เข้าไปส่องรูปภาพที่เหลือได้ใน IG : nunnycosci | FB นี่ละไว้ ไร้สาระมากมาย แหะๆ
กระทู้นี้อาจจะไม่ได้มีรายละเอียดครบครั้นทั้งหมด มีสาระบ้าง ไม่มีบ้าง แต่ภาพจุดฟีคนี่เน้นมาก
ทริปนี้ No DSLR นะจร้า ใช้ SJCAM 4000 wifi ปรับด้วย VSCOCam 90%
ที่เหลือก็จะกล้อง FUJI XP กันน้ำบ้าง จากมือถือ Samsung S4 บ้าง
ก็ถือเป็นการใช้กล้อง Action Cam เที่ยวเพียวๆครั้งแรก
......................................................................................................................
เริ่มมมมมมมมม!!! สิ่งแรกคือเรื่องการเดินทางและที่พัก
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเดือน มีนาคมล้วนแล้วทั้งสิ้น ทริปนี้คือแบบชวนกระทันหันหลังจาก จขกท. กลับจากญี่ปุ่น ทำให้งบประมาณกะไม่ได้ และทุกอย่างรีบไปหมด หาทุกช่องทางการเดินทาง สุดท้ายมาจบที่ บขส.ไทย รถมีวันละ 1 เที่ยวต่อวัน
หลังจากโทรสอบถามเรื่องจากจองตั๋วเรียบร้อย จขกท. ก้อรีบดิ่งไปขนส่งหมอชิตเพื่อซื้อตั๋ว ซึ่งเหลือเพียง 9 ที่สุดท้าย (ตอนแรกโทรไปสอบถาม เค้าบอกต้องใช้ Passport ของทุกคน) ด้วยความรีบกลัวไม่มีหนทางให้เดินทาง เพราะตั๋วเครื่องบินก็แพง แถมช่วงหยุดยาว บินไปลงอุดร คนต้องต่อรถที่นั้นเยอะแน่นอน เอ้า!!!!รู้ว่าเสี่ยงแต่คนต้องขอลองงงงงง ไปแบบหวุดหวิดมาก แล้วก็ได้มา เดินทางคืนวันที่ 30 เมษายน 58 4 ชีวิต คนละ 900 บาท ใช้เพียง Passport ของคนซื้อเล่มเดียวเท่านั้น ซื้อตั๋วรถระหว่างประเทศต้องไปก่อน 3 ทุ่มนะจร้า
หมายเหตุ **ถ้ารถโดยสารเป็นของบขส.ไทยจะสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ แต่ได้เป็นรถของลาวต้องซื้อวันที่เดินทางเท่านั้น
บทสรุปการเดินทางเรียบร้อยไป มาเรื่องที่พัก จากที่ จขกท.เคยจองที่พักตอนไปทริปญี่ปุ่นผ่านเว็บ booking.com หนนี้เลยหาจากในเว็บนี้อีกตามเคย แต่ต่างกันตรงที่ หนนี้จองใน app on android การที่เราเคยสมัครสมาสมาชิกไว้แล้ว เลยมี big pack มหกรรม on sale ที่พักมากมาย ให้เลือกสรร ลด20-50% (ไม่ได้แคปภาพเก็บไว้) แต่ช่วงที่ไปเป็นช่วงหยุดยาวที่ใครๆต่างก็พากันออกท่องเที่ยว + เราจองช้าเลยมีตัวเลือกไม่มากนัก
มาจบที่นี่ Malany Villa เรียกได้ว่าใจกลางวังเวียง ใกล้ของกิน ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกทุกสิ่ง ในราคาที่รับได้ เลือกห้องแอร์เพราะเผื่อเวลากลางวันสิงที่ห้อง เชื่อว่าอากาศน่าจะฮอตขนาด ที่ขาดไม่ได้เลยคือ WiFi Free . . . . ก็จองห้องเตียงเดี่ยว ไว้ 2 ห้อง วันที่ 1-4 พ.ค.
4 วัน 3 คืน ในราคา 3152 บาท (ราคานี้ลดแล้วจาก big pack sale ของเว็บอีก20%) ชำระเงินวันที่เข้าพักได้เลย แต่ถ้าเรายกเลิก จะต้องเสียเงินเต็มโดนตัดจากบัตรเครดิตที่ลงทะเบียนไว้นะจร้า แนะนำว่า ใครจะจองผ่านเว็บ ลองเช็ค free cancel ดูด้วย ส่วนขากลับนั้น ตายเอาดาบหน้าจร้า เหอๆ อย่างที่บอกทุกอย่างปุ๊บปั๊บมา ตั๋วรถทัวร์ก็เต็ม ตั๋วเครื่องบินก็แพง เวลาก็ไม่แน่นอน
วัน เวลา ผ่าน ไป . . . . . 30 เมษา วันเดินทาง
จขกท. พยายามเดินทางด้วยความเร็ว เพราะวันนั้นรถติดมากถึงมากที่สุด!!!! คนเดินทางออกตจว.เยอะ เย็นสุดท้ายสิ้นเดือนแถมวันหยุดยาวอีก อะหืมมม มหกรรมยานยนต์ครัช กลัวตกรถเอามากๆ แต่ก้อไปทันแบบหวุดหวิด AGAIN!!!! . . . วิ่งเข้า7-11ตุนสเบียง รีบโดดขึ้นรถอย่างไว ไม่ทันได้ถ่ายรูป ตามเวลารถจะออก 20.00 แต่เอาเข้าจริง วันนั้น ออก 20.30 กว่า
สรุปวันนี้ได้นั่งรถของลาวนะจร้า ส่วนตัวคิดว่าเบาะเกือบจะนั่งสบายละ แต่ผิดที่เราตัวใหญ่!!ช่วงสั้น ตัวเล็ก เป็นต่อไปเลยจร้าทริปนี้ ขายาว ตัวใหญ่ ก็ต้องหามุมหาเหลี่ยมที่คิดว่านั่งสบายกันไปนะจร้า นั่งรถไปเรื่อยๆ หลับก็ไม่สบายเท่าไร จนกระทั่งถึง บขส. โคราช ก็ได้แชะรูปกันหน่อย
เราแวะพักบขส. โคราช 20 นาที โดยจะมีคูปองให้แลกอาหารได้ 30 บาท (ไม่พอหรอก อาหารจานนึง 40 บาทแนะ ก็จ่ายสดเพิ่มไป) จัดการธุรส่วนตัวกันให้เรียบร้อย แล้วก็ออกเดินทางกันต่อยาวๆ เดินทางไปถึงด่านหนองคาย ประมาณเกือบ 7 โมงได้ ก้อเข้าด่านจัดการเอกสารเรียบร้อย อ้อ มีเสียค่าผ่านแดนอีก 5 บาทด้วยนะจร้า (แต่พี่คนรถมาเก็บไปตั้งแต่ขึ้นรถละ)
กลับมาขึ้นรถคันเดิมแล้วข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว กันไป (ปกติถ้าคนมาต่อรถเอง จะมีรถข้ามฝั่ง คนละ 15 บาท ซึ่งต้องวิ่งแย่งกันเล็กน้อย)
ข้ามฝั่งมาถึงสปป.ลาว ต่อแถวตรวจเข้าประเทศ เสียค่าเหยียบแดน ซื้อบัตร One Way Pass อีก คนละ 45 บาท เป็นอันเสร็จ
มีแดดละ แชะกะรถอีกรอบ
โดดขึ้นรถเดินทางต่อ รถแวะจอดที่ตลาดเช้า คือแบบ รถยังไม่จอด หนุ่มก้อวิ่งรุมล้อมรอบรถแล้วจร้า ทุกคนที่ลงจากรถนี่ฮอตซะไม่มี ดีนะไม่ได้ลงตรงนี่ เดินทางต่อ ลงที่ขนส่งสายเหนือของสปป.ลาว (วิ่งอีกตามเคย เพราะฮอตมาก มีหนุ่มๆวิ่งตาม) มาถึงก็หารถต่อไปวังเวียง จขกท. ทำการบ้านจากการอ่านรีวิวพี่ๆหลายคนมา รู้เลยว่าถ้านั่งสองแถวนี่สุขภาพปอดพังก่อนถึงอากาศบริสุทธิ์(รึเปล่า)แน่นอน จึงเลือกที่จะนั่ง mini bus คนละ 200 บาท โชคดีว่ารถคันนี้แอร์เย็น และโชคดีต่อที่สองที่ทั้งรถคือพี่ๆคนไทยที่นั่งรถจากกรุงเทพมาด้วยกันทั้งหมด เต็มปุ๊บออกเลย
มาครึ่งทางละ แวะเติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำ ดีที่ลุงคนขับเค้าบอก อดทนหน่อย เด๋วพาไปห้องน้ำสะอาด คือดีงามนะจร้า สภาพระหว่าง ถ้าไม่มองพื้นถนน ก็นับว่างามอยู่ แต่พอเห็นสภาพถนนแล้วแบบ หัวโยกเป็นจังหวะชะชะช่า รุมบ้า และชาวร็อคเบย
ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 4 ชม. จากเวียงจันทร์ สุดท้ายก็ถึงวังเวียง คุณลุงคนขับน่ารัก มาส่งถึงหน้าที่พักเลย
เสร็จสิ้นการเดินทางอันยาวนาน ตั้งแต่ กรุงเทพ จนถึงวังเวียง ทั้ง 16 ชม. คุณพระ!!! นั่งมาได้ไง มาถึงที่พัก ก็จัดแจงเช็คอิน จองไว้เรียบร้อย ก็เอาหน้าappที่จองให้พี่เค้าดู สรุปว่าจ่ายเงินค่าห้องพักไป 3,072 บาท (96 US | 32 บาท = 1 US ) ถูกกว่าใน app จร้า .... ก็จ่ายเป็นเงินไทยกันไป
**ราคาต่อห้อง/คืน = 512 บาท ราคาปกติจะอยู่ที่ประมาณ 700-800 บาทไทย**
เข้าไปให้ห้องกันเลย ห้องสะอาด กว้าง แอร์เย็น ห้องน้ำโอเค (มีบางช่วงน้ำไม่ไหล แต่พอแจ้งปุ๊บรีบจัดการปั๊บให้อภัยได้)
โดดเข้าห้องพัก สละร่างอาบน้ำ พักกันแปร๊พพุ่งหลาวลงมา แลกเงิน ซื้อตั๋วรถกลับ หาของกินหน้าที่พัก
แลกเงิน 3000 บาท = 735,000 กีบ คือบัฟ ความคิดแรก เอาเงินไปดาวน์รถได้ปะ
ต่อมา หาของกินสิครัช จะอะไรซธอีก ก้อต้องเฝอดิ มาถึงลาวก็ต้องยลสักหน่อย ค่าเสียหายมื้อนี้ ชามละ 10,000 กีบ จัดผักไปเลยเยอะ ไม่พอ ขอป้าได้
อิ่มท้อง สบายกาย หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ก็ดีดตัวไปนอนพัก เพราะเดินทางมาหนักหน่วงมาก เตรียมของให้พร้อมลุย ด้านบนคือหน้าตาของตั๋วที่จะเดินทางกลับ วังเวียง - กรุงเทพ
ทอดแรกคือนั่ง BUS VIP วังเวียง - เวียงจันทร์
ทอดที่สอง จากด่านหนองคาย VIP Bus นอน เข้ากรุงเทพ
ทั้งหมดทั้งสิ้น 1,100 บาท (เราไม่รู้เลยว่าสภาพการเดินทางจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆกลับบ้านได้ จอ บอ)
แว่นกันแดด สำคัญอย่างยิ่งเพราะกลางวันแดดแรง และอุปกรณ์เพื่อความทรงจำที่ดีงาม
SJCAM 4000 Wifi + FUJI XP รุ่นนี้กันน้ำ หายห่วงเรื่องกิจกรรมทางน้ำทุกประการ
**พอแสงน้อยภาพอาจจะไม่ชัดเท่าที่ควร ตามสภาพกล้องนะจร้า แต่กลางวันคือโอเคพอๆกะกล้อง GoPro**
ตื่นปุ๊บ หิวปั๊บ ลงมาก้อเริ่มมืด ไม่รอช้าก็หามื้อเย็น ผู้ร่วมทริปว้อนมาก อยากโดนตำลาว เดินหากันไป
ร้านไหนน่ากินก้อส่องๆ สุดท้ายก็เลี้ยวที่ร้านนี้ เดินเลยวัดไปนิดนุง
ส้มตำพอไหว แต่ยังไม่โดนใจ ส่วนของปิ้งย่างนี่โอเคเลย
กินคาวแล้วต้องตบหวาน!!! จัดไป โรตีกล้วยชีส และโรตีกล้วยช็อคโกแลต
กว่าป้าจะทำเสร็จแต่ละกัน ไม่ทันถ่ายก้อลงท้องหมดละอย่างรวดเร็ว - -* แล้วก้อเดินเซอเวย์ไปเรื่อยๆ ซากุระบาร์นี่ขอผ่านก่อน อยู่ใกล้ที่พักแค่เอิ้อม ทริปนี้เราซื้อซิมลาวมาด้วย ค่าซิมอะ 40 บาท นะ แต่ต้องเติมเงินอีกประมาณ 5-6หมื่นกีบเพื่อซื้อโปรเน็ต รวมเบ็ดเสร็จ 240 บาท ซิมก็ให้พี่คนขายจัดการเปิดให้เบ็ดเสร็จ พร้อมโปรเน็ต 5GB (พูดเลยว่าจบทริปเน็ตยังเหลือบาน)
ก่อนเข้าที่พัก ได้เลือกซื้อ One Day Trip กับ happy tour ค่าเสียหายทั้งสิ้น คนละ 90,000 กีบ = 300 กว่าบาท เริ่มออกเดินทาง 9 โมง
กว่าจะกิน กว่าจะเดินเล่น กว่าจะคลานกลับที่พัก พูดเลยว่าเพลียร่างมาก ต้องรีบนอนเอาแรง เพราะรุ่งขึ้นต้องไปทริป
เด๋วมาต่อ ..... ความฟินจุดฟีคกำลังกระดึบเข้ามา
ต่ออออ ...... ตื่นเช้ามาก้อสะบัดร่างอย่างเร็ว ลงไปหาอะไรกิน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
ตอนลงมาช่วงเวลาฟีคเลยคนเยอะมาก เจอร้านไหนว่าง น่ากินจนรีบเสียบ
เช้านี้ จัดไปโจ๊ก ปาท่องโก้ ค่าเสียหาย 15,000 กีบ
กินเสร็จสมอารมณ์หมายก็มาก็ขึ้นรถ เพื่อที่จะไปร่อน One Day Trip ที่ซื้อทัวร์ไว้
มาเป็นกรุ๊ปแรก หรือเพราะที่พัก+ร้านของกินอยู่ตรงหน้าทีขึ้นรถเลยก็ไม่รู้ รู้แต่พร้อมมาก
จุดหมายแรกที่จะไปคือ ถ้ำจัง ถ้ำช้าง ใช้เวลาเดินทางพอสมควร ประมาณ 20 นาทีได้ ระยะทาง 15 km ระหว่างทางพูดเลยว่าวิวงาม แต่อย่างมองพื้น
เอาละ ถึงที่หมาย โดดลงจากรถแล้วเดินเท้ากันต่อ
เดินข้ามแม่น้ำมาพักนึงก็จะเจอถ้ำช้าง แต่เราต้องเดินผ่านไปก่อนตามกรุ๊ปทัวร์เพื่อไปถ้ำจังนะฮ๊าฟ
เดินไปเรื่อยๆ ข้ามมหาทุ่งนา ร้อนฟุดๆ
ถามพี่ไกด์ อีกไกลมัย ไม่ไกลก้อ จักนิดเดียว (ใช่หรออออ)
ถึงแล้วฮะ
มาถึงแต่ละทัวร์ก็จะมีที่นั่งพักของใครก้อมัน วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะ ต้องรอคิว พี่ไกด์ก้อเสริมของกินให้ก่อนเลยระหว่างรอ
นั่งรออยู่สักพักใหญ่ ถึงคิวละ แจกชูชีพ แจกไฟ รอคิวห่วงยางล่องเข้าถ้ำ
ระหว่างที่รอคิวเข้าถ้ำ คนได้ห่วงแล้วก้อสนุกสนานกันไป บอกเลยน้ำเย็นขนาด ชอบมาก
ปะๆ เข้าถ้ำกันเถอะ (ถ่ายได้แค่ปากถ้ำ ข้างในมื๊ดมืด กล้องไม่เอื้ออำนวย อยากรู้เป็นยังไง ต้องไปสัมผัสเองนะฮะ)
สาวเชือกกันมันส์ คือข้างในมันแอดแว๊นเจอร์มว๊ากกกกก น้ำก็เย็น หินก็ต้องระวัง กลัวตามไม่ทัน เด๋วหลุดออกนอกแถว สุดท้ายก้อวนกลับออกมานอกถ้ำ โดนคว่ำออกจากห่วง แช่น้ำไปตามระเบียบ
พี่ไกด์ก็ไล่จร้า มาทางไหน กลับทางนั้น จะแวะถ้ำช้างก็ได้ตามสะดวก แต่ตอนที่ผ่าน คนอย่างเยอะ เลยไม่ได้เลี้ยวเข้าไป ได้แค่มองปากทางกระซิกๆ แต่ก้อแอบแชะรูปวิวระหว่างทางแทน วิวสองข้างทางนับว่าฟิน ไม่นับแดดที่เล่นกันเกรียม
ก่อนโดนต้อนขึ้นรถ ไปต่ออีกที่เพื่อพายเรือคายัค ค ค
นั่งรถย้อนทางเดิมกลับมาไม่นาน ก็ถึงแล้ว จุดปล่อยเรือของเรา หุหุ
แนะนำว่าใครพายไม่เป็น ไล่จับพี่ไกด์ก่อนเลย 5555+ คนนั่งกลางนี่สบาย นั่งชมวิว
ลำนึงนั่งทั้งหมด 3 ชีวิต ไม่รู้จะบอกพี่อีกคนว่าพี่โชคดีหรือโชคร้ายที่มากะลำนี้ดี 5555+
ได้เวลาออกตัวละนะ Go Go Go!!!
ระหว่างทาง วิวสวยงามมากมาย แม้อากาศจะร้อนแสบผิว แต่ก้อยังมีลมเย็นๆจากหุบเขาพัดมาโชยๆ
พายไปก็มีแวะพักกันเป็นระยะ รอพี่ๆลำอื่น
มิตรภาพระหว่างทางเกิดขึ้นได้เสมอ
ปัญหาบังเกิด เมื่อพี่ไกด์เบรกทั้งกรุ๊ปให้รอดูความปลอดภัยข้างหน้า รอไร ถ่ายรูปสิฮะ
ช่วงที่ไป มีจัดงานแข่งบั้งไฟพอดี พี่ไกด์กลัวบั่งไฟระเบิดแล้วมันจะพุ่งมาทางน้ำ
พอถึงช่วงนั้น ฮึดเบยครัช พี่ไกด์บอก จ่วงเร็ว ไปเร็วๆ พายกันไม่คิดชีวิตสิ จะเหลือรึ
พ้นบั้งไฟกันไป พายกันมาอีกกี่โลไม่รุ ก็ถึงตัวเมืองวังเวียง จุดสุดท้าย
ระหว่างรอรถมารับกลับที่พัก
ถึงน้ำจะไม่เย็นมาก แต่ก้อชุ่มฉ่ำ ก้อนั่งแช่น้ำคลายร้อนกันปาย
จบ One Day Trip ของวันนี้ หน้าตาลันล้ามาก แต่สภาพร่างพูดได้ว่ายับ
ยังๆๆๆ ยังไม่จบ ยังไม่เวลาเที่ยวอีก 2 วันนะ พังไม่ได้!!!!
รถมาส่งที่พัก อาบน้ำ สลัดคราบกันเรียบร้อยก็มาเดินเล่นกันริมน้ำซอง
แสงเย็นวันนั้น แม้อาทิตย์จะลับไปแล้ว ยังเหลือแสงอมส้มให้ได้ถ่าย งามมากจริง
เดินข้ามแม่น้ำซอง เดินเล่นมาเรื่อยๆ เจอคับ เจอทุ่งกว้างๆ วิวงามๆ พระอาทิตย์กำลังจะลาลับ
ต้นเหตุของทริปนี้ที่มิวังเวง หุหุ
เดินเล่นกันจนมืด จนเหนื่อย ท้องก็หิวสิครัช พูดเลยว่าวันนี้เสียพลังงานไปเยอะมากมาย
เดินส่องหาร้านตำบักหุงแซ่บๆ ตามที่เจ้าของที่พักแนะนำ (หลังจากวันแรกหาไม่เจอ)
ในที่สุด!!!! เจอแล้วครัช ชิมแล้วว่าเด็ด จึงเดินมาถ่ายหน้าร้านเก็บไว้ อยู่ใกล้ๆซากุระบาร์เลย อย่างที่พี่เค้าแนะนำ "ร้านไหนมีปิ้งๆ ตำจะไม่อร่อย ... ร้านไหนไม่มีปิ้ง ตำนี่อย่างแซ่บ"
ใครอยากได้อะไรปิ้ง ให้เดินไปซื้อร้านอื่นมานั่งกินได้ (จากร้านนี้เดินค่อนข้างไกล) ร้านไก่ย่าง คอหมูย่างมีให้ซื้อเยอะแยะมากจริง แต่ที่ลองกินแล้วโอ ก็เป็นร้านที่อยู่ใกล้ๆกะบุฟเฟ่เกาหลี อิ่มหน่ำสำราญกันไป เดินกลับที่พักพร้อมหนังตาหย่อนๆ หัวถึงหมอนพร้อมหลับ จบไปอีกหนึ่งวัน
เช้าที่ 3 ณ วังเวียง วันนี้คือวัน FreeDay เที่ยวเอง หลงทางก็ถามเอา
จริงๆต้องเรียกทริปวันนี้ว่า "ทริปเปลี่ยนอายุ" ประการแรก ตื่นสายเพราะร่างพังจากแดดเมื่อวานกันทู๊กคน กว่าจะกระดึบลงมาหาไรกินก้อเกือบเที่ยง เดินมาหม่ำเฝอแบบเส้นจันทร์ กลมๆ ไม่รู้เรียกถูกป่าว แต่หนึบๆอร่อยดี(ไม่ได้ถ่ายไว้ กระซวกด้วยความหิว) จากนั้นก็เดินตามหาร้านเช่ามอไซต์ เป็นช่วงวันหยุดยาวที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเยอะมาก หลายๆร้านเช่าจริงไม่มีมอไซต์เหลือให้เช่า เหลือแต่จักรยานนนน กว่าจะได้มอไซต์กัน ก็เดินไปถึงแถบร้าน U-Mark , M-Mark เลยทีเดียว ฝั่งตรงข้ามร้านจะมีให้เช่าห่วงยางพร้อมรถรับส่ง (3-4คนขึ้นไป ส่งฟรี) ตามจุดต่างๆเพื่อล่องแม่น้ำซอง
ราคาเช่ามอไซต์แบบเกียร์ธรรมดา อยู่ที่ 50,000 กีบ
ส่วนเกียร์ออโต้ 80,000 กีบ
**ราคานี้สำหรับเช่าแบบ ครึ่งวัน หรือใครมาแต่เช้าเช่าก้อเหมือนกันคืนได้เลทสุดคือ 2 ทุ่ม**
พูดเลยว่าสภาพทุกคัน เยิ๊นมากกกกกก ณ ตอนนั้น แต่จำใจ
เหลามาเยอะจนแหลมจะแทงได้ละ ไม่ถ่ายมาสักแอะ กำลังเศร้าเรื่องสภาพรถอยู่ แต่เรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือสภาพทาง
ไม่แปลกใจเลยที่สภาพรถทุกคันที่ให้เช่าจะยับเยินขนานนี้ เอาเป็นว่า ใครจะไปให้ไปแต่เช้า ดูสภาพคันที่ดีที่สุด ลองขับก่อนแว๊นมาเติมน้ำมันจะได้เปลี่ยนได้เลย ที่แรกที่จะไปคือถ้ำจัง แว๊นมาตามแผนที่ที่ร้านให้มา (ซึ่งไม่มีความละเอียดแม้แต่น้อย เดามั่วหมด) ก่อนจะเข้าถ้ำจัง ก็ต้องเสียค่าผ่านวังเวียง รีสอร์ท คนละ 2000 กีบ แล้วเดินข้ามสะพานส้มในตำนาน #ผิด
เดินตามทางไปเรื่อยๆชมวิว ตามทาง
ก่อนถึงทางขึ้น ก็มีเสียค่าเข้าอีกคนละ 15,000 กีบ ผ่านประตูเข้ามาก็อย่างที่เห็น!!! "บันได"
เอ้าเริ่มเดิน เห็นเส้นทางนั้นมัย พี่สู้!!!!
กระดึบๆๆๆ ขึ้นมาจนสุดทาง ก็จะพบ
และ พบ
คือมันสวยมาก มองเห็นทั้งเมืองวังเวียงเลย เหมาะแกการสวีท
หน้าถ้ำคือเย็นมาก ยั่งกะเปิดแอร์ พูดเลยธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีปรุงแต่ง ในถ้ำมีไฟให้ตลอดทาง ชมความสวยงามที่หินย้อย ที่ธรรมชาติสร้างสรร แต่ด้วยสภาพกล้องไม่ค่อยอำนวยในที่มืด แนะให้ ไปสัมผัสด้วยตัวเอง แหะๆ
ออกมาจากถ้ำ กะจะแวะเล่นน้ำตกที่อยู่ปากทางขึ้นซะหน่อย ดันมีเข้าค่ายจร้า อดไปตามระเบียบ แต่ก้อเลี้ยวไปไหว้พระแทน
เป้าหมายต่อไป บลูลากูน น น น น . . . . แว๊นกันต่อด้วยทางวิบาก บอกแล้วให้มองวิว อย่ามองพื้น
มอไซต์ที่เช่ามาโช้คไม่ดี เราก้อเลยโชคไม่ดี นั่งเด้งสามช่า รุมบ้า ชาวร็อคมากมาย ดึ๋งดั๋ง
พูดเลยว่า วิวรอบข้าง สวยมากก
ขับมาประมาณ 7-9 km (ถ้าพื้นเรียบๆ แปร๊พเดียวก็ถึง แต่นี่ เกินครึ่งชั่วโมง!!!) ถึงแล้วฮะ
วันที่ไปคือคนเยอะมากมายมหาศาลลลลลล โดนกันตูมมมมม ตามมมมมมม
แล้วรอไรอะ ไปเช่าชูชีพ 2ชม. 10,000 กีบ หลังจากที่เดินทางมาอย่างเมามันส์ โยกซะ ร้อนด้วย
โดดดิ โดดลงไปลอยคอในน้ำสบายๆเชิบๆ
ลอยๆตุ๊บป่อง ก้อต้องระวังคนจะโดดใส่เอานะฮะ
ลองฮีไม่ค่อยพรีเซนต์เท่าไร เห็นกล่องปุ๊บ โพสจร้าาาา
เรียกได้ว่าแช่น้ำ 2 ชม.เต็มๆ หนาวก้อหนาว แต่ขึ้นก้อร้อนเกิ๊น
พูดเลยว่าระหว่างลอยคออยู่นั้น โดดกันไม่หยุด คนต่อแถวเยอะมาก เสียงเชียร์เยอะมาก มันสนุกตงนี้ละ
ฝรั่งแต่ละคน นอกจากหุ่นน่าหม่ำแล้ว ยังโดดท่าสวยอีกตะหาก (ไร้ภาพปลากรอบ ต้องไปหาส่องที่ปลายทางเองนะจร้า)
ขึ้นจากน้ำ ก็หิว เดินไปสุดทางด้านในมีร้านขายของอยู่ เค้าว่าไก่ทอดเด็ด มีส้มตำด้วย (ไม่ได้ถ่ายมาอีกละ โถววววว) เดินไป เหลือจานสุดท้าย แย่งชิงกะสาวเกาหลีมาจนได้ เหอๆ ค่าเสียหายจานนี้ 20,000กับ ได้มา 5 น่อง ส้มตำลาว แซ่บใช้ได้ จานละ 15,000 กีบ ข้าวเหนียม กล่องใหญ่มากกกก กิน 4 คนจุก 10,000 กีบ อิ่มละก้อกลับสิครัช รอได้ เด๋วไข้กิน มหากาพย์ทางวิบากอีกเช่นเคย
เตือนไว้อย่าง คนลาวที่ขับรถบางคันเห็นนักท่องเที่ยวขี่มอไซตืก็ชอบนึกสนุกขับเร็วๆให้ฝุ่นตลบ (โดนมาแล้ว) ถ้ามีใครขับมอไซต์แข็งๆสักคน ให้ขับกึ่งๆกลางไว้ จะช่วยชะลอได้ส่วนนึง แต่ต้องทำใจ แล้วมั่นว่าโช้คแข็งแรง เพราะมันดึ๋งดั๋งมากมาย ตกเย็นวันนี้หมดแรงฮะ บอกแล้วทริปนี้เปลี่ยนอายุ สังเกตุสีผมได้ (อาจจะไม่ชัดเท่าไร)
ยามเย็น ณ วังเวียง สวยงามเช่นเคย
ริมน้ำยังคงคึกคักเช่นเดิม
ไปสิงร้านส้มตำเจ้าเด็ดร้านเดิม หมดไปอีกหนึงวัน วันสุดท้ายของการเที่ยว บอกเลยเที่ยวครั้งนี้ ฟินด้วยบรรยากาศจริงๆ จบทริปทุกประการ อีกวันกลับกรุงเทพแล้ว คิดฮอดบ้านหลายๆ บ่ายโมงตรง ไปรถขึ้นรถ บร๊ายยยยยยย
ยังงงงง!!! ยังมีมหากาพย์การเดินทางส่งท้ายด้วย
ส่งท้ายกันด้วย การเดินทางกลับ ใครจะคิด ว่า VIP ของที่นั้นจะเป็นเยี่ยงนี้ (ถึงขั้นไม่มีใครถ่ายรูปเก็บไว้เลย แค่ในความทรงจำก็หลอนละครัช) เริ่มต้นด้วย เช้าสุดท้าย ก็หม่ำส่งท้ายที่ร้ายหลวงพระบาง เบเกอรี่ (เชื่อว่าทุกคนเคยเห็นทุกกระทู้ที่รีวิววังเวียง) ไม่มีผู้ใดแชะรูปอีกตามเคย ของกินวางปุ๊บแร้งลงทันที แล้วก็มารอรถครัช ตอนรถมาจอดนี่ เข้าขั้นตกใจมาก นึกว่านี่คือ VIP BUS แต่ไม่ใช่นะจร้า อันนี้แค่มาส่งที่สถานีขนส่งด้านนอก รถมารับ 13.00 กว่าจะออกมาส่งก้อ 13.30เข้าไปละ
นั่งรถรอรถ VIP Bus กันต่อปายยยย สภาพแต่ละคน ก็ตามที่เห็น
รอไปประมาณ ครึ่งชั่วโมงได้ พี่สถานีก็บอก อีก 15 นาทีรถมานะ ก้อออกมายืนรอขึ้นรถกันจร้า
แต่หารู้ไม่ กว่ารถจะมาจริงๆ เกือบ 45 นาที เบ็ดเสร็จกว่าจะได้ขึ้นรถกลับเข้าเวียงจันทร์นั้น 14.45 เห็นจะได้ สภาพรถ ไม่ได้แชะไว้ มโนภาพตามนะคะ อารมณ์รถติ๊ดชึ่ง แต่เบาะนิ่มและมีแอร์ ที่มีแต่ลม แล้วคุณดูนะคะ ต้องนั่งแบบนั้น ตั้งแต่เวลาที่รถออก จนถึงเวียงจันทร์ ตอน 19.00 แล้วต่อรถจากเวียงจันทร์ ไปด่านหนองคายอีก 20km ด้วยรถตุ๊กๆ 4 ล้อของลาว กว่าจะถึงด่าน 19.30 ได้ สภาพตามที่เห็น ยังเดินได้นับว่าโอเค จขกท.ไม่ซีหนังหน้า ธรรมชาติล้วนๆ
ผ่านด่านลาว ซื้อบัตรผ่านแดน คนละ 45 บาทเหมือนตอนขามา พี่ที่มาส่ง ส่งตั๋วให้ขึ้นรถข้ามสะพาน 15 บาทให้ ข้ามมาฝั่งไทย จัดการเอกสารเรียบร้อย มีพี่จากรถทัวร์ ชาญทัวร์ของไทยมารอรับ
ข้ามมาถึงไทย
พี่รถทัวร์ : ตามมาๆ รถออก3ทุ่มครึ่งนะไม่มีแวะ
every body : หาาาาา!!!
.
.
.
.
.
เดินๆๆมาที่จะขึ้นรถ เจอ 7-11
every body : เฮ้!!!!!
คือทุกคนไม่ได้กินไรมาค่อนวัน ร้อนและเหนื่อยมากกกกก (นั่งมาด้วยกันหมดตั้งแต่วังเวียง)
เข้า 7-11 ตามสะดวก แต่ละคนจัดหนักจัดเต็ม ทั้งข้าวกล่อง น้ำ นม ขนม ตุนเสบียง
ถึงเวลา 21.30 รถมาแล้ววววว โดดขึ้นรถปุ๊บ น้ำตาแทบไหล
เบาะกว้าง มีที่นวด จอดูหนังเล่นเกม ฟังเพลง ปลั๊กให้เสียบ แอร์เย็นๆ คือดีใจมากกกกกกกก
ยืมรูปเพื่อนมา เพราะจขกท.ขึ้นรถปุ๊บ ใส่หู เปิดที่นวด และดูหนังอย่างเพลิดเพลิน
นั่งยาวเพลินๆกันปาย จนถึงกรุงเทพ ตอนประมาณ 7.00
ขอขอบพระคุณชาญทัวร์ที่พาร่างน้อยๆแสนจะพังพินาศของเรากลับถึงบ้าน เอาละ
สิริรวมเวลาการเดินทางกลับทั้งสิ้น 18 ชม. เจ้าขาาาาาาา
จอ บอ ของ จริง กับ ทริป วังเวียง มิวังเวง
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามชมนะครัชชชชช ^^
......................................................................
MooBurinGoAround
วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 11.17 น.