ตั้งแต่คบกันมา หมีหมู แทบไม่เคยได้ไปเที่ยวเล่นในกรุงเทพฯ

ด้วยกันสักเท่าไร



จนเมื่อเร็วๆนี้มี มีโอกาสได้ไปลองทำรีวิวในบริเวณ

ที่คนชาวเมืองอย่างเรา (คิดว่า)คุ้นเคย



เราสองจึงเลือกมาที่สถานที่แห่งนี้ ที่

"บางรัก"



==========================



มาดูกันครับ ว่าบางรัก มีอะไรสำหรับเรากันบ้าง



การตัดสินใจมาลงพื้นที่ที่บางรักนั้นแปลกมาก



ทั้งๆที่เป็นสถานที่ที่ใกล้ตัวเราสองคน

แต่เรากลับแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมันสักทีไรเลย



จนต้องมานั่งควานหากัน ว่าเราจะไปที่ไหนบ้างดี



เลยเป็นที่มาของตารางในภาพนี้ครับ



"ประจักษ์เป็ดย่าง"

หรือ เป็ดประจักษ์



เป็นที่กล่าวขานถึงตำนานความอร่อยที่ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุงแห่งนี้มาเป็นเวลายาวนาน



หมีหมูไม่พลาดจริงๆ ที่จะลิ้มลองในสิ่งที่เขาเล่าลือกัน



โดยเราสองคนเลือกที่จะสั่งเมนูที่เป็นของขึ้นชื่อของทางร้าน



1) เฉโป (รวมทุกอย่าง) จานเล็กพร้อมข้าวสวย

2) บะหมี่เกี๊ยวกุ้งเฉโป

3) ข้าวหน้าเป็ด



ซึ่งทางด้านรสชาตินั้น

บอกเลย ไม่ต้องพูดถึง



อร่อยสมที่รอคอยจริงๆ



**แต่ถ้าหากใครจะไปกินที่ร้าน มีข้อควรทำใจหลักๆ 2 ข้อ

1) อาหาร รอ นาน มาก!!!

เนื่องด้วยจำนวนลูกค้าที่มหาศาลหรืออะไรก็แล้วแต่

2) บริการ..... เป็นกันเอง

คือให้ลูกค้าบริการกันเอง (ในบางครั้ง) คือก็ไม่ได้เรียกว่าเลวร้ายขนาดนั้น แต่ก็ทำใจกันไปหน่อยนะครัช อาจจะเพราะลูกค้าเยอะ พี่ๆพนักงานอาจจะเหนื่อย



แต่เรื่องรสชาติ การันตี ว่าของจริง



รอนานไม่นาน ดูตารางแปะคิวสิครัช



จากนั้นเรามาต่อกันที่ร้าน "หยั่นหว่อหยุ่น"



ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ โรบินสัน บางรัก พอดิบพอดี



ซึ่งในร้านจริงๆแล้วเป็นร้านขายสมุนไพรจีน เพื่อลูกค้านำกลับไปต้มรับประทานที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นแขนงทางยา หรือทางเครื่องดื่ม



แต่ตู้ใสๆที่เห็นในภาพนี้คือน้ำต้มสมุนไพรสำเร็จที่ทางร้านมีขายครับ สามารถเลือกซื้อแบบเป็นแก้วได้ประมาณนี้



แต่ยังมีขายแบบบรรจุขวดอีกหลากหลายรสชาติให้เลือกกัน



ความอร่อยถัดมาย่านบางรัก

คงไม่พ้นอะไร หวานๆ เย็นๆ ที่ช่วยดับความร้อนจากพระอาทิตย์ยามบ่ายได้



"โบ๊ยเกี๊ยเจ๊เนี๊ยว" ตั้งอยู่หน้าซอยโรงหนังปริ๊นซ์



ตำนวนความอร่อยย่านบางรักถัดมา



"ปั้นลี่ เบเกอรี่" ร้านขนมอบร้านนี้ เมื่อเข้ามาในร้านจะได้รับกลิ่นสัมผัสของความนุ่มนวลจากขนมปังหลากหลายชนิด



แต่ที่หมีหมูเลือกกินกันมา (จริงๆยังไม่ได้หยุดกินเลย ทำให้ตอนนี้อาหารทั้งหมด เริ่มเดินทางมาถึงคอหอยแล้ว) คือ



ขนมปังไส้สังขาใบเตย

ขนมปังไส้แฮมหมูหยอง



ซึ่งราคาเบเกอรี่ที่ปั้นลี่นั้นถูกมากๆ

หากซื้อแยกเป็นชิ้นๆอาจจะมีราคาสูงขึ้นนิดหน่อย



ถัดมาจากหลายร้านที่พุวเริ่มจะปริ เราก็ยังไม่หยุดแค่นั้น



เมื่อเราไปหาอ่านข้อมูลมาแล้วเจอว่าบริเวณ เจริญกรุงซ.30 มีสถานที่ชิคๆคูลๆ ที่เป็นศูนย์รวมทั้ง ชอปปิ้ง, ศิลปะ และร้านกาแฟ มีเรอะ จะพลาด



"Warehouse 30"



เจ้า Warehouse 30 เนี่ย ศิลปินเขานำเอาโกดังทั้งหมด 7 โกดัง มาดัดแปลงให้ภายในกลายเป็น มาร์เก็ตเพลส ขนาดย่อมๆ ที่เป็นศูนย์รวมของกิจกรรมทั้งหลายอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น



ภายในทั้ง ชอปปิ้ง ร้านกาแฟ เวิร์คกิ้งสเปซ นั้นถูกตกแต่งด้วยการคลุมโทนไม่ให้ทิ้งห่างกัน และบางร้านก็สามารถเดินทะลุต่อกันได้จากภายในตัวร้าน ทำให้ง่ายต่อความเพลิดเพลิน ในการาสิ่งที่ต้องการมากๆ



ในส่วนของร้านกาแฟ ใน Warehouse30

ถือเป็นร้านกาแฟที่ค่อนข้าง Art เลยทีเดียว เนื่องจากมีการนำ เคาท์เตอร์ ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณกลางร้าน ที่ล้อมรอบไปด้วยบรรดาโต๊ะของลูกค้า ทำให้เราสามารถมองเห็นการทำงาน ทำขนม และชงกาแฟ ของพนักงานในร้านได้อย่างชัดเจน



ถือเป็นอรรถรสในการจิบกาแฟเป็นอย่างดี



ซึ่งภายในร้านกาแฟ ก็ยังมีมุมสวยๆให้เราได้ถ่ายรูปเล่นแบบอาร์ตๆกันอีกด้วย



จบจาก Warehouse 30 เราก็เดินทะลุทางลานจอดรถมาที่



เจริญกรุง ซ.32 เพื่อมาถ่าย Graffiti บนสตรีทอาร์ตแสนมีชื่อเสียงของย่านบางรักแห่งนี้



หากใครชอบสถาปัตยกรรมสวยๆ แปลกตา ลองมาเดินเล่นถ่ายรูปกันได้ที่ ไปรษณีย์กลางบางรัก



สถานที่ซึ่งแทบจะไม่มีความลงตัวกับตึกรามบ้านช่องที่คงสภาพความเป็นมาแต่อดีต......



แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ที่เวลาเดินผ่านสถานที่นี้ กลับรู้สึกได้ถึงความอยู่ร่วมกันของสถาปัตยกรรมที่ดีงาม



ก่อนหมดวันกันไป



หมีหมู ก็มาถกกันว่า เราจะนั่งเรือไป Asiatique ดีไหม

แต่คิดไว้ว่าถ้าไปคงใช้เวลานานน่าดู เนื่องจาก ณ เวลานั้นประชากรบนโป๊ะเรือล้นทะลักเป็นอย่างมาก เราเลยตัดสินใจเดินขึ้น



"สะพานตากสิน" เพื่อมาถ่ารูปแม่น้ำเจ้าพระยายามเย็นกันแทน



สำหรับทริปการมาบางรักในครั้งนี้ของเรา มีเวลาเพียงแค่ครึ่งวันเห็นทีจะไม่พอ



เลยถือโอกาสอันดีที่ได้ยินมาว่า มีโรงแรม ชิคๆ คูลๆ แถวบางรักเปิดใหม่



ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขานำโรงภาพยนต์เก่ามาทำเป็นโรงแรม



Prince Theatre Heritage Stay — at Prince Theatre Heritage Stay.



ด้วยตัวโรงแรมของ Prince Theatre Heritage Stay เพิ่งเปิดตัวได้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา



ทำให้ตอนนี้ ทางโรงแรม ออกเป็น Complimentary Card สำหรับอาหารเช้าแก่แขที่เข้าพัก



ศึ่งหมีหมูชอบรูปแบบของการ์ดมากๆ เหมือนกับจำลองมาจองตั๋วภาพยนต์ในสมัยก่อน



สำหรับบรรยากาศโดยรวม เป็นโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักไม่เยอะมาก และพื้นที่ส่วนหนึ่ง ยังคงสภาพและโครงสร้างมาจากโรงหนังเดิม ไม่ว่าจะเป็น



เสาไม้ที่ Lobby

จอแสดงภาพยนต์ใจกลางโรงแรม

แม้แต่ตั๋วที่ถูกค้นพบตอนมาทำความสะอาดก่อนปรับปรุงเป็นโรงแรม



เหนือความชิคอื่นใดของโรงแรมแห่งนี้



เมื่อยามพระอาทิตย์ตกดิน บริเวณคาเฟ่ด้านล่างจะกลายสภาพเป็น Bar ลับแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ



โดย Signature ของที่นี่คือ Cocktail ที่ดูดีไซน์มาให้เหมาะสมกับหนังแต่ละเรื่องที่นำมาเป็นชื่อ Cocktail



ที่หมีหมูสั่งมาแบบ งูๆปลาๆ ตามที่ถามจากพี่บาร์เทนเดอร์

ก็มี 2 เมนูแนะนำ



The Drunkard's Drink

From Here to Eternity



ราคาแก้วละ 250.-

(ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตจ้าาาา)



เมื่อหมีและหมูได้ลอง Cocktail ทั้งสองแก้วแล้วต้องบอกว่า

.............. แร๊งงงงงงงงงงงง



เพราะพี่บาร์เทนเดอร์แกใส่แอลกอฮอล์ลงไปไม่ยั้งเลย แต่สำหรับรสชาติ หลายคนถ้าได้แวะมาชิม อาจจะรู้สึกแปลกๆ เพราะไม่ใช่ Standard Cocktail แบบที่เราพบเจอกันบ่อยๆแน่นอน



เมื่อผ่านพ้นไปได้ 2 แก้ว

ก็เริ่มมีอาการกรึ่มๆกันเล็กๆ



นึกคึกสนุก ก็สั่งมาอีกสัก 1 เมนู ที่ให้ทางพี่บาร์เทนเดอร์แนะนำ



คราวนี้เป็นหนังเรื่องที่คิดว่าน่าจะคุ้นเคยกันดี



ดีไซน์เนอะร์ Cocktail ที่นี่ดึงจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ออกมาตั้งแต่ ภาชนะที่ใช้บรรจุ cocktail ให้เป็นรูปทรงคล้ายขวดใส่ยาพิษ ไปจนถึงของประดับตกแต่ง สีสัน และแม้แต่รสชาติที่ขมเฟื่อนคอเหมือนยาพิษจริงๆ



และนี่คือ "Romeo and Juliet" ครับ

หลังจากนอนหลับพักผ่อนกันเรียบร้อย



ทางโรงแรมก็มีอาหารเช้าน่ารักๆ สำหรับแขกที่เข้าพัก



ก็นับเป็นมุมอาหารเช้าไซส์พอเหมาะ มีทั้งขนมปังทาแยม ชา กาแฟ และนม



ก่อนที่จะ Check-out ไปลุยกันต่อในครึ่งวันที่เหลือ ด้วยความิตดศใจบรรยากาศชั้น 1 ของโรงแรม ที่กลางวันกลายเป็นคาเฟ่ที่ถูกประดับประดาด้วย ธีม ของโณงหนัง



จึงอยากเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆลูกเพจกันครับ



อาหารเช้าแสนน่ารักของทางโรงแรม

พออยู่ท้องก็จริง แต่สำหรับถนนสายนี้ที่มีแต่ของอร่อย



แฟนสาย- อย่างหมีหมูก็ยังคงไม่หยุดยั้งที่จะไปลองลิ้มชิมรส เจ้าเด็ดต่างๆกันต่อ



ซึ่งร้านของเช้าวันนี้ เราไม่ได้ไปกิน โจ๊กปริ๊นซ์ เหมือนหลายๆคน

ไม่ใช่เพราะกลัวคนเบ่ื่อ



แต่ร้าน มัน ปิด!!!



5555555555555555555+



เราเลยเดินต่อมาที่ร้าน

"เจ๊หลี ลูกชิ้นปลา" แห่งนี้



เมนูเด็ดที่หมีหมูยกให้เลยคือ เย็นตาโฟต้มยำ รสชาติจัดจ้าน ลูกชิ้นเด้ง เครื่องดี

ที่สำคัญ ใครเป็นสายอ้วนนะบอกเลย



กากหมูพี่แกให้ไม่ยั้ง ตั้งบนโต๊ะ อยากตักเท่าไหร่ตักไป



ใครสายกินกากหมูต้องไม่ลืม!!!



นัดหมอตรวจสุขภาพประจำปีไว้ด้วยล่ะ



หลังจากอิ่มท้องกับมื้อสายแล้ว เราเดินกลับมาตามเส้นทางเดิมของเมื่อวาน เพื่อมาเดินเก็บรายละเอียด และทะลุผ่านส่วนของ Warehouse30 กันต่อ



ระหว่างทางเดินไปจุดหมายสุดท้ายของเรา ก็ยังคงพบเจอ Street Art ต่างๆให้ถ่ายรูปเล่นกัน



จุดมุ่งหมายสุดท้ายของเรานี้ คือบ้านจีน

"โซว เฮง ไถ่"



ต้องเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ของถนนเจริญกรุงแห่งนี้



ทำให้เราได้พบกับบรรยากาศต่างๆมากมาย ทั้งบ้านเรือน ชาวบ้าน ร้านรวงต่างๆ



ที่สำคัญ สำหรับความประทับใจสุดๆอย่างหนึ่ง



คือการได้พบเจอขบวนฝรั่งปั่นจักรยานท่องเที่ยวรอบเจริญกรุง



ชาวต่างชาติแต่ละคน ต่างยิ้มแย้มให้เรา โบกมือทักทาย อย่างเป็นกันเอง ทำให้เราได้รู้เลยว่า พวกเขาชื่นชอบการมาท่องเที่ยวในบ้านเมืองของเราจริงๆ



และแล้วก็ถึงแล้ว



โซว เฮง ไถ่



โซวเฮงไถ่ แห่งนี้ภายในมีสระว่ายน้ำขนาดกลาง ที่มีความลึกไม่น้อย ล้อมรอบด้วยบรรยากาศบ้านจีนโบราณ ที่ดูมีความขลังและอยู่มาเนิ่นนนาน



แต่ยังคงสภาพของความเป็นบ้านโบราณไว้อย่างดี

(จริงๆกึ่งๆเป็นพิพิธภัณฑ์ได้เลยนะ)



ซึ่ง โซวเฮงไถ่ นี้ได้แปรสภาพกลายเป็นร้านกาแฟ ที่ให้ทุกคนได้มาพักผ่อน ถ่ายรูปเล่นกันแล้ว



โดยทางร้านเขาขอสงวนสิทธิ์ในการซื้อเครื่องดื่มคนละ 1 แก้ว เพื่อเข้ามาใช้บริการในสถานที่ครับ



สุดท้ายนี้หลายคนคงสงสัยว่าเขามีสระว่ายน้ำไว้ทำอะไร



เพราะที่นี่เขาเปิด คอร์สสอน ดำน้ำนั่นเอง



หากใครสนใจเรียนดำน้ำ ใจกลางเมือง สามารถลองไปติดต่อที่ โซวเฮงไถ่ ได้เลยจ้าาาา



และแล้วความทรงจำ 24 ชั่วโมง ณ บางรักของเราสองคน ก็คงต้องปิดตัวลงแต่เพียงเท่านี้



อยากให้เพื่อนๆทะลุกรอบของตัวเอง แล้วออกไปเที่ยวกันเยอะๆ



เพราะการเที่ยว ไม่ใช่แค่การออกไปที่ไกลๆ เดินทางไปต่างแดน หรือนั่งเครื่องบินนานๆ



จริงๆแล้วสถานที่ใกล้ๆตัวเรา อาจจะมีอะไรให้เราออกไปพบเจอ และค้นหามากมายกว่าที่เราเคยคิดไว้ก็เป็นได้



ภายส่งท้าย

ภาพนี้ถ่ายโดยรุ่นน้องที่แวะมาหาตอนกำลังเก็บบรรยากาศยามเย็นที่สะพานตากสิน



ขอบคุณเจ้าหมูที่ลุยมาด้วยกันเป็นเวลา 1 ปี นิดๆแล้ว

เป็นผู้หญิงที่เหนือความคาดหมายมาก



ลุยสุดๆ เกลียดห้องน้ำสกปรก แต่ก็ยอมขึ้นดอยด้วย

ปีนเขาร้อนๆจนหลังไหม้ก็ไม่บ่น



ขอบคุณน้าาาา



ไปเที่ยวด้วยกันอีกเยอะๆน้าาาาา



ฝากติดตามผลงานของพวกเราสองคนได้ที่

https://www.facebook.com/theplannersbytsst/

TurkTS

 วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.16 น.

ความคิดเห็น