สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกที่ได้รีวิวทริปจากการท่องเที่ยวจริงๆจังๆ เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะไป หรือหาทริปเที่ยวแบบสบายกระเป๋า จริงๆ จขกท ได้มีโอกาสเที่ยวทั้งในและต่างประเทศอยู่หล ายครั้ง แต่ยังไม่เคยได้รีวิว เพราะปกติเที่ยวแบบชิลๆ เก็บสถานที่ได้ไม่แน่นเท่าคนอื่น ถ่ายรูปก็ไม่สวย แถมค่าใช้จ่ายยังบานปลาย ไม่มีทริคที่ช่วยประหยัดงบประมาณ ที่จะพอเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นแต่อย่างใด ^ ^ อิอิ



ทริปนี้รู้สึกว่าประทับใจในสถานที่ และอยากรีวิวไว้เพื่อเป็นการเก็บบันทึกความทรงจำ รวมทั้งแชร์ประสบการณ์และความสุขเล็กๆ ในพื้นที่Pantipค่ะ ขอบคุณคุณ Memories Pink สำหรับข้อมูลดีๆในการตามรอยด้วยนะคะ ^ ^

เริ่มจาก คุณแม่ จขกท บ้านอยู่หาดใหญ่ ทริปนี้จึงเกิดจากความตั้งใจไปหาแม่ช่วงวันหยุดยาวก่อนสงกรานต์ แล้วพาแม่ไปเที่ยวต่อ ซื้อตั๋วเครื่องบิน AirAsia ไปรับแม่ที่หาดใหญ่ก่อน แต่ไม่ได้โปรค่ะ ค่อนข้างแพงเลยอ่ะ เพราะเดินทางจากกรุงเทพวันเสาร์ที่4 เมษา ซึ่งวันจันทร์เป็นวันหยุดยาว วันจักรี ราคาตั๋วเลยค่อนข้างแพง แต่ยังดีกว่าช่วงสงกรานต์ที่คนน่าจะกลับบ้านกันค่อนข้างเยอะ เราเลยเลือกลางาน 7-10เมษา แล้วได้หยุดสงกรานต์ต่อเลย สรุปใช้วันลา4วัน แต่ได้พักร้อนนานถึง 12วัน อิอิ สุดแสนจะแฮปปี้



บินไฟลท์เช้าค่ะ ขึ้นเครื่อง 6:40 ถึงสนามบินหาดใหญ่ 8:00 ที่เลือกไฟลท์นี้ เพราะจะได้ทันไปขึ้นรถรอบ 9.30 จะได้ไปถึงปีนังกลางวันหน่อย และจะได้เที่ยวหลายที่หน่อย ซึ่งจริงๆมันทันค่ะ ลงเครื่อง8โมง เลทรับกระเป๋านิดหน่อย เราสามารถไปขึ้นรถตู้แถวโรงแรมไดมอนพลาซ่าทันรอบ 9:30ค่ะ แต่ปรากฏว่า หม่ามี้ ยังไม่เสร็จงานบ้าน T^T เลยต้องไปนั่งรอแม่ทำธุระให้เสร็จก่อน ค่อยไปขึ้นรถรอบเที่ยงกัน

สำหรับรถตู้ไปปีนัง สามารถจองล่วงหน้าได้ค่ะ มีหลายบริษัททัวร์นะ ราคาพอๆกัน รอบละ400 ไปกลับ 700 ไม่จองล่วงหน้าก็มีรถนะ ถ้าไม่ใช่เทศกาลค่ะ เพราะรถที่ จขกท นั่งไป ยังไม่เต็มเลยอ่ะ สบายๆ


http://www.ksttravelthailand.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539672908

พอขึ้นรถตู้แล้ว ก็นั่งไปด่านสะเดา ถึงตรงนี้เราต้องลงจากรถเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองค่ะ พี่รถตู้จะไปจอดรอเราอยู่ จำทะเบียนรถ ลักษณะรถของเราให้ดีนะคะ เพราะมีคุณป้าที่มากะรถเรา แอบหารถไม่เจอ ต้องรอกันสักพักเลย


เวลาที่ปีนังจะเร็วกว่าบ้านเรา 1ชม ค่ะ นั่งหลับบนรถเลยอ่ะ (ปล่อยแม่นั่งชมวิวมา อิอิ ถามว่านั่งเครื่องบินมามั้ย ไม่เอา จะดูวิวข้างทาง) มาถึงโรงแรม เกือบ5โมง สรุปนั่งรถกัน เกือบ6ชม ค่าาา จริงๆไม่น่าจะถึงเลย เสียเวลาตรงคนขับรถตู้นัดแวะรับผู้โดยสารคนนึงแล้วเฮียแกมาเลทซะครึ่งชั่วโมง เซ็งกันทั้งคัน



ครั้งนี้เราเลือกพักโรงแรม Super8 Hotel คือแบบดูโรงแรมในปีนังที่ราคาไม่แพงและใกล้ตึกคอมตาร์ ถึงตรงนี้อยากบอกว่า ทำไมตูไม่เชื่อคนอื่นที่ไปแล้วแนะนำให้นอน Tune Hotel ฟะ คือผิดหวังกะ Super8 ง่ะ ในแผนที่ดูใกล้มาก แต่จริงๆแอบไกล บริเวณใกล้เคียงเป็นบ้านคน หาของกินยาก แถมรูปยังดูดีกว่าห้องจริง (ไม่ได้ถ่ายมาค่ะ เพราะข้าวของจากกระเป๋าเรากระจัดการจายเต็มเตียงเสียก่อน) จขกท มีแนวคิดชอบจองโรงแรมไม่แพงมากแต่ห้องแบบไม่room type เริ่มต้นอ่ะค่ะ เลยเลือก รร นี้

จริงๆเดินได้แหละ ประมาณกิโลนึง แต่ทริปนี้อยากพาแม่มาพักผ่อนแบบเดินน้อยๆ สบายๆ จอง Super8 ห้องแบบ Deluxe มี2เตียงqueen size ซึ่งจริงๆนอนได้4คนเลยห้องนี้ ราคา1,100บาท จองผ่าน Agoda ค่ะ ราคาถูก มีไวไฟฟรี แต่ห้องแอบเก๊าเก่า :'( พอได้เดินจากโรงแรมไปตึก Komtar พบว่ามีโรงแรมดีๆใกล้ตึกมากมาย แต่เราทำงานไม่ค่อยมีเวลาทำการบ้านมาก่อนอย่างดี แม่บอกไม่เป็นไร แม่อยู่ได้


วันแรกที่มาถึง เราถึงก็เกือบ5โมงเย็นแล้ว เก็บข้าวของ ล้างหน้าล้างตา แล้วตกลงกันว่าจะออกไปหาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่ง Gurney Drive กัน เพราะหิวมากกกกกก ดูจากรีวิวต้องเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ตึก Komtar (ตึกสูงสุดในเมืองจอร์จทาวน์ค่ะ รถเมล์หลายสายต้องผ่านตรงนี้เหมือนหมอชิต หรืออนุเสาวรีย์อ่ะ จะไปไหนเริ่มตรงนี้ รับรองมีรถไปทุกที่ 55)



เดินเล่นจากหน้าโรงแรมไปยังตึก Komtar

มีร้านอาหารขายข้างทางด้วย แต่เรามุ่งมั่นจะไปกินที่ Gurney Drive อันขึ้นชื่อเรื่องของกินหลากหลายค่ะ


ระหว่างทางที่เดินมาเจอโรงแรมน่าพักๆเยอะเลย T^T


มาถึงท่ารถเมล์แล้ว จะมีช่องๆค่ะ ช่องแรกสาย1 คือขึ้นต้นด้วยเลข1 ช่อง2 ช่อง 3 ช่อง 4 ช่อง5 ก็ขึ้นตามสายที่ขึ้นต้นด้วยเลขนั้น


จริงๆเราต้องนั่งรถคันนี้ สาย101 103 หรือไรนี่แหละ ไปลง Gurney plaza แล้วเดินไปยัง Gurney Drive แต่วันนั้น รถมาช้ามากกกกก ขอบอก มาแต่สายอื่น 101ไม่มาเลย ไอ้เราก็ไม่รู้ว่าสายอื่นไปได้อีกมั้ย ถามคนแถวนั้นก็บอกให้รอสาย1 เราสองแม่ลูกหิวมาก เลยตกลงกันว่าจะนั่งแท๊กซี่ พอเรียกแท๊กซี่ได้แล้วขึ้นไปนั่งจ้า สาย101 พี่ก็โผล่มา แหม่ๆ


มีคนบอกว่าแท๊กซี่มาเลย์แพง แต่เรานั่งจาก Komtar มาถึง ตลาดโต้รุ่ง Gurney Driveเลย ไม่ต้องเดินผ่าน Gurney Plaza แล้วเลาะริมถนนเลียบหาดอีก สองแม่ลูกพอใจมากก มิเตอร์ขึ้น 18RM (เรทแลกเปลี่ยน 8.8บาท) เท่ากับ เกือบๆ160 บาท ถือว่ารับได้ค่ะ (ถ้านั่งรถเมล์คนละ 2RM)



ถึงแล้ว โต้รุ่ง Gurney Drive คึกคักจริงๆ ของกินเยอะจนเลือกไม่ถูก

แต่เราสองคนยังไม่พร้อมจะลองกินอาหารแขกแบบแปลกลิ้นมากนัก เราเลยเลือกอะไรที่ดูเซฟสุด คือน่าจะกินได้มากสุด เป็น Char Kuay Teow ที่คล้ายๆผัดไท กับ Fried Oyster หอยนางรมทอดมากินค่ะ ราคาก็ประมาณ 5-15 RM ต่อจาน


พอนึกขึ้นได้ว่า ถ้านั่งหน้าร้านไหนก็ควรจะสั่งร้านเค้าด้วย เลยสั่งบะหมี่เกี๊ยวเค้ามาลองด้วยค่ะ แม่บอกว่าเกี๊ยวกุ้งน้ำเค้าอร่อยมาก แต่บะหมี่เฉยๆ บ้านเราอร่อยกว่า ...อ้อ ยังไม่จบค่ะ แม่เห็นเค้าขายต้มเครื่องในตรงนู้น น่ากิน เลยให้เราไปซื้อมาเพิ่ม

เค้าจะให้เราคีบเลือกว่าจะเอาอะไรบ้าง เราก็ว่าเราคีบไม่กี่อย่างนะ พวกตับหมู กะเพาะหมู(ของโปรดแม่) แต่ชิ้นมันนใหญ่มากกกก พอเค้าทำใส่ถ้วยมาให้ ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ คือมา ชามบะเริ่มเลยค่ะ ปาไป 22RM เกือบ200บาทอ่ะ และแน่นอนว่า กินไม่หมด555555 แต่น้ำปลาพริกที่เค้าให้มากินด้วย อร่อยดีแฮะ เข้มข้นกว่าน้ำปลาบ้านเรา แต่ไม่ใช่กลิ่นหรือรสแบบซีอิ๊ว เป็นน้ำปลาพริกหน้าตาธรรมดาๆเลย

จริงๆอยากกินอย่างอื่นอีกเยอะเลยอ่ะ แต่ท้องจะแตกแล้ว กินไม่หมดด้วย แต่ทุกอย่างที่สั่งมา อร่อยหมดเลย อิอิ อยากลองพวกลูกชิ้นเค้าด้วย หลายร้านน่ากินมาก พวกเสียบไม้ลวกจิ้มน้ำจิ้ม ที่เค้าเรียก Lok Lok อ่ะ แต่คิดว่า ไว้พรุ่งนี้ค่อยกินละกัน วันนี้พุงจะแตก


จากนั้นเราก็นั่งแท๊กซี่กลับโรงแรมค่ะ ถึงโรงแรมสามทุ่มกว่า เกือบสี่ทุ่ม นอนพักผ่อน หลับสบายยยย



เช้าวันที่2 ในปีนัง เราตื่นแต่เช้า กะว่าจะหาจักรยานปั่นชมเมืองกัน



ที่นี่ 6โมงเช้า ยังมืดตึ๊ดตื๋อ แต่ทุ่มนึงยังสว่างอยู่เลย มืดช้า สว่างช้าค่ะ



สอบถาม Reception โรงแรมบอกว่า ร้านมินิมาร์ทข้างล่างโรงแรมมีจักรยานให้เช่า แต่เค้าเปิดตั้ง9โมง เราสองคนเลยเดินเล่นเรื่อยๆลัดอีกซอย ไปยังตึก Komtar เผื่อเจอร้านเช่าจักรยานแถวนี้



สรุป... ไม่เจอ 555 เลือกที่พักได้ไม่ค่อยโอเลยแฮะ ไม่เจอไรเลยนอกจากบ้านคน ก็ได้ถ่ายรูปเล่นกันบ้าง บ้านเมืองสะอาดสะอ้านดี

เดินเรื่อยมาจนทะลุซอยนี้จะเจอ ห้างนี้ แล้วเลี้ยวซ้ายเป็น Komtar


โรงแรมนี้ก็น่าพักค่ะ ใกล้คอมต้าร์ดี แต่เหมือนไม่เห็นใน Agoda แฮะ อาจจะเต็ม


พอถึงตึกคอมต้า ยังไม่7โมงเลย พอดีเจอคุณลุงถีบสามล้อ แกชวนนั่งรถแก ชม.ละ 40RM พาชมรอบเมือง เราสองแม่ลูกสนใจ แต่กลัวลุงรับน้ำหนักเราสองคนไม่ไหว สงสาร แกก็บอกไหวๆๆ พูดภาษาอังกฤษได้ดีเลย แต่เราก็ลังเล จนมีลุงอีกคันถีบมา เราเลยจ้างเค้าคนละคัน 55


คนนี้แม่นะ ไม่ใช่พี่สาว อิอิ แม่หน้าเด็ก ลูกหน้าแก่ เลยเป็นเพื่อนกันได้เลย


ชิลมากกกกกกก สบาย ไม่ต้องเดิน ลมพัดเย็นสบาย ไม่อึดอัดเพราะบ้านเมืองเค้าถนนกว้าง ไม่มีตึกสูงรายล้อมแน่นหนา


ไปชมเมืองกันเลย ลุงอยากพาไปไหน ไปเลยค่ะ


คุณลุง เป็นไกด์นำเที่ยวในตัวเลยนะ แกอธิบายได้ด้วย ว่าปีนังมีสถาปัตยกรรมอังกฤษ เพราะเมื่อก่อนคนอังกฤษน่ะอยู่เยอะ ปีนังเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ พอถึงจุดที่สวยๆน่าถ่ายภาพ แกก็จอดให้ด้วย แนะนำด้วยว่าสถานที่นี้คืออะไร เจ๋งเลย


บ้านพัก ซุนยัดเซ็น เป็นนักปฏิวัติ ซุนได้รับการกล่าวขานว่าเป็น "บิดาของชาติ" จีน


นั่งชมเมืองไปเรื่อยๆ เพลิ๊นเพลิน ชอบถนนตรอกซอยเค้าจริงๆ สวยมาก มีStreet Art ด้วย ใครมาปีนัง ต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึก


รูปเยอะมากกกกกกกกกก อยากให้ทุกคนเห็นเหมือนร่วมทริปไปด้วยกันค่ะขอบคุณค่ะทุกคน มาๆๆตามมาเที่ยวกัน รูปอาจเยอะนิดนึง ถ้านึกได้ว่าตรงไหนเป็นสาระข้อมูล จะแทรกไว้ให้นะคะ ส่วนตัวคิดว่าเป็นทริปที่ชิลดีค่ะ


ตรงนี้น่าจะเป็นร้านอาหารยอดนิยมนะคะ คนเยอะเลย


ซอย Little India คุณลุงบอกว่ามีร้านพวกเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับขายเยอะแยะ แต่เรามาเช้าเลยยังไม่เปิด ได้ชมวิวถนนสวยๆแทน


มีแกงค์ปั่นจักรยานด้วย มาที่นี่เจอเด็กไทยวัยรุ่นมากันเป็นแกงค์เยอะเหมือนกัน น่าสนุกดี ค่าใช้จ่ายไม่มาก มากันได้เป็นหมู่คณะ


เรากำลังจะถึงวัดจีนค่ะ คุณลุงแวะให้เราไหว้พระ ก็ดีเหมือนกัน เราคิดว่าแกจะได้พักขากันด้วยค่ะ


ต่อกันเรยยยยยย


นี่น่าจะเป็นโรงแรม หรือ Hostel นะ


Street Art แบบใช้ลวดทำ


สาวนักเต้นบัลเล่ต์


หนูน้อยกังฟูผู้โด่งดัง


คุณลุงพาเลี้ยวเข้า Chocolate Museum ใจจริงไม่ได้อยากแวะนะ อยากนั่งชิล แต่ไม่รู้แกเมื่อยเป่า เชียร์จัง บอกเข้าฟรีๆ ก็เลยเข้าไป


พอเข้าไป ก็ดีเหมือนกัน มีเครื่องทำช็อคโกแลตให้ดู มีช้อคโกแลตหลายรสชาตให้ชิมฟรี ละพอห้องสุดท้ายก็ขายช็อคโกแลตตามระเบียบ ซื้อมานิดหน่อย กับกาแฟ White Coffee ซองๆ เป็นของฝาก ไม่รู้ลุงได้ค่านายหน้าปะเนี่ย

ข้างในถ่ายรูปได้นะ แต่ตรงที่ขายช็อคโกแลตกับที่ให้ชิมช็อคโกแลตต่างๆ ไม่ให้ถ่าย


แม่โชว์ถุงของฝาก เป็นช็อคโกแลตกับกาแฟ


อันนี้สิ น่าแวะ แต่ยังไม่เปิด หุหุ


เดี๋ยวมาต่อนะคะ อย่าเพิ่งไปไหน เดี๋ยวจะพาไปตามรอยคุณ Memories Pink ไปกิน White Coffee ที่ Oldtown นั่งเรือข้ามฟากบัตเธอร์เวิร์ธชมวิวสะพานปีนัง ไปดูวิวสวยๆบนปีนังฮิลล์



แล้วไปต่อกันด้วย คืนที่3-4ของทริปนี้ ที่คาเมรอนไฮแลนด์ ดินแดนสุดแสนประทับใจของสองแม่ลูกกันค่ะเรานั่งรถคุณลุงจากตึก Komtar แต่บอกให้ลุงไปส่งแถวๆ Tune Hotel ค่ะ เพื่อไปหาอาหารเช้ากินที่ OldTown White Coffee ชื่อดัง

เห็นตึก Komtar อยู่ไกลๆ เลยตึกไปอีกฝั่งก็จะเป็น ที่หมายของเรา


ตรงนี้มีร้านอาหารเช้าด้วย คนเยอะ น่าลองแฮะ แต่เป้าหมายคือ White Coffee!!


สถานีตำรวจ สีสันสดใสเชียว


ตึกKomtar เริ่มใกล้เข้ามา


ถนนฟากนี้โล่งจังแฮะ แต่ดูสะอาดสะอ้านมาก


มีร้านแบบนี้ ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวแน่ คนท้องถิ่นน่าจะชอบร้านที่แถวใกล้ที่พักเรา


ถึง Tune Hotel แล้วววว


เลย Tune มาก็คือ New World Park สถานที่เป้าหมาย มองไปเห็นร้านที่เราจะไปกินกัน


ลุงจอดส่งตรงนี้เลย ถึงแล้ว OldTown White Coffee ข้างหน้ามี Star Buck ด้วยนะ แต่ไม่มีคนเลยอ่ะ เค้ากินร้านนี้กัน


เวลาประมาณ 8โมงกว่า สองแม่ลูกหิวมากๆ ลืมนึกถึงกาแฟเลยอ่ะ สั่งของหนักเลย 555


โปรดอย่าถือสา จำชื่ออาหารไม่ได้จริงๆ แต่จิ้มๆเอาจากภาพค่ะ ในเมนูมีภาพประกอบ อาหารอร่อย กินหมดเลยย


อากาศเริ่มร้อน ขอชามะนาวดับกระหายก่อนละกัน สดชื่นดี


ในร้านมีที่นั่งห้องแอร์นะคะ แต่จะให้ได้บรรยากาศ เราต้องนั่งด้านนอก จิบกาแฟชมทัศนียภาพตรงหน้า ถึงจะฟิน


ในที่สุดก็ได้สั่งกาแฟมาชิม สั่งแก้วเดียวแบ่งกัน เพราะอิ่มมากแล้ว แต่ขอบอก รสชาติดี หอม อร่อย กลมกล่อม ติดใจเราสองคนมาก

ถ่ายรูปหน้าร้านกาแฟสุกฮิตของคนกรุงเทพ แต่ที่นี่ ไม่ฮิตค่ะ ร้านใหญ่ไม่มีคนเลย


พอกินอิ่ม มีพลัง เราก็เดินย้อนไปตึก Komtar จะไปขึ้นรถ ไปปีนังฮิลล์กันจะไปปีนังฮิลล์เราต้องขึ้นรถสาย 204 เดินๆอยู่ยังไม่ถึงตึกคอมต้าร์ เจอรถ204ตรงสถานีตำรวจ เราก็ทะเล่อทะล่า ขึ้นมันเลยค่ะ 55555


ปรากฏคนขับบอกว่า คันนี้ไปอู่ Jetty ถ้าจะไปปีนังฮิลล์ เธอต้องเดินไปขึ้นที่คอมต้าร์ หรืออู่เจตตี้นะ เราก้เลยเปลี่ยนแผนนิดหน่อย นั่งคันนั้นแหละไปลงอู่ Jetty เพื่อไปนั่งเรือข้ามฟาก ไป Butterworth ก่อน เพราะแม่อยากชมวิวสะพานปีนัง (ซึ่งตอนแรกกะจะไปกันตอนเย็นแล้วจะได้แวะหาไรกินที่โต้รุ่งตอนค่ำๆ)

มาถึงท่าเรือ เรือยังไม่มา แต่รอไม่นานค่ะ ทุก10นาที เรือเพิ่งออกไป เราเลยให้แม่นั่งนวดฆ่าเวลา หยอดแบงค์ครั้งละ 1RM ได้ 5นาทีมั้งคะ

พอเรือมา เค้าจะกันให้คนบนเรือกับรถ ออกกันมาหมดก่อน ไฟสัญญาณจึงเขียว แล้วเปิดประตูให้เราเดินไปขึ้นเรือ


วันนี้คนเยอะแฮะ


รถก็เยอะ แต่พอมีที่นั่ง


ชมวิว เห็นตึกคอมตาร์ไกลๆ


น้ำใส ทะเลสีสวยเชียวค่ะ


ฝั่งข้ามไปบัตเธอร์เวิธ ค่าเรือนั้นฟรี แต่ขากลับ เสียคนละ2RM ค่ะ เราข้ามไปก็กลับเลย จุดประสงค์คือการชมวิว และให้แม่เป็นนางแบบ ถ่ายรูปกันมาเยอะจริงๆ ทริปนี้


พอข้ามกลับมา เราก็เดินกลับไปยังอู่รถเมล์ Jetty เพื่อขึ้นรถสาย 204 ไป Penang Hill กันมาต่อแล้วนะคะ ก่อนจะไปตะลุยคาเมรอน ขอแชร์ความสวยงามของปีนังฮิลล์หรือ บูกิตเบนดารา (Bukit Bendera) ก่อน สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปค่ะ



ตอนนี้ยังเป็นการรีวิวทริปวันที่ 2 ขอต่อจากนั่งเรือข้ามฟากบัตเตอร์เวิร์ธชมวิว เรากลับฝั่งมาขึ้นรถเมล์ที่อู่ Jetty เพื่อไปปีนังฮิลล์ นั่งสาย 204

ลงสุดสถานี จะถึงปีนังฮิลล์พอดีเลยค่ะ ขากลับก็มาขึ้นรถที่เดิม


พอเข้าไปข้างในก็ ไปซื้อตั๋วรถรางขึ้นปีนังฮิลล์กัน คนละ 30RM รถที่พาขึ้นไปนั้นจุคนได้ค่อนข้างเยอะเลย น่าจะเกือบๆ50เลยอ่ะ แต่ดูปลอดภัย รางเป็นแบบรถไฟเลยแต่ค่อนข้างชัน ความสูงของปีนังฮิลล์คือประมาณ 827เมตร จากระดับน้ำทะเล แต่เวลาขึ้นไป ทำไมรู้สึกมันสูงจัง อิอิ


ความรู้สึกเราคือนั่งแค่ประมาณ 10นาทีก็ถึง เราก็ลงจากรถรางเพื่อเดินชมวิวและทัศนียภาพกัน สดชื่นมากๆ


พอลงจากรถ(เราลงฝั่งซ้าย) เดินเลาะระเบียงทางเดินไป เราจะเจอศูนย์อาหาร (จริงๆคนอื่นเค้าเดินไปเริ่มอีกฝั่งแล้ววนมาร้านอาหารนี่แหละ แต่แม่ลูกมัวตื่นเต้นกะวิว เดินไม่ดูชาวบ้านเลย 555 คิดว่ามันเดินได้ทั้งสองฝั่งนะ)


เราเดินผ่านพวกร้านอาหารออกมาก่อน เพราะตกลงกันว่าจะไปเดินชมวิวก่อนค่อยมาพักหาอะไรกินตรงนี้ ที่ศูนย์อาหารนี่ชั้นล่างจะเป็นร้านน้ำ ชั้นบนขายอาหาร แต่มีที่นั่งทั้งสองชั้น ไปซื้อมากินแล้วนั่งไหนก็ได้



แวะชิมน้ำมะม่วงสตรอเบอรี่ปั่นก่อนแล้วกัน

พอเดินออกจากศูนย์อาหาร จุดแรกที่เจอเลย คืออันนี้ แหม่ เหมือนเกาหลีเลย คล้องกุญแจคู่รัก แต่เผอิญมากะแม่ และเราไม่อินน์ เลยได้แต่ถ่ายรูปวิวกัน มองเห็นวิว สวยดี แต่มีสวยกว่านี้อีก เดินไปเรื่อยๆ


สองแม่ลูกขี้เกียจเดินอีกแล้วค่ะ นั่งรถกอล์ฟเลย 30RM ขับพาขึ้นไปจุดชมวิวสูงๆ ถ้าเดินก็เหนื่อยเอาการอยู่นะ เป็นกิโล ทางลาดชันด้วย


เย้ๆ มีคนขี้เกียจเดินเหมือนเรา


ระหว่างทางคนขับก็อธิบาย ว่าบนนี้นะเป็นบ้านพักตากอากาศของพวกนักการเมือง เศรษฐี นักธุรกิจคนสำคัญของมาเลย์ทั้งนั้นเลย ในอดีตพวกทหารอังกฤษมาสร้างบ้านพักตากอากาศไว้ เดี๋ยวนี้ขายให้นักธุรกิจมาเลย์หมด สวยๆใหญ่โตทั้งนั้น


อิอิ พี่มาถึงแล้วนะจ๊ะ ปีนัง


ถึงจุดชมวิวแล้ว เย้ๆ สวยมากมาย สวยจนแม่ยิ้มไม่หุบ


พอถ่ายรูปตรงนี้เสร็จ เค้าก็ขับพาขึ้นไปอีกหน่อย ให้เราได้ชมวิวเมืองสวยๆระหว่างทางที่มองลงไปเห็นได้ จากนั้นก็วกกลับทางเดิมลงไป



พอนั่งรถไปชมวิวเสร็จ เราก็เดินชมดอกไม้ไปเรื่อย เพลินๆ แดดร้อนแต่ลมพัดเย็นสบาย

เดินมาเจอจุดชมวิว มีกล้องส่องทางไกลหยอดเหรียญ 1RM


เดินมาเจอ Sky Terrace ร้านอาหารวิวสวย แต่ไม่ได้ขึ้นไปกิน แม่บอกให้ปกินศูนย์อาหาร 555 เลยได้เก็บมาแต่รูป


เดินสักพัก ก็ได้แวะทานข้าวที่ศูนย์อาหารตรงทางเข้าด้วยแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา 555 ไม่อร่อย!!


เดินออกจากศูนย์อาหารมาเจอรถขายผลไม้ดอง ชิมหน่อย อร่อยดี

รูปนี้แม่สวยนะ ฮ่าๆ


ใช้เวลาอยู่ที่นี่สักพักเลย เดินวนมาจนเจอทางออก


พอแระ รีวิวปีนังฮิลล์พอหอมปากหอมคะ เรานั่งรถกลับไปตึก Komtar เพื่อไปซื้อตั๋วรถตู้ไปคาเมรอน


ตรงใกล้ๆตึกคอมตาร์จะมีห้าง Perangin Mall Penang แล้วด้านนอกห้าง จะมีร้านทัวร์เยอะแยะไปหมด มองหาคำว่า Cameron Highland แล้วเข้าไปซื้อเลย 35RM ต่อคน รถตู้ไปรับถึงหน้าโรงแรมเลย ได้รถรอบ7โมงเช้า



พอซื้อตั๋วรถเสร็จ แวะกินขนม Chendul ชื่อดังหน่อย อยู่ในห้าง Perangin Mall Penang

ว่าแต่ ทำไมแม่ทำหน้าอร่อยจัง มันก็ไม่ได้แย่นะ รสชาติก็เหมือนๆลอดช่องในน้ำกะทิที่มีกลิ่นกาแฟ แล้วก็ใส่ถั่วแดง แปลกดี 55

วันนี้ในห้างมีต่อยมวยด้วย ต่อยในกรง ไฟล์ใหญ่เลย ออกทีวีด้วย คล้ายๆ Thai Fight เลย


ดูมวยเสร็จ กินหนมเสร็จ ก็พากันเดินกลับที่พัก แอบซื้อสลัด Subway มาจากห้างมะกี้ด้วย กลัวหิวดึกๆ แถวที่พักไม่ค่อยมีไรกิน



พร้อมรึยางงงงง พรุ่งนี้จะไปคาเมรอนแล้วน้าาาาา

ขอโทษคนที่รอชมคาเมรอนด้วย เพิ่งรู้ว่าเขียนรีวิวนี่ไม่ง่ายเลย ต้องเอารูปจากไอโฟนกับกล้องดิจิตอลมาเรียงๆๆเหตุการณ์ ว่าเราไปไหนมาบ้าง นี่ขนาดไปแค่4-5วันเองนะ วันนี้ก็ง่วงแล้วด้วยอ่ะ ต่อคาเมรอนไม่ไหว พรุ่งนี้มาตามอ่านกันด้วยนะคะ ^ ^

ต่อกันเลยยยย วันนี้วันที่ 3 แล้ว เราสองแม่ลูกตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้น จะได้ไปชมธรรมชาติอันสวยงามของคาเมรอนไฮแลนด์


ตอนแรกแม่ไม่รู้จัก แต่พอเอารูปในเนตให้ดู แม่อยากไปมาก



เรานัดรถมารับตอน8โมงที่หน้าโรงแรมเลย ..ตั้งใจจองโรงแรมแบบไม่มีอาหารเช้า เพราะกะจะตื่นหาอะไร local local กินวันสุดท้ายที่จอร์จทาวน์



เดินจากที่พักมาเจอร้านนี้เปิดแล้ว คนเข้าเริ่มเยอะ ขายอาหารเช้าแบบแขกๆ แต่2แม่ลูก กินโรตีแกงแบบเพียวแขก คงไม่น่ารอด (แล้วจะอยากกินแบบ local ทำไม 555) เลยขอแค่ไข่ ขนมปังปิ้ง กับชาร้อน ชากาแฟร้านนี้หวานม๊ากกกกก (เป็นคุณลุงอยู่แผนกชงเครื่องดื่ม) เลยต้องขอคุณลุง เอาชาร้อน no milk no sugar เพิ่มอีกแก้ว รอดแล้วมื้อนี้ ได้ฟีลดี กินอาหารฝรั่งในร้านแขก 555555 ดูพี่บังตีโรตีป้าบๆ เห็นเราเป็นนักท่องเที่ยว ถามว่า เอาแกงมั้ย แล้วเดินเอามาให้เลย จะปฏิเสธก็กลัว พี่แกตัวใหญ่ กินได้2คำ ไม่หมดจะโดนมั้ย แต่พี่ชายใจดี ยิ้มให้ คงเห็นหน้าตอนชิมแล้วเข้าใจน้องสินะ

พอกินเสร็จ ก็มารอรถที่ล้อบบี้โรงแรมค่ะ รถมาตรงเวลาเป๊ะ



การเดินทาง ใช้เวลาประมาณ 6ชั่วโมงค่ะ ไม่ใช่เล่นเลยเนอะ ความรู้สึกเราคือมันไม่ได้ไกลขนาดนั้น ประมาณกรุงเทพ-โคราช แต่จะไปกินเวลาตอนเริ่มเข้าเขตขึ้นเขา และคนขับที่นี่เค้าไม่ซิ่งค่ะ ขับปลอดภัยดีมาก แล้วก็มีพักรถตอน10โมงเช้าด้วย พักครึ่งชั่วโมงให้ผู้โดยสารหาอะไรทาน แต่สองแม่ลูกซัดกันมาแล้วเรียบร้อย เลยชิมข้าวราดแกงเค้าไปนิดหน่อย ห่อนึง ถ้าจำไม่ผิด เรียกว่าLemakรึป่าว เป็นข้าวห่อใบตอง มีแกงราด กับปลาเค็มย่าง

เราไม่รู้ว่าจุดพักรถนี่คือที่ไหน แต่ทำดีมากเลย มีห้องน้ำสะอาด มีที่นั่งพัก มีร้านข้าวแกง แล้วก็ร้านผลไม้เรียงราย


นี่เรียกว่า ทุเรียนน้ำ ไม่รู้รสชาติเป็นยังไง ไม่ได้ลอง ลูกใหญ่มากๆ ทรงเหมือนมะม่วงยักษ์มีหนาม


ซื้อข้าวโพดไปกินบนรถ อิอิ ส่วนคุณแม่ซื้อถั่วต้มไปด้วย


พักครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทาง ทั้งรถมีเรากะแม่ และก็ฝรั่ง2คน ชายหญิง มาด้วยกัน


นั่งชมวิวเพลินๆไป รู้ตัวอีกทีก็ถึงเขตที่เป็นเขา มองวิวไปเห็นภูเขาเรียงราย แล้วสักพักก็เริ่มไต่ขึ้นเขา ทางค่อนข้างลดเลี้ยวแต่ถนนดี๊ดีค่ะ

นั่งไปสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งคดเคี้ยวเลี้ยวหักศอกมาก ระหว่างทางมีป้ายแบบนี้เป็นระยะๆ น่าจะเตือนให้ใช้ความระมัดระวังในการขับ(เดา)

ชักเริ่มมึนๆกับความคดเคี้ยว รู้สึกว่าคนขับเริ่มขับเร็วขึ้นด้วยอ่า


ผู้โดยสารน้อย เราเลยนั่งแยกกะแม่ชมวิวคนละฝั่งกัน ชักรู้สึกเป็นห่วงคุณนายแม่กลัวจะเวียนหัว พอหันไปดู นางนั่งกินถั่วต้มชมวิวชิลเฉยเลย

พอเริ่มขึ้นมาสูงมากๆ มองลงไป เห็นหุบเข้าข้างล่าง สวยงามมากมาย ข้างทางก็มีต้นไม้สวยๆกำลังเปลี่ยนสีเยอะเลย


ใกล้ถึงแล้วววววว เราไม่ได้ถ่ายรูปเมือง Brinchang ที่ผ่านมา เพราะไต่เขาวนไปมา เวียนหัวหมดแล้ว 555


รีสอร์ทที่เราจองไว้คือ Strawberry Park Resort อยู่แทบจะสูงสุดของเมืองเลย รถตู้ไปส่งฝรั่งตรงแถวเมืองก่อนค่อยเลยไปส่งเรา


สำหรับราคา แนะนำว่าให้ search จากเวบไซต์ Trivago.com หรือ Tripadvisor.com คุณจะได้ราคาที่ถูกมากกกกกก (ถูกกว่าagoda เยอะเลย)

สรุปเราจองกะ Otel.com ราคาต่างกันเป็นพัน แถมยังได้ห้อง Suite ขณะที่ Agodaเป็นห้อง Studio ทำไม???? T^T

แท๊น แทน .... ถึงล้าวววววว สวยเหมือนในรูปเลย มาถึงเวลาเกือบๆบ่าย2


ห้องกว้างมาก มีระเบียงชมวิว เราเลือกโซนที่ติดกับ Forest เลย รีสอร์ทมีหลายตึกหลายโซนนะ ทุกตึกมี4ชั้น ไม่มีลิฟต์ เราได้ห้องชั้น3ค่ะ


ห้องน้ำก็กว้าง มี walk-in closet ด้วยนะ ชอบๆๆ


แม่นั่งชมวิว ชิลเลย อากาศดีมาก ที่นี่อากาศเย็นทั้งปีค่ะ เราไปช่วงก่อนสงกรานต์ ในเฟสบุคมีแต่เพื่อนบ่นว่าร้อนตับแล่บ เพื่อนอิจฉาเราเลยค่ะ


สักพัก เราปล่อยให้แม่หลับพักผ่อนงีบนึง แอบสั่งของมากิน หิวอ่า น้ำสตรอเบอรี่สด อร่อยดี ปั่นมาแบบไม่ใส่น้ำแข็ง


พอกินเสร็จฝนตกค่ะ เราก็นั่งดูทีวีไป รอจนฝนหยุด จึงหนีแม่ออกไปเดินสำรวจรีสอร์ท แล้วจะไปซื้อทัวร์สำหรับพรุ่งนี้ด้วย ที่รีสอร์ทมีแผนกขายทัวร์ค่ะ อยู่ตรงตึก lobby ซึ่งอยู่คนละตึกกับที่เราพัก


พาชมรอบๆนะ


เราซื้อ Day Trip เบาๆ Day Trip ชมไร่ชา BOH ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง สวนผีเสื้อดอกไม้นานาพันธุ์ ไร่สตรอเบอรี่ Rose Garden ตลาดสินค้าของฝากคาเมรอน วัดจีนในคาเมรอน ทั้งหมด 7ที่ ราคารวมค่าเข้าฟาร์มผึ้งกับ Rose Garden แล้วคนละ 35RM มีให้เลือก2รอบ เพราะใช้เวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้น เราก็เลยเลือกรอบเช้า 9โมง รถมารับที่ล้อบบี้ ซึ่งเราต้องมารับประทานอาหารเช้าตึกนี้อยู่แล้ว



ถ้าใครสนใจทริปหนักกว่านี้ก็มีนะ เดินป่าเลย ชมนกชมไม้ ได้เที่ยวน้ำตกด้วย แต่เรากะแม่คงเดินมะไหวอ่าาาา



กลับไปที่ห้องพัก แล้วนอนงีบนึง ตื่นมาตอน1ทุ่ม แม่หิวเลยพากันไปที่ตึกล้อบบี้เพื่อหาอะไรกิน เราสำรวจแล้วว่ามีร้านอาหารไทยที่นี่ด้วย ซึ่งเค้าไม่บริการ Room Service ต้องลงมากินเอง สั่งขึ้นห้องได้แค่เมนู coffee shopง่ายๆ พวกแซนด์วิช กะของทอดๆ



มื้อแรกของสองแม่ลูกในคาเมรอน กินหมดเกลี้ยงค่ะ

เข้านอน พรุ่งนี้ไปต่อ Day Tripกัน ^ ^สวัสดีค่ะทุกคน ขออภัยที่เขียนรีวิวไม่เสร็จสักที เนื่องจากติดภารกิจค่ะ


มาต่อกันเลย วันนี้เราจะพาไปเดย์ทริป ในคาเมรอนกันค่ะ

โปรแกรมคือ

- ชมไร่ชา BOH ถ่ายรูปเพลินๆ จิบชากับขนมเค้กแสนอร่อย

- ชมฟาร์มเลี้ยงผึ้ง ได้เห็นครั้งแรกว่าเค้าเลี้ยงผึ้งกันยังไง

- สวนผีเสื้อ และดอกไม้นานาพันธุ์

- ไร่สตรอเบอรี่

- Rose Garden ชมความสวยงามของดอกไม้แปลกตามากมาย

- ตลาดสินค้าของฝากคาเมรอน ของถูกมาก คนพื้นที่เค้าช้อปกันที่นี่ด้วย

- วัดจีนในคาเมรอน ไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล (หมอช้างบอกวันนี้วันฤกษ์ดีด้วยนะ 7เมษา)



เราสองแม่ลูกตื่นเช้า ไปรับประทานอาหารเช้าที่ตึกล้อบบี้ของโรงแรม

ทางเข้าห้องอาหาร ด้านหน้าเป็นบาร์ด้วย เปิดกันแต่เช้าเลยหรอเนี่ย


อาหารเช้าของที่นี่หลากหลายใช้ได้เลย มีตั้งแต่ไข่ดาว แฮม ไส้กรอกแบบฝรั่ง ข้าวต้มกุ๊ย ก๋วยเตี๋ยว สลัดบาร์ ข้าว แกงแบบแขก ขนมปังต่างๆ ปาท่องโก๋ มีมุมโรตีทอดใหม่ๆ กินกับแกงด้วย สปาเกตตี้ เพนเน่ มันฝรั่งอบชีส (อร่อยอ่ะ) ผลไม้และขนมเบเกอรี่ต่างๆ


แถมมีที่นั่งเยอะแยะ เราได้วิวตรงระเบียงเลย ทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยเพิ่มขึ้นว่าปกติ


นี่คือวิวจากที่ถ่ายจากระเบียงโต๊ะกินข้าวเช้าของเรา อเมซิ่ง ชิงๆเลอ


เจอกรุ๊ปครอบครัวคนไทยด้วย แต่ไม่ได้ทักทายกัน เพราะเค้าเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวมาก เราสองแม่ลูกรักความสงบ มองตาก็รู้ใจ จึงกินอาหาร และถ่ายรูปกันเงียบๆ เราแอบลุ้น หวังว่าครอบครัวนี้คงไม่ได้ซื้อทัวร์เดียวกะเรานะ คงปวดหูมาก เด็ก2 (แบบกำลังซนสุดขั้ว) ผู้ใหญ่3 อาม่าอากง2


กินเสร็จ ถ่ายรูปเสร็จ เราก็ออกมารอรถค่ะ ทราบตอนนี้ว่า ทริปนี้มีแค่เราสองคนแม่ลูก อิอิ ฟินสิ รถที่จะพาเราไปเป็นรถตู้ที่จอดเรียงรายหน้ารีสอร์ทนั่นล่ะ พร้อมคุณลุงคนขับรถใจดีคนนึง และนี่คือที่แรกที่ไปถึง ไม่ไกลจากรีสอร์ท ขับรถแค่5นาที ไร่ชา BOH


เราถ่ายรูปไม่ค่อยสวยค่ะ แต่ของจริงน่ะ สวยกว่านี้เยอะเลย อากาศก็ดี มันฟินมากๆค่ะ


อยากจะหยุดอยู่ตรงนี้นานๆจัง แต่คุณลุงบอกไว้ตอนแรกว่า หยุดให้แวะถ่ายรูปกันตรงนี้ 10นาที นะหนู อิอิ ลุงคงต้องทำเวลาตามกำหนดการ


นั่งรถต่อ เพื่อไปชมโรงงานชาเก่าแก่ที่สร้างในสมัยอังกฤษด้านบน ระหว่างทางได้แอบดูหนุ่มๆ เก็บใบชา


ถึงแล้วค่ะ BOH Tea Centre เป็นจุดที่เราจะได้ชมโรงงานที่เค้าทำชากัน


แต่วันนั้นที่ไป มีเด็กๆมาทัศนศึกษาเป็นบัสเลย อยู่ในโรงงาน เราต้องรอรอบถัดไป ขี้เกียจรอ เรากะแม่เลยข้ามไปหาชาดื่มกับขนมอร่อยๆค่ะ


เดินเข้าไป จะมีจุดที่นั่งดื่มชา ชมวิวสวยๆของไร่ชาด้วย

สั่งพายแอ๊ปเปิล กับเค้กช็อคโกแลตมาดื่มกับชา ที่เป็น recommend ของเค้า หอมดีมากเลย แถมขนมก็อร่อย


จากนั้นเราก็ขึ้นรถต่อไปที่ๆสองค่ะ ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง


พอเข้าไป จะเจอเหมือนร้านขายของที่ระลึก และผลิตภัณฑ์จากผึ้งเต็มไปหมด และมีทางลงไปยังชั้นล่างๆ ฟาร์มผึ้งอยู่ชั้นล่างสุด ลงไป3ชั้น


แอบเซอร์ไพรซ์ตรงที่ สถานที่ไม่มีไกด์ ไม่มีคนแนะนำใดๆนอกจากพนักงานแคชเชียร์ และคนที่นำเราลงไปดูการเลี้ยงผึ้ง คือคุณลุงคนขับ 555


ทางเดินจะลาดชันลงไปอีก ทำให้รู้ว่าทางเข้าฟาร์มนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา พื้นที่กว้างขวางมาก


ระหว่างทางก็จะเจอ กล่องๆเรียงราย ลุงบอกเนี่ย ผึ้งอยู่กันในนั้น เราเดินดูได้อย่างใกล้ชิด ไม่ไปยุ่งกะเค้า เค้าก็ไม่ทำไรหรอก


เดินไปเรื่อยๆมีจัดสวนสวยๆ น้ำตก และบ่อปลาคราฟด้วย


เดินดูสักพัก เราก็กลับขึ้นไปด้านบน ซื้อน้ำผึ้งกลับไปเป็นของฝากนิดหน่อย รวมๆที่นี่ก็โอเคนะ ตามประสาday trip ที่แต่ละท้องถิ่นเค้าก็หาจุดขาย


ที่ต่อไป คือสวนผีเสื้อ อยู่ห่างจากฟาร์มผึ้งไปนิดเดียว ไม่ถึง1กิโล ที่นี่จะมีค่าเข้าด้วย คนละ5RM แต่เราไม่ต้องจ่าย รวมในทริปแล้ว

ที่นี่นอกจากผีเสื้อแล้ว ก็จะมีพวกสัตว์แปลก(แปลกของเค้า) พวกแมงป่อง แมงมุม กิ้งก่า กบพันธุ์แปลกๆ แต่เราไม่ได้ดูอ่ะ 55 ดูแต่ผีเสื้อ กะ ดอกไม้


พอลงไปด้านล่าง จะมีลูกศรชี้ให้เรา เดินไปตามทาง เจอหมู่มวลผีเสื้อบินรายล้อม บ้างตัวนิ่งมากนึกว่าของปลอม ตัวใหญ่ๆก็มีมากมาย


ใช้เวลาเพลินเพลินไปประมาณ 20นาที ก็วนถึงทางออกค่ะ ไปต่อกันที่ ไร่สตรอเบอรี่


แอบผิดหวังกับที่นี่ค่ะ เข้าชมฟรี แต่โซนเพาะปลูกสตรอเบอรี่มีสองโซน โซนที่เราเข้าไปชม สตรอเบอรี่ยังเด็กอยู่เลย มีแต่ลูกเล็กๆ ถามคุณลุง ลุงบอกว่า ถ้าอยากดูลูกใหญ่ๆ เราต้องเสียค่าเข้าไปอีกโซน(มองเห็นแต่มีกุญแจคล้องประตูเข้าไว้) ค่าเข้า20RM ต่อคน แต่เราจะได้เก็บสตรอเบอรี่กินตรงนั้นเลยไม่อั้น ซึ่งเราว่าไม่คุ้ม เรากะจะซื้อกลับไง


เลยได้ถ่ายรูปกันแต่ตรงนี้นิดหน่อย


สุดท้ายเราก็ไม่ได้ซื้อสตรอเบอรี่จากที่นี่กลับด้วยค่ะ เพราะแอบถามลุงคนขับรถแล้วว่า ตลาดที่เราจะไปกันวันนี้ มีขายถูกกว่า


อยู่ที่นี่แป๊ปเดียวเราก็ไปต่อกันที่ Rose Garden ที่นี่ดูหม่ามี้จะชื่นชอบมาก นางชอบดอกไม้ค่ะ


ที่นี่เราถ่ายรูปกันเยอะมาก แม่เดินไปตรงไหนก็บอก ถ่ายซิๆ ถ่ายให้แม่หน่อยๆ เหมือนเด็กสาวๆ ฮ่าๆๆๆ(แอบขำแม่)


อยู่ที่นี่ประมาณ20นาทีค่ะ แล้วไปต่อ ตลาดขายของพื้นเมือง ไม่ได้ถ่ายรูปเลยค่ะ ร้อนมาก ตลาดเล็กๆ มีแผงขายผักนั่งกับพื้น และแผงขายสตรอเบอรี่เยอะแยะไปหมด ลุงบอกว่า เดินให้หมดทุกร้านก่อนนะหนู แล้วซื้อร้านที่ถูกที่สุด และเราก้ได้ของถูกจริงค่ะ สด หวาน ฉ่ำ โลละไม่ถึง250บาท


ที่สุดท้ายคือวัดจีนในคาเมรอนค่ะ


ไหว้พระเสร็จ เราก็กลับที่พักค่ะ ใช้เวลาทริปนี้ตั้งแต่ 9โมงเช้า ถึงบ่าย2 ค่าทริปคนละ 35RM ถ้าใครไม่อยากซื้อทริปแบบนี้ก็อาจหาเช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวเองค่ะ แต่จักรยานคงไม่เวิร์คมั้ย มันเป็นเขา ทางก็มีบางจุดไม่ค่อยดีค่ะ แต่ก็เห็นมีพวกฝรั่งขี่เสือภูเขากันนะคะ หาเช่าในเมือง ตรงตลาดค่ะ



กลับมาถึงห้อง เราก็สั่งแซนด์วิช room service มากินค่ะ กินไปชมวิวไป

กินเสร็จก็งีบ ดูสิ วิวหน้าต่างจากเตียงนอน อิอิ มีความสุขเหลือเกิน


มื้อเย็นวันนี้ สองแม่ลูกฝากท้องไว้กับร้านอาหารไทยที่รีสอร์ทอีกวัน ตั้งใจจะกิน Stream Boat อาหารท้องถิ่นคาเมรอน (จริงๆก็คือสุกี้แหละ แต่มันคงดังเพราะนักท่องเที่ยวกินไอ้นี่ได้ง่ายและถูกปากที่สุดแล้ว)


พอเห็นพนักงานเสิร์ฟยกอุปกรณ์มา 2แม่ลูกแอบตกใจ คือถังแก๊สค่ะ! ไม่ใช่ใบเล็กๆ มาจริงจัง พร้อมหัวแก๊ส จุดกันสดๆ เห้ย... กินไปเสียวไปนะเนี่ย


ในชุดมีซีฟู้ด กับเนื้อไก่ ผัก เห็ด ละก็เส้นต่างๆ3อย่าง เส้นหมี่ วุ้นเส้น ละก็เส้นแบบบะหมี่อบแห้ง พนักงานเสริฟจะถามว่าเอาชุดแบบจีนหรือไทย ซึ่งเราเลือกแบบจีนกันค่ะ สนนราคา หัวละ 30RM (คิดเป็นหัวแต่มาเป็นชุดนะ เราไม่รู้ว่าเติมได้มั้ย แต่แค่ที่ยกมาก็จะกินไม่หมดแล้ว)


น้ำจิ้ม มี3แบบค่ะ มาพร้อมพริกกระเทียมสด เราชอบทุกอันเลย มีแบบสุกี้ แบบน้ำจิ้มซีฟู้ดบ้านเรา และแบบสีดำๆ กลิ่นคล้ายๆน้ำพริกเผา อร่อย


วันนี้เจอเชฟคนไทยด้วยค่ะ ออกมาชวนเราคุย เป็นผู้หญิงออายุมากแล้ว และถามเราด้วยว่าอยากกินอะไรรสชาติไหน แม่เลยแอบบ่นว่า ส้มตำเมื่อวานยังไม่โดน รสจืดไป เชฟเลยจัดให้ค่ะ เข้าไปตำส้มตำปลาร้าออกมาให้เรา แซ่บเว่อร์ จนลืมถ่าย



ตรงนี้มีเรื่องตลกค่ะ น้องเด็กเสริฟผู้หญิง ผมสั้นหน้าตาคมสวย ที่บริการเรา เค้าเดินออกมาจากครัว ซี้ดซ้าด น้ำตาไหลมาเลย เรากะแม่ตอนแรกก็งง ว่าเค้าเป็นอะไร เรานึกได้ เลยถามว่า คุณลองชิมไอ้นี่มาใช่มั้ย 55555555 เค้าตอบทั้งน้ำตาว่า ใช่ เค้าขอเชฟชิมของที่เหลือจากเสริฟเรา เค้าไม่เคยกินอะไรเผ็ดเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต 555555555 น่าสงสารมาก เห็นนางเดินเข้าไปหยิบน้ำตาลซองๆที่ไว้ใส่กาแฟ มายืนกรอกปากอยู่หลังเาท์เตอร์ พอเห็นเราแอบมอง นางก็บอกหน้าจ๋อยๆว่า เนี่ยต้องกินน้ำตาลแก้เผ็ดเลย อิอิ



จบแล้วค่ะ รีวิวทริปในคาเมรอน ประทับใจสองแม่ลูกมากๆ ตอนเช้าเราก็กลับไปปีนังกัน โดยรถตู้ที่เราซื้อไว้ไปกลับจากตึกคอมตาร์ มารับเราตอน8:30 กินอาหารเช้าเสร็จ ก็นั่งรถกลับกันค่ะ ไปถึงคอมตาร์ เราก็ซื้อตั๋วกลับหาดใหญ่ (ไม่ได้ซื้อแบบไปกลับค่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าจะกลับกันตอนไหน)



หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชาวพันทิปนะคะ หากมีข้อสงสัย ถามมาได้ค่ะ ยินดีให้คำแนะนำค่ะ ^ ^

ความคิดเห็น