หลายๆคนคิดว่า การปั่นจักรยานในเมือง เป็นเรื่องน่ากลัว เนื่องจาก มีรถมากมาย อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ แต่ไม่ใช่ที่หลวงพระบาง ไม่ควรพลาดการปั่นจักรยาน ชมเมืองที่นี่ นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายแล้วเรายังสามารถ สัมผัส ชีวิตของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องอุบัติเหตุนั้น เป็นสิ่งที่ควรระวังไม่ว่าสถานที่นั้น จะมีรถมากมาย หรือไม่ก็ตาม ที่หลวงพระบางถือว่ามีการจราจรที่ดีมาก เพราะมีไฟจราจรแค่ที่เดียว



สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการลิ้มรสกาแฟที่ลาว ที่นี่ถือว่าขึ้นชื่อเรื่องกาแฟคุณภาพพรีเมี่ยม และได้ส่งออกนอกประเทศไปมากมายที่ Cafe de Laos นอกจากกาแฟที่รสชาติพรีเมี่ยมแล้ว ยังมีบรรยากาศที่ดี มีความวินเทจ สไตล์ลาวแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังเดินทางสะดวก อยู่ใจกลางเมือง ที่นี่นอกจากจะมีกาแฟที่อร่อยแล้ว ที่นี่ยังเป็นโรงแรมอีกด้วย ราคาดีมาก เหมาะสำหรับคนที่มีบัดเจทจำกัด แต่อยากอยู่ใจกลางเมือง สำหรับคนที่ชอบบรรยากาศ slow life ไม่ควรพลาดที่นี่ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถไปดูได้ที่เวปไซต์ http://www.cafedelaos-burasari.com/





การตักบาตรข้าวเหนียวในหลวงพระบาง คือกิจกรรมที่กรุ๊ปทัวร์ หรือโรงแรมชอบจัดให้นักท่องเที่ยวได้มาตักบาตรข้าวเหนียวกันการตักบาตรข้าวเหนียว เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านาน และเป็นเอกลักษณ์ของลาว โดยคนที่นี่จะตื่นกันมาตั้งแต่เช้า เพื่อรอใส่บาตร ช่วงเวลาที่คนเริ่มออกมานั่งรอคือประมาณ ตี 5 ครึ่ง และจะใส่บาตรกันเสร็จไม่เกิน 7 โมงเช้า คนที่หลวงพระบางจะแต่งตัวเรียบร้อยมากๆ พวกเขาจะ คล้องผ้า เกล้าผม นุ่งผ้าถุง เพื่อเป็นการให้เกียรติ ประเพณีของตนเอง สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากใส่บาตรควรแต่งกายให้เรียบร้อย



หลายๆคนหลงใหลในหลวงพระบางเพราะ ความ slow life และการไว้ซึ้งเอกลักษณ์ของที่นี่ สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่หลวงพระบางคือ การดื่มด่ำกับบรรยากาศริมแม่น้ำ นั่งดูความ slow life ของคนที่นี่ The Terrace ถือว่าตอบโจทย์ในความ slow life โดยที่นี่ มีทั้งอาหารลาว และอาหารไทย นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่ม ดับกระหาย หลังจากชมเมืองหลวงพระบาง อาทิเช่น เบียร์ลาว และไวน์ในเรื่องของ การเดินทางนั้นค่อนข้างสะดวกเพราะอยู่ในตัวเมือง ที่นี่เปิดให้บริการทุกวัน โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.burasariheritage.com



การทอผ้านั้นถือว่าเป็นประเพณีอย่างหนึงของลาว โดยจะเห็นว่า คนที่นี่ยังคงอนุรักษ์การใส่ผ้าถุง ที่ทออย่างงดงาม คงความเป็นเอกลักษณ์ของลาว สามารถไปชมการทอผ้าได้ที่ 'OCK POP TOK' ที่นี่มีชื่อเสียงเรืองการทอผ้า และมีสินค้าจำหน่ายเพื่อเป็นที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีการเปิดสอนทอผ้า ตั้งแต่การย้อมสี ไปจนถึงการทอ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://ockpoptok.com/



อาหารที่ลาวนั้นค่อนข้างขึ้นชื่อในไทย โดยหลายๆคนคิดว่า อาหารอีสานนั้นก็คืออาหารลาว ซึ้งจริงๆแล้ว อาหารอีสานบางอย่างนั้นบางอย่างนั้นไม่ใช่อาหารลาว แต่จะมีบางอย่างที่ไทยรู้จักเป็นอย่างดีเช่น เช่น ลาบ และส้มตำ นั้นมาจากลาว สิ่งที่ควรทำเมื่อไปหลวงพระบางนั้นคือ การเรียนทำอาหารพื้นเมือง ที่ Burasari Heritage มีการเปิดสอนทำอาหารพื้นเมืองให้้กับนักท่องเที่ยว โดยไม่ได้แค่สอนทำอาหาร แต่ยังมีการพาไปสัมผัสการจ่ายตลาดของคนท้องถื่นอีกด้วย ถือว่าคุ้มค่ากับประสบการณ์ที่จะได้รับ โดยราคาจะอยู่ที่ $35.00 แต่ถ้าพักกับทางโรงแรม จะไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนทำอาหาร โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.burasariheritage.com



หลายๆคนรู้จักหลวงพระบางในเรื่องของ ความ slow life ดังนั้นสปาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความผ่อนคลาย ที่ Burasari Heritage มีชื่อเสียงเรื่องสปา โดยได้รับรางวัลและเป็นสปาอันดับ1 ของหลวงพระบางสปาของที่นี่มีความ เป็นเอกลักษณ์ และใส่ใจลูกค้า โดยมีการเทรนทุกวัน สปาที่นี่จะมีความแตกต่างจากที่อื่นคือ การผสมผสานศาสตร์แต่ประเทศเข้าด้วยกัน ออกมาเป็น Burasari Spa สครับจากสปานั้นเป็นสินค้าของที่นี่ เป็นสครับธรรมชาติ หากใครมีผิวแพ้ง่าย ก็ไม่ต้องกังวล โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.burasariheritage.com/spa-burasari




ยอดเขาพูสีนั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของหลวงพระบาง ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงหลวงพระบาง โดยยอดเขานี้สูง 100 เมตร (329 ก้าวโดยประมาณ) จะมองเห็นวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศา คุ้มค่ากับการเดินขึ้น โดยสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ การชมพระอาทิิตย์ตกดิน บนยอดเขา




ตลาดกลางคืนหรือ night market ของที่นี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด โดยที่นี่จะเป็นคนเดิน มีสินค้ามากมายมาวางจำหน่าย อาทิ เช่น พวกผ้าทอ เครื่องเงิน ของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ และอาหารพื้นเมือง โดยของที่นี่จะราคาไม่แพงมาก แต่บางอย่างถ้าเกินราคาก็สามารถต่อรองได้ ต้องระวังการเลือกซื้อเนื่องจากสินค้าบางอย่างไม่ได้เป็น Handmade แต่มาจากจีน



พิพิธภัณฑ์หลวงพระบางแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2447 สมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ สืบทอดต่อมาถึงสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ภายนอกลักษณะเป็นอาคารฝรั่ง แต่หลังคาเป็นแบบลาว ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ อยู่ริมแม่น้ำโขง หันหน้าเข้าสู่พระธาตุพูสี โดยข้างในจะไม่สามารถถ่ายภาพได้ และไม่สามารถใส่รองเท้าเข้าไปได้ และควรแต่งกายให้เรียบร้อย เพราะถ้าไม่เรียบร้อยก็จะต้องเสียเงินค่าผ้าคลุมราคา 50000 กีบ


Chorkeaw Phraesuwan

 วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.16 น.

ความคิดเห็น