วันนี้จะพาออเจ้าทั้งหลายไปยลโฉมความงดงามและยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังแวร์ซายน์กันนะเจ้าคะ หลายคนคงจะยังนึกภาพตามบันทึกของท่านฑูตขุนปานไม่ออกว่าแต่ละที่ที่กล่าวถึงจะมีความงดงามเยี่ยงไร ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะว่าทริปนี้เป็นทริปดองข้ามปี เพราะฉนั้นใครที่เพิ่งจะไปมาอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากในรูปบ้างก็ได้ โดยเฉพาะสวนด้านหลังพระราชวังจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี....จะรออะไรตามไปดูกันเลย

เมื่อมาถึงด้านหน้าของพระราชวัง ก็จะเจอกองทัพนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะมายลโฉมพระราชวังแห่งนี้กันอย่างมากโข แต่ออเจ้าคนใดที่ใฝ่ฝันอยากจะตามรอยคุณพี่ขุนและท่านฑูตขุนปานก็อย่าได้ตกใจไป เพราะข้าเจ้ามีเคล็ดลับในการเข้าชมโดยที่ไม่ต้องยืนรอเข้าแถวกันเป็นกิโลมาฝากด้วย รออ่านกันในตอนต่อไปได้เลยจ้า

พร้อมแล้วก็ไปกันเลยเจ้าคะ....เริ่มจากหน้าประตูวังก็จะเป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าหลุยที่ 14 ทรงม้า ตั้งตระหง่านอยู่ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก

เมื่อเดินผ่านอนุสาวรีย์ของพระเจ้าหลุยห์ ที่ 14 เข้ามาแล้วก็จะเห็นผู้คนยืนเข้าแถวกันยาวเหยียด เพื่อรอซื้อตั๋วเข้าชมพระราชวัง แต่ด้วยความที่ขี้เกียจรอแถวอันยาวเหยียดก็เลยลองเดินเข้าไปดูใกล้ๆประตูทางเข้า และได้เห็นว่ามีอีกทางหนึ่งที่เขาขายบัตรเพื่อเข้าชมสวนด้านหลัง ด้วยความอยากรู้ก็เลยเดินเข้าไปถามว่าเราจะซื้อบัตรเข้าชมสวนก่อนได้ไหม แล้วค่อยออกมาซื้อบัตรเข้าชมพระราชวังทีหลัง เมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าได้ ก็ไม่ลังเลที่จะซื้อบัตรเพื่อเข้าชมสวนก่อน เพราะไม่อยากมาเสียเวลากับการยืนรอแถวอันแสนยาวเหยียดเยี่ยงนี้ และนี่ก็เป็นการตัดสินใจที่ดีมากๆครั้งนึงในชีวิตเลยทีเดียว 555 ไม่ใช่เพราะพียงแค่ไม่ต้องรอแถวยาวอย่างเดียว แต่เรายังไม่ต้องไปแย่งกันถ่ายรูปกับบรรดานักท่องเที่ยวมากมายอีกด้วย เพราะตอนที่เราออกมามาซื้อตั๋วเข้าชมพระราชวัง มีนักท่องเที่ยวเหลืออยู่น้อยมาก สวรรค์ของเราจริงๆเลย

จุดจำหน่ายตั๋วเพื่อเข้าชมสวนด้านหลังพระราชวังแวร์ซายน์

สวนทั้งหมดของพระราชวังถูกออกแบบโดย Andre Le Notre โดยการตัดแต่งตามรูปทรงเรขาคณิต และเป็นสวนที่มีความโด่งดังเป็นอย่างมาก จนมีการนำไปจัดสวนแนวฝรั่งเศษกันอย่างแพร่หลาย

เมื่อยืนอยู่ด้านหลังพระราชวังและมองลงไปยังสวนด้านล่าง โอวววมันช่างกว้างขวางยิ่งนัก ถ้าจะให้เดินดูจนทั่วคงจะเหลือเวลาในการเดินชมตัวพระราชวังน้อยแน่ๆเลย เราจึงตัดสินใจเช่ารถเพื่อขับชมสวน

รถม้าก็มีนะ แต่รอบนี้เราเช่ารถกอล์ฟหน้าตาแบบนี้มาขับเอง รถพร้อมแล้วตามไปดูความงดงาม ของสวนแห่่งนี้ด้วยกันคะ

ภายในสวนก็จะมีการตกแต่งด้วยรูปปั้นที่ทำจากวัสดุทองสัมฤทธิ์และหินอ่อนมากมายหลายจุด รูปปั้นเหล่านี้ก็มาจากเรื่องราวในเทพนิยายกรีกโรมันทั้งหมด รวมไปถึงสระน้ำและน้ำพุ ก็จะมีรูปปั้นเหล่านี้อยู่บริเวณขอบสระหรือ จุดศูนย์กลางของน้ำพุ

Fountain of Apollo ตั้งอยู่สุดทางของสวนแห่งนี้ ถัดจากจุดนี้ไปก็จะเป็น Grand canal ที่ปัจจุบันเปิดเป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนเข้ามาทำกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช่จ่ายไดๆ

สวนดอกไม้จะมีเฉพาะด้านหลังตำหนักใหญ่เท่านั้น นอกนั้นก็จะเป็นไม้พุ่มที่ตัดแต่งตามรูปทรงต่างๆ ว่ากันว่าสาเหดตุที่สวนแห่งนี้เน้นสีเขียวเพราะต้องการพักสายตาจาก สีสันของทองคำมากมายจากในพระราชวัง

นี่เป็นเพียงแค่บางส่วนของสวนอันยิ่งใหญ่และสวยงามของพระราชวังนี้ แค่นี้เราก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งวันกันแล้ว....

ต่อไปก็ได้เวลาเข้าไปชมความอลังการของตัวพระราชวังด้านในกันบ้าง แค่เดินเลยประตูเข้ามายืนด้านหน้าของพระราชวังก็รู้สึกได้เลยว่ามันช่างงดงามหรูหราเสียยิ่งนัก

จุดแรกที่เราเข้ามาก็จะเป็น่โบสถ์ประจำพระราชวัง ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อชมห้องต่างๆแต่ละห้องจะมีภาพวาดบนเพดานบอกเล่าเรื่องราวเมื่อครั้งอดีตกาล มันช่างเป็นภาพวาดที่แสนงดงามวิจิตระการตายิ่งนัก คนที่วาดภาพเหล่านี้คือสุดยอดฝีมือฝุดๆจริงๆเลย

โมเดลจำลอง ของตัวอาคารและสวนทั้งหมดของพระราชวังแวร์ซายน์

รวมภาพวาดของพระราชวังในช่วงเวลาต่างๆรวมถึงช่วงที่พระเจ้าหลุยย์ที่ 14ยังคงมีชีวิตอยู่ และคงจะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับขุนหลวงนารายณ์ของสยามประเทศเช่นกัน

เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นสวนอันสวยงามที่เราได้ไปนั่งรถชมมาก่อนหน้านี้แล้ว มันคงจะดีมากๆเลย เมื่อตื่นเช้ามาแล้วได้เห็นวิวสวยๆเช่นนี้

ห้องนี้คือ Abundance salon ตกแต่งด้วยหินอ่อนทั้งหมด ห้องนี้จะเอาไว้ใช้รับแขกอย่างไม่่เป็นทางการ หรือใช้เป็นห้องสังสรรค์หลังทานอาหาร

Mars salon เป็นห้องที่่ตกแต่งด้วยสีแดงและรูปของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 รวมถึงรูปภาพต่างๆขณะทรงออกศึก ห้องนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ฉลองชัยชนะจากศึกสงคราม

ห้องนี้คาดว่าท่านฑูตขุนปานและคุณพี่ขุนเดชคงไม่มีโอกาศได้เห็นในสมัยนั้นเป็นแน่ เพราะนี้คือห้องบรรทมของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เราโฟกัสไปที่เตียงนอนเท่านั้น เพราะส่วนอื่นก็เป็นการตกแต่งด้วยทองคำและภาพวาด และมีเตาผิงส่วนพระองค์

นี่คือห้องกระจก (Hall of Mirrors) ที่พระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 ทรงให้ท่านฑูตขุนปานและคณะผู้ติดตามเข้าเฝ้า อย่างที่ท่านขุนปานได้บรรยายเอาไว้ว่ามีหน้าต่างที่เป็นกระจกทั้งหมด 17 บานเมื่อเปิดออกไปก็จะเจอกับสวนด้านหลังพระราชวังและด้านในก็จะเป็นกระจกเงาสามารถสะท้อนให้เห็นสวนจากด้านหลังพระราชวังได้เช่นกัน และมีเชิงเทียนห้อยย้อยแพรวพราวสว่างไสว สวยงามเหลือเกิน ห้องนี้นอกจากท่าฑูตขุนปานจะเคยได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แล้วก็ยังเคยเป็นห้องที่ใช้ลงนามในสัญญาสงบศึก ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 อีกด้วย

จะเห็นได้ว่าบางห้องไม่ได้เปิดให้เราได้เข้าชม อาจจะอยู่ในช่วงของการปรับปรุงหรือด้วยเหตุผลอะไรก็มิอาจทราบได้

ห้องบรรทมส่วนตัวของราชินี ก็อีกห้องนึงนะคะ จะเห็นได้ว่าการตกแต่งก็คล้ายๆกันเพียงแค่ห้องผู้หญิงก็มีลวดลายดอกไม้ให้ดูอ่อนหวานยิ่งขึ้น

ห้องนี้ก็เป็นห้องที่กลุ่มผู้หญิงเขานั่งพูดคุยพบปะสังสรรค์กัน

ด้านล่างนี้ก็จะเป็นห้องโถงแกลลอรี่(Galerie des Batailles)

และเมื่อเดินชมจนครบหมดทุกห้องก็จะเจอทางที่วนลงกลับมาทางด้านหน้าเช่นเดิม

ภาพสุดท้ายเมื่ออกมาจากพระราชวัง ก็ขอเก็บภาพพื้นลายหินอ่อนสวยๆไว้เป็นที่ระลึกด้วยละกัน จบแล้วขอรับ รีวิวพระราชวังแวซายน์อันโด่งดัง และสวยงาม ที่ใครๆก็อยากจะมาชมให้เห็นกับตาสักครั้งหนึ่ง หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้ออเจ้าทั้งหลายได้เพลิดเพลินไปกับภาพสวยๆของพระราชวังแห่งนี้กันนะเจ้าคะ ถึงภาพถ่ายจะไม่สวยเท่าช่างภาพมืออาชีพแต่ก็พอดูได้กันใช่ไหมคะ และขอบคุณออเจ้าทุกคนที่ตามอ่านกันจนจบนะเจ้าคะแล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้านะ



































Adelpatour

 วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 23.02 น.

ความคิดเห็น