น่านน่ารัก ฮักเมืองน่าน @ น่าน บูติค รีสอร์ท

น่านน่ารัก ฮักเมืองน่าน @ น่าน บูติค รีสอร์ท

ในช่วงเวลาเมษาฮาวาย ในเดือนที่ร้อนขนาดนี้ จะไปปีนผาหน้าไม้จะไม่ใช่ที่ จะไปลงทะเลดำน้ำ ล่าม้าน้ำก็ไม่ค่อยอยากจะไป เราเลยตัดสินใจไป น่าน…

ไปแบบไม่ต้องใช้เหตุผลเยอะ ไปเพราะอยากไปมันผุดขึ้นมาในหัวเองเลย แต่คิดให้มันลึกลงไปกว่านั้น มันก็พอมีที่มาที่ไปอยู่นะ น่าน เป็นจังหวัดที่เราไปหลายครั้งหลายรอบแล้วล่ะ เคยไปฝังตัวอยู่เป็นเดือนก็เคย แต่ประเด็นคือเราไม่เคยอยู่ในเมืองน่านเลย ในความหมาย ไปน่านแต่อยู่นอกเมืองน่านนะ อยู่เฉลิมพระเกียรติ ไปนอนปัว เที่ยวบ่อเกลือ เดินป่าดอยภูคา ไปกางเต็นท์ดอยเสมอดาว เพลิดเพลินที่แม่จริม…

กลางเดือนเมษายน ท่ามกลางแสงแดดที่ค่อนข้างร้อนแรง เรือบินไซส์เล็กร่อนลงที่สนามบินน่านนคร ความตั้งใจคือ มาเที่ยวเมืองน่าน นอนเมืองน่าน เราจะไม่ไปไหนไกลๆ อยากไปดูปู่ม่านย่าม่านกระซิบรัก อยากไปเดินผ่านซุ้มลีลาวดี อยากนอนเล่นเฉยๆ ซึมๆ งึมงำอยู่ที่น่าน…

ออกจากสนามบินน่านนคร เราเลือกที่พักที่ใกล้สนามบิน ไม่ไกลเมือง ห้านาทีจากสนามบิน ถึงแล้ว น่าน บูติค รีสอร์ท ที่พักสไตล์ green hotel เงียบเรียบหรู เขียวสดใสสบายตา และตามคอนเซ็ปท์ เที่ยวเมืองน่าน นอนเมืองน่าน จะไปเที่ยวที่ไหนขอไม่เกิน 5-10 นาที

ล็อบบี้ด้านหน้า ดูสบายๆ

ขอคุยเรื่องที่พักก่อนเลยนะ คือดีงามตามวิถี อย่างใจชอบเลย ห้องนอนกว้างขวาง สะอาดเรียบร้อยมากอ่ะ แล้วเป็นรีสอร์ทแบบ รักธรรมชาติ ต้นไม้เยอะ มองไปทางไหนก็จะเขียวๆ สดชื่น สิ่งอำนวยความสะดวกครบด้วย สระว่ายน้ำแบบเห็นวิวสามร้อยหกสิบองศา มีห้องฟิตเนสไซส์มินิ อาหารก็อร่อย มีควาสงบและเป็นส่วนตัว ที่สำคัญเลย จะเข้าไปเที่ยวในตัวเมืองน่าน ใช้เวลาแค่ ห้านาทีสิบนาทีก็เข้าสู่เมืองน่านได้แล้ว พูดได้เลยว่า สมบูรณ์พอกพูนความสุข…

เขียว สดชื่น สไตล์ green hotel

วันที่เรามาถึงก็จะทำอะไรดีล่ะ ยังไม่มีความตั้งใจจะทำอะไร อยากพักผ่อนนอนเล่น หลังจากทานอาหารเที่ยงเรียบร้อย ก็นอนสิครับ หลับมันจริงจังไปเลย บ่ายๆในช่วงเดือนเมษายน มิต้องพูดถึงแสงแดดเนอะ เดี๋ยวรอช่วงเย็นค่อยว่ากัน…

ห้องพักน่านอนมากมาก

หล่นเต้าเจี้ยว…

หมูทอด

ยำเห็ด

ต้มแซ่บไก่

เที่ยงแล้ว กินข้าวกันอร่อยมาก

แสงอาทิตย์ในช่วงเย็นลดความร้อนแรงลงไป แต่อากาศก็ยังคงไม่คลายความร้อนสักเท่าไหร่ ไปเล่นน้ำดีกว่า สระว่ายน้ำที่นี่ดีมากเลย นอกจากน้ำจะเย็นชื่นใจคลายร้อนแล้วยังมีวิวทุ่งนา กับเหลี่ยมชมพระอาทิตย์ตก อืมมมม…ดีเลยอ่ะ

ช่วงเย็นๆ ออกมาถ่ายรูปเล่น มีที่ให้ถ่ายภาพสวยๆมากมาย

ทางเดินเข้าห้องพักยังเก๋ขนาด…

เย็นแล้วไปเล่นน้ำกัน…

หมดไปหนึ่งวันกับการเดินทางและพักผ่อนจริงๆ พรุ่งนี้ไปเที่ยวเมืองน่านกัน…

เช้าวันใหม่ วันนี้มีความตั้งใจแล้วนะ ไปเที่ยวเมืองน่านกัน หลังจากจัดการอาหารเช้าที่รีสอร์ทเรียบร้อยก็ได้เวลาน่านนคร…

ออกจากน่าน บูติค รีสอร์ท ห้านาทีก็ถึงตัวเมืองน่านแล้ว วัดภูมินทร์คือที่แรกที่เราได้เข้าไปไหว้สักการะ วัดภูมินทร์ นามเดิมชื่อวัดพรหมมินทร์ มีอายุเก่าแก่กว่า 400 ปี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองน่าน อันประวัติวัดภูมินทร์สามารถหาอ่านได้ จากหลายช่องทางอันนี้ถ้าใครใคร่ศึกษา

เราขอผ่านไปยัง ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่ลือลั่นสนั่นเมือง ภาพวาดจากฝีมือ หนานบัวผัน จิตรกรพื้นถิ่นเชื้อสายไทลื้อ คือ “ภาพกระซิบรักบรรลือโลก” ภาพ “ปู่ม่านย่าม่าน” ที่มีชื่อเสียงทำให้ใครต่อใครต้องมาเยือนเมืองน่าน และถ้ามาเมืองน่านต้องมาชมภาพนี้ อันนี้ตัวเราเองเลยที่แย่มากๆ หลายครั้งหลายคราที่ผ่านเข้ามาน่านนคร แต่ก็เลยผ่านไป ครั้งนี้คือครั้งแรกจริงๆที่ได้มาชม…

เราใช้เวลาชื่นชมอยู่นานเลยทีเดียว ต้องบอกเลยว่าถ้าไม่ได้มาสัมผัสด้วยความรู้สึกจริงๆ ไม่มีทางรู้เลยว่าภาพนี้มันมีความหมายที่ดีงามมากมาย ด้วยลายเส้น การลงสี ความเสื่อมโทรมตามกาลเวลา มันให้ความรู้สึกกินลึกเข้าไปในหัวใจ ยิ่งมองนานๆจะยิ่งเหมือนถูกดูดกลืนหายเข้าไปในช่วงเวลานั้น คือ พูดให้เข้าใจมันอาจจะดูเว่อวังอลังการไปนิด แต่ถ้าใครได้มาชมของจริงเราบอกเลยว่าอินมากกกกก…

กลับออกมาด้วยความอิ่มในใจ ด้วยความอยากรู้ว่าเค้ากระซิบอะไรกันเหรอ ก็พอจะไปหามาได้พร้อมคำแปล แต่มันเป็นการแต่งขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของภาพนี้นะ เป็นภาษาพายัพ แต่งและแปลโดย สมเจตน์ วิมลเกษม…

“กำฮักน้องกูปี้จั๊กเอาไว้ในน้ำก็กั๋วหนาว

จั๊กเอาไว้ปื้นอากาศกลางหาว

ก็กั๋วหมอกเหมยซ่อนดาวลงมาขะลุ้ม

จั๊กเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม

ก็กั๋วเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป

ก็เลยเอาไว้ในอกในใจ๋ตัวจายปี้นี้

จั๊กหื้อมันไห้ อะฮิ อะฮี้

ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา”

คำแปล…

“ความรักของน้อง พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะเอาความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ ให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น”

ภาพกระซิบรักบรรลือโลก ภาพ “ปู่ม่านย่าม่าน”

ไม่ใช่แค่มีภาพ กระซิบรักบรรลือโลก ภาพอื่นๆ ก็มีความหมายมากมายเช่นกัน

จากวัดภูมินทร์ เดินข้ามถนนมานิดเดียวก็ถึง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ภายในจัดแสดง ศิลปะ ประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน แสดงโบราณวัตถุ ในอดีตกาลที่นี่เป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครน่าน ใช้ชื่อว่า หอคำ ที่นี่ยังมีอุโมงค์ต้นไม้ ต้นลีลาวดี สวยงามมากๆ บางคนจะเรียก อุโมงค์ลีลาวดี ไปเลย ถ่ายภาพสวยมาก

อุโมงค์ลีลาวดี น่ารักที่สุด…

ไปกันต่อ ก็ไม่ได้ไกลกันเลย อยู่ฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน แค่เดินข้ามถนนเราก็มาถึงวัดช้างค้ำ วัดเก่าแก่ ศิลปะสมัยสุโขทัย ชื่อเดิม วัดหลวงกลางเวียง ไหว้พระขอพรกันเสร็จ ก็เลยเที่ยงไปแล้ว เราเลยหาอะไรทานง่ายๆ

เจดีย์วัดช้างค้ำ…

ตอนบ่ายก็ไปต่อที่ พระธาตุแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองชาวน่าน ออกจากตัวเมืองไปประมาณ 2 กิโล ใช้เวลาไม่นาน พระบรมธาตุแช่แห้ง ตามพงศาวดารเมืองน่าน ว่าไว้ สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่นำมาจากเมืองสุโขทัยเมื่อประมาณ 600 ปีก่อน โดยพญาการเมืองโปรดให้สร้าง เป็นสุดยอดศิลปะล้านนาอย่างแท้จริง มีความวิจิตรงดงาม และที่สำคัญเป็นสถาปัตยกรรมที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะสกุลช่างน่าน…ถ้ามาถึงเมืองน่าน ก็ต้องมาไหว้สักการะพระบรมธาตุแช่แห้งกันทุกผู้คน

พระธาตุแช่แห้ง

ได้เวลากลับที่พักหลังจากตะลอนทัวร์ทั่วน่าน ก่อนเข้าที่พักก็แวะไปนั่งเล่น กินชา กาแฟ ขนมเค้กอร่อยๆ ที่ร้านคาเฟ่สุดชิค “สุดกองดี” ร้านนี้บรรยากาศดีอ่ะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ภายในตกแต่งแบบผสมผสานความมันส์ ความชิค กับความเป็นธรรมชาติได้ลงตัวดีจัง ชอบชอบ…

คาเฟ่สุดชิค สุดกองดี

ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเที่ยวไปเรื่อยสู้กับแสงแดดเดือนเมษา กลับถึงที่พักก็หมดเรี่ยวแรงพอดี อาบน้ำพักผ่อนนอนหลับ พรุ่งนี้กลับบ้าน…

น่านครั้งนี้ เป็นอะไรที่สุขใจจริงๆ ไม่เหนื่อยกับการนั่งรถไกลๆ เพื่อออกตระเวนใกล้ชิดธรรมชาติ ไม่เวียนหัวกับโค้งแล้วโค้งเล่า ไม่ต้องนอนเต็นท์รอชมดาว ลิ้มรสอากาศหนาวในช่วงเหมันต์ แต่…เป็นเหมือนการเดินทางย้อนอดีต ย้อนเรื่องราวเล่าความหลัง พร้อมๆกับการได้พักผ่อนแบบเต็มที่ในสไตล์ รีสอร์ตที่อยู่กับธรรมชาติ