สวัสดีปีใหม่ 2559 ครับเพื่อนๆ กลับมาเจอแก้วในวันปีใหม่กันเลยนะ เป็นไงกันบ้าง
หลายคนต้องกำลังเที่ยวอยู่แน่ๆ ก็ขอให้เที่ยวให้สนุก เดินทางปลอดภัยนะครับ ส่วนใครที่ไม่ได้ไปไหน
วันนี้แก้วมี Route ท่องเที่ยวดีๆ ใกล้ๆ กรุงเทพมาแนะนำ อยากรู้แล้วใช่ม๊าา งั้นไปชมกันเลยครับ

และเช่นเคยครับ ตลอดทริปนี้ผมใช้แค่มือถือเครื่องเดียวเหมือนเดิม

ที่ที่แก้วจะพามาในวันนี้นั่นก็คือ " เขาค้อ " นั่นเอง เป็นสถานที่ที่สวยงาม อากาศดี อยู่ใกล้กรุงเทพฯ
เดินทางไปมาสะดวกด้วยนะครับ นอกจากความสวยงามแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของประเทศเราอีกด้วย
ในช่วง สงครามกับคอมมิวนิสส์ ไปดูกันเลยดีกว่าว่า ครั้งนี้แก้วจะพาทุกคนไปถ่ายรูปกันที่ไหนบ้าง ตามมาเลยฮะ

ผมเริ่มต้นเดินทางออกจากบ้าน ที่จังหวัดสระบุรี นะครับ ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่ได้เป็นเทศกาล
จะเห็นว่ารถโล่งสบายดีเหลือเกิน ขับรถไปเที่ยวแบบไม่ต้องแย่งใครกินใครใช้เลย สบายสุดๆ

ขนาดรถวิ่งตามหลังมายังไม่มีซากคัน 55

เอาล่ะครับตอนนี้ผมก็มาถึง วิเชียรบุรีกันแล้ว แน่นอนฮะ อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือออออออ

ไก่ย่างงงงง นั่นเอง 55 5 ร้านที่แก้วมาแวะเติมพลังชื่อร้าน ไก่ย่างบัวตองครับ อยู่ติดถนนในเขตอำเภอวิเชียรบุรี

ด้วยความหิวโหยครับ กระหน่ำสั่งอย่างรวดเร็ว

อยากจะบอกว่า อร่อยสมคำล่ำลือจริงๆ ถึงชื่อของไก่ย่างวิเชียรบุรี แถมมีไฮไลท์เป็นส้มตำทอด
ซึ่งที่นี่เป็นที่แรกๆ ที่คิดทำส้มตำทอดขึ้นมาครับ

เอาล่ะครับออกเดินทางกันต่อ ผมเลี้ยวเข้ามาใช้เส้นทางเลี่ยงเมือง เพชรบูรณ์เพื่อขึ้นไปยังเขาค้อ

บรรยากาศนี่เปิดกระจกรถขับรถกันได้เลย อากาศดีมากเลยครับ

ถนนยังคงโล่งเช่นเดิม ชอบจริงๆ ให้ตายสิ 55 5

เอาล่ะครับเริ่มเข้าเขตเขาค้อแล้วฮะ เริ่มเห็นเขาอยู่ลิบๆ แล้วนะครับ

เอาล่ะครับ เข้ามาอยู่ในตัวเขาค้อกันแล้ว ผมขอเอาสัมภาระไปเก็บที่ที่พักก่อนนะครับ

เราพักอยู่ที่รีสอร์ทเล็กๆที่มีชื่อว่า บ้านสวนแก้ว เขาค้อ

เอาล่ะครับไปกันต่อ ตามธรรมเนียมครับ เราต้องแวะสัมการะ สิ่งศักสิทธิ์กันก่อน
ซึ่งเรามากันที่พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ครับผม

ทุกคนที่เข้ามาในนี้ ก็จะมาจุดเทียนขอพร กันให้เป็นสิริมงคลกับชีวิตครับ

ไปกันต่อครับ ขับรถลึกเข้ามาอีก เรามุ่งตรงไปที่อนุเสาว์รีผู้เสียสละ แห่งเขาค้อครับ

นั่นคือจุดที่ตั้งของ อนุสาวรีย์ผู้เสียสละของเขาค้อครับ ซึ่งเขาค้อ เคยได้ชื่อว่าเป็นดินแห่งคอมมิวนิสต์ เป็นพื้นที่สีแดงที่คุกรุ่นไปด้วยควันไฟของการสู้รบจากผู้ที่มีแนวคิดทางการ เมืองที่แตกต่างกัน (ช่วง พ.ศ. 2511-2525 ) ในยุคที่เขาค้อถือเป็นดินแดนต้องห้ามที่คนทั่วไปไม่ควรเฉียดเข้าไปใกล้แม้ แต่น้อย เพราะถือว่าอันตรายสุดๆ

ผู้เสียสละที่เคยร่วมสู้รบในพื้นที่แห่งนี้และเสียชีวิตเยี่ยงวีรบุรุษนั้น ก็ได้ถูกสลักชื่อเอาไว้ในอนุสาวรีย์แห่งนี้

บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของฐานต่อสู้คอมมิวนิสส์ ซึ่งในอดีตที่แห่งนี้เป็นฐานแห่งแรกที่ทหารไทยยึดคืนมาได้จากการสู้รบกับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) นอกจากนี้ บริเวณอนุสรณ์สถาน ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งบนเขาค้อ เนื่องจากตั้งอยู่บนส่วนที่สูงที่สุดอีกด้วย

วิวจากด้านบน ลมปะทะตัวเย็นสบายมากเหลือเกิน เวลาผ่านเลยมาก็ใกล้จะเย็นแล้วครับ
ผมเตรียมตัวจะไปที่ต่อไปนั่นก็คือ วัดผาซ่อนแก้ว นั่นเองครับ

มาถึงแล้วครับ วัดผาซ่อนแก้ว ซึ่งแต่ก่อนเป็นสถานปฏิบัติธรรม แต่ภายหลังก็ได้เปลี่ยนมาเป็นวัดครับ
ซึ่งที่เห็นอยู่ไกลๆ เป็น ส่วนของ เจดีย์วัดพระธาตุผาแก้ว ส่วนสำคัญในวัดครับ

ส่วนด้านนี้ครับ เป็นที่ตั้งของ อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ซึ่งอยู่ติดกับริมหน้าผา
และด้านหลังเป็นภูเขาซึ่งมีความสวยงามมาก และหาชมที่ไหนไม่ได้ นอกจากที่นี่ครับ

สวยงามมากเลยทีเดียวสำหรับฝั่งพระอุโบสถ มีลมเย็นๆ พัดมาตลอดเวลา อากาศดี ปลอดโปร่งมาก
รวมไปถึงบรรยากาศในวัดที่ขนาดจะคนเยอะ แต่ยังให้ความรู้สึกสงบ

ข้ามมาอีกฝั่งครับ นี่คือฝั่ง เจดีย์วัดพระธาตุผาแก้ว สร้างเจดีย์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี และเป็น ที่สืบพระศาสนาให้ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทย เพื่อประโยชน์แก่มนุษยชาติและคนรุ่นหลัง ได้มีโอกาสเรียนรู้ต่อไปบนยอดเจดีย์บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุซึ่งได้รับประทานมาจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก



ขึ้นมาด้านบนครับ มองลงเป็นก็จะเห็น ลานโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เพราะถูกล้อมรอบไปด้วยต้นโพธิ์มากมาย

และเมื่อมองไปยังฝั่ง พระอุโบสถจากมุมนี้ก็สวยดีเหมือนกันนะครับ


วันนี้พอเท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาดูภาพวิววัดในเวลาเช้ากันว่าจะสวยงามขนาดไหน

ภาพอาทิตย์ขึ้นของวัดผาซ่อนแก้วครับ สวยงามมากเลยทีเดียว

บรรยากาศของวัดในตอนเช้า สวยงามไม่แพ้เมื่อเย็นเมื่อวานเลยครับ ในส่วนนี้แก้วไม่เขียนอะไรมาก
อยากให้ชมภาพความงามกันยาวๆ เลยละกันนะครับ

สวยงามมากเลยใช่มั้ยล่ะครับ ระหว่างที่แก้วเขียนอยู่นี่ ยังนึกถึงภาพของวัด
รวมไปถึงอากาศเย็นๆ ที่สัมผัสกายอยู่ตลอดเวลา คิดถึงยังอยากจะกลับไปอีกเลยครับ

แก้วได้ข่าวจากชาวบ้านแถวนั้นครับ ว่าวันที่แก้วมาเที่ยวเนี่ย ตรงกับเทศกาลปีใหม่ของเราม้ง ที่เขาค้อพอดี
ไม่รอช้าครับ ออกตามหาหมู่บ้านชาวม้ง หรือนั่นก็คือ หมู่บ้านเข็กน้อย นั่นเองครับ

ภายในงาน ชาวม้งที่มาร่วมงานนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ในพื้นที่นะครับ แต่มาจากทั้งประเทศกันเลยทีเดียว
อีกทั้งยัง แต่งชุดประจำชาติ ประจำเผ่า มาเดินเฉิดฉายกันในงานอีกด้วยล่ะครับ

นอกจากนั้นก็จะมีร้านค้ามาออกร้านมากมาย ทั้งเสื้อผ้า ของกินของใช้ เพียบ

มีลานเบียร์ด้วยนะฮะ เกร๋มากเลย 55 5

สแลนกันแดดหลากหลายสีสัน สวยงามดีเหมือนกันนะครับ

มีเครื่องเล่นเหมือนตามงานวัดบ้านเรา มาออกกันด้วย เด็กๆ นี่ชื่นชอบกันมากเลยครับ ส่วนพ่อๆ แม่ๆ ก็นั่งเฝ้ากันไปยาวๆ

บริการถ่ายรูปแฟชั่นก็มาครับ เห็นทีปีหน้า แก้วมาออกงานที่นี่บ้างคงจะสนุกไม่น้อยเลย

ชาวม้งล้อมวงมาร่วมกิจกรรมส่วนกลางกันครับ มีด้วยกัน 2 เวที เวทีนึงจะเป็น ร้องคาราโอเกะ เพลงม้งครับ

นี่คือกิจกรรมที่หนุ่มสาว ชาวม้งต่างเฝ้ารอคอยกันมาตลอดปี

หนุ่มสาวม้งมีข้อห้ามที่จะไม่ไม่เกี้ยวพาราสี กับคนแซ่เดียวกัน หรือตระกูลเดียวกัน เพราะถือว่าเป็นพี่น้องกัน สำหรับโอกาสที่ดีที่สุด คือเทศกาลปีใหม่ ม้งทั้งชายหนุ่ม และหญิงสาวจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยสดงดงาม ที่ได้รับการจัดเตรียมมาตลอดทั้งปี ชายหนุ่มและหญิงสาวจะจับคู่โยนลูกบอล ซึ่งลูกบอลทำจากผ้าสีดำ และมีขนาดใหญ่กว่าลูกเทนนิสเล็กน้อย ฝ่ายหญิงเป็นผู้นำลูกบอลมาการโยนลูกบอลไป-มานั้น ฝ่ายหญิง และชายจะยืนห่างกันประมาณ 4-5 เมตร หญิงสาวที่ยังไม่มีคู่จะเป็นคนเข้าไปทักชายหนุ่มที่ตนรู้จัก หรือชอบพอ และยื่นลูกบอลให้เป็นการขอเล่นโยนลูกบอลด้วย หากชายหนุ่มคนใดไม่ชอบพอหญิงสาวคู่โยนของตน ก็จะหาทางปลีกตัวออกไปโดยมิให้เสียมารยาท ระหว่างเล่นโยนลูกบอลไปมาจะสนทนาไปด้วย หรืออาจเล่นเกม โดยตกลงกันว่าใครรับลูกบอลไม่ได้ต้องเสียค่าปรับเป็นสิ่งของ หรือเครื่องประดับให้กับฝ่ายตรงข้าม การเสียค่าปรับแก่กันและกัน

จะเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้พบกัน และเกี้ยวพาราสีกันในตอนกลางคืน ( แหม่เป็นวิธีที่เกร๋ดีนะครับ 55 5 )

ต่อจากหมู่บ้านม้ง เราก็หิวกันซะแล้วครับ เลยจะไปหาอาหารทานกัน เป้าหมายของเราก็คือ Route 12

ผมจะเข้าไปทานอาหารกันที่นี่แหละครับ ชื่อร้าน Food Way ร้านอาหารบรรยากาศน่ารักใน Route 12 แห่งนี้

พออิ่มท้องกันแล้ว ก็เกิดอยากดื่มกาแฟขึ้นมาอีกครับ ซึ่งที่นี่ก็มีร้านกาแฟที่ขึ้นชื่ออยู่ นั่นก็คือ Route 12 Coffee


บอกได้เลยว่าคนแน่นเอี๊ยด ต้องใช้เวลารอสักพักนึง

ระหว่างรอผมเดินเล่นแถวๆ ร้านกาแฟไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไปเยอะมาก เพราะมีมุมสวยๆ อยู่เต็มไปหมด


ได้กาแฟมาดื่มละ อร่อยใช้ได้นะครับ ถึงเวลาต้องจบทริปนี่้กันแล้ว เห็นมั้ยครับ ใช้เวลาแค่ วันสองวัน ก็สามารถท่องเที่ยวได้ครบรสขนาดนี้ ทั้งบรรยากาศ ความรู้ ได้บุญ อิ่มท้องอีกตะหาก ที่เขาค้อนี่ ตอบโจทย์ได้ดีเลย จริงๆ แล้วในเขาค้อยังมีอีกหลายมุมที่รอเราทุกคนไปสัมผัสกัน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

[ เกี่ยวกับผู้เขียน ]

ชื่อ "แก้ว" ครับ ชอบ เดินทาง ท่องเที่ยว และชอบถ่ายรูปมาก ตั้งแต่จำความได้เลย

ปัจจุบันก็ทำงานประจำ วันว่างๆ ก็เป็น นักเขียน อะไรไปเรื่อย
นอกจากนั้นยังชอบถ่ายภาพ บางครั้งก็มีคนจ้างไปถ่ายด้วยนะ 55 5
พอดีอย่างแชร์สิ่งที่ตัวเองรัก ให้คนอื่นได้รักบ้าง เลยมาเขียน Blog นี้ครับ

ฝากติดตามผลงาน เป็นกำลังใจให้แก้วเขียนด้วยน๊า

IG : https://instagram.com/kaew.mobilefoto/
Fanpage : https://www.facebook.com/mobile.fotographer


Mobile Photographer

 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.15 น.

ความคิดเห็น