สวัสดีค่ะทุกคน ขอพาล่องใต้ไปยังจังหวัดที่ใครๆต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี นั้นคือ จังหวัดภูเก็ต นอกจากมีดีที่ชายหาดและชาวต่างชาติแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่อยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสกัน



ก่อนอื่นขอแนะนำข้อมมูลเกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ตกันหน่อย

-ภูเก็ต เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทย เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ในทะเลอันดามัน จังหวัดที่ใกล้เคียงทางทิศเหนือ คือ จังหวัดพังงา ทางทิศตะวันออก คือ จังหวัดพังงาและจังหวัดกระบี่ ทั้งเกาะล้อมรอบด้วยมหาสมุทรอินเดีย และยังมีเกาะที่อยู่ในอาณาเขตของจังหวัดภูเก็ตทางทิศใต้และตะวันออก สามารถเดินทางโดยรถยนต์ซึ่งมีเพียงเส้นทางเดียวผ่านทางจังหวัดพังงา โดยข้ามสะพานสารสินและสะพานคู่ขนาน คือ สะพานท้าวเทพกระษัตรีและสะพานท้าวศรีสุนทร เพื่อเข้าสู่ตัวจังหวัด

-คำขวัญจังหวัดภูเก็ต คือ ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม


ก่อนจะเริ่มทริป เราก็ได้มาเติมพลังกันที่ ร้านไอติมโบราณลุงดำ ตั้งอยู่ที่ ถนน เยาวราช 2/3 อ.เมือง จ.ภูเก็ต ( ซอยข้างโรงพยาบาลกรุงเทพ ภูเก็ต ) ราคาไม่แพงแถมเครื่องเน้นๆราคาถ้วยละ 49 บาท มีไอศกรีม 3 ลูก ซึ่งรสชาติของไอศกรีม เราสามารถเลือกเองได้ จะคละรสหรือรสเดียวกันทั้ง 3 ลูกก็ได้

นี่คือหน้าร้านค่ะ



บรรยายกาศภายในร้าน ( แอบถ่ายโต๊ะข้างๆ)


เครื่องเน้นๆ


อันนี้จะมีรสรวมมิตร กะทิ แล้วก็ข้าวเหนียว


ส่วนถ้วยนี้ก็มีช็อกโกแลต กล้วย กะทิ


อันนี้มีรสสตอร์เบอรี่ กล้วย และช็อกโกแลต

อันนี้มีรสสตอเบอร์รี่ กล้วย และกะทิ ยังมีอีกมากมายหลายรสให้เลือก

พอเติมพลังเสร็จแล้วก็ได้เวลาไปตะลุย เย้!!!!!!!!!!

ที่แรกที่เราจะไป คือ เขารัง ตั้งอยู่ที่ 145/5 ถนน ปฏิพัทธิ์ อำเภอเมืองภูเก็ต เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ เป็นเนินเขาอยู่ในตัวเมืองภูเก็ตทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รถยนต์และยานพาหนะอื่นๆสามารถขึ้นไปถึงยอดเขาตามถนน "คอซิมบี้" สามารถเห็นทัศนียภาพของเกาะภูเก็ตได้อย่างดเจน ยิ่งเป็นช่วงเวลากลางคืนจะเห็นแสงไฟจากตามบ้านเรือนงามระยิบระยับจึงเป็นจุดชมทิวทัศที่ได้รับความนิยมมากของประชากร ภายในจังหวัดและเขารังยังเป็นสวนสุขภาพและสวนสาธารณะไว้พักผ่อนหย่อนใจ



พอมาถึง เราก็จะเจอกับอนุสาวรีย์ พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี คอซิมบี้ ณ ระนอง


ก่อนจะถึงจุดชมวิว เราจะต้องผ่านหอเกียรติยศก่อน


ภายในหอเกียรติยศ ก็จะมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับภูเก็ตให้เราได้อ่านกัน

และนี่คือวิวที่สามารถมองเห็นได้จากเขารัง ก็จะเห็นเมืองทั้งหมดในจังหวัดภูเก็ต

นี่คือภาพของหอเกียรติยศที่ถ่ายจากข้างหลัง

แชะภาพกับป้ายสักหน่อย


นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีร้านอาหารอีกด้วย มาฝากท้องกันได้


นอกจากจุดชมวิวแล้ว ยังมีสวนสุขภาพให้เราได้มาออกกำลังกายอีกด้วย


สถานที่ที่2 ที่พวกเราไปกันคือ ศาลเจ้าปุดจ้อ หรือ อ๊ามปุดจ้อ ตามภาษาเรียกคนภูเก็ต เป็นศาลเจ้าเก่าแก่อายุกว่า 100 ปีกลางเมืองภูเก็ต ตั้งอยู่บนถนนระนอง ติดกับศาลเจ้าจุ๊ยตุ่ย ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม หรือองค์พระกวนอิมปุดจ้อ คำว่า “ปุดจ้อ” เป็นภาษาจีนฮกเกี้ยนคนภูเก็ตเรียกนามของ พระโพธิสัตว์กวนอิม หรือเจ้าแม่กวนอิม

ที่ตั้ง : 289 ระนอง ถนนระนอง ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต

ทางเข้าของศาลเจ้า


พอเข้ามา เราก็ไปซื้อธูปเทียนสำหรับไหว้พระขอพรกัน ซึ่งเราจะได้ชุดธูปแบบนี้



เราก็จะมาจุดธูปเทียนกัน ซึ่งเราจะนำเทียนที่จุดแล้ว ใส่ในจุดที่เขาจัดไว้ให้ มีลักษณะเป็นวงกลมและมีรูให้เราใส่เทียนลงไป

ขั้นแรก เราจะต้องไหว้โดยการหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อเป็นการไหว้เทวดาฟ้าดิน แล้วจึงนำธูปมาปักไว้ในกระถาง 3 ดอก


ถัดมาเราก็จะมาไหว้เจ้าแม่กวนอิมและลูกศิษย์ของท่าน พอไหว้เสร็จให้เอาธูปทั้งหมดไปปักตรงกระถางด้านหลัง

เหตุผลที่ให้ลอดใต้โต๊ะไป เพื่อให้องค์พระจีนช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายที่ติดตัวเรามา


นี่คือองค์พระจีนทั้งหมดที่อยู่ภายในศาลเจ้า พอเราไหว้พระเสร็จ เราก็จะเผากระดาษกัน

นี่คือกระดาษกิ้มที่เราจะเผากัน




ทางศาลเจ้าจะมีตะเกียงไว้สำหรับเผากระดาษ พอจุดไฟติดแล้วเราก็โยนลงไปในเตาเลย ก็เป็นอันเสร็จการไหว้พระ


สถานที่ที่ 3 ที่เราจะไปคือ วัดเกาะสิเหร่ เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเกาะสิเหร่ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นวิวโดยรอบของเกาะสิเหร่ได้ไกลสุดตา อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 4 กิโลเมตร และห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ด้านบนของยอดเขามีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (พระนอน) พระพุทธรูปประจำวันเกิดของคนเกิดวันอังคารนอกจากนี้ด้านหลังอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุอินทร์แขวนจำลองที่งดงาม

นี่คือทางขึ้นไปด้านบน เขาจะให้ถอดรองเท้าก่อนเดินขึ้นไป



พอเดินขึ้นมา เราก็จะเห็นคาถาขอทรัพย์พญานาคราชติดอยู่บริเวณบันได


ในที่สุดเราก็มาถึง ซึ่งภายในห้องก็จะมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์หรือพระนอนอยู่



พอออกมาข้างนอกก็จะมีพระพุทธรูปให้กราบไหว้พร้อมทั้งบทสวดมนต์



เดินออกมาไม่ไกล เราก็ถึงพระธาตุอินทร์แขวนจำลอง ไม่ต้องไปไกลถึงพม่า เพราะ สวยงามไม่แพ้กันเลย


นี่คือวิวที่ถ่ายได้จากวิวหลังพระธาตุอินทร์ขวนจำลอง สามารถมองเห็นวิวของเกาะสิเหร่ได้ ขอแนะนำว่าให้มาช่วงเย็นๆ เพราะช่วงเช้า พื้นจะร้อนมาก แต่ถ้ามาช่วงเช้าจะได้เห็นวิวที่สวยกว่าตอนเย็น



สถานที่ที่ 4 นั้นก็คือ วัดฉลอง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดภูเก็ต ไม่มีบันทึกที่แน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่มีบันทึกขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เดิมมีชื่อว่า “วัดฉลอง” พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนชื่อ เสียใหม่เป็น “วัดไชยธาราราม” แต่ชาวบ้านยังคงติดปากเรียกว่าวัดฉลองอยู่ เพราะเป็นชื่อที่เรียกกันง่าย วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงจากความศักดิ์สิทธิ์ของ หลวงพ่อแช่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดฉลอง ซึ่งวัดฉลองอยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 8 กม. ผ่านสามแยกบริเวณสนามกีฬาสุรกุล เลี้ยวซ้ายไปทางห้าแยกฉลอง วัดฉลองจะอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงห้าแยกฉลองประมาณ 4 กม.





บรรยากาศรอบๆพระอุโบสถวัดฉลอง


บรรยากาศภายในพระอุโบสถ จะมีให้สักการะบูชาหลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อช่วง หลวงพ่อเกลื้อม ซึ่งวันที่พวกเราไปเป็นวันหยุด ทำให้คนเยอะมาก


นี่คือพระธาตุวัดฉลอง ซึ่งเป็นพระธาตุเพียงแห่งเดียวของไทย ณ ริมฝั่งอันดามัน


ทางเข้าห้องน้ำ (สะดวก สะอาด 10 10 10 ไปเลยจ้า) เผื่อใครหิว บริเวณวัดจะมีของกินขายด้วยนะ แต่ไม่ได้ถ่ายมา


สถานที่สุดท้ายสำหรับทริปนี้ก็คือ ถนนคนเดินหลาดใหญ่ ซึ่งจะมีเฉพาะวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ 16.00 – 22.30 น. ถือเป็นตลาดที่แสดงวัฒนธรรมของภูเก็ตได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นของกินพื้นเมือง สินค้าจากงานฝีมือต่างๆ รวมไปถึงการแสดงหลากหลาย ที่แบ่งเป็นโซนๆ ให้นักท่องเที่ยวเลือกชมตามความชอบของแต่ละคนได้


ในส่วนนี้ก็จะเป็นสินค้าทำมือจากคนภูเก็ต ซึ่งเป็นของที่ระลึกหรือของฝาก ใครอยากมีของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านก็สามารถไปซื้อได้ที่หลาดใหญ่


นอกจากจะมีสินค้าพื้นเมืองแล้ว ยังมีอาหารอื่นๆมากมายหลากหลาย เช่น หอยครก



ในส่วนนี้จะเป็นขนมขึ้นชื่อของชาวภูเก็ต เรียกว่า "อาโป้ง" มีลักษณะเป็นแป้งกรอบๆ ตรงกลางของขนมจะมีความนิ่ม หรือเรียกได้ว่ากรอบนอกนุ่มใน ใครมาภูเก็ตต้องได้ลิ้มลอง

นี่คือการแสดงในหลาดใหญ่ที่ถ่ายมาได้ คุณลุงร้องเพลงเพราะมากกกกกกกกกก

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

และสิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางคือ รถตู้โดยสารภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี ที่ช่วยให้เราเดินทางมาที่จังหวัดภูเก็ต ค่าโดยสารคนละ 200 บาท ต้องไปขึ้นรถที่ตลากเกษตร 2


และรถแท็กซี่ ที่ช่วยให้เดินทางไปทั่วภูเก็ตในครั้งนี้ ในส่วนค่ารถนั้น อยู่ที่ 3500 บาท แต่สามารถไปได้ทั่วทุกที่ในจังหวัดภูเก็ตและรถแท็กซี่ก็จะอยู่กับเราตลอดด้วย


ขอขอบคุณสำหรับข้อมูล

-วิกิพีเดีย

- https://phuketindex.com/travel/photo-stories/s-shrine-pudjo/index-th.htm

- http://www.phuketcity.go.th/travel/detail/82

-https://www.mu-ku-ra.com/2016/07/phuket-walking-st...

-http://www.emagtravel.com/archive/wat-chalong.html

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Contact : <Instagram>

mint_kanteera

n.tip_smile

ffern_supatsorn

saruttaya1519

pinat.tt

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข อ ข อ บ คุ ณ ที่ เ ข้ า ม า เ ยี่ ย ม ช ม

หมูเดินทาง

 วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.38 น.

ความคิดเห็น