update Promotion & Review สดใหม่ได้ตลอดที่ https://www.facebook.com/reviewnowz


La Scala


Masterclass with 3 Michelin stars, Chef Umberto Bombana

สวัสดีครับ

สำหรับเชฟรับเชิญระดับโลกท่านที่สองของปีนี้ที่ทางห้องอาหารอิตาเลี่ยน ลา สกาล่า ของ โรงแรม สุโขทัย ได้เชิญมาปรุงอาหารให้เราได้ชิมกันนั่นก็คือ Chef Umberto Bombana จากร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลิน (3 Michelin stars) 8½ Otto e Mezzo Bombana ประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นร้านอิตาเลี่ยนร้านแรกและร้านเดียวที่ได้รับรางวัลนี้นอกประเทศอิตาลี นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลต่างๆอีกมากมายล่าสุดกับการได้เป็นหนึ่งใน 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของเอเชีย (Asia’s 50 Best Restaurants 2018) และในวันนี้เชฟได้จัดมาสเตอร์คลาสให้โด้ได้ชมและชิมในช่วงที่เชฟจะมาปรุงอาหารให้แก่ผู้ที่สนใจได้ชิมอาหารรสเลิศระดับ 3 ดาวให้ได้ทานกันที่ห้องอาหาร ลา สกาล่า ระหว่างวันที่ 23-24 พ.ค. 61 เราไปชมบรรยากาศภายในงานผ่านคลิปกันเลยครับ

มาสเตอร์คลาสในวันนี้เชฟเลือกนำเสนอมา 2 เมนูจากทั้งหมด 7 เมนู


เมนูแรกจะเป็นเมนูที่เชฟอยากจะนำเสนอผ่านวัตถุดิบพรีเมี่ยมอย่าง White Asparagus ที่สามารถทำได้ถึงสองเมนูด้วยกัน


บรรยากาศมาสเตอร์คลาสที่เป็นกันเองแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยข้อมูลที่มาที่ไปและเทคนิคการปรุงต่างๆ


ก่อนที่จะเริ่มมาดื่มน้ำแร่คุณภาพระดับโลกจากอิตาลีอย่าง Acqua Panna หรือน้ำแร่มีฟอง San Pellegrino กันก่อน


White Asparagus ตัวนี้เชฟสามารถทำได้ถึงสองเมนูด้วยกัน


จานแรกมาแล้วกับสีสันหน้าตาที่ออกโทนสีสบายตาผ่อนคลายสบายๆสมกับเป็นเมนูแรกของมื้ออาหาร


โดดเด่นสุดๆก็คงจะไม่พ้นตัว White Asparagus ที่เชฟอยากจะนำเสนอเพราะมีขนาดที่ใหญ่หนาสะใจสุดๆ ชิมแล้วเนื้อสัมผัสมีทั้งความกรอบแบบละมุนและความนุ่มนวลอยู่ในที ส่วนกลิ่นมีความเป็นหน่อไม้ที่หอมกลมกล่อมชัดเจนและรสชาติที่หวานชัดเจนตามธรรมชาติถูกดึงขึ้นมาได้สุดเสริมรสให้กลมกล่อมขึ้นด้วยซอสที่ผสมไข่และมัสตาร์ดออกมาได้หอมอ่อนๆละมุนสุดๆ


อีกเมนูจะใช้ White Asparagus อีกส่วนไปทำเป็นน้ำร่วมกับวัตถุดิบสุดพรีเมี่ยมอย่าง Oscietra Caviar


เป็นจานที่จะมาพร้อมกันกับจานแรกที่ยังคงคุมโทนให้เหมือนจานแรกแต่จะเปลี่ยมาชูไข่ปลาคาเวียร์ให้เด่น


กลิ่นรสของความเป็นหน่อไม้ฝรั่งยังคงอยู่เสริมมิติให้แน่นขึ้นอีกนิดด้วยโฟมชีส Parmigiano Reggiano และจบให้สูงสุดด้วยไข่ปลาคาเวียร์ซึ่งทานทั้งหมดในคำเดียวจะได้ความหอมเนื้อสัมผัสที่ผสมผสานความหนักเบาหลาย layer และไข่ปลาคาเวียร์ที่สร้างความละมุน จานนี้โด้สัมผัสได้ว่าถึงแม้จะเพิ่มวัตถุดิบที่เข้มข้นเข้ามาแต่ถ้าปรุงให้ถูกที่ถูกทางวัตถุดิบหลักอย่างหน่อไม้ฝรั่งที่อยากนำเสนอก็จะยังคงอยู่และยังคงความเด่นได้ไม่น้อยหน้าวัตถุดิบพรีเมี่ยมอื่นๆได้เช่นกัน


การมาของเชฟในครั้งนี้เชฟได้เชิญผู้จัดการร้านและซอมเมอลิเย่ร์ (Sommelier) ที่ประจำร้าน 8½ Otto e Mezzo Bombana มาด้วยกับ Mr. Marino Braccu


คุณมาริโน่เป็นผู้ที่คัดเลือกไวน์ทั้งหมดที่จะมาทานคู่กับอาหารทุกจานของเชฟในครั้งนี้


2016 Masseria LI Veli Askos Verdeca
ไวน์ขาวที่โด้รู้สึกว่าจะเน้นให้ความสดชื่นเป็นหลักโดยที่จะไม่เอากลิ่นรสไปกวนหน่อไม้ฝรั่งและวัตถุดิบต่างๆของสองจานแรก


อีกเมนูเป็นเมนูที่เชฟตั้งใจอยากให้เราได้ลองทานตัวพาสต้าที่ทำในแบบดั้งเดิมนั่นก็คือมักกะโรนี (Maccheroncini) ที่เป็นพาสต้าตัวแรกที่มีรูโดยสมัยก่อนใช้แท่งเหล็กเล็กๆในการขึ้นรูปทีละชิ้นแล้วนำไปต้มในน้ำเดือดๆ แล้วนำไปผัดกับวัตถุดิบพรีเมี่ยมต่างๆที่เชฟคิดค้นและผสมผสานขึ้นมา


Homemade Maccheroncini
เป็นพาสต้าที่ผัดมาแบบแห้งๆแต่ตัวเครื่องต่างๆนั้นเคลือบตัวพาสต้าจนทั่วถึงเป็นที่เรียบร้อย


ตัวมักกะโรนีมีความสุกที่ดีเยี่ยมมากไม่นิ่มไม่แข็งสู้ฟันเคี้ยวเพลินสวยงามมากๆ การปรุงนั้นผัดมาหอมสุดๆโดยให้กลิ่นและรสของความเป็นทะเลที่กลมกล่อมชัดเจนเสริมด้วยล็อบเตอร์ (Blue Lobster) เนื้อเด้งสดหวานมากและได้ความนัวเพิ่มมิติด้วยไข่หอยเม่น (Sea Urchin) ทานทุกอย่างในคำเดียวจะสัมผัสได้เลยว่าทุกอย่างชัดเจนในทุกๆส่วนภาพขึ้นมาอย่างไม่ต้องค้นหาเป็นการเดินทางร่วมกันของทุกวัตถุดิบที่ใช้คำว่า “สามัคคี” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ


2012 Pietradolce, Vigna Barbagalli Etna Rosso
เป็นไวน์แดงกลิ่นรสเนื้อเบาที่ถูกจับมาให้ไปคู่กับเมนูพาสต้าสุดเทพได้อย่างไม่มีสะดุด


พิเศษกับเมนู Sgroppino ที่คุณมาริโน่ลงมือปรุงด้วยตนเอง


อิตาเลี่ยนค็อกเทล (Italian cocktail) ยอดนิยมจาก Venice เป็นเชอร์เบตที่ใช้ส่วนผสมคุณภาพอย่าง grappa และแชมเปญ ให้ความหอมเปรี๊ยวอมหวานละมุนสดชื่นเป็นที่สุด


2004 Felsina, Vin Santo, Toscano Berardenga
ดื่มคู่กับไวน์หวานกลิ่นหอมบอดี้แน่นกลมกล่อมชัดเจน


เชฟเดวิท เชฟใหญ่ประจำห้องอาหาร ลา สกาล่า ใจดีทำเมนูของหวานตัวใหม่ที่จะใส่อยู่ในเมนูฤดูใบไม้ผลิ (Spring Menu) มาให้ลองชิมก่อนใคร ซึ่งก่อนทานเชฟจะฉีดน้ำเพิ่มความหอมที่สดชื่นหายใจสบายสุดๆ


เป็นเมนูที่หน้าตาน่ารักสวยงามที่รักษาความหรูหราไว้อยู่ ด้านหน้าวางด้วยเนื้อผลไม้แช่ม้วนให้เป็นทรงกุหลาบทานแล้วจะมีทั้งความฉ่ำน้ำจากเครื่องที่แช่แต่ยังคงรักษาความกรอบอยู่รองด้านล่างด้วยมูสหอมๆเนื้อเนียนข้นและถั่วเพิ่มความหอมมันทานเพลิน


ก่อนปิดมื้อกับขนมหวานที่หอมมากโดดเด่นด้วยตัวแป้งที่กรอบหอมเป็นชั้นๆละมุนมากเสริมรสด้วยครีมซอสเมล่อนหอมอ่อนๆ อร่อยแบบกี่ชิ้นก็ไม่พอ


ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกๆฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทางโรงแรม สุโขทัย, เชฟเดวิท, San Pellegrino, Gastronauts, Gfour, และ เชพ Umberto Bombana พร้อมทีมงาน 8½ Otto e Mezzo Bombana


เชฟ Umberto Bombana พร้อมปรุงอาหารให้เราได้พิสูจน์ความอร่อยระดับมิชลิน 3 ดาวในมื้อกลางวันและมื้อคำ ระหว่างวันที่ 23-24 พ.ค. 61


โด้จะพูดกับใครหลายๆคนอยู่บ่อยๆว่าถ้ามีโอกาสมีงบและรักในการชิมการทานอาหาร การได้ชิมรสมือของเชฟมิชลิน 3 ดาวอย่างน้อยปีละครั้งนั้นถือว่าสำคัญ เพราะนอกจากความอร่อยที่เราจะได้รับอย่างแน่นอนแล้ว เราจะได้เรียนรู้ถึงรูปแบบการทำงานของเชฟระดับโลกผ่านอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า การตกแต่งจาน การใช้วัตถุดิบต่างๆ และการนำส่วนต่างๆมาผสมผสานจนออกมาเป็นกลิ่นรสและเนื้อสัมผัส ซึ่งมิชลิน 3 ดาวจะมีสิ่งนึงที่โด้จะสัมผัสได้อยู่เสมอคือความเนียบและรสชาติที่เราอร่อยได้อย่างง่ายๆแต่ในความง่ายนั้นไม่ได้มาง่ายๆแต่ผ่านขั้นตอนความคิดมากมาย การมาของเชฟมิชลิน 3 ดาว Chef Umberto Bombana พร้อมทีมงานจากร้าน 8½ Otto e Mezzo Bombana ที่จะมาปรุงอาหารแบบนี้ที่ห้องอาหารอิตาเลี่ยน ลา สกาล่า ของ โรงแรม สุโขทัย ถือเป็นโอกาสสุดพิเศษที่โด้ไม่อยากให้พลาดกับความอร่อยระดับโลกครับ

ขอบคุณมากครับ
โด้



รายละเอียดโปรโมชั่น
– เชฟรับเชิญ Chef Umberto Bombana
– อาหารชุดมื้อกลางวันและมื้อค่ำ + ไวน์ ราคา 14,600 บาทสุทธิ
– วันที่ 23-24 พฤษภาคม 2561

รายละเอียดห้องอาหาร
ลา สกาล่า / La Scala
12:00-14:30 (จ.-ส.) / 18:30-23:00 ทุกวัน

รายละเอียดโรงแรม
โรงแรม สุโขทัย / The Sukhothai Bangkok
13/3 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพ 10120 [เขตสาทร]
13/3 South Sathorn Rd., Bangkok 10120 Thailand
โทร : 0-2344-8888
website: www.sukhothai.com

update Promotion & Review สดใหม่ได้ตลอดที่ https://www.facebook.com/reviewnowz

Do is On The WAY

 วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 13.05 น.

ความคิดเห็น