ฟิตกล้ามขาให้พร้อม!!
เตรียมปอดมารับออกซิเจนให้เต็มที่!!

ทริปนี้จะพาขึ้นรถ ลงเรือ เช่าจักรยาน ปั่นไปทำผ้ามัดย้อมในแบบตัวเองที่ "บ้านธูปสมุนไพร" จิบกาแฟกินขนมแบบชิคๆ และใกล้ชิดธรรมชาติ จากร้านดังอย่าง "Bangkok Tree House" แวะไปดูแหล่งการเรียนรู้ "พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย" จิบน้ำหลบแดดให้คลายร้อนที่ "ปลากัดคาเฟ่" ไปปั่นเกร๋ๆ รอบ "สวนศรีนครเขื่อนขันธ์" ปิดท้ายแบบอิ่มๆ กันที่ "ตลาดบางน้ำผึ้ง"

พิกัด : บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ



“ณ คุ้งบางกะเจ้า” จากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ว่าเป็นแหล่งผลิต OASIS ชั่นเยี่ยมใกล้กรุง เมื่อปี 2549 นิตยสาร Time ยกให้บางกระเจ้าเป็น The best Urban Oasis of Asia คือ ปอดกลางเมือง ที่ดีที่สุดในเอเชีย


เราออกเดินทางโดยแท็กซี่ไปยังท่าเรือวัดบางนานอก ฝั่งสรรพวุธ เช้าวันนี้ที่กรุงเทพฯ รถแทบจะไม่ติดเลย จึงมาถึงท่าเรืออย่างรวดเร็

ใครไม่อยากนั่งแท็กซี่ก็นั่ง BTS มาลงที่สถานีบางนา แล้วนั่งวินเข้ามาก็ได้

ใครเอารถส่วนตัวมา ท่าเรือวัดบางนานอกก็มีที่จอดรถด้วย ใครขับมอไซค์หรือปั่นจักรยานมา ก็เอารถลงเรือได้เลยค่ะ ราคาแค่ 6 บาทเอง ส่วน ฮอนด้าวอคแบบเรา ถู๊กถูกก 4 บาทเอง จะไปเป็น 10 เที่ยวก็ย่อมได้!!! นั่งเรือไปก่อน แล้วค่อยไปจ่ายเงินอีกฝั่ง

เก้าอื้ที่นั่งยังไม่ทันอุ่น เรือก็มาถึง ท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก ลงจากเรือเราก็เจอร้านให้เช่าจักรยานหลายร้าน อยากได้จักรยานแบบไหนก็เดินเลือกดูได้เลย หน้าตาจักรยานก็คล้ายๆ กันเกือบทุกร้าน ราคาเช่า 50 บาท วางบัตรประชาชนไว้ ปั่นเสร็จแล้วค่อยมาจ่าย


ควรเลือกจักรยานที่พอดีกับความสูงของเรานะคะ เวลาปั่นจะได้ไม่ปวดขามาก แล้วถ้าได้จักรยานที่มีกระดิ่งด้วยจะดีมากเลย เพราะบางกะเจ้าในวันหยุด รถค่อนข้างเยอะ ไว้กดส่งสัญญาณตาแยกต่างๆ เพื่อความปลอดภัย

ส่วนจักรยานเรานั้น ไม่มีกระดิ่ง แต่เสียงเบรกนี่ดังแสบแก้วหูมากกกก!!!


ที่แรกที่ตั้งใจไว้ว่าจะมาให้ได้คือ "บ้านธูปหอมสมุนไพร" แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยกลุ่มเกษตรกรบ้านบางน้ำผึ้ง มาบ้านธูป แต่มาทำผ้ามัดย้อม ฮ่าาา


ทางเข้า "บ้านธูปหอมสมุนไพร" เป็นถนนคอนกรีตขนาดเล็กเลียบไปตามคลอง สามารถปั่นจักรยานเข้าไปจอดที่หน้าบ้านได้เลยค่ะ ใครอยากมาเรียนทำธูป หรือ ผ้ามัดย้อม ถ้ามาไม่ถึง 20 คน ก็ไม่ต้องจอง วอคอินเข้ามาเรียนได้เลย ไม่ต้องจองล่วงหน้า

บ้านธูปหอมสมุนไพร
เปิดทุกวัน 09.00-15.00น



ขั้นตอนแรกก็มาเลือกผ้าขาวที่จะนำไปทำมัดย้อมกันก่อน มีหลายแบบ เช่น เสื้อ กางเกง ผ้าคลุมไหล่ ผ้าเช็ดหน้า ราคาก็จะแตกต่างกันไปตามขนาดของผ้า


ผ้ามัดย้อมมันก็มีหลายลาย ก่อนทำก็มาเลือกลายกันก่อน ลายกนน ลายสี่เหลี่ยม ลายหอยใหญ่ เยอะแยะมากมาย ส่วนเรานั้นเลือกลายหอยออร่า!!!



พรมน้ำให้ผ้าเปียก เอาไม้มาหมุนๆ ผ้า ทุบๆ ตบๆ เอายางรัด ตามรูป ก็จะให้ก้อนผ้าหน้าตาแบบนี้ค่ะ ตรงไหนที่เราทำไม่ได้ ตรงไหนที่ทำไม่ได้ ขุ่นป้าที่สอนเรา เค้าก็ช่วยทำให้




ขั้นตอนต่อมาคือ การลงสี แต่ละลายที่เลือกก็จะมีวิธีการลงสีที่แตกต่างกันไป บางลายห้ามลงสีนี้ บางลายต้องทาสลับสีกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง




แท๊นนนนนนน!!! ผลงานของเรา 3 คนค่ะ

ผ้าผืนแรกชื่อน้องหอยใหญ่ แต่ทาสีผิด ก็กลายเป็นน้องหอยเละ
ผืนที่ 2 น้องหอยลาย
ผืนที่ 3 ทำออกมาสวยม๊ากกๆๆๆ น้องหอยออร่า เองค่ะ ^^


ทำเสร็จแล้วววว รอตากให้แห้ง แพคใส่ถุงกลับบ้านพร้อมน้ำยากันสีตก


ออกจากบ้านธูปหอมสมุนไพร เรายังคงปั่นไปตามถนนคอนกรีตเลียบคลอง ตามป้ายไปยังร้าน Bangkok Tree House บรรยากาศสองข้างทางร่มรื่นมากกก ปั่นกันลืมแดดไปเลย




รีสอร์ทและร้านอาหารสุดชิค ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ กับร้าน "Bangkok Tree House"


ดูจากจำนวนจักรยานที่จอดอยู่หน้าร้านก็รู้ได้เลยว่า ต้องฮิตมากแน่ๆ

นอกจากออกแบบร้านได้ใกล้ชิดธรรมชาติแล้ว ด้านหลังร้านยังติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ลมจึงพัดเย็นสบาย แถมมองเรือที่วิ่งรับส่งผู้คนจากท่าเรือวัดบางนานอก มาวัดบางน้ำผึ้งในอีกด้วย


แอบเห็นป้ายเมนู ข้าวเหนียวมะม่วง กับฤดูกาลมะม่วงแบบนี้ มีหรือจะพลาดดดด ^^

บริเวณด้านหลังร้านติดแม่น้ำเจ้าพระยา



ชอบที่จะปั่นจักรยานไปตามถนนเล็กๆ แล้วเจออะไรแบบนี้ที่สุด ^^

ออกจากร้าน Bangkok Tree House กลับไปทางเดิม ปั่นออกถนนหลัง ใกล้ๆ กันก็จะเป็นตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เนื่องเพิ่งกินเข้าไปเมื่อกี้ เราจึงค่อยกลับมาแวะตลาดบางน้ำผึ้งทีหลัง ปั่นไปพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย ให้อาหารย่อยหน่อย




"พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย" ฮื้อหือออ ปั่นมาไกลมาก กกกก กว่าจะมาถึงก็เจอถนนหลายแยกมากค่ะ ป้ายบอกทางก็หายาก จึงอาศัยถามชาวบ้านแถวนั้นเอา

ป้าคนนึงที่เราแวะถามทาง พูดมาประโยคนึงว่า "อ้ออ ปลากัดที่มีอยู่ 3 ตัวอะนะ"


มาถึงพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย ก็หาไม่เจอสิคะ หรือเป็นอย่างที่ป้าบอก !!!
ป่าวเลย!! คุณมึงเดินไปผิดที่ค่ะ เดินไปข้างในนู้นนน เป็นบ้านใครก็ไม่รู้ ที่ปลากัดอยู่อะ มันอยู่ข้างหน้าทางเข้าเลยย


บริเวณใต้ถุนบ้านเป็นส่วนจัดแสดงปลากัด สายพันธุ์ต่างๆ มีส่วนที่สำหรับเพาะพันธุ์และอนุบาลปลาตัวอ่อน ให้เราได้เรียนรู้อีกด้วย


"Plakad cafe ปลากัดคาเฟ่"

คาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศร่มรื่น ตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยเลย ใครแวะมาดูปลากัดที่นี่ก็ต้องเจอ ยกเว้นมาวันธรรมดาจะไม่เจอ เพราะร้านปิดค่ะ

ร้านเปิดเฉพาะ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 - 17.00 น.



ยืนดูแผนที่บางกะเจ้า ที่เค้าว่าหน้าตาเหมือนกระเพาะหมู มันเป็นแบบนี้นี่เอง





"สวนศรีนครเขื่อนขันธ์"
เค้าเรียกกันสั้นๆ ว่า สวนศรี อีกหนึ่งสถานที่ที่ฮิตไม่แพ้กันในบางกะเจ้า เนื้อที่กว่า 200 ไร่ เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนต่างพากันมาปั่นจักรยาน หรือ ออกกำลังกายกันที่


มุมยอดฮิตหอชมวิวดูนก ที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายภาพมุมสูง เอาจักรยานลงไปนอน แต่ดูจากคิวคนรอถ่ายแล้ว ขอยืนมองชมความงามอยู่ไกลๆ ก็พอ







"ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง" ตลาดของคนในชุมชน ที่นำผลผลิตในท้องถิ่นของตนมาจำหน่าย ปัจจุบันมีทั้งโซนตลาดเก่าและตลาดใหม่ ของกินเยอะและหลากหลายมาก เดินวนไปหลายรอบก็ยังเลือกของกินไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเลือกยากนะคะ เพราะตลาดมันวายแล้วค่ะพี่ข๋าาา มาถึงตลาดตอนบ่าย 3 กว่าๆ ร้านค้าหลายร้านก็ทะยอยเก็บของกันแล้ววว ฮืออออออ


อยากลองชิม แต่คิวอย่างยาวววว


ผักพื้นบ้าน สินค้าพื้นบ้าน ราคาสบายกระเป๋า
เปิดทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 8 โมงเช้า – 5 โมงเย็น



ปั่นจักรยานกลับมาคืนตรงจุดเดิมที่เราเช่ามา รับน้ำเย็นๆ และผ้าเย็น ที่ร้าน "อ๊อดตู้โค้ก" บริการให้ฟรี สำหรับผู้ที่มาเช่าจักรยาน ยืนมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในยามเย็น



เก็บบางกะเจ้าในความทรงจำ จบทริป 1 วัน ได้เห็นเสน่ห์ของบางกะเจ้าในมุมต่างๆ มากมาย ผู้คน อาหาร วิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น ยังรอให้พวกเราได้ไปรู้จัก เรียนรู้ แล้วคุณอาจจะหลงรักบางกะเจ้า เหมือนเราก็ได้



ขอบคุณหรับการติดตามค่ะ ^^

ไลค์เลย!!!! วันศุกร์ขึ้นเขาวันเสาร์ลงห้วย

วันศุกร์ขึ้นเขา วันเสาร์ลงห้วย

 วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.57 น.

ความคิดเห็น