ผมเองอยู่ภูเก็ต แต่บอกเลยว่าเคยเที่ยวเกาะยาวใหญ่ซึ่งอยู่ห่างภูเก็ตแค่เอื้อมเพียงครั้งเดียว และก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ตามโปรแกรมทัวร์ราว 2-3 ชม.เห็นจะได้ … การไปเยือนครั้งนี้เป็นครั้งที่สองสำหรับผม ต่างจากคราวที่แล้วตรงผมจะมีเวลาพักค้างคืนที่เกาะใหญ่วิลเลจ ทำให้มีเวลาได้อิ่มเอมกับบรรยากาศมากกว่าครั้งก่อน และดูเหมือนมันจะทำให้ผมจะหลงรักเกาะแห่งนี้เข้าเสียแล้ว


ก่อนเริ่มรีวิวขอฝากช่องทางติดตามผลงานด้วยครับ

การเดินทางไปเกาะยาวใหญ่จะต้องไปขึ้นเรือ speed boat ที่ท่าเรือบางโรง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูเก็ต โดยเรือจะออกทุก 45 นาทีโดยประมาณ ซึ่งดูข้อมูลได้จากหน้าเวปของรีสอร์ทแห่งหนึ่งบนเกาะยาวด้านล่างได้เลยครับ http://www.kohyaochukit.com/thai/location.html

ท่าเรือ speed boat (บางโรง)

หากขับรถไปจะต้องฝากรถไว้ที่ท่าเรือโดยมีค่าบริการ 100 บาทต่อวัน .. ส่วนระยะเวลาจากท่าเรือบางโรงไปท่าเรือเกาะยาวใหญ่นั้นประมาณ 30 นาทีด้วย speed boat ครับ ค่าโดยสารคนละ 200 บาท ทั้งนี้จะมีเรือหางยาวด้วยใช้เวลา 1:30 ชม. ราคาค่าโดยสาร 150 บาท และมีรอบน้อยกว่า … ผมแนะนำว่าขึ้น speed boat เถอะครับสะดวกกว่าเยอะ แม้อาจต้องมีการยืนบ้างหากมีผู้โดยสารมาก


หากขับรถมาก็จอดไว้ตรงท่าเรือบางโรงได้เลยครับ


ได้เวลาออกเดินทาง



เมื่อถึงท่าเรือของเกาะยาวใหญ่แล้วก็จะมีคนของรีสอร์ทมารอรับ ทั้งนี้ต้องจ่ายค่าโดยสารไปยังรีสอร์ทเพิ่มคนละ 100 บาท ทีแรกผมก็คิดว่าแพงอยู่เหมือนกัน แต่พอมาเจอกับระยะทางก็พอเข้าใจครับว่าถ้าคิดต่อกว่านี้มีลูกค้าคนเดียวคงขาดทุนแย่ เพราะจากท่าเรือไปรีสอร์ทก็ไกลพอสมควรทีเดียว


บรรยากาศที่ท่าเรือบนเกาะยาวใหญ่


ระหว่างนั่งรถไปโรงแรม วิวสวยทีเดียว ... ผมว่า signature ของที่นี่คือวิวของหมู่เกาะในอ่าวพังงานี่แหละครับ



เกาะยาวใหญ่วิลเลจ ตั้งอยู่ริมทะเลหันหน้าเข้าหาทิศตะวันออก สามารถมองเห็นหมู่เกาะในอ่าวพังงาได้อย่างชัดเจนทางด้านทิศเหนือ นอกจากนี้ยังมองเห็นบางเกาะของจังหวัดกระบี่ด้วย … บรรยากาศในบริเวณรีสอร์ททำได้น่าพักผ่อนมากครับ มีแปลงนาข้าวเล็ก ๆ ปลูกอยู่ในหลายพื้นที่ของรีสอร์ท เป็นภาพที่แปลกตาดีที่ได้เห็นนาข้าวใกล้ทะเล … นอกจากนี้บรรยากาศทั่วไปก็ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ประจำถิ่นสลับกับไม้ประดับที่ปลูกแซมโดยทางรีสอร์ท


ทางเข้าเป็นนาข้าวแปลงเล็ก ๆ


โถงต้อนรับ, ห้องพัก และ facilities ของรีสอร์ทอื่น ๆ ก็ออกแบบก็เป็นสไตล์เดียวกันหมดคือใช้งานไม้ผสมปูน ดูแล้วกลมกลืนกับบรรยากาศโดยรอบ ทั้งนี้ที่พักแบบ Deluxe Bungalow ของผมจะเป็นบังกะโลตั้งอยู่ห่าง ๆ กันทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดหรือบังวิวซึ่งกันและกัน


บรรยากาศที่ lobby อบอุ่นเป็นกันเอง … น้ำกระเจี๊ยบปั่นเย็นชื่นใจเหมาะกับอากาศร้อน ๆ ทางใต้

บรรยากาศบริเวณใกล้ที่พัก … ต้นมะม่วงหิมพานต์ที่นี่ต้นใหญ่จัง

ภายนอกห้องพักจะมีม้านั่งกับตั่งขนาดใหญ่พร้อมมุ้งสำหรับนั่งพักผ่อนหรืออ่านหนังสือ ส่วนในห้องนอนจะแบ่งเป็นสองส่วนคือเตียงนอนกับส่วนที่เป็นห้องน้ำ โดยบริเวณ shower เป็นหลังคาเปิดโล่งให้อารมณ์การพักผ่อนได้อย่างดีทีเดียว … จะว่าไปการกแต่งทั่วไปไม่ได้ถึงกับหรูหรามากแต่ก็สะอาดสะอ้านและกว้างขวางกำลังดี ที่สำคัญตอบโจทย์เรื่องของอารมณ์การพักผ่อนริมทะเลมาก ๆ


ห้องพักแบบ Deluxe Bungalow


มาถึงก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดีครับ รีบไปที่ห้องอาหารซึ่งอยู่ติดกับสระว่ายน้ำก่อนเลย เพราะถ้าช้าคนอาจจะเยอะ อิอิ


อาหารมื้อเที่ยงวันนี้เป็นแบบง่าย ๆ ครับ club sandwich กับ tuna sandwich สำหรับสองคนรสชาติอร่อยดีครับ ราคาก็สมกับ portion ไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้แพงเวอร์ .. พอ ๆ กับราคาตามแหล่งท่องเที่ยว inter ทั่วไป รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยอยู่ที่ 9xx สำหรับ 2 คน

บ่ายของวัน แดดยังแรงอยู่ผมก็เลยถ่ายภาพบรรยากาศไว้บางส่วนแล้วกลับไปพักผ่อนในห้อง



นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ผมเจอจะเป็นฝรั่งครับ น่าจะเกิน 80% คนไทยเท่าที่ดูไม่มีเลย มีเพียงกรุ๊ปจีนอีกกลุ่มนึงที่เป็นเอเชีย เชื่อว่าฝรั่งต้องชอบบรรยากาศแบบนี้มากแน่ ๆ เพราะเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนแบบยาว ๆ จริง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะมานอนอาบแดดหรืออ่านหนังสืออยู่ริมสระหรือใต้ต้นไม้ริมทะเล .. ข้อดีของการพักผ่อนร่วมกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้คือเสียงไม่ดังครับ

สำหรับหาดด้านหน้ารีสอร์ท จะมีร่มไม้ให้นั่งพักผ่อนได้ โดยมี beach chair เตรียมไว้ให้ ส่วนทะเลจะลงเล่นได้เฉพาะตอนน้ำขึ้นเท่านั้น เพราะช่วงน้ำลงจะแห้งเหือดเหลือแต่พื้นดินสลับหิน


อีกสระนึงอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก



จนเมื่อตะวันคล้อยแล้วจึงออกมาเก็บบรรยากาศในรีสอร์ทอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงน้ำลงพอดี ... ลมแรงมาาาาก



จุดถ่ายภาพก็คงเป็นบริเวณสระว่ายน้ำ ซึ่งมี 2 โซนคือที่ติดกับห้องอาหาร และอีกแห่งเล็กกว่าอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย สำหรับวิวนั้นผมว่าสระที่อยู่ติดห้องอาหารสวยกว่าครับ … โดยเฉพาะช่วงก่อนค่ำบรรยากาศโรแมนติกมาก



ห้องพักยามค่ำ



มื้อค่ำของวันผมลงเปลี่ยนเป็นอาหารไทยบ้าง รสชาติดีเช่นกันครับ แต่ตั้งใจทานมากจนลืมถ่ายภาพ ราคามื้อนี้เท่า ๆ กับมื้อเที่ยงแต่ไม่มีแอลกอฮอล์ (ตั้งใจทานมากจนลืมถ่ายภาพ อิอิ)วันรุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาเก็บบรรยากาศตอนพระอาทิตย์ขึ้น แม้วันนี้แสงจะไม่ได้อลังการมากนัก แต่บรรยากาศสงบ ๆ ของที่นี่ก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากจริงๆ



line buffet อาหารเช้าก็ ok นะครับ แต่เมนูทั้งหมดไม่มีหมู คงเพราะคนบนเกาะนับถือศาสนาอิสลาม



ถ้ามีเวลามากกว่านี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกหลายอย่างบนเกาะยาวใหญ่ ผมจำได้ว่าชายหาดตรงสุดเกาะสวยมาก เสียดายที่ผมมีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืนจึงไม่มีโอกาสได้ไป … ทั้งนี้ทางรีสอร์ทมีบริการให้เช่ารถจักรยานด้วย หรือเพื่อน ๆ จะออกมาเช่ามอร์เตอร์ไซต์ที่ร้านปากทางเข้ารีสอร์ทก็ได้ราคาเท่า ๆ กัน ก็แล้วแต่ชอบว่าอยากได้บรรยากาศชิล ๆ ของการปั่นหรือเป็นเด็กแว้นขี่มอเตอร์ไซต์ซิ่งบนเกาะ



รถมาแล้ว ต้องกลับแล้วคร้าบ



โดยสรุปต้องบอกว่าเกาะยาวใหญ่วิลเลจ เป็นรีสอร์ทอีกแห่งที่น่ามาพักผ่อนมาก ๆ … ผมเองก็แปลกใจว่าผมไปอยู่ไหนมาทำไมไม่เคยรู้จักรีสอร์ทแห่งนี้มาก่อนเลย คงเป็นเพราะบรรยากาศห่างไกลแสงสีแบบนี้ถูกจริตฝรั่งผมทองมากกว่าก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามหากมองหาสถานที่หลีกหนีความวุ่นวาย ผมอยากแนะนำที่นี่จริงๆ แต่ควรจะมีเวลาสัก 2-3 คืนจะได้ไม่รู้สึกเร่งรีบเกินไปเพราะการเข้าถึงไม่ได้สะดวกเหมือนโรงแรมบนเกาะภูเก็ต ..


ผมขอสรุปข้อดีและข้อสังเกตสำหรับรีสอร์ทแห่งนี้ไว้เป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ ได้ตัดสินใจดังนี้ครับ

ข้อดี

  • บรรยากาศดีมาก สงบและค่อนข้างเป็นส่วนตัว
  • พนักงานอัธยาศัยดี
  • ห้องพักสะดวกสบาย กว้างขวาง


ข้อสังเกต

  • การเดินทางมายังเกาะยาวอาจไม่สะดวกเมื่อเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ เพราะต้องเดินทางมาท่าเรือ, นั่งเรือ speed boat และต่อด้วยรถสองแถวของรีสอร์ท นอกจากนี้แต่ละช่วงล้วนเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
  • การเดินทางไปจุดอื่น ๆ บนเกาะยาวทำได้ไม่สะดวกนัก เดินเท้าค่อนข้างไกลต้องเช่ารถจักรยานหรือมอเตอร์ไซด์
  • ชายหาดไม่ได้เหมาะสำหรับเล่นน้ำนัก โดยเฉพาะตอนน้ำลงไม่สามารถเล่นได้เลย


สุดท้ายนี้ขอฝากช่องทางติดตามผลงานด้วยนะคร้าบ

นายมด

 วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.53 น.

ความคิดเห็น