วันเดียวเที่ยวกรุงเทพ : ชุมชนกุฎีจีน

ช่วงนี้กระแสการท่องเที่ยวตามรอยละครกำลังมาแรง อย่างกระแสของละครบุพเพสันนิวาสที่ทำให้คนหลั่งไหลไปเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ลพบุรี กันอย่างคับคั่ง สำหรับทริปนี้เราได้แรงบัลดาลใจจากการดูละครแนวสืบสวนสอบสวน เรื่อง "กาหลมหรทึก" ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกัน โดยผู้เขียนได้นำโคลงกลแบบโบราณ มาสร้างปริศนาเป็นโคลงรูปห้าเหลี่ยมและได้เลือกจุดเกิดเหตุตามปลายแฉกของรูปห้าเหลี่ยมจากสถานที่จริงในเขตธนบุรี และเขตพระนคร ทำให้ละครมีเนื้อเรื่องสนุก ตื่นเต้น และลุ้นระทึก และหนึ่งในฉากสำคัญของเรื่อง นั่นก็คือ "ชุมชนกุฎีจีน" พื้นที่อาศัยของชุมชนคนไทยเชื้อสายโปรตุเกสที่อพยพมาจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อคราวการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310

หลังจากหาข้อมูลของชุมชน เราเลยเลือกการเดินทางทางเรือดีกว่าอดิว่ามันชิลดี โดยเราเริ่มออกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส จากสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปลงที่สถานีสะพานตากสิน เพื่อไปขึ้นเรือที่ท่าสาทร ค่ารถไฟฟ้า 42 บาท


เริ่มต้นทริปกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ซื้อตั๋วเรียบร้อยออกเดินทางกันเลย

ใช้เวลาเดินทางไม่นานเราก็ถึงสถานีสะพานตากสิน จากนั้นเราก็เดินมุ่งหน้าเพื่อไปยังท่าสาทรเพื่อไปขึ้นเรือด่วนเจ้าพระยา

เราซื้อตั๋วเรือธงส้ม ราคาคนละ 15 บาท ราคาเดียวยิงยาวไปจนถึงท่าน้ำนนทบุรีเลย

เรือมาแล้วออกเดินทางกันต่อเพื่อไปต่อเรือข้ามฝากที่ท่าอัษฎางค์ สามารถลงได้ 2 ท่า ทั้งท่าราชินีและท่าสะพานพุทธ



ระหว่างทางก็ชมวิวสวยๆของตึกสูง บ้านเรือน ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

เราลงที่ท่าสะพานพุทธ ซึ่งต้องเดินผ่านปากคลองไปยังท่าเรืออัษฎางค์เพื่อขึ้นเรือข้ามฝากอีกรอบ

โครงการยอดพิมาน ริเวอร์วอร์คเป็นตลาดริมน้ำ มีสินค้าให้เดินเลือกซื้อกันด้วย

กระเบื้องสวยดีเลยแวะถ่านไว้ซะหน่อย

เราเดินไปตามทางเดินเลียบแม่น้ำของโครงการยอดพิมาน ริเวอร์วอร์ค มาทางนี้แอบใช้เวลาสักหน่อยเพราะมีมุมถ่ายรูปสวยๆให้เก็บภาพเยอะเลย


โบสถ์ซางตาครู้สที่เรากำลังจะไปอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการยอดพิมาน ริเวอร์วอร์คเลย



จ่ายค่าเรือ 5 บาทแล้วเดินลงไปขึ้นเรือข้ามฝากไปยังท่าวัดกัลยาณมิตร



นั่งเรือข้ามฝากชมวิวเพลินๆแป๊บเดียวเราก็ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาถึงฝั่งวัดกัลยาณมิตรพอขึ้นฝั่งแล้วเราก็เดินเลาะไปทางซ้ายไปไปยังชุมชนกุฎีจีนก็จะเจอกัยศาลเจ้าจุดหมายแรกของเรา

ศาลเจ้าเกียนอันเกง

ศาลเจ้าเกียนอันเกง หรือที่เรียกว่า ศาลเจ้าแม่กวนอิม เป็นศาลเจ้าจีนฮกเกี้ยนของชุมชนกุฎีจีน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถือเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในฝั่งธนบุรี มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปี และที่นี่เป็นอีกฉากสำคัญในเรื่องกาหลมหรทึก

ศาลเจ้าเกียนอันเกง

บ้านโบราณที่ยังคงมีผู้อาศัยอยู่ตั้งอยู่ทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลย จากนั้นเดินมาอีกไม่ไกลก็จะเจอกับทางเข้าวัดซางตาครู้ส

โบสถ์ซางตาครู๊ส

วัดซางตาครู้ส หรือวัดกุฎีจีน เป็นวัดที่พระเจ้าตากทรงพระราชทานที่ดินให้สร้างโบสถ์หลังแรกขึ้นด้วยไม้เพื่อให้ชุมชนชาวคริสต์ได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตั้งแต่ย้ายพระนครจากกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้สร้างโบสถ์หลังที่ 2 ขึ้นโดยมีลักษณะคล้ายศาลเจ้าจีนใช้ชื่อว่า โบสถ์ซางตาครู้ส แต่คนส่วนมากนิยมที่จะเรียกว่าวัดกุฎีจีน

ชมความสวยงามของโบสถ์ซางตาครู้สเสร็จก็แวะมาหาของกินกันสักหน่อยร้านอยุ๋ด้านหน้าทางเข้าวัดเลย

ร้านเฮโล นมสด

ไฮไลท์ของร้านนี้ คือ ขนมจีนแกงคั่วไก่หรือบางคนเรียกขนมจีนน้ำยาไก่ เป็นอาหารที่สืบทอดกันมาของชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกสปกติจะทำกันในงานมงคลอย่างงานแต่งงาน เป็นอาหารที่หาทานได้ยาก โดยใช้ขนมจีนราดด้วยน้ำแกงไก่ที่มีทั้งเนื้อ เลือด เครื่องในชิ้นเล็กๆ มีพริกเหลืองราดมาด้านบน ทานแล้วคล้ายๆแกงไก่ของไทยประมาณนั้น

นั่งมุมนี้มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยละ

น่าทานไหมครับ

เราสั่งชุดกระดีจีน มีขนมจีน+ซาโมซ่า+น้ำดื่ม ชุดละแค่ 69 บาทเท่านั้น

หลังจากทานขนมจีนเสร็จเรียบร้อยเราเดินไปตามหาขนมที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวชุมชนกุฎีจีน นั่นก็คือ ขนมฝรั่งกุฎีจีน นั่นเอง

เจอกำแพงที่ลาดลายกราฟิตี้ที่สวยงามให้ได้เก็บภาพกัน

ร้านธนูสิงห์

เรามาตามหาขนมขึ้นชื่อของชุมชน คงหนีไม่พ้น ขนมฝรั่งกุฎีจีน ขนมที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาดสำหรับใครที่มาเที่ยวที่นี่ โดยเราแวะไปกันที่ร้าน ธนูสิงห์ ร้านนี้สืบทอดกันมาจนถึงรุ่นที่ 5 ลักษณะเด่นของขนมคือ ใช้ไข่เป็ด แป้ง และน้ำตาล ตีเข้ากันให้ขึ้นฟู โดยไม่ใช้ผงฟูหรือยีสต์เลย เสร็จแล้วนำไปโรยหน้าด้วยลูกเกด ฟักเชื่อม และลูกพลับโรยหน้าด้วยน้ำตาล อบจนด้านนอกกรอบ ด้วยความอยากทานเราจึงสั่งกาแฟดริป และนั่งทานกันตรงนั้นเลย ทานใหม่ๆจะได้กินหอมๆของไข่ รสสัมผัสเมื่อทานแล้วจะคล้ายๆกับขนมไข่แต่เนื้อของขนมฝรั่งกุฎีจีนจะแน่นกว่า ทานคู่กับกาแฟแล้วอร่อยมาก

เปิด-ปิด : วันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 9.30 -18.00 น.
Facebook : Thanusingha ธนูสิงห์ ขนมฝรั่งกุฎีจีน

ทางร้านกำลังอบขนมฝรั่งกุฎีจีน

ขนมฝรั่งกุฎีจีนที่อบเสร็จ แบบสดๆใหม่ๆเลย

ทางร้านมีขนม 2 แบบนะครับ อันนี้เป็นแบบขนาดใหญ่ ราคาชิ้นละ 40 บาท

ขนาดเล็ก 3 ชิ้น ราคาห่อละ 45 บาท

ที่ร้่านธนูสิงห์มีโต๊ะให้นั่งทานขนมและมีบริการเครื่องดื่มด้วย เราเลยสั่งกาแฟโดยทางร้านจะใช้วิธีการชงกาแฟแบบดริปได้ความหอมอร่อยไปอีกแบบ

ขนมพร้อมกาแฟพร้อมมาชิมกันเลยดีกว่า

ขนมฝรั่งกุฎีจีนที่อบมาใหม่ๆจะได้กินหอมๆของไข่ รสสัมผัสเมื่อทานแล้วจะคล้ายๆกับขนมไข่แต่เนื้อของขนมฝรั่งกุฎีจีนจะแน่นกว่า ทานคู่กับกาแฟแล้วอร่อยมาก

ใครมาเที่ยวที่ชุมชนกุฎีจียห้ามพลาดเด็ดขาด จาดนั้นเราเดินออกจากร้านเลี้ยวขวาเพื่อมาที่พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีนกันต่อ

พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน

เป็นสถานที่เรียนรู้ที่รวบรวมวัฒนธรรม ภาษา ศาสนา รากเหง้าของชาวชุมชนกุฎีจีนที่สืบเชื่อสายโปรตุเกส ตั้งแต่สมัยอยุธยา จนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์มีทั้งหมด 3 ชั้น และดาดฟ้าชั้นบนเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นชุมชนโดยรอบสวยงามมากๆ พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรี ถ้าใครที่อยากช่วยสนับสนุนก็สามารถซื้อของที่ระลึกหรือทานอาหารเครื่องดื่ม ขอบอกเลยว่าสถานที่สวยงามนั่งดื่มเครื่องดื่มแล้วชิลมากๆ

พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน
เปิดให้เข้าชมฟรี
Facebook : Baan Kudichin Museum

พิพิธภัณฑ์มีทั้งหมด 3 ชั้น โดยมีการจัดแสดงความเป็นมาของชาวโปรตุเกสที่เข้าในประเทศไทย และยังมีการแสดงข้าวของเครื่องใช้ ตลาดจนอาหาร และภาษาที่แสดงถึงวัฒนธรรมของชาวโปรตุเกสที่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่น่าสนใจมากๆ














ด้านบนสุดจะเป็ดดาดฟ้าที่สามารถมองเห็นชุมชนกุฎีจีนโดยรอบ ทั้งยังมองเห็นวิวแม่น้ำจ้าพระยาได้ด้วย


ขอบอกเลยว่าสถานที่ร่มรื่น สวยงามนั่งดื่มเครื่องดื่มแล้วชิลมาก





พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรี ถ้าใครที่อยากช่วยสนับสนุนก็สามารถซื้อของที่ระลึกหรือทานอาหารเครื่องดื่ม


หลังจากเดินเที่ยวชมชุมชนกุฎีจีน ชุมชนอันเงียบสงบที่ซ่อตัวอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ทั้งยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตนเองไม่ให้ถูกกลืนไปกับกาลเวลา

ก่อนกลับเราแวะไปที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

เป็นพระอารามหลวง อยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ฝั่งใต้ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ เมื่อครั้งเป็นพระยาราชสุภาวดี เจ้ากรมพระสุรสวดีกลาง มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ได้อุทิศบ้านเรือนและซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียง เพื่อสร้างวัดขึ้นเมื่อปีระกา พ.ศ. 2568 แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า “วัดกัลยาณมิตร” พระองค์ทรงสร้างพระวิหารและพระประธานเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ชื่อ พระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) หรือเรียกตามแบบจีนว่า “ซำปอฮุดกง หรือ ซำปอกง” เป็นปางมารวิชัย







ออกมาเดินที่ท่าน้ำมองเห็นพระปรางค์วัดอรณราชวรารามอยู่ไม่ไกล ใครที่มาเที่ยวแล้วพอมีเวลาที่นี่จะมีเรือนำเที่ยวไปไหว้พระที่วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหารและวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารได้ด้วย

การเดินทางมาชุมชนกุฎีจีน
ทาง BTS + เรือโดยสาร
เราเดินทางโดย BTS ไปลงสถานีตากสิน
ต่อเรือด่วนเจ้าพระยาไปลงสะพานพุทธ
ต่อเรือข้ามฝากจากท่าอัษฎางค์ไปลงท่ากัลยาณมิตร
ถึงแล้วจะมีทางเดินเลาะแม่น้ำไปยังชุมชนกุฎีจีน
ทางรถยนต์
จอดรถที่วัดกัลยาณมิตรแล้วเดินมาชุมชนได้เลยครับ

หลังจากไปเที่ยวไปชุมชุนกุฎีจีนมา พูดถึงคำว่าจีนมาทั้งเลย มื้อเย็นเราเลยขอปิดทริปด้วยอาหารจีนอย่างติ่มซำกันดีกว่า ขากลับเราเลยนั่งบีทีเอสมาลงชิดลม แลัวเดินมาที่แยกประตูน้ำ เพื่อมาทานบุฟเฟต์ติ่มซำ ที่ห้องอาหารมัลเบอร์รี่ โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ





อันนี้เอามาเรียกน้ำย่อยกันก่อนนะครับ แล้วจะรีบทำรีวิวเต็มๆมาใหตามมาอร่อยกันนะครับ ช่วงนี้ทางร้านเขามีโปรโมชั่นด้วยละจากราคาปกติคนละ 699.-บาท พิเศษเพียงคนละ 599.-บาทเท่านั้น รวมเครื่องดื่มแล้วด้วยนะครับ

เป็นไงบ้างครับกับรีวิวแบบวันเดย์ทริปในกรุงเทพแบบชิลๆของอดิแล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะครับ

เพื่อนที่เข้ามาอ่านแล้วชอบฝากเข้ามากดถูกใจเพจผมได้ที่นี่เลยครับ >> ChillWithAdi : อดิพาชิล

แล้วมาเป็นเพื่อนเที่ยวแบบชิลๆ ไปกับอดินะครับ

#chillwithadi #อดิพาชิล
#ชุมชนกุฎีจีน #กุฎีจีน #วัดซางตาครู้ส
#ขนมฝรั่งกุฎีจีน #ร้านธนูสิงห์
#ขนมจีนแกงคั่วไก่ #เฮโลนมสด
#วัดกัลยาณมิตร #TheMulberryChineseCuisine

ความคิดเห็น