สวัสดีค่ะ

ทริปนี้เป็นการไปเกาะช้างครั้งแรกของเราเลย

ทั้งๆ ที่จังหวัดบ้านเกิดเราเองใกล้จังหวัดตราดมาก

แต่ก็ยังไม่เค้ยยย ไม่เคยไปสักที เวลาก็มีไม่มาก

เลยจะพาทุกคนไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ 3 วัน 2 คืนชิลๆ ที่เกาะช้างกันเลยค่ะ



การเดินทางจากกรุงเทพ - เกาะช้าง

เราเดินทางกับ เชิดชัยทัวร์ จากสถานีขนส่งเอกมัย

ไปลงที่บขส.ตราด แล้วต่อรถสองแถวไปที่ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ค่ะ

ราคารถทัวร์รวมตั๋วเรือ (ไป-กลับ) 380 บาทค่ะ



* จริงๆ ไปที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติจะใช้เวลาเดินทางน้อยกว่านะคะ

แต่ในตั๋วรถทัวร์เขาให้ซื้อรวมกับของท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์มา

เห็นง่ายดี ก็เลยตามนั้นเลยค่ะ ราคาตั๋วเรือ 80 บาท/เที่ยวค่ะ


* ถ้าอยากประหยัดเวลา ให้นั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ดีกว่าค่ะ

รถทัวร์ที่เรานั่งไปคือนานมากกกกก ประมาณ 6 ชั่วโมง

รถตู้จะอยู่ที่ประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ



ก่อนจะไปดูรูปเต็มๆ ฝากวิดีโอสั้นๆ ให้รับชมบรรยากาศโดยรวมกันก่อน


DAY 1

กว่าจะมาถึงท่าเรือก็ใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ

วิวจากบนเรือก็จะประมาณนี้ เกือบได้ดูพระอาทิตย์ตกบนเรือแล้วสิเรา

มาถึงตอนมืดพอดี มี welcome drink เล็กน้อย พร้อมแจ้งรายละเอียดต่างๆ

ก่อนจะไปเตรียมตัวทานบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลกันนน

ห้องพักของเราเป็นห้อง Deluxe Beachfront ค่ะ

มองจากระเบียงออกไปจะเห็นวิวทะเลเลยย <3

หน้าตาห้องพักตอนกลางคืนก็จะเป็นแบบนี้ค่าา

ในส่วนของห้องน้ำนี่ขอบอกว่าใหญ่พอๆ กับห้องนอนเลยค่ะ 555555

มีทั้งอ่างอาบน้ำกับฝักบัวเลยยย facilities ต่างๆ ก็มีให้ครบมากเลย

ตั้งแต่แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ หมวกคลุมผม ไดร์เป่าผม และอื่นๆ อีกมากมายย~

สำรวจคร่าวๆ เสร็จแล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็นของเราาา

ตรงนี้จะเรียกว่า The Sand ค่ะ เป็นบริเวณริมหาด โดยที่นี่จะมี Charcoal Night

เป็นบาร์บีคิวอาหารทะเลสดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่ช่วง 18.30-22.00 น. เล้ยยย

ราคาอยู่ที่ท่านละ 699 บาทค่ะ


เสียดายพระอาทิตย์ตกไปแล้วเลยเป็นการทานอาหารใต้แสงเทียนแทน 55555

ไม่เป็นไรค่ะ วิวไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ของเราก็สวยงามไม่แพ้กับทะเลเลยยย

มีเนื้อให้เลือกสรรมากมายยย ตั้งแต่เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ อาหารทะเล บาร์บีคิว

ซุป ผักสลัด ผัดไทย ข้าวผัด คือมันดีงามมากกกก

สำหรับน้ำที่สั่งมาในวันนี้เป็นสตรอเบอร์รี่ปั่นกับมิกซ์เบอร์รี่ปั่น ไม่หวานเกินไป กำลังดี

สดชื่นมากๆ ฮับบบ

จุ้งงงงงงง แกะกุ้งกันเพลินมากเลยค่ะ


DAY 2

ตอนแรกจะตื่นแต่เช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน ปรากฎว่าเช็คทิศแล้ว

พระอาทิตย์จะขึ้นอีกฟากฝั่งนึง เลยนอนชิลต่อบนห้องกันไปป


เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยอาหารเช้าที่ห้องอาหาร The Spoon ค่ะ

จะเปิดตั้งแต่ 07.00-10.30 น. เลยย รีบลงมาเราสามารถไปนั่งตรงฝั่ง The Sala

ที่เป็นห้องอาหารเย็นได้ด้วยค่ะ

สำหรับอาหารเช้าก็จะมีให้เลือกทานเยอะมากเลยค่ะ

มีชีสด้วยยย

มีตู้ขนมจีบซาลาเปาด้วยน้าาา

ตรงนี้จะมีเฟรนช์โทส แพนเค้ก แล้วก็ปาท่องโก๋ค่ะ

สามารถสั่งเมนูไข่ได้ตรงนี้เลยค่าาา

ส่วนมุมนี้จะเป็นซีเรียล

มานั่งตรง The Sala กันน

หน้าตาของอาหารเช้าของคนไม่กินผักสองคน 55555

ทานข้าวเช้าเสร็จเราก็จะไปเดินเล่นรอบๆ ที่พักกันค่ะ

วันนี้วิวสวยมากกกก ตอนแรกดูพยากรณ์อากาศเสี่ยงๆ ว่าจะฝนตก

แต่สุดท้ายแล้วแสงสดใสทั้งวันเลย



เริ่มด้วยด้านหน้าของที่พักกับ Lobby กันเลยยย

หลังจากเมื่อวานมาถึงมืดเกิน ยังไม่ทันได้สำรวจอะไร 5555

ด้านหน้าก็จะเป็นประตูสูงใหญ่มากกกก ดีไซน์ที่นี่จะสูงโปร่ง ตกแต่งด้วยโทนสีขาว
เป็นแบบ Oriental Zen ดูแล้วสบายตามากๆ มุมถ่ายรูปก็เยอะมากเช่นกันค่ะ

โซนสระว่ายน้ำ

ตรงนี้จะเรียกว่า The River ค่ะ เป็น pool bar ริมสระว่ายน้ำ เปิดเกือบทั้งวันเลย
มีช่วง Happy Hour ด้วยน้าา

มีหนังสือให้ยืมอ่านด้วยค่ะ

ต่อไปเป็นมุมที่เราชอบที่สุดของที่นี่เลย คือริมชายหาดตอนเช้า
วันนี้อากาศดีมากถึงมากที่สุด ทำให้เกิดเงาสะท้อนของท้องฟ้าบนทะเลแบบนี้


ขึ้นมานอนเล่นในห้อง รอให้แดดเปรี้ยงๆ เบาลงก่อน แล้วจะออกไปขับรถเล่นกันน~

พักทานข้าวกลางวันกันก่อน แล้วเราจะพาขับมอเตอร์ไซค์ไปลุยหาดทรายขาวกับ lonely beach กันค่ะ

เป็ดผัดซอสมะขาม กับปลาผัดซอสเพสโต

เครื่องดื่มกลางวันนี้เป็นน้ำมะพร้าวปั่นกับสมูทตี้บลูเบอร์รี่ค่า ชื่นใจจจจ

หลังจากนั้นเราก็จะเช่ามอเตอร์ไซค์ไปขับเล่นแถวหาดกันค่ะ สามารถติดต่อที่ Lobby ได้เลย
ราคา 250 ต่อวันค่ะ ใช้แค่บัตรประชาชนอย่างเดียว ไม่มีมัดจำ

* คำแนะนำ ต้องขับมอเตอร์ไซค์ค่อนข้างแข็งเลยนะคะ เพราะทางอันตรายมาก
มีโค้งหักศอกเยอะมากๆ ทางค่อนข้างชันด้วย ขับขี่ปลอดภัยนะค้าา


ขับย้อนกลับมาทางที่เรามาจากท่าเรือไม่ไกลมากก็ถึงแล้ว หาดทรายขาว
หาดกว้าง ทรายนุ่ม แดดไม่แรงมาก ถ่ายรูปกันเพลินๆ เลยยย
เงาสะท้อนสวยอีกแล้ว


ขับย้อนกลับมาอีกทางจะเป็นจุดชมวิวไก่แบ้ค่ะ เปิดกูเกิ้ลแมพแล้วขับตามมาเล้ย
ทางเข้าต้องระวังรถสวนทางนิดนึงนะคะ

ในส่วนของ Lonely Beach นั้นตอนแรกเราหาทางเข้าไม่เจอ
เลยมาเข้าตรงจุดสิ้นสุดหาดกันเลยทีเดียว Lonely สมชื่อจริงๆ ค่ะ เงียบสงบมาก
หาดฝั่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหาดหินนะคะ

เห็นฟ้าครึ้มๆ ท่าไม่ดี เลยขับกลับโรงแรมกันก่อน
ขึ้นมานั่งเล่นบนห้อง สักพักคุณแม่บ้านก็มาเคาะประตู มีของว่างมาเสิร์ฟให้ค่าา~

แสงตอนบ่ายๆ เย็นๆ มันดีเหลือเกินนน

พอเริ่มแน่ใจว่าฝนจะไม่ตก เราก็จะลงไปนวดกันที่ The Spa
โดยจะมีทั้งแบบ indoor และ outdoor เลยค่ะ

เรามานวดตรงนี้ นวดสบายมากเลยค่ะ ไม่เจ็บเลย

ใกล้ๆ กับ The Spa จะมีเรือคายัคให้เช่าพายด้วยนะคะ

ตอนเย็นๆ ก็ไปเดินถ่ายรูปรอบๆ ที่พักและริมหาดกันเช่นเคย รอทานอาหารเย็นค่าา


ขอบคุณฝนที่ไม่ตกค่ะ บรรยากาศดีๆ โรแมนติก

มาถึงพระเอกของเราในวันนี้ ดินเนอร์ seafood อีกเช่นเคยยยย
มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา และปลาหมึก คออาหารทะเลแบบพวกเราฟินมากกก
ส่วนจานอื่นก็จะมีผัดผัก ยำซีฟู้ด ต้มข่าไก่(หอมอร่อยมากถ้วยนี้) และฮ่อยจ๊อค่ะ
ต้องขอบอกจริงๆ ว่าอาหารที่นี่อร่อยทุกจานเลยอะ กินไม่หยุดเลย 5555


DAY 3
มาถึงวันสุดท้ายกันแล้ว เช้าวันนี้ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วรีบกลับค่ะ กลัวจะถึงกรุงเทพมืด
สามารถบอกที่ Lobby ให้จอง Taxi สองแถวมารับได้เลยค่ะ คนละ 80 บาทเช่นเดิม
ขากลับเราจะกลับที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติแทนนะคะ เพราะตรงนั้นจะมีสองแถวไปคิวรถตู้เลย

เมื่อถึงท่าเรือแล้วก็จะมีคนมาขายแพคเกจเรือ + สองแถวไปท่ารถ + รถตู้ค่ะ
ค่าเรือ 80 บาท ค่ารถสองแถวกับรถตู้ 320 บาท รวมๆ แล้ว 400 บาทถ้วน ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้ว



บ๊ายบายเกาะช้าง

ขอบคุณมากที่มาครั้งแรกแล้วสร้าง first impression ให้เราได้ขนาดนี้

สัญญาว่าจะกลับมาใหม่และครั้งหน้าจะไปดำน้ำให้ได้ <3

ขอบคุณที่ติดตามและอ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ


ค่าใช้จ่าย

ในการเดินทางรวมๆ แล้วประมาณ 1,200 บาทค่ะ


สำหรับข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ของที่พักและราคาห้องพัก

สามารถเช็คได้ที่ http://www.awakohchang.com

ราคาจะเปลี่ยนไปตาม season นั้นๆ ค่ะ


ขอบคุณทาง AWA ด้วยนะคะ ที่ชวนมาสร้างประสบการณ์ดีๆ ในทริปนี้ :)



ติดตามรูปภาพเพิ่มเติม วิดีโอ และทริปอื่นๆ ได้ที่

FB: http://www.facebook.com/plaintography

IG: @agirlgoesthere

Website: www.agirlgoesthere.com



แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ ♡



ความคิดเห็น