ขุดงานเก่าที่ดองไว้อีกทริปหนึ่งมาโพส ต่อจากเอนทรี่

บ้านน้ำเป็น รีสอร์ท อัมพวา รีสอร์ทท่ามกลางหมู่แมกไม้ ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง

https://th.readme.me/p/18953

เดินตลาดน้ำบางน้อย แวะกินโรตีแต้จิ๋ว หากินได้ที่นี่ที่เดียว...!!

https://th.readme.me/p/19490

เราจะจบทริปอัมพวาด้วย

"ล่องเรือชมวัดไหว้พระ เที่ยวอัมพวา พาดูหิ่งห้อย"

บ่าย 2 รีบกลับจากตลาดน้ำบางน้อย มารอขึ้นเรือที่ท่าน้ำ "บ้านน้ำเป็น รีสอร์ท"

เรือที่จองไว้มาแล้ว

วันนี้เป็นทัวร์ระดับ VIP สำหรับลูกทัวร์อย่างเรา เรือลำเบ้อเร่อ

มีแค่ 2 คน คือ เรากับเพื่อน 555++ ถึงเวลาสนุกแล้วสิ!!

โปรแกรมวันนี้คือ ไหว้พระ 3-5 วัด แล้วแต่ทำเวลาได้

ตกเย็นไปตลาดน้ำอัมพวา เดินเล่น กินข้าว ค่ำไปดูหิ่งห้อย

♪♫ ล่องเรือมาหารักสักคน รวยหรือจนให้ใจรักแน่ ♫♪

ไม่ใช่แล้ว... 555++ ชมทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง

วิถีชาวบ้าน ขนของทางเรือ

ถึงแล้ววัดแรก "วัดบางกุ้ง"

เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ ต.บางกุ้ง อ.บางคนที สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

เป็นราชธานี มีจุดเด่นที่พระอุโบสถ ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ ถูกปกคลุมทั้งอาคารด้วยราก

ของต้นโพธิ์ ต้นกร่าง ต้นไกร จนได้รับยกให้เป็น Unseen แห่งหนึ่งใน จ. สมุทรสงคราม

กำแพงวัด มีการเจาะและวางปืนใหญ่

เพราะในสมัยสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พ.ศ. 2308 กองทัพพม่ายกเข้ามาตี

กรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ รับสั่งให้หัวเมืองปากใต้ยกกองทัพเรือ

มาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้ง ที่ ต.บางกุ้ง เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง”

กองทัพพม่าซึ่งยกทัพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลองและบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้ง

โดยที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ค่ายบางกุ้งจึงแตก

เดินขึ้นท่าเรือมา จะพบกับสวนสัตว์เล็ก ๆ ของค่ายทหารบางกุ้ง

มีม้า แพะ แกะ กวางดาว อูฐ ก็มีจ้า

ต้องเดินข้ามถนนมา เพื่อจะไปที่โบสถ์เก่าแก่

พระอุโบสถ ก่ออิฐถือปูน ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา

ถูกปกคลุมด้วยรากของต้นโพธิ์ ต้นกร่าง ต้นไกร

ลูกนิมิตและใบเสมา

ไม่แน่ใจว่าอายุเก่าแก่เท่าโบสถ์รึเปล่า มีการเอาเหรียญไปแปะไว้ด้วย

หน้าบันของพระอุโบสถ มีปูนปั้นลวดลายพันธุ์พฤกษาประดับ

ด้วยเครื่องถ้วยซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย

เหลือแต่ก้นถ้วยไว้ให้เห็น สียังสดอยู่เลย


ใบเสมาและลูกนิมิต อยู่หน้าโบสถ์จะทองอร่ามหน่อย

ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย

สลักจากหินทรายแดง แสดงปางมารวิชัย ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย”

"หลวงพ่อนิลมณี" หรือ "หลวงพ่อดำ" หรือ “หลวงพ่อโบสถ์น้อย”

เราเข้าไปยืนถ่ายภาพข้างในได้ แต่ต้องอยู่ในเขตที่กำหนด

ถ้าเดินขึ้นไปปิดทองที่ด้านหลังหลวงพ่อ เขาห้ามถ่ายภาพ หรือเซลฟี่ตัวเอง

ฝาผนังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง รูปพระอดีตพุทธเจ้า และภาพพุทธประวัติ

เลือนลางไปตามกาลเวลา น่าเสียดาย....




นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นการต่อสู้ระหว่างพม่ากับไทย และรูปปั้นนักมวยไทยเป็นจำนวนมาก

ลงเรือไปวัดต่อไป ที่บางคนที มีสะพานแขวนด้วย

นี่คือ "สะพานแขวน วัดปากน้ำ" กลางคืนจะเปิดไฟที่สะพาน

ขากลับคืนนี้จะได้เห็น

"วัดบางแคน้อย"

วัดบางแคน้อย ที่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวว่า "โบสถ์ไม้สัก 7 แผ่น"

โดยวัดนี้สร้างขึ้นโดยคุณหญิงจุ้ย (น้อย) วงศาโรจน์ เมื่อ พ.ศ.2411

ซึ่งเดิมทีอุโบสถวัดบางแคน้อยสร้างไว้บนแพไม้ไผ่ผูกไว้กับต้นโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง

ปัจจุบันวัดนี้ได้รับการบูรณะเป็นอย่างดี และมีสิ่งที่น่าชมภายในวัดมากมาย

พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานบนบุษบก

บริเวณฐานมีพระสาวกล้อมรอบ มีเทพรักษาทั้งสี่ทิศ

กุฏิทรงไทย เป็นกุฏิไม้เก่าแก่กว่า 138 ปี

ปัจจุบันมีการบูรณะให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ บนกุฎิมีพระพุทธเจ้า 28 พระองค์

ทรงกษัตริย์ หรือที่เรียกกันว่า พระพุทธรูปทรงเครื่อง, พระพุทธรูปแกะสลักจากหินพระธาตุ,

หลวงพ่อมงคลรัตนมุณี, หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ทวด, หุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

ซึ่งผู้ที่จะขึ้นไปกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย

(เราไม่ได้เก็บภาพพระพุทธรูปมาฝาก)

ส่วนด้านล่าง ซึ่งอยู่ติดกันมีกุฎิหลวงพ่อแพร เป็นกุฎิที่สร้างเสร็จหลังจากหลวงพ่อแพร

หรือพระครูสมุทรนันทคุณ มรณภาพ ตามคำสั่งของท่านและเป็นที่ตั้งโลงบรรจุสังขาร

หอระฆัง

"โบสถ์ไม้สัก 7 แผ่น" ซึ่งภายในเป็นศิลปะไม้แกะสลักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา

ซึ่งพระครูวินัยธรพัฒนา ฐานโชติโก เจ้าอาวาสวัดบางแคน้อย องค์ปัจจุบันได้บอกว่า

"มูลค่าการก่อสร้าง ณ ตอนนี้กว่า 70 ล้านบาทแล้ว"

พื้นอุโบสถเป็นไม้ตะเคียนทอง หนา 2 นิ้ว กว้าง 40 - 44 นิ้ว

จำนวน 7 แผ่น แต่นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าเป็น ไม้สัก

"พระพุทธสมุทร ศรีพิชัยวิสุทธิมุนี"

พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประดิษฐานที่แท่นที่ใช้ไม้มะค่าโมง

ขนาดใหญ่แกะสลัก กว้าง 2 เมตรครึ่ง ยาว 3 เมตร หนา 4 นิ้ว

ผนังภายในพระอุโบสถ ทำจากไม้สักแกะสลักเป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ

การประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และเรื่องพระเจ้าสิบชาติ

ลวดลายสวยงามชัดเจนโดยฝีมือช่างแกะสลักจากจังหวัดเพชรบุรี

ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการแกะสลักไม้

ดาวเพดาน


ภาพพระครูสมุทรนันทคุณ (แพร) อดีตเจ้าอาวาสวัดองค์ที่ 7 ผู้สร้างอุโบสถหลังใหม่นี้

"วัดเกษมสรณาราม" (วัดบางจาก)

ตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2350 เดิมมีชื่อว่า "วัดใหม่ตาเพชร" เพราะผู้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด

ชื่อ “นายเพชร” จึงตั้งชื่อวัดตามชื่อผู้บริจาคที่ดิน ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น

"วัดเกษมสรณาราม" ตามบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฎฐายี) ในปี พ.ศ. 2476

ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดที่ได้รับการพัฒนาและบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด

จนได้รับพระราชทาน “วิสุงคามสีมา” เมื่อปี พ.ศ. 2420

และยังมีอุโบสถเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยปลายอยุธยาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์

อุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2440

ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานที่สำคัญของ พระประธานประจำโบสถ์ พร้อมพระโมคคัลลานะ

และพระสารีบุตร และภายในอุโบสถบนกำแพงยังมีภาพจิตรกรรมเขียน

ด้วยสีฝุ่นผสมยางไม้ เป็นภาพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระเจ้าสิบชาติ

เดินเข้าด้านหลังพระอุโบสถ

ความเก่าแก่ของประตู บ่งบอกกาลเวลา

ผนังภายในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมเขียนด้วยสีฝุ่นผสมยางไม้

เป็นภาพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระเจ้าสิบชาติ

สียังสวย ถึงจะมีบางส่วนหลุดลอกตามกาลเวลา

แต่ก็ยังคงความงามของภาพจิตกรรมอยู่

แต่ก็นั้นแหละ กว่ากรมศิลป์จะยื่นมือมาบูรณะดูแล

ภาพและสี ก็จะค่อย ๆ เลือนหายไปเพราะความชื่นและสภาพอากาศ

กราบลาพระประธาน เพราะเย็นมากแล้ว ต้องไปตลาดน้ำอัมพวา

ถึงแล้วตลาดน้ำอัมพวา

เดินเล่น หาข้าวกินนะจ๊ะ

อัมพวาเปลี่ยนไปมาก ร้านรวงเยอะมากขึ้น

ถ้าเรามาเดินคนเดียวคงหลงทิศหลงทางแน่นอน...

มีสาวน้อยตกน้ำด้วย 555++

มาอัมพวา อย่าลืมแวะ "บ้านครูเอื้อ"

ครูเอื้อ เป็นทั้งนักดนตรี นักร้อง และนักประพันธ์เพลง ผู้ก่อตั้งงวงดนตรีชื่อดัง

"สุนทราภรณ์ ที่ถือเป็นตำนานอมตะของวงการเพลงลูกกรุงที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ

นอกจากนั้นท่านยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง สมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

เพื่อเป็นการรำลึกถึงอัครศิลปินเพลงที่ยิ่งใหญ่ท่านนี้

จึงได้มีการจัดสถานที่ขึ้นมาที่หนึ่งชื่อว่า "บ้านครูเอื้อ"

ก่อตั้งโดยมูลนิธิสุนทราภรณ์ โดยการนำอาคารไม้โบราณ ริมคลองอัมพวา

อันเป็นถิ่นกำเนิดของครูเอื้อ สุนทรสนานเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว มาปรับปรุง

ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการประวัติผลงานของครูเอื้อ

เรื่องราวของเพลงสุนทราภรณ์ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ตลอดทั้งยังรวบรวม

ของใช้ส่วนตัวของครูเอื้ออาทิ เครื่องดนตรี เสื้อผ้าที่ใช้แสดง โต๊ะทำงาน และภาพเก่าๆ

ที่หาชมได้ยาก จัดเป็นศูนย์รวมข้อมูลสำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจค้นคว้า


ภายในบ้านครูเอื้อได้จัดเป็นมุมสำหรับ ให้แฟนเพลงได้เข้าไปนั่งฟังเพลงย้อนยุค

ซึ่งเข้ากับบรรยากาศของเรือนไม้โบราณเป็นอย่างดี หรือจะนั่งค้นคว้า

อ่านหนังสือ นอกจากนี้ยังมีมุมที่จัดไว้เพื่อจำหน่ายของที่ระลึกและผลงานเพลง

ของครูเอื้อ สุนทรสนาน เช่นหนังสือ เสื้อ พวงกุญแจให้ได้เลือกสะสมกัน

สถานที่แห่งนี้ยังนับเป็นส่วนหนึ่งใน "โครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นชาวอัมพวา"

ของมูลนิธิชัยพัฒนา ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯอีกด้วย

โต๊ะทำงาน ครูเอื้อ

ค่ำคืนอัมพวาคึกคัก เรือพาดูหิ่งห้อยวิ่งเข้า-ออก

เดินกลับมาท่าน้ำเพื่อลงเรือไปชมหิ่งห้อย

คนเรือไม่ได้พาเข้าคลองที่เขาแห่ไปดูกัน เพราะเรือของเราลำใหญ่

แค่พาขึ้นไปตามลำน้ำ เลาะใกล้ ๆ ฝั่ง แถวต้นลำพู ก็จะเห็นหิ่งห้อยวับ ๆ แวม ๆ

อันที่จริงก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับหิ่งห้อย เพราะรู้จักดี ตอนเด็กยังชอบไล่จับ

เอาใส่ขวดเอาไปไว้ในมุ้ง มาดูแค่อยากเห็นว่ามันยังมีอยู่จริง!!

ด้วยความมืด พยายามอัดคลิปมา อัดมาได้ด้วย เย้...!!

เห็นหิ่งห้อยแล้ว สบายใจ!! กลับรีสอร์ทนอนได้...

ผ่าน "สะพานแขวน วัดปากน้ำ" อีกครั้ง

กลางคืนมีแสงไฟ ทำให้สวยได้อีก

ผ่านปากคลองเข้าตลาดน้ำบางน้อย ขอให้เรือเลี้ยวเข้าไปอุโมงค์ไฟ

อุโมค์ไฟบนสะพานข้ามจะเปิดให้ชม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ถึง 4 ทุ่ม

อีกหนึ่งจุดขายของ ตลาดน้ำบางน้อย สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง

กลับถึง "บ้านน้ำเป็น รีสอร์ท" โดยสวัสดิภาพ 2 ทุ่มกว่า ๆ

บริการเรือเที่ยวที่มารับนี้ คนขับเรืออัธยาศัยดี

บอกเล่าแนะนำสถานที่ที่จะไปให้ฟังก่อนขึ้นจากเรือไปเที่ยวชม

สนใจบริการเรือเที่ยว ชมวัดไหว้พระ 3-5 วัด ไปตลาดน้ำอัมพวา

และดูหิ่งห้อย ติดต่อได้ที่เจ้าหน้าที่ของ "บ้านน้ำเป็น รีสอร์ท"



Joy'Gangsster





Joy'Gangster

 วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 13.02 น.

ความคิดเห็น