร์ หรือถ้าใครอยากขับรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถขับไปเที่ยวกันได้ ระยะทางจากกรุงเทพมหานคร – กำแพงเพชร ประมาณ 362 กิโลเมตร แต่ยัยตัวร้ายเลือกที่จะนั่งรถทัวร์ของบขส. (999) ลงบขส.กำแพงเพชร เป็นรถ ปอ.2 ยัยตัวร้ายจองตั๋วไป – กลับ ผ่านเว็บไซต์ ได้ส่วนลดราคาพิเศษด้วย ชำระเงินที่ 7-ELEVEN และนำใบเสร็จไปออกตั๋วที่ช่องขายตั๋ว ก่อนรถออก 30 นาที

รถทัวร์จากกรุงเทพฯ – กำแพงเพชร ไป-กลับ มีแค่ 2 เที่ยวต่อวัน และยังมีรถทัวร์ที่ผ่านกำแพงเพชรอีกหลายสาย ลองเข้าไปเช็คดูใน เว็บไซต์ www.pns-allthai.com ค่ะ

กำแพงเพชร เป็นเมืองเก่าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยทราวดี ตามประวัติศาสตร์ กำแพงเพชรเป็นเมืองหน้าด่านของสุโขทัย มีฐานะเป็นลูกหลวง เดิมเรียกชื่อว่า “เมืองชากังราว”

กำแพงเพชรสันนิษฐานว่าเดิมเคยเป็นที่ตั้งของเมือง 2 เมือง คือ “เมืองชากังราว” และ “เมืองนครชุม” โดยเมืองนครชุมสร้างขึ้นก่อน ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง และสร้างเมืองชากังราวขึ้นมาใหม่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง

ยัยตัวร้ายจะพาไปเที่ยวฝั่งเมืองชากังราว คือ เที่ยวในตัวเมืองกำแพงเพชรนั่นเอง สถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองกำแพงเพชรใครว่าจะไม่มีเลย ขอบอกมีหลายที่ซะด้วยนะ ยัยตัวร้ายมี แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดกำแพงเชร มาฝากกันด้วย เผื่อใครยังนึกสถานที่ท่องเที่ยวไม่ออก

เรามาเยือนเมืองกำแพงเพชรสถานที่แรกที่เราควรไปสักการะ นั่นคือ

ศาลหลักเมือง จังหวัดกำแพงเพชร

ตั้งอยู่บริเวณวัดพระแก้ว อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

ประชาชนนิยมแวะสักการะขอพรเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัย ของหายอยากได้คืน รวมทั้งเสริมสิริมงคลในเรื่องความมั่นคงของชีวิต ด้วยเชื่อกันว่าศาลหลักเมืองกำแพงเพชรนั้นเป็นสิ่งที่พ้องกับความมั่นคงไม่หวั่นไหวเสริมจิตใจให้เข้มแข็ง

เมื่อคนท้องถิ่นขับรถผ่านมายังบริเวณศาลหลักเมืองจะบีบแตร เพื่อเป็นการเคารพศาลหลักเมืองแห่งนี้

ศาลหลักเมืองปรับปรุงใหม่ และทำการเฉลิมฉลอง เมื่อในวันที่ 5 พฤษภาคม 2527 เป็นอาคารจัตุรมุขพร้อมเขตปริมณฑล กว้าง 17.5 x 17.5 เมตร หันหน้าเข้าหาทิศทั้งสี่ ถูกต้องตามหลักโหราศาสตร์ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นหินอ่อน ทรายล้างสีศิลาแลง จัดทำเสาหลักเมืองใหม่ โดยทำจากไม้สักทองมีขนาดความสูงจากพื้นเสา 2.29 เมตร ความกว้างของฐานขนาด 64 เซนติเมตร

ภายในศาลหลักเมืองไม่ให้จุดธูปข้างใน ประชาชนจะไหว้ศาลหลักเมืองตรงจุดนี้ และอีกจุดที่ทางหน้าศาลหลักเมือง ประชาชนที่มีไหว้สักการะศาลหลักเมืองมีทั้งมาบนบานศาลกล่าว และแก้บนเมื่อสิ่งที่ขอได้ดั่งใจสมปรารถนา

เราไหว้สักการะศาลหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเรียบร้อยแล้ว เราจะเดินเข้าไปภายในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ซึ่งอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรจะแบ่งออกเป็นโบราณสถานในกำแพงเมืองกำแพงเพชร และนอกกำแพงเมืองเพชร ซึ่งศาลหลักเมืองกำแพงเพชรจะอยู่ติดกับโบราณสถานในกำแพงเมืองกำแพงเพชร

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

โบราณสถานของเมืองกำแพงเพชร เกือบทั้งหมดเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาลัทธิเถรวาทแบบลังกาวงศ์ โดยมีอายุไม่เก่าไปกว่าพุทธศตวรรษที่ 19 หรือสมัยของพระมหาธรรมราชาลิไท พุทธศาสนาในสมัยนั้นมีพระสงฆ์สองฝ่ายคือ ฝ่ายคามวาสีหรือวัดที่อยู่ในเมือง และอรัญวาสีหรือฝ่ายที่อยู่นอกเมือง

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ให้ขึ้นเป็นทะเบียนมรดกโลก เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2534

ค่าบริการเข้าชม คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท

ภายในอุทยานประวัติศาสตร์จะมี QR Code ให้เราสแกน เพื่อรับฟังความรู้เกี่ยวกับโบราณสถานที่อยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ โดยไม่จำเป็นต้องมีไกด์มาเล่าประวัติ

เราใช้มือถือสแกน QR Code จะมีหน้าตาแบบนี้ขึ้นมาแล้วเรากดเข้าไปยัง link ที่ปรากฏได้เลย จะมีข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานประวติศาสตร์กำแพงเพชรให้เราได้ศึกษา

พอเราเดินเข้ามายังภายในอุทยานประวัติศาสตร์จะพบ QR Code เราสามารถเลือกว่าจะรับฟังเป็นภาษาอะไร จะมีเสียงคนพูดเล่าเรื่องยังโบราณสถานที่อยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ ทำให้เราได้ทราบถึงประวัติ เรื่องราวของสถานที่นั้นๆ

โบราณสถานที่สำคัญในกำแพงเมืองกำแพงเพชร มีอยู่ด้วยกัน 2 แห่ง คือ

วัดพระธาตุ

เป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางเมืองทางด้านทิศตะวันออกของวัดพระแก้ว แผนผังวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สิ่งก่อสร้างสำคัญสร้างตามแนวแกนทิศตะวันออก – ตะวันตก ประกอบด้วยฐานวิหารก่อศิลาแลง

ด้านหลังวิหารเป็นเจดีย์ประธานทรงระฆังก่อด้วยอิฐ มีระเบียงคดล้อมรอบเจดีย์ประธาน ส่วนท้ายของวิหารที่ตั้งอยู่ทางด้านหน้าได้ล้ำเข้ามาในระเบียงคด

เจดีย์พระประธาน มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลม หรือทรงระฆังสูงใหญ่ ก่อด้วยอิฐ เฉพาะฐานหน้ากระดานล่างสุดเท่านั้นที่ก่อด้วยศิลาแลง องค์เจดีย์ตั้งอยู่บนฐานแปดเหลี่ยมที่ซ้อนลดหลั่นขึ้นมา

ถัดขึ้นมาเป็นมาลัยเถาที่ทำเป็นชุดบัวคว่ำสามชั้นที่เรียกอีกอย่างว่า บัวถลา รองรับองค์เจดีย์ซึ่งค่อนข้างเล็กปากระฆังให้เห็นเป็นบางส่วน ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังก์ ทำเป็นแบบฐานบัวย่อมุมไม้สิบสอง จากนั้นจึงเป็นส่วนยอดขององค์เจดีย์ ซึ่งประกอบด้วยส่วนที่เรียกว่า บัวฝาละ มีปล้องไฉน และปลียอด

วัดพระธาตุ ในยามเย็น ในช่วงยามเย็น ทางอุทยานประวัติศาสตร์ จะเปิดไฟ ให้กับโบราณสถาน เราสามารถเข้าไปเที่ยวชมยามเย็นได้อีกด้วย

วัดพระแก้ว

เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองกำแพงเพชร ลักษณะผังวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สิ่งก่อสร้างสำคัญของวัดสร้างเรียงเป็นแนวยาวในแนวทิศตะวันออก – ตะวันตก ขนานกับแนวกำแพงเมืองด้านทางทิศใต้ มีกำแพงศิลาแลงแสดงขอบเขตวัด

ฐานพาที ตอนหน้าสุดของวัดเป็นฐานไพทีสูงใหญ่ ก่อด้วยศิลาแลง บนฐานไพทีเป็นฐานอุโบสถ มีใบเสมาหินชนวนโดยรอบ

พระพุทธรูปประธานชำรุดเหลือเฉพาะแกนด้านใน ซึ่งโกลนจากศิลาแลง

ต่อเนื่องจากฐานอุโบสถไปทางด้านหลัง มีสิ่งก่อสร้างที่ก่อเป็นฐานหน้ากระดานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ซ้อนกันสามชั้นคล้ายกับฐานเจดีย์

เจดีย์สิงห์ล้อม ถัดจากฐานไพทีใหญ่ไปทางทิศตะวันตก เป็นเจดีย์ทรงกลม หรือทรงระฆัง ขนาดใหญ่ตั้งเด่นกว่าเจดีย์องค์อื่นๆ จึงกำหนดเป็นเจดีย์ประะธานของวัดพระแก้ว

ฐานเจดีย์ล่างมีซุ้มรายรอบ จำนวน 32 ซุ้ม ภายในซุ้มเดิมประดับสิงห์ปูนปั้นเท่ากับจำนวนซุ้ม

ถัดขึ้นมาจะทำเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น จำนวน 16 ซุ้ม พระพุทธรูปชำรุดหักพังจนเกือบหมด

เหนือขึ้นไปจะเป็นชั้นมาลัยเถาที่ทำเป็นชุดบัวถลาลดหลั่นกันสามชั้นรองรับองค์ระฆัง ปากระฆังยังปรากฏแนวบัวปูนปั้นที่เรียกว่า บัวปากระฆัง ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังก์มีรูปแบบเป็นฐานบัว แต่จะแปลกกว่าเจดีย์องค์อื่นๆ คือ ทำเป็นซุ้มออกมาทั้งสี่ทิศต่อจากบัลลังก์ขึ้นไปเป็นแกนปล้องไฉน แล้วจึงเป็นปล้องไฉน และปลียอดสุด

มณฑปพระสามองค์ ด้านหลัง หรือด้านตะวันตกของเจดีย์ทรงระฆังสิงห์ล้อม เป็นฐานอาคารรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสคล้ายกับฐานมณฑป มีพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย ซึ่งเหลือเฉพาะโกลนศิลาแลงอยู่บนฐานอาคารต่อจากฐานอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นฐานวิหารยกพื้นเตี้ยๆ

ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ ประกอบด้วย พระปางมารวิชัย 2 องค์ และพระไสยาสน์ 1 องค์

ลักษณะพระพักตร์ขององค์พระพุทธรูปทั้งสามองค์ค่อนข้างเหลี่ยม พระขนงจะต่อกันคล้ายกับรูปปีกกา พระเนตรเรียวเล็ก ปลายพระเนตรแหลมขึ้นไป แตกต่างจากพระพุทธรูปในศิลปะสุโขทัยที่พบในเมืองกำแพงเพชร

พระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย ซึ่งเหลือเฉพาะโกลนศิลาแลง

เจดีย์ช้างเผือก ตอนหลังสุดของวัดมีเจดีย์ทรงระฆังฐานสี่เหลี่ยม อยู่ในระเบียงคด

เนื่องจากฐานสี่เหลี่ยมด้านล่างมีการประดับช้างปูนปั้นโผล่ออกมาครึ่งตัวโดยรอบ จำนวน 32 เชือก และที่แปลกตากว่าเจดีย์ทรงระฆังช้างล้อมแห่งอื่นๆ คือ บนฐานสี่เหลี่ยมยังมีเจดีย์ประจำมุมทั้ง 4 มุม ด้วยเหตุนี้สภาพดั้งเดิมของเจดีย์องค์นี้ จะมีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆัง 5 ยอดที่มีช้างล้อมรอบ

ภายในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรในกำแพงเมืองจะมีโบราณสถานที่สำคัญ 2 แห่ง คือ วัดพระธาตุ และวัดพระแก้ว ในปัจจุบันได้แตกหังพังทลายไปเยอะ ผิดแผลกไปจากเดิมเยอะพอสมควร แต่เราก็ยังได้ชื่นชมความงามจากโบราณสถานที่สำคัญแห่งนี้กันอยู่ ยัยตัวร้ายกลับคิดว่า ถ้าเราได้อยู่ ณ เพลานั้น โบราณสถานดังกล่าวคงงดงามวิจิตรศิลป์ยิ่งนัก

ต่อไปเราก็จะไปเที่ยวชมอุทานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรนอกกำแพงเมืองกันค่ะ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากในกำแพงเมืองมากนัก

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร นอกกำแพงเมืองกำแพงเพชร เขตอรัญญิก ภายในจะประกอบด้วยโบราณสถานหลายแห่ง หรือที่เรียกกันว่าวัดป่า จะมีที่สำคัญ 3 แห่ง คือ วัดช้างรอบ วัดพระสี่อิริยาบท และวัดพระนอน

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เขตอรัญญิก เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนถึง 17.00 น. ค่าธรรมเนียมเข้าชมชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท สำหรับผู้ที่จะนำรถเข้าชมภายในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์เสียค่าเข้าชมคันละ 50 บาท

อุทยานประวติศาสตร์กำแพงเพชรนอกกำแพงเราสามารถนำรถเข้ามาเยี่ยมชมภายในได้เลย ณ บริเวณนี้ จะมีวัดอยู่เป็นจำนวนมาก ยัยตัวร้าย จะพาไปชมกันแค่ 3 วัดค่ะ

ที่นี่ก็เช่นกันจะมี QR Code ให้เราสแกนรับฟังประวัติความเป็นมาของวัดนั้นๆ เลือกได้ 5 ภาษา เราไม่ต้องจ้างไกด์มาเล่าเรื่องราวประวัติวัดต่างๆ ให้เราฟัง เราก็สามารถรับฟังได้ด้วยตัวเอง

วัดช้างรอบ

อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20 – 21 (พ.ศ. 1901 – 2100) วัดช้างรอบ เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดของเนินแห่งนี้ ประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงระฆังกลมขนาดใหญ่ ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสยกสูงยาวด้านละ 31 เมตรประดับด้วยช้างปูนปั้นทรงเครื่องโผล่ออกมาเพียงครึ่งตัวจำนวน 68 เชือก ที่มุมฐานด้านบน หรือลานประทักษิณมีสถูปเล็กๆ อยู่ทั้งสี่มุม

มีบันไดขึ้นลงสี่ด้าน เชิงบันได แต่ละด้านมีสิงห์ และทวารบาลปูนปั้นประดับอยู่

องค์เจดีย์บนเป็นทรงกลม ตั้งอยู่บนฐานแปดเหลี่ยมประดับตกแต่งภาพปูนปั้น แสดงเรื่องราวพุทธประวัติ และดินเผาเป็นรูปเทวดา กินรี และหงส์โดยรอบ

ด้านหน้าวิหารมีบ่อศิลาแลงขนาดใหญ่ ที่ขุดขึ้นมาใช้ก่อสร้างโบราณสถานแห่งนี้

อุโบสถขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงเหนือ

วัดพระสี่อิริยาบท

อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20 – 21 (พ.ศ.1901 – 2100) สิ่งก่อสร้างสำคัญในเขตพุทธาวาสประกอบด้วย วิหารที่ทำฐานย่อมุมทั้งด้านหน้า – ด้านหลัง ตั้งอยู่บนฐานรองรับขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าไพที ชานด้านหน้าฐานไพทีมีแท่นวางประติมากรรมซึ่งน่าจะเป็นรูปสิงห์ และทวารบาล บนฐานชุกชีภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งขนาดใหญ่

ด้านหลังของวิหารเป็นเจดีย์ประธาน ที่ประดิษฐาน พระสี่อิริยาบท เป็นมณฑปแบบจตุรมุขกึ่งกลางทำเป็นแท่งสี่เหลี่ยมทึบ ก่อด้วยศิลาแลง และอิฐเพื่อรองรับส่วนของหลังคา และทำเป็นมุขยื่นออกมาทั้งสี่ทิศ โดยผนังของแท่งสี่เหลี่ยมทึบแต่ละด้านจะประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นต่างๆ โดยผนังของแท่งสี่เหลี่ยมทึบแต่ละด้านจะประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางต่างๆ

โดยผนังด้านตะวันตกประดิษฐานพระพุทธรูปปางประธานอภัย (ยืน) ปัจจุบันยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์มากกว่าด้านอื่นๆ

ด้านใต้ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย (นั่ง)

ด้านตะวันออกประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา (เดิน)

ด้านเหนือประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (นอน)

วัดพระนอน

อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20 – 21 (พ.ศ. 1901 – 2100) แผนผังวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก กำแพงวัดก่อด้วยศิลาแลง หน้าวัดมีศาลา บ่อน้ำ และห้องอาบน้ำ ภายในวัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ เขตพุทธาวาส และเขตสังฆาวาส มีกำแพงแก้วก่อด้วยศิลาแลง สิ่งก่อสร้างสำคัญในเขตพุทธาวาสประกอบด้วยพระอุโบสถ เป็นบริเวณเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ และมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูป เขตสังฆราวาส ตั้งอยู่ด้านเหนือของเขตพุทธาวาส เป็นบริเวณที่พักอาศัยของสงฆ์ มีกุฏิ ศาลา บ่อน้ำ และเว็จกุฏิ (ห้องส้วม) และได้พบใบเสมาหินชนวนจำหลักลวดลาย

อุโบสถ อาคารสำหรับพระสงฆ์ทำสังฆกรรม ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน มีมุขทั้งด้านหน้า และด้านหลัง เสาภายในเป็นเสาแปดเหลี่ยม มีฐานเสมาแปดฐานโดยรอบ ใบเสมาทำจากหินชนวน

วิหาร เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขทั้งด้านหน้า และด้านหลัง

ภายในวิหารปรากฏแนวแท่นอาสนสงฆ์ และแท่นประดิษฐานพระประทาน (ฐานชุกชี) ส่วนองค์พระประธานชำรุดหักพังหมดแล้ว

สำหรับเสารองรับเครื่องบนจะเป็นเสาศิลาแลงแท่งสี่เหลี่ยม ลักษณะวิหารเป็นแบบวิหารโถงไม่มีผนัง ใช้หลังคาปีกนกแผ่เหยียดออกไปในระดับต่ำ

อย่างที่ยัยตัวร้ายบอกไปว่า ไม่ได้มีเพียงแค่ 3 วัด ยังมีอีกหลายวัดที่อยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เขตอรัญญิก (นอกกำแพงเมือง) เนื้อที่กว้างมาก หรือที่เรียกว่า วัดป่า ขนาดยัยตัวร้าย ก็ยังเที่ยวชมไม่ได้ทั้งหมด เที่ยวไปด้วย ได้รับความรู้ประวัติศาสตร์ไปด้วย แถมยังได้เป็นมรดกโลกด้วย ความภาคภูมิใจของเราชาวไทย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร

ตั้งอยู่เลขที่ 174 ถนนปิ่นดำริห์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร 62000

ตั้งอยู่ระหว่างโรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม และพิพิธภัณฑสถานจังหวัดกำแพงเพชรเฉลิมพระเกียรติ

เปิดให้บริการวันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 09.00 น. – 16.00 น. ปิดวันจันทร์ อังคาร และหยุดนักขัตฤกษ์

ค่าธรรมเนียมเข้าชม คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท

ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร มีรถรางให้เรานั่งชมรอบเมืองกำแพงเพชรได้อีกด้วย รถรางยังมีบริการอีกแห่ง ตรงต้นโพธิ์ใกล้กับวงเวียนต้นโพธิ์ และใกล้กันกับศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร ใครอยากนั่งรถรางก็สามารถติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานประจำแหล่งประวัติศาสตร์โบราณคดี เพื่อเก็บรวบรวม สงวนรักษา จัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่ได้จากการสำรวจ การขุดค้น และการขุดแต่งบูรณะโบราณสถานภายในเขตจังหวัดกำแพงเพชร

ภายในจะแบ่งการจัดแสดงออกเป็น การจัดแสดงเรื่องพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดกำแพงเพชร เริ่มตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยสุโขทัยโบราณ วัตถุที่น่าสนใจ ได้แก่ เครื่องมือหินขัด ชิ้นส่วนตะเกียงดินเผาแบบโรมัน ลูกปัดแก้ว และหิน เครื่องมือเครื่องใช้โลหะ แม่พิมพ์ดินเผา สมัยลพบุรี เครื่องสังคโลกสมัยสุโขทัย และพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย สกุลช่างกำแพงเพชร

ลูกปัดหิน ลูกปัดแก้ว สมัยก่อนประวัติศาสตร์ (อายุประมาณ 2000 – 1500 ปีมาแล้ว) พบที่แหล่งโบราณคดีบ้านหนองกอง ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร

ตุ๊กตาสังคโลก ศิลปะสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ 20 – 21) พบในบริเวณจังหวัดกำแพงเพชร

โถพร้อมฝา ศิลปะสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ 19 – 20) พบจากการขุดแต่งวัดสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร

เศียรพระพุทธรูป

เทวรูปพระอิศวรสำเริด ที่เคยประดิษฐานที่ศาลพระอิศวร

ห้องสุดท้าย จัดแสดงเรื่องราวกำแพงเพชรในปัจจุบัน นำเสนอวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัพอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดกำแพงเพชรปัจจุบัน และชนกลุ่มน้อยในจังหวัดกำแพงเพชร

เครื่องแต่งกายกลุ่มชนม้ง (แม้ว)

เครื่องแต่งกายกลุ่มชนลีซู (ลีซอ)

สถานที่ต่อไป พิพิธภัณฑ์เรือนไทย อยู่ติดกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร

พิพิธภัณฑสถานจังหวัดกำแพงเพชรเฉลิมพระเกียรติ (พิพิธภัณฑ์เรือนไทย)

ตั้งอยู่เลขที่ 104/5 ถนนปิ่นดำริห์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร 62000

พิพิธภัณฑสถานจังหวัดกำแพงเพชรเฉลิมพระเกียรติ (พิพิธภัณฑ์เรือนไทย) สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี สร้างด้วยไม้สักเป็นเรือนไทยหมู่แบบเรือนไทยภาคกลาง

ยัยตัวร้าย ไม่ได้เข้าไปชมด้านบนเรือนไทย ก็เลยไม่แน่ใจว่าภายในบนเรือนไทจะเป็นอย่างไร ยัยตัวร้าย เดินชมภายในบริเวณรอบๆ เท่านั้น

ศาลพระอิศวร ตั้งอยู่ด้านหลังสถานพินิจแและคุ้มครองเด็กและเยาวชน

พระอิศวร เป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดูเพียงแห่งเดียวที่อยู่ในกำแพงเพชร ปัจจุบันเหลือเฉพาะฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อด้วยศิลาแลงยกพื้นสูง 1.50 เมตร

เดิมได้ประดิษฐานเทวรูปพระอิศวรสำเริด สูง 120 เซนติเมตร ศิลปะอยุธยา พระพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยม ลักษณะแข็งกระด้าง มีพระมัสสุ (หนวด) แสดงถึงความมีอำนาจ โดยในปัจจุบันองค์เทวรูปดังกล่าสได้จัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร กรมศิลปากรได้จำลองขึ้นมาใหม่ มีจารึกที่ฐานว่าสร้างไว้คุ้มครองสัตว์สี่เท้า สองเท้าในเมืองนี้

ยังมีเทพในศาสนาฮินดูที่เป็นดิษฐาน ณ ศาลพระอิศวร คือ พระพิฆเนศ เป็นเทพแห่งความสำเร็จ ทั้งยังเป็นเทพแห่งศิลปวิทยาการและการประพันธ์

บริเวณเดียวกัน ยังมีแท่น ศิวลิงค์ เป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะ เป็นเครื่องหมายแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์

ยัยตัวร้ายขอไปสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อขอพร ขอโชค ขอชัย ก่อนนะคะ

พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้รับสมัญญาว่า “พระปิยมหาราช” แปลว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รัก และว่าพระพุทธเจ้าหลวง ไม่ใช่เพียงแต่จังหวัดกำแพงเพชรที่สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์เท่านั้น ยังมีจังหวัดอื่นๆ ก็สร้างด้วยเช่นกัน การเลิกทาสก็เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และยังมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญอีกมากมาย และเป็นที่เคารพนับถือของปวงชาวไทย

ขับรถจะข้ามสะพานแม่น้ำปิงไปยังเมืองนครชุม จะเจอกับวงเวียน ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “วงเวียนต้นโพธิ์”

ความพิเศษของวงเวียนแห่งนี้ จะมีศิลาจารึกบันทึกอยู่ในใบเสมา ซึ่งจะจารึกความสำคัญการเสด็จประพาสกำแพงเพชรของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) จำนวน 1 ด้าน มี 19 บรรทัด ใบเสมา กว้าง 78 เซนติเมตร สูง 126 เซนติเมตร หนา 8 เซนติเมตร

ยัยตัวร้าย จะข้ามฝั่งแม่น้ำปิงไปเที่ยวชมฝั่งเมืองนครชุมกันค่ะ

สถานที่ท่องเที่ยวฝั่ง เมืองนครชุม

บ้านห้างฯ สมัยรัชกาลที่ 5

ตั้งอยู่ หมู่ที่ 6 ตำบลนครชุม ใกล้กับวัดสว่างอารมณ์

บ้านห้างฯ เป็นบ้านที่สวยที่สุดในอดีต มีอายุกว่า 100 ปี เป็นสถานที่ทำการค้าไม้ในอดึต ตำนานแห่งการค้าไม้ของพะโป้ ณ ป่าคลองสวนหมาก เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง รูปแบบไทยผสมตะวันตก ชั้นล่างสูงกว่าบ้านทั่วไป และยกพื้นพ้นดินขึ้นมามากกว่า 1 วา ประตูเป็นไม้ฉลุอย่างละเอียด ประณีต ระเบียงชั้นบน บริเวณเชิงชายประกับด้วยไม้ฉลุลาย เสาชายคา และลูกกรงเป็นรูปแบบงานกลึง

ในปัจจุบัน ตัวอาคารทรุดโทรมขาดการบูรณะ ยัยตัวร้าย คิดว่า ถ้าได้รับการบูรณะ จะเป็นสถานที่อีกที่หนึ่ง ที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวชมเพิ่มขึ้น

จากคลองสวนหมาก เราจะไปยังนครชุมกันค่ะ

ตลาดย้อนยุคนครชุม

ตั้งอยู่บริเวณย่านการค้าตลาดนครชุม หมู่ที่ 5 ตำบลนครชุม อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร 62000

แอบเสียดาย ยัยตัวร้าย ไปไม่ตรงกับวันเปิดตลาดย้อนยุคนครชุม จะมีประจำวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สัปดาห์แรกของทุกเดือน ในระแวกตลาดนครชุมก็ไม่มีร้านค้าเปิดเช่นกัน เงียบมาก

เค้าว่ากันว่า ตลาดย้อนยุคนครชุม พ่อค้าแม่ค้าจะแต่งตัวย้อนยุค อย่างห่มสไบ นุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้อคอกระเช้า มีอาหารพื้นเมืองขาย การแสดงการละเล่นพื้นบ้าน รอบนี้ถือว่าพลาดมาก ไว้จะมาเที่ยวใหม่ ฝากไว้ก่อน ตลาดย้อนยุคนครชุม

วัดพระบรมธาตุ

ตั้งอยู่ เลขที่ 15 หมู่ที่ 3 ตำบลนครชุม อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร 62000

เบอร์โทร : 055-616228-9, 055-616366

โทรสาร : 055-616230

เว็บไซต์ : www.วัดพระบรมธาตุ.com

วัดพระบรมธาตุ เป็นพระอารามหลวง สร้างขึ้นมาพร้อมกับเมืองนครชุม เป็นวัดประจำเมือง ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 9 พระองค์ เดิมเป็นพระเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ 3 องค์ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ต่อมาชาวกระเหรี่ยงมีจิตศรัทธา ขอบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ใหม่ เป็นพระเจดีย์แบบพม่า มีความยาวด้านละ 15 วา สูงจากฐานถึงยอดฉัตร 35 วา เปิดให้เข้ามนัสการพระบรมธาตุเจดีย์ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 น. – 16.30 น.

ก่อนจะช้ามแม่น้ำปิงไปยังฝั่งเมืองชากังราว หรือตัวเมืองกำแพงเพชรในปัจจุบัน เราจะแวะชมการทำพระเครื่อง ซึ่งกำแพงเพชรขึ้นชื่อ “กรุพระเครื่อง” ดังคำขวัญประจำจังหวัด “กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ เลี่ยงลือมรดกโลก”

แหล่งเรียนรู้ การทำพระเครื่อง

ตั้งอยู่ ซอยชากังราว หมู่ที่ 3 บ้านปากคลองใต้ ตำบลนครชุม อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร 62000

บ้านลุงโป้ย หรือคุณสมหมาย พยอม (ปัจจุบันได้เสียชีวิตแล้ว ภรรยา เป็นคนดูแลต่อ) เป็นที่เดียวที่เปิดให้ชมการทำพระเครื่องตั้งแต่วิธีการแรกจนกลายมาเป็นพระเครื่องใส่กรอบสวยงาม

คุณป้าได้สาธิตการทำพระเครื่องอัดดินลงในแม่พิมพ์พระ ซึ่งสาธิตด้วยกัน 4 พิพม์

พระซุ้มกอ หรือพระซุ้มกอกำแพงเพชร เป็นพระเครื่องที่สุดยอดแห่งทุ่งเศรษฐี และเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดกำแพงเพชร เป็นพระที่อมตะทั้งพุทธศิลป์ และพุทธคุณ ได้ถูกจัดอยู่ในชุดเบญจภาคีที่สูงสุดของพระเครื่องในเมืองไทย

เรียงรายชื่อพระเครื่องจากบนลงล่าง ดังนี้ พระซุ้มกอ พระนางกำแพง พระเม็ดขนุน และพระเปิดโลก ซึ่งเป็นพระเครื่องที่มีชื่อเสียงมากของกรุทุ่งเศรษฐี

ขั้นตอนนำพระเครื่องมาเผา จะมีพระเครื่องที่ระเบิดจากการเผา ทำให้พระเครื่ององค์นั้นไม่สมบูรณ์ จากสีดิน กลายเป็นสีแดงอิฐอมส้ม

พระเครื่องที่ผ่านกรรมวิธีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใส่กรอบ เหลือพิธีปลุกเสก และนำให้เช่าบูชาต่อไป

สถานที่ท่องเที่ยวฝั่งเมืองนครชุม จะเป็นวิถีชีวิตของชุมชนซะมากกว่า ยังมีกลิ่นไอความดั้งเดิมหลงเหลืออยู่ อยากมาสัมผัสวิถีชีวิตเมืองนครชุมให้มากขึ้น ต้องมาให้ตรงกับวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สัปดาห์แรกของเดือน เพราะตลาดย้อนยุคนครชุมเปิดให้เข้าชมเดือนละ 1 ครั้ง ถ้ามาไม่ตรงกับตลาดย้อนยุคเมืองนครชุมจะค่อนข้างเงียบมาก

ยามค่ำคืนไปดูไฟที่ หอนาฬิกา ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าเมืองกำแพงเพชร ใกล้กับวงเวียนต้นโพธิ์ ผิดหวังกับวงเวียนต้นโพธิ์ คิดว่าจะเปิดน้ำพุ รอแล้วรออีกก็ไม่มีน้ำพุ เลยมาเก็บภาพหอนาฬิกายามพลบค่ำดีกว่า

ของฝากที่ขึ้นชื่อของกำแพงเพชร คือ กระยาสารท และกล้วยไข่ กระยาสารทเจ้าอร่อย อยู่ติดกับแหล่งเรียนรู้ทำพระเครื่อง เห็นเค้าว่ากันว่าต้องโทรสั่งจองกันเลยทีเดียว คิวจองยาวมาก โชคดีที่ยัยตัวร้ายได้ทาน ก็อร่อยดีค่ะ

2 วัน 1 คืน เที่ยว จังหวัดกำแพงเพชร ใครคิดเหมือนยัยตัวร้ายบ้างคะ แค่ 2 วัน 1 คืน ยังถือว่าเที่ยวไม่หมดเลย เมืองกำแพงเพชรเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ และยังมีโบราณสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง สัมผัสวิถีชุมชน เรียนรู้แหล่งอารยธรรม ชมกรุพระเครื่อง เที่ยวชมเมืองนครชุม ย้อนอดีตสู่เมืองชากังราว เลื่องลือมรดกโลก

เรามุ่งหน้าไปยังสุโขทัยกันต่อค่ะ ระยะทางจากกำแพงเพชร ไปยังสุโขทัยประมาณ 80 กิโลเมตร เดินทางใช้เวลา 1 ชั่วโมงกว่าๆ

“สุโขทัย” มาจากสองคำ คือ “สุข + อุทัย” มีความหมายว่า “รุ่งอรุณแห่งความสุข” จังหวัดสุโขทัย เป็นที่ตั้งอาณาจักรแรกของชนชาติไทยเมื่อ 700 ปีที่แล้ว รอยอดีตแห่งความรุ่งเรืองพบได้จากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และศรีสัชนาลัย ซึ่งเป็นที่รู้จักของชาวไทย และชาวต่างประเทศ

คำขวัญประจำจังหวัดสุโขทัย : มรดกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง มั่นคงพระพุทธศาสนา งามตาผ้าตีนจก สังคโลกทองโบราณ สักการแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข

“อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม โบราณสถานอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี

เราเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดยรถราง จะมีวิทยากรนำชม และให้ความรู้เกี่ยวกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

อัตราค่าธรรมเนียมเข้าชม อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

  • นักท่องเที่ยวชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท
  • บัตรรวม นักท่องเที่ยวชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท ซึ่งบัตรรวมสามารถเข้าชมอุทยานฯ ต่างๆ ในจังหวัดสุโขทัยได้ ภายในระยะเวลา 30 วัน
  • กรณีนำยานพาหนะเข้าเขตโบราณสถานตัองเสียค่าธรรมเนียมด้วย
  • ค่าบริการรถราง นำชมรอบๆ บริเวณอุทยานฯ นักท่องเที่ยวชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 20 บาท
  • บริการรถจักรยาน ให้เช่าในราคาคันละ 20 บาท

เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 21.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเวลา 18.00 น.)

หมายเหตุ ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00 – 21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน

กรณีเข้าชมเป็นหมู่คณะ และต้องการวิทยากรนำชม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เบอร์โทร 055-697310

แผนที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

แผนที่ จาก เว็บไซต์ >>>>> https://sites.google.com/site/sukhothaihistory/pha...

เรานั่งรถรางเที่ยวชมรอบอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โบราณสถานแรกที่เราแวะชม นั่นคือ “วัดศรีสวาย”

วัดศรีสวาย ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดมหาธาตุ และอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองสุโขทัยด้านทิศใต้ โบราณสถานสำคัญประกอบไปด้วยปรางค์ 3 องค์ ที่มีรูปแบบศิลปะลพบุรี ได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอม แต่ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ มีลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ ส่วนด้านหน้าขององค์ปรางค์ มีวิหาร 2 หลังที่สร้างเชื่อมต่อกัน โบราณสถานทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงก่อด้วยศิลาแลง

วัดสระศรี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดมหาธาตุ วัดนี้มีความงดงามมากอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากตั้งอยู่กลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ชื่อว่า “ตระพังตระกวน” โบราณสถานสำคัญประกอบด้วย เจดีย์ประธานทรงระฆัง วิหาร อุโบสถ (โบสถ์) และเจดีย์ขนาดด่างๆ รวม 9 องค์

เจดีย์ทรงระฆัง ของวัด เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการรับพุทธศาสนาจากลังกาของสุโขทัย บางครั้งจึงเรียกเจดีย์แบบนี้ว่า เจดีย์ทรงลังกา

อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหง

ตั้งอยู่ริมถนนจรดวิถีถ่อง ทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ ลักษณะพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ขนาด 2 เท่าขององค์จริง สูง 3 เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมนังคศิลาบาตร พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน แท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้างๆ ลักษณะพระพักตร์เหมือนอย่างพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้น ที่ถ่ายทอดความรู้สึกว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีน้ำพระทัยเมตตากรุณา ยุติธรรม มีความเด็ดขาดในการปกครองแบบพ่อปกครองลูก ที่ด้านข้างมีภาพแผ่นจำหลักจารึกเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ตามที่อ้างถึงในจารึกสุโขทัย บริเวณใกล้เคียงกัน จะมีกระดิ่งพ่อขุน อยู่ใกล้กับที่บูชาดอกไม้ ธูปเทียน

กระดิ่งพ่อขุน กระดิ่งนี้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2529 โดยจำลองแบบตามกระดิ่งที่ขุดได้จากฐานพระเจดีย์กลางเมืองสุโขทัย เพื่อน้อมถวายเป็นราชสักการะ และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความรัก อันศักสิทธิ์ ยุติธรรม ต่อไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน

กระดิ่งพ่อขุน จึงเป็นกระดิ่งแห่งความสุข และนิมิตรหมายว่า เมืองไทยจะร่มเย็นเป็นสุข มีชื่อเสียงกังวาลอยู่ในจิตใจของชาวโลกตลอดนิรันดร์กาล

วัดมหาธาตุ เป็นวัดสำคัญที่สุด ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุโขทัย มีกำแพง และคูน้ำล้อมรอบ ภายในวัดประกอบด้วย เจดีย์ประธานทรงพุ่มข้างบิณฑ์ หรือทรงยอดดอกบัวตูม, วิหาร, มณฑป, อุโบสถ และเจดีย์รายมีจำนวนมากถึง 200 องค์

เจดีย์ประธานทรงยอดดอกบัวตูม แสดงถึงเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทัยบริสุทธิ์ รายล้อมด้วยปรางค์ทิศ 4 องค์ ที่แสดงอิทธิพลศิลปะขอม และเจดีย์ประจำมุมอีก 4 องค์ เป็นเจดีย์ทรงปราสาทห้ายอด ที่มีอิทธิพลของศิลปะล้านนา รอบฐานเจดีย์ประธานประดับด้วยภาพปูนปั้นพระสาวกในท่าอัญชุลีเดินประทักษิณโดยรอบจำนวน 168 รูป

เจดีย์ประธานขนาบข้างด้วยมณฑป 2 หลัง ภายในประดิษฐาน พระอัฏฐารศ หรือพระพุทธรูปยืนสูง 18 ศอก

ด้านหน้าของเจดีย์ประธาน เป็นที่ตั้งของพระวิหารหลวง สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ หรือพระพุทธรูปทองที่ปรากฏชื่ออยู่ในศิลาจารึกหลักที่ 1

วัดศรีชุม ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โบราณสถานที่สำคัญได้แก่ มณฑป เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย ขนาดความสูง 15 เมตร หน้าตักกว้าง 10.30 เมตร ที่ปรากฏในศิลาจารึกที่ 1 ว่า พระอจนะ มีความหมายว่าผู้ไม่หวั่นไหว

วัดศรีชุมมีสิ่งโดดเด่น คือ อุโมงค์ ในช่องผนังของมณฑป มีภาพจารลายเส้นบนแผ่นหินชนวน เล่าเรื่องอดีตชาติต่างๆ ของพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่า ชาดก บางภาพมีลักษณะทางศิลปกรรมคล้ายกับศิลปะลังกา โดยมีอักษรสมัยสุโขทัยกำกับบอกเรื่องชาดกไว้ด้วย ซึ่งปัจจุบัน อุโมงค์นี้ ไม่เปิดให้บริการเข้าชม

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ได้ถ่ายทอดเรื่องราวในอดีตเมืองสุโขทัย ซึ่งเคยเป็นราชธานีของไทยที่มีความเจริญรุ่งเรือง เป็นศูนย์กลางปกครอง ศาสนา และเศรษฐกิจ ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสุโขทัยได้อย่างดีเยี่ยม

เป็นยังไงกันบ้างคะ เที่ยว 2 เมืองประวัติศาสตร์ กำแพงเพชร สุโขทัย ยัยตัวร้ายคิดว่า คราวนี้ใครที่เดินทางผ่านกำแพงเพชร คงไม่เป็นทางผ่านอีกต่อไป เพราะตัวเมืองกำแพงเพชรเองมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ที่รอพวกเราไปเยี่ยมชม ยัยตัวร้ายก็หวังว่า ทุกคนจะออกเดินทางมาท่องเที่ยวกันนะคะ มาเที่ยวเมืองประวัติศาสตร์ มาดูความงดงามของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร และสุโขทัย เราเป็นลูกหลานชาวไทยเกิดมาบนแผ่นดินไทยได้ภาคภูมิใจที่มีอารยธรรม และมรดกโลก ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป

นอกจากท่องเที่ยวอย่างเดียว เราได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้น ที่เค้าว่ากันว่า ออกมาเรียนรู้โลกกว้าง เราจะได้มากกว่าในหนังสือที่อ่าน ความสุขที่แท้จริง คือ การที่เราได้ออกมาสัมผัสเอง อย่าปล่อยให้เวลาหมดไปกับการทำงาน หาเวลาว่างออกมาพักผ่อน ผ่อนคลายสมอง ชาร์ตแบตให้กับร่างกายของเรา แล้วกลับไปลุยงานกันต่อค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวค่ะ สามารถพูดคุยกันได้ที่

Face Book : ยัยตัวร้าย สะพายกล้อง / Bloggertrip

IG : @bloggertripth


ลิ้งค์บทความ: http://www.bloggertrip.com/kamphaengphet-sukhothai...

ชื่อ-สกุล : น.ส.สุภัค ชัยวนนท์
ชื่อนามปากกา : ยัยตัวร้าย สะพายกล้อง
ชื่อบทความ : เที่ยว 2 เมืองประวัติศาสตร์ กำแพงเพชร สุโขทัย
เบอร์โทรศัพท์ : 095-9544199

Dastatravel2 admin

 วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 09.33 น.

ความคิดเห็น