เอาล่ะ สถานที่สุดท้ายสำหรับทริปเชียงใหม่ของเราสองคน



ม่อนแจ่ม






การเดินทาง (แม่กำปอง – ม่อนแจ่ม)

เราขับรถกันไปชิลๆเรื่อยๆ ก็อยู่ระมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้วครับ



การเดินทาง (ขึ้นม่อนแจ่ม)

ทางไม่ชันมากครับ รถจักรยานยนต์ก็สามารถขี่ขึ้นไปได้ แต่ไม่แนะนำให้ซ้อน 3 กันไปนะครับ เพราะอาจเกิดอันตรายได้



ที่พัก

เพื่อนๆสามารถพักได้ทั้งบนม่อนแจ่ม และด้านล่างพวก แม่สา หรือบริเวณแถวๆนั้น แต่หากเพื่อนๆคนไหนรักธรรมชาติมากๆ ก็สามารถกางเต็นท์นอนก็ได้ครับ แต่หมีหมูไม่แน่ใจว่าต้องจองกับทางที่พักด้านบน หรือติดต่อหน่วยไหน



คำแนะนำ

ม่อนแจ่ม เป็นสถานที่นึง ที่เราสองคนขึ้นไปทั้ง เช้า และ เย็น เพราะเป็นบรรยากาศที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก คือตอนเย็น เราจะได้เห็นแสงในการถ่ายรูปที่ไม่สว่างมาก ดูสลัวๆ แสงจะนวลไปกับไร่ทานตะวัน และไร่สตอรว์เบอร์รี่ ส่วนช่วงเช้าเราจะสามารถดื่มด่ำกับอากาศบริสุทธิ์จากที่สูง พร้อมรับประทานอาหารเช้าในร้านของโครงการหลวงได้ด้วย






และในรีวิวนี้เรามีแถม สถานที่พัก ซึ่งภายในมีร้านกาแฟ สถานที่ชิคๆให้ถ่ายรูปกันอีกแห่งกับ



เก๊าไม้ล้านนา



การเดินทาง (เชียงใหม่ – เก๊าไม้ล้านนา)

30-45 นาที ไม่ไกลมากครับ

คำแนะนำ

หากนำรถไปเอง ให้แวะเข้าไปที่ คาเฟ่ ของทางรีสอร์ทก่อน สั่งเครื่องดื่มซะหน่อย จะได้ประทบตราจอดรถ แล้วค่อยออกไปถ่ายรูปชิลๆในรีสอร์ทกัน!!!






มาดูกัน!!!



==========================================================



ก่อนขึ้น ม่อนแจ่ม เราก็ได้แวะไปที่น้ำตกๆหนึ่งที่น่าสนใจ

“น้ำตกแม่สา”

โดยน้ำตกนี้จะมีทั้งหมด 10 ชั้นด้วยกัน แต่ที่จอดรถจุดสุดท้ายจะอยู่ที่ชั้น 4

ทำให้เราประหยัดเวลาเดิน เหลือเดินแค่ 6 ชั้น

ก็จะถึงชั้นสุดท้ายครับ แต่ว่าเราสองคนไปถึงแค่ชั้น 7 เองครับ

เพราะเวลาเรามีจำกัด อยากขึ้นไปม่อนแจ่มก่อนพระอาทิตย์จะลับของฟ้าไป



หลังจากแวะน้ำตกแม่สาแล้ว

เราสองคนก็เดินทางขับรถขึ้นไปจนถึง ม่อนแจ่ม

และเลือกที่จะเดินเข้าไปถ่ายรูปเล่นในสวนดอกทานตะวันกันเป็นอันดับแรก



ก่อนจะส่งดวงตะวัน ให้ลับขอบฟ้าในค่ำคืนสุดท้ายของพวกเราที่เชียงใหม่



==========================================================



เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง เราก็กลับขึ้นไปที่ม่อนแจ่มอีกครั้ง

เพราะด้านบน มีร้านของโครงการหลวง ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม



เอาไว้เพื่อบริการนักท่องเที่ยว ที่แวะมาชมทัศนียภาพอันงดงามของสถานที่แห่งนี้



แต่ที่เราสองคนเลือกกินกัน......

ดูไม่ค่อยจะเป็นอาหารสักเท่าไร



เมื่ออิ่มหนำกับเบเกอรี่ของโครงการหลวง

(ซึ่งบอกเลยว่ารสชาติดี ไม่หวานจนเกินไป และราคาก็ไม่แพงอีกด้วย)



เราก็ตัดสินใจไปเดินเล่นรอบๆอีกหนึ่งครั้ง

เพื่อสั่งลาม่อนแจ่มสักหน่อย



จึงได้พบกับชาวเขาตัวน้อยๆ

ที่มาเป็น Photo spot ให้สำหรับเหล่าพี่ๆนักท่องเที่ยว



หากใครไปเซลฟี่หรือถ่ายรูปกับน้องๆโดยตรง



ก็อย่าลืมให้ค่าขนมติดไม้ติดมือเด็กๆกลับไปบ้านกันด้วยน้าาาา



และก่อนจะลงจากม่อนแจ่มจริงๆ

เราก็พาตัวเองไปสุ่มเสี่ยงกับกิจกรรมที่เราสองคนรู้สึกว่า

ถ้ามาถึงม่อนแจ่มต้องได้ลอง



"ม้งล้อเลื่อนไม้"

สามารถเลือกได้ว่าจะนั่งคนเดียว หรือนั่งเป็นคู่ครับ



สำหรับค่าบริการ ก็ตามรูปเลย จริงๆแล้ว 400 เมตรดูเหมือนสั้นนะ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่เลยครับ



===========================================================



และเมื่อเราลงจากม่อนมาแล้ว ก่อนจะไปขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ

ก็ทิ้งท้ายด้วยบริเวณที่เป็นทั้ง โรงแรม ร้านกาแฟ และสถานที่ถ่ายรูปชิคๆกันอย่าง



"เก๊าไม้ล้านนา"



บรรยากาศในคาเฟ่ดีมากเลยครับ ติดแต่ว่าถ้าไปช่วงสุดสัปดาห์คนจะเยอะมาก

ที่เห็นนี่คือยืนอยู่บนชั้น 2 ของร้าน เพราะโต๊ะข้างล่างเต็มมากเลย



ส่วนไฮไลท์ของที่ เก๊าไม้ล้านนา คงหนีไม่พ้นสิ่งนี้ครับ

ห้องพักที่ถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อย สวยงามจริงๆ



สุดท้ายนี้สำหรับทริปเชียงใหม่ของเราสองคน

อยากจะบอกเลยว่า การเดินทางในครั้งนี้

เปิดประสบการณ์ ความรู้ รวมทั้งความรู้สึกของพวกเราสองคนได้อย่างมากมายเกินจะบรรยายผ่านตัวอักษรได้



หากใครยังไม่เข้าใจ

หมีหมูแนะนำ ให้ทุกคน



ลองหาวันว่าง เก็บกระเป๋า

แล้ว ออก ไป เที่ยว เถอะ!!!



เงินที่คุณเสียไป ไม่เคยได้เสียเปล่า

เพราสิ่งที่คุณจะได้กลับมาคือ

ประสบการณ์ และความทรงจำ ที่จะอยู่กับคุณไปอีกนานเท่านาน



สามารถติดตามผลงานของเราสองคนได้ที่

https://www.facebook.com/theplannersbytsst/

TurkTS

 วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 08.49 น.

ความคิดเห็น