****ตอนนี้ลงให้ 12 เส้นทางก่อนนะ ยังมีอีก เดี๋ยวมาลงให้ใหม่จ้าาาาาา *****

"รถไฟไทย ไปเที่ยวที่ไหนได้บ้างนะ"

หลายคนอยากไปเที่ยวคนเดียว และอยากลองนั่งรถไฟเที่ยวคนเดียวดูบ้าง แต่ไม่รู้จะไปไหนดี ไม่กล้าไปไหนไกล

ไม่มั่นใจว่าจะสนุกหรือเปล่า กลัวไม่คุ้ม อยากลองไปแบบประหยัดดูก่อน

หลายข้อสงสัยที่ถามกันมามากมายว่าอยากลองนั่งรถไฟเที่ยวเหมือนเรา เพราะดูจากในเพจแล้วเห็นนั่งบ่อย (แต่ความจริงก็ไม่บ่อยหรอก)

มาตอบให้ด้วยการรวบรวมที่ไปมาเองทั้งหมด ด้วยเส้นทางท่องเที่ยวรถไฟระยะทางใกล้กรุงเทพ ประหยัด และปลอดภัย

รวบรวมไว้ในนี้สำหรับมือใหม่อยากนั่งรถไฟระยะใกล้ เที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ ฉบับคนงบน้อย และที่สำคัญผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียวได้

ทำความเข้าใจก่อนว่า เราไม่เกี่ยวข้อง หรือเป็นเจ้าหน้าที่การรถไฟนะ ทั้งหมดหาข้อมูลเอง ไปมาเองจริงๆ มีรีวิวและภาพถ่ายประกอบ เราตอบได้เท่าที่รู้ อยากรู้เพิ่มเติม สอบถาม call center การรถไฟ 1690 จะดีกว่าค่ะ

ตอนไปยังมีที่ไปรถไฟฟรี (นั่งรถไฟฟรีบ่อยมาก นั่งเล่น ฮ่าๆๆ) แต่ตอนนี้ไม่ฟรีแล้ว อยากประหยัดไปชั้นสาม ราคานี้โคตรถูกแล้ว มีราคาให้คร่าวๆ แล้วนะจ๊ะ แต่ถ้าอยากลองนั่งขบวนอื่นก็หาข้อมูลเองจ้า

รายละเอียดเคยลงทั้งรีวิวย่อยและรีวิวเต็มให้แล้ว อ่านใต้ภาพได้เลย ทุกที่เราไปคนเดียว เว้นรถไฟนำเที่ยวกาญจนบุรี อันนั้นไปกับเพื่อน แต่ก็ได้ทริคตอนตกรถไฟกับเพื่อนมาแนะนำด้วย ถ้าว่าง วันหลังจะมารีวิวฉบับไปคนเดียวให้จ้า (แต่ไม่ค่อยว่างนี่สิ)

ตั้งงบไว้ 500-1000 บาท สำหรับคนกินและซื้อของเยอะ ก็ไม่เกินนี้ แต่ปกติเราจะเน้นถ่ายรูป หลายที่ก็หมดไป 200-300 บาทเอง

รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจองตั๋วหรือ

ตารางรถไฟ สอบถามที่ 1690 ได้เลยค่ะ

หรือ http\://www.railway.co.th


"นั่งรถไฟ ไปลพบุรี"

***อันนี้ไปตั้งแต่สมัยมีรถไฟฟรี ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ถ้าไม่ฟรี ขบวนที่แนะนำ

ข 111 เวลา 07.00 น. ราคา 50 บาท

ข 201 เวลา 09.25 น. ราคา 28 บาท

เป็นรถชั้นสามพัดลม

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

แต่อันนี้เราไปแบบค้างคืนมานะคะ จะรีวิวตามที่เดินทางไปพัก 1 คืน

แต่ว่าความจริงเรานั่งไป-กลับได้ค่ะ

ตอนนั้นเราซื้อตั๋วรถไฟชั้นสาม ห้าสิบบาทเอง ออกแต่เช้าได้ แต่ถ้าได้ตื่นสายหน่อยก็มาได้ เช็กรอบเองอีกทีตามตารางรถไฟนะคะ

เวลาออก 09.25 น. เดินทางด้วย ขบวน 201

ขากลับรถไฟฟรี มีตั้ง 2 รอบ

รอบ 17.31 ขบวน 210

และเวลา 18.06 ขบวน 102

รถไฟไป 3 ชม. กลับ 3 ชม. เผื่อเวลาไว้เนาะ ตีไป 4 ชม. เลยก็ได้

หากใครต้องการไปดูดอกทานตะวัน แนะนำดูฤดูกาลด้วยนะคะ จะบานช่วงเดือน พฤศจิกายน - มกราคม เท่านั้น

นอกฤดูกาลทานตะวัน เราเที่ยวแค่ในเมืองลพบุรีไปกลับได้ค่ะ และที่สำคัญ

ถ้ามารถไฟอาจไม่ทันดอกทานตะวันบานนะคะ เพราะดอกจะคอตกช่วง 11.00 น. มารถไฟก็สายแล้ว กว่าจะต่อรถ

หรือใครสะดวกค้างคืน แล้วออกเดินทางแต่เช้าก็ได้ค่ะ เหมือนที่เราไปมา ค้างคืนก่อน แล้วค่อยตื่นแต่เช้านั่งรถไปดูดอกทานตะวัน

รวมทุกอย่างทั้งที่พัก ค่าเดินทาง งบก็ไม่ถึง 1,000 บาท

เราไม่รีบ อยากเดินเรื่อยๆ เดินชมเมืองลิง ถ่ายรูปไปกรี๊ดไป เพราะชอบลิง แต่ลิงที่นี่นักเลงมากนะ ฮ่าๆๆ

วันที่ไปเรา ถึงสถานีรถไฟปุ๊บ เลยลองหาข้อมูลในเน็ต เจอที่พักแล้วโทรไปเช็กว่าว่างไหม แล้ววอคอินไปพักที่ เนตต์โฮเทล

ความจริงจะไปดูทานตะวันนั่นแหละ แต่เราไปถึงสายแล้ว เลยยอมค้างคืน เพื่อจะตื่นเช้าไปอีกวันดีกว่า

ถ้าเดินเที่ยวในตัวเมือง ชมโบราณสถานในลพบุรี ร้อนๆ ก็แวะหาขนมทาน ที่ร้านเพ-ลา พาเพลิน คาเฟ่ชิคๆ ไม่ไกลสถานีรถไฟ

แต่ที่สำคัญถูกมากกกกกก

เดินเล่นถ่ายรูปตามวัดเก่า พิพิธภัณฑ์ โบราณสถานสมัยยังเป็นเมืองละโว้

สตรีทอาร์ตมีข้างพระปรางค์สามยอด แต่ลิงเยอะมาก ต้องระวัง มันร้ายมากค่ะหัวหน้า!!

เดินชิลแถวในเมือง เหนื่อย ร้อน ก็แวะคาเฟ่ ตากแอร์เย็นๆ ได้ ความจริงน่าจะมีหลายที่

คนลพบุรีน่ารัก ถามได้ ตอบได้หมด พูดจาคล่องแคล่ว คุยเก่ง เพราะนักท่องเที่ยวเยอะ

กรณีที่มาแบบค้างคืน วันรุ่งขึ้นตื่นมาเรียกสองแถว (จากคำแนะนำคนแถวนี้) เป็นรถสีเขียวสะท้อนแสง สายลพบุรี-หนองถ้ำ

รอฝั่งพระปรางค์สามยอดนะ ให้หันหลังให้ประตูทางเข้าพระปรางค์ แล้วไปกันเลยเขาจีนแล แต่รอนานไปหน่อย เราเลยนั่งเข้าท่ารถก่อน 7 บาท

ลง บขส. แล้วต่อรถบัสเล็กหวานเย็น ลพบุรี-วังม่วง ราคา 15 บาทได้เลยจ้า บอกคนขับว่าลงเขาจีนแล ถึงปุ๊บเดินเข้าไปอีกนิด (ความจริงก็ไม่นิด) เดินเยอะหน่อย แต่ไม่เมื่อยมากเท่าไหร่

ตอนแรกคนขับรถเมล์เล็ก เขาบอกแล้วไม่เชื่อว่ามันโรยหมดแล้วนะลูก แต่เราเชื่อป้ายไงว่าหมด 25 มค.60 ไปถึงโรยจริงอะไรจริง55555 #ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่

ต้องค้นหามุมดีๆ ก็พอมีอยู่บ้าง แนะนำไปช่วง พย.-ธค. อย่างที่บอก รู้สึกตอนนั้นไป มค.นะ

ถ่ายรูปพอใจแล้ว เดินออกมารอรถเมล์อีกฝั่งถนนเพื่อเข้าเมือง อะ..รถเมล์ไม่มาอีก มีสองแถวสีเขียวสะท้อนแสง ลพบุรี-หนองถ้ำ

เข้าเมือง 20 บาท มาได้เหมือนกัน ส่งถึงในเมือง ลงตรงไหนก็ลง

เวลาเหลือ ก่อนขึ้นรถไฟกลับ กทม. เดินเล่นถ่ายรูปโบราณสถานก่อนได้ กว้างมาก ถ่ายไม่ครบ ยิ่งเย็นยิ่งคนเยอะ ลมตี อากาศดีมากกกกกกก

คิวรถตู้มี อยู่แถวสถานีรถไฟเลย ไม่รู้ว่าค่ารถเท่าไหร่ วิ่ง 2 ชม.ก็น่าจะถึง

แต่นั่งรถไฟฟรีไปกลับก็ได้ค่ะ ค่าห้อง 250 หักลบเป็นค่ารถตู้ละกัน เพราะครั้งนี้เดินทางไปกลับฟรีอยู่แล้ว มาแบบไม่รีบ

ใครจะมาแบบ one day trip ดูทานตะวันก็ได้นะ แต่คงต้องนั่งรถตู้แต่เช้า ให้ถึงก่อน 11 โมง (แต่เหมือนมีรถไฟรอบเช้าสุดตีสี่ตีห้าด้วย เช็ค 1690 อีกทีนะจ๊ะ) ไม่งั้นมาถึงเที่ยง ไม่ทันดู เพราะทานตะวันจะคอตกแล้ว ขากลับ ก็มีรถตู้ถึง 2 ทุ่ม คิวรถอยู่แถวๆ สถานีรถไฟนั่นแหละ หรือนั่งรถไฟกลับได้ มีถึงรอบค่ำเลย ของกินตามทางรถไฟเยอะมาก ตลาดนัดย่อมๆ เลย อร่อย ราคาถูก เด็กวัยรุ่นเยอะ

ตกใจกับค่าใช้จ่าย นี่ขนาดไปนั่งคาเฟ่ ราคารวมทุกอย่างแล้ว ยังจ่ายไปไม่แพง

ค่าเดินทาง : รถไฟฟรี ไป-กลับ (ไปสมัยรถไฟฟรี)

ค่าห้องพัก : 250 บาท

ค่าฮันนี่โทสต์เม็ดมะม่วง : 109 บาท + น้ำแดงมะนาวโซดา 35 บาท รวม 144 บาท

รวม 394 บาท รวมค่าข้าว 3 มื้อของกินจุกจิกตลอดทาง คิดไป 300 กินอิ่มโคตรๆ หรือน้อยกว่านั้นอะ 694 บาท ถูกค่ะ ว่างๆ จะกลับมาเล่นกับลิงอีก

ถ่ายรูปโบราณสถานเพิ่มด้วย สวยมากกกกกกก ถ่ายมาน้อยไปหน่อย

มีรีวิวในพันทิปนะคะ

https://m.pantip.com/topic/36106890?


"นั่งรถไฟ ไปนครปฐม"

***อันนี้ไปตั้งแต่สมัยมีรถไฟฟรี ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ถ้าไม่ฟรี ขบวนที่แนะนำ

ข 261 เวลา 09.20 น. ราคา 14 บาท เป็นรถชั้นสามพัดลม

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

ไปนครปฐมครั้งนี้ หลักๆ เลย เราอยากไปพระราชวังสนามจันทร์ ไปถ่ายรูปวัง สวยดี

นครปฐมของกินเยอะมาก แต่เราไม่ค่อยเน้นกิน แค่เดินเที่ยวก็เหนื่อยแล้วอะ เอาจริงๆ นะ มี 300 ไปกลับยังเหลือ ถ้าไม่กินเยอะ ฮ่าๆๆ

ตอนนั้นเรานั่งรถไฟฟรีเที่ยวนครปฐมภายใน 1 วัน

เดินทางด้วยรถไฟ

ขาไปขบวน 261 เวลาออก 09.20 ถึง 10.46 น. ด้วยเวลาอันน้อยนิดและเผื่อเวลาหน่อยๆ

ขากลับขบวน 262 เวลาออก 17.16 ถึง 17.00 น. ด้วยเวลาอันน้อยนิดและเผื่อเวลาเยอะขึ้นมาหน่อย

ใครอยากลองนั่งรถไฟใกล้ๆ ก็ไปอันนี้ได้ค่ะ

ไปถ่ายรูปสวยๆ กัน ไม่ค่อยมีรูปตัวเองเพราะหน้าเยินแดดมากเวอร์

ถึงนครปฐมก็แวะไหว้พระที่องค์พระปฐมเจดีย์ก่อนเลย องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นพระเจดีย์ใหญ่รูประฆังคว่ำ เป็นปูชนียสถานสำคัญของประเทศไทย

อยู่ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร เชื่อว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระโคตมพุทธเจ้า

คนก็จะเยอะหน่อยโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แต่วันที่ไปคนน้อยเนื่องจากเราไปวันธรรมดา

ไหว้พระถ่ายรูป นั่งทำใจให้ร่มๆ สักพัก เนื่องจากวันที่เดินทางมาฟ้าสวย เมฆสวยมากกกกก

แต่แดดก็ร้อนมากๆ เช่นกัน งานตัวเกรียมก็มา

อาจจะเที่ยวไม่ได้หลายที่เพราะเป้าหมายที่จะถ่ายรูปจริงๆ อีกที่ อยู่พระราชวังสนามจันทร์

เรียกพี่วินที่ทางเข้าองค์พระปฐมเจดีย์ 40 บาท ถึงหน้าพระราชวังเลย หรือใครลงจากรถไฟมาแล้ว

ก็เรียกวินจากสถานีรถไฟได้ แต่แนะนำไหว้องค์พระฯ ก่อนนะ ไหนๆ ก็มาแล้ว เดินนานหน่อยถ้าชอบถ่ายรูป เพราะข้างในกว้างมากๆ จริงๆ ส่วนรถประเภทอื่นรถตุ๊กๆ รถเมล์เราไม่แน่ใจ เราถามพี่ รปภ.ที่วัดเขาบอกนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปแป๊บเดียวก็ถึงพระราชวังแล้ว

พระราชวังสนามจันทร์บอกเล่าเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ละเอียดและเยอะมากๆ จากที่เคยไปที่วังพญาไท มาเจอที่นี่คือยิ่งใหญ่และมีเรื่องราวมากมาย วังสวยมากจริงๆ กว้างขวาง ร่มรื่น ชอบมาก เดี๋ยวหาเวลาไปอีก

แต่ถ้ามีกฎก็ต้องเคร่งครัดนะคะ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งกายกับการถ่ายภาพ ถ่ายได้แค่ข้างนอกนะ ในวังห้ามถ่ายภาพ บางที่เข้าได้และมีวิทยากรอธิบายเรื่องราวประวัติศาสตร์ให้เราได้ความรู้เพิ่มเติมด้วย

อาจจะมีเด็กๆ มาทัศนศึกษา เสียงดังหน่อย ก็เดินมุมอื่นได้ เพราะกว้างมาก

ค่าเข้าชม

ชาวต่างชาติ 50 บาท

คนไทย 30 บาท

นักเรียน ,นักศึกษา,พระภิกษุ,สามเณร ,แม่ชี 10 บาท

เวลาเปิด 09.00 น.

เวลาปิด 16.00 น.

มีรอบเวลานำชมพระที่นั่งนะจ๊ะ

ถ้าอยากให้มี จนท.นำชมหลายจุดต้องไปเป็นหมู่คณะและทำเรื่องจองมาก่อนนะ ถ้าไปคนเดียวหรือกลุ่มน้อย ก็เน้นเดินเที่ยวเอง

ขากลับก็เดินออกจากซอยมานิดเดียว นั่งวินฯ กลับสถานีรถไฟเหมือนเดิม 40 บาท

อ่อ....คนที่นี่เรียกมอเตอร์ไซค์วินว่าเมล์เครื่องอะ แรกๆ เราก็งงหน่อย อ๋อ! มอเตอร์ไซค์รับจ้าง

ระหว่างรอรถไฟก็เดินหาของกินแถวสถานีรถไฟได้ แต่ถ้าจะเดินตลาดโต้รุ่งกลางคืนในองค์พระจริงๆ ก็กลับรถไฟไม่ทัน

ถ้าไม่รีบกลับ เดินตลาดก่อน แล้วหารถตู้ รถเมล์กลับกรุงเทพน่าจะพอได้

ของกินในองค์พระเยอะ หลายคนคงชอบไอศกรีมลอยฟ้า ใครไม่เคยมากินก็มากินเนาะ มากี่รอบก็ยังกินไม่ครบทุกร้าน รูปลงให้ดูนี่ถือว่าน้อยนะ เดี๋ยวรีวิวยาวๆ ลงรูปเยอะๆ ให้อีกที

เดี๋ยวนะ! นั่งรถไฟฟรีไป-กลับ นั่งวินไป-กลับ พระราชวังสนามจันทร์ 80 บาท ค่ากินนิดๆ หน่อยๆ เป็น 1 วันที่ถูกมากจริงๆ แต่.....ถ้าสายกินนี่มีหมื่นหมดหมื่นนะ ฮ่าๆๆ

มีภาพและรีวิวย่อย

https://www.facebook.com/pg/jatiewkondieow/photos/...


"นั่งรถไฟ ไปอยุธยา"

***อันนี้ไปตั้งแต่สมัยมีรถไฟฟรี ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ถ้าไม่ฟรี ขบวนที่แนะนำ

(คืออยุธยาน่าจะมีขบวนรถไฟรอบเยอะมากที่สุดแล้วมั้ง สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจนะ ออกทุกชั่วโมง)

ข 135 เวลา 06.40 น. ราคา 20 บาท

ข 111 เวลา 07.00 น. ราคา 20 บาท

ข 75 เวลา 08.00 น. ราคา 20 บาท

เป็นรถชั้นสามพัดลม

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

"แบกเป้ ไปหลงเสน่ห์เมืองเก่า"

เที่ยวคนเดียว รูปเดียวเป็นร้อย ปั่นจักรยานเที่ยวอยุธยา 2 วัน 1 คืน งบไม่เกิน 800 บาท ครั้งนี้ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตอนแรกก็ถามตัวเองนะ

"จะปั่นจักรยานทั้งที ต้องไปถึงอยุธยาเลยเหรอ"

แต่ก็ตัดสินใจไปทันที นั่งรถไฟฟรีไปปั่นจักรยาน ทริปนี้จึงเป็นทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ด้วยการปั่นจักรยานเที่ยวชมโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ข้อควรระวัง ปั่นจักรยานแข็งอย่างเดียวพอ!! ไปวันหยุดเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะมาก ระวังตัวระดับสิบ!! #ความโก๊ะกังเกิดขึ้นได้เสมอเมื่อเราเดินทางคนเดียว

ค่าเสียหาย 2 วัน 1 คืน

ค่าตั๋วรถไฟไปอยุธยา ขาไปรถฟรี ขากลับ 20 บาท

ค่าเรือข้ามฟาก ขาไป-ขากลับ รวม 10 บาท

ค่าเช่าจักรยาน 2 วัน 100 บาท

ค่าเข้าชมวัด 3 ครั้ง 30 บาท

ค่าห้องพัก 350 บาท (จำชื่อที่พักไม่ได้แล้วแฮะ เดิน walk in หาที่พักแถวที่เช่าจักรยานหลังจากข้ามน้ำมานั่นแหละ)

ค่าอาหาร 2 วัน + ซื้อของในเซเว่น + ค่าห้องน้ำสาธารณะ รวมๆ มาแล้ว 270 บาท

รวมทั้งหมดก็เจ็ดร้อยกว่าบาท ถือซะว่างดกินบุฟเฟ่มื้อดีๆ มื้อนึง ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แบบไปคนเดียว แล้วกันนะ

มีรีวิวในพันทิปนะคะ

http://pantip.com/topic/34015333


"นั่งรถไฟ ไปหัวตะเข้"

***อันนี้ไปตั้งแต่สมัยมีรถไฟฟรี ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ถ้าไม่ฟรี ขบวนที่แนะนำ

ข 283 เวลา 06.35 น. ราคา 7 บาท

ข 281 เวลา 08.00 น. ราคา 7 บาท

เป็นรถชั้นสามพัดลม

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

ลาดกระบังเองนะ ลาดกระบัง

แต่บางคนบอก โห....ตั้งลาดกระบังเลยนะ

ลาดกระบัง 17 นี่ก็ยังเป็นกรุงเทพนะ

ใครจะไปคิดว่าในกรุงเทพยังมีอะไรๆ แบบนี้ด้วย

นั่งรถไฟไปแป๊บเดียว ก็เหมือนหลุดออกมาเที่ยวต่างจังหวัดเลย แต่ความจริงแล้วเราไม่ได้ไปไหนไกลเลย มาแค่หัวตะเข้เองนะ

รถไฟชั้นสามมีเกือบทุกชั่วโมง สำหรับเส้นกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา ตอนไปครั้งนั้นเราไปรถไฟฟรี ตอนนั้นเราตื่นสาย เลยมาถึงซะตอนเที่ยง

พอดีกับรถพิเศษชานเมือง ซึ่งนานๆ ทีจะได้นั่ง ไปแค่ชานเมืองจริงๆ

ตอนนั้นขบวนที่นั่ง (ราคาชั้นสามถ้าไม่ฟรี ราคาปกติ 7 บาท)

ขาไป รถไฟขบวน 389 เวลาออก 12.10-13.02 น. กรุงเทพ-หัวตะเข้ (ป้ายข้างรถ กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา)

ขากลับ รถไฟขบวน 276 เวลาออก 18.42-19.40 น. หัวตะเข้-กรุงเทพ (ป้ายข้างรถ อรัญประเทศ-กรุงเทพ)

หาเวลาว่างมาถ่ายรูปกับชุมชนที่เต็มไปด้วยบ้านไม้เล็กๆ ริมคลองประเวศบุรีรมย์ นั่งรถไฟลมตีหน้าตึง มาถึงสถานีรถไฟหัวตะเข้ไม่ต้องต่อรถอะไรเลย

สำหรับคนเดินเก่ง เดินเลาะริมคลอง ถามทางชาวบ้านมาเรื่อยๆ ก็ถึงค่ะ เดินถ่ายรูปมาเรื่อยๆ เพลินดี

ถ่ายรูปกับสตรีทอาร์ตเท่ๆ ที่มีแต่รูปจระเข้เต็มไปหมด น่ารักดี ทำให้ดูเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนไปเลย

ตลาดเก่าบ้านไม้โบราณ ที่เดินไปเดินมาก็ได้บรรยากาศเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน แทบไม่ต้องเอาอะไรมาปรุงแต่งเลย อยากให้ชุมชนอนุรักษ์ในสิ่งที่ควรมี ร้านรวงเยอะมาก ตลาดเปิดเสาร์-อาทิตย์ คิดว่าน่าจะคึกคักเป็นพิเศษ แต่เรามาวันธรรมดา บรรยากาศเลยเงียบๆ หน่อย แต่ก็คึกคักเพราะวันนั้นมีกองถ่ายละครมาด้วย เจอพี่ป้อง กับแอริณ มั่นใจว่าละครพีเรียดช่องวันแน่นอน จะแอบถ่ายรูปพี่ป้องแต่พี่ป้องหันมายิ้มให้พอดี เขินสุด หยุดถ่ายเลย 55555

(ใช่ค่ะ และพอมารู้ทีหลัง ละครเรื่องนั้นคือเรื่อง "กาหลมหรทึก"

คาเฟ่เล็กๆ มีร้าน ณ ลาดกระบัง กับ ร้านสี่แยกหัวตะเข้ สองร้านขึ้นชื่ออยู่ติดกัน เรานั่งดื่มกาแฟที่ร้านสี่แยกหัวตะเข้ นั่งชิล ลมพัดตึง ดูเรือที่แล่นไปมาในคลอง

หรือถ้าเธอทุกใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ อากาศดีมาก

ไม่ใช่แค่บรรยากาศเก่าๆ ของบ้านไม้ริมน้ำและสตรีทอาร์ตเก๋ๆ ที่ทำให้เราหยุดลั่นชัตเตอร์ไม่ได้ แต่บรรยากาศการใช้ชีวิตริมน้ำของผู้คนในชุมชนก็มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดา แต่พอเลิกเรียนแล้วคึกคักมาก เด็กๆ หน้าตาสดใสตอนเลิกเรียน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ใครอยากเดินเล่นชุมชนใกล้ตัวเมืองกรุงเทพ เราว่าหัวตะเข้ก็เป็นอีกชุมชนที่น่าสนใจ ไว้เช็กอินถ่ายรูป เดินเล่น หรือเอาจักรยานมาปั่นด้วยก็ได้นะ

อย่าลืมล่ะ นั่งรถไฟมาแป๊บเดียวก็ถึง ประหยัด ปลอดภัย รถไม่ติดด้วยแหละ

ค่าเสียหาย สำหรับ One Day Trip ราคาถูกมาก แต่จะเรียกวันเดย์ก็ไม่ค่อยถูกไปทั้งหมด มาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้รูปสวยๆ มุมน่ารักๆ ที่อยากเห็นเต็มไปหมด

ตอนนั้นไปรถไฟฟรี ราคาก็จะประมาณนี้ค่ะ

** รถไฟฟรี ไป-กลับ

ค่ากระเพราหมูกรอบ+ไข่เจียว ตรงข้ามสถานีรถไฟ 45 บาท

ค่าโค้กแก้วโต 20 บาท

** ร้านสี่แยกหัวตะเข้

ค่าไอกรีมฟรุตสลัด 45 บาท

ค่ากาแฟปั่น 60 บาท

หมดไปแค่นี้เอง มีไม่กี่ร้อยก็ไปได้แล้ว

ถ้าไปเสาร์-อาทิตย์คงหมดค่ากินไปเยอะกว่านี้ ฮ่าๆๆ

ภาพและรีวิวย่อย

https://www.facebook.com/pg/jatiewkondieow/photos/...


"นั่งรถไฟ ไปตลาดร่มหุบ"

***อันนี้ไปตั้งแต่สมัยมีรถไฟฟรี ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ถ้าไม่ฟรี ขบวนที่แนะนำ

เรานั่งถึง 2 ขบวนด้วยกันนะคะ

** วงเวียนใหญ่ - มหาชัย **

ข 4341 เวลา 07.40 น. ราคา 10 บาท

** บ้านแหลม - แม่กลอง **

ข 4383 เวลา 10.10 น. ราคา 10 บาท

เป็นรถชั้นสามพัดลม

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

ถ้าจะบอกว่าเราไม่ค่อยชอบตลาดร่มหุบเท่าไหร่ อาจจะมีคนส่วนใหญ่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คงเป็นเพราะเรื่องของความปลอดภัย สุขอนามัย และอีกหลายๆ อย่างด้วยทั้ง แต่ถึงอย่างไร ที่นี่ก็กลายเป็นวิถีชีวิตชุมชนที่ขาดกันไม่ได้ และเป็นแหล่งดึงดูดชาวต่างชาติได้ดีเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ชอบคือการได้เดินทางโดยรถไฟสีเรกเก้ อีกหนึ่งเส้นทางผ่านสถานีต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคย เหมือนดังที่เคยนั่งไปเที่ยวบ่อยๆ จุดประสงค์ทริปนี้คือ เราแค่อยากนั่งรถไฟไป-กลับ แค่นี้แหละ ฮ่าๆๆ ป้ายสถานีบางที่ยังเป็นเหมือนลายมือคนเขียนอยู่เลย เป็นป้ายเล็กๆ ที่เราไม่ค่อยพบตามสถานีใหญ่ๆ กันสักเท่าไหร่

แน่นอน...เราไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่อยากรีวิวแต่ข้อดี ข้อเสียมีเราก็อยากบอก เพราะใครๆ ก็อยากรู้ความจริงจากประสบกาณ์ตรงของคนที่เดินทาง

ทริปนั่งรถไฟไปดมเกลือ กับนาเกลือข้างทาง ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ปกติคนจะเลือกนั่งไปลงที่แม่กลองแล้วหารถหรือเรือนำเที่ยวต่อไปอัมพวา (มีเพียบ) แต่ทริปนี้ขี้เกียจ เลยหาอะไรกินแถวนี้ให้อิ่มจนตัวแตก เพราะเราตั้งใจว่าจะกลับรถไฟ คือง่ายๆ อยากนั่งไป-กลับ ชมบรรยากาศข้างทางเฉยๆ หากไปที่อื่นต่อก็ไม่ได้กลับรถไฟน่ะสิ

ตั๋วรถไฟฟรี 4 ใบ นั่งไป-กลับ กับรถไฟขบวนที่มีสีสันสดใสที่ชาวต่างชาติชอบมากเหลือเกิน อาจจะเป็นสิ่งที่ Amazing Thailand สำหรับเขา แต่สำหรับคนไทยบางคนอาจไม่ใช่

ที่ตลาดเลยมีแต่ต่างชาติเต็มไปหมด วิถีชีวิตพ่อค้า แม่ค้า ข้างทางรถไฟที่ต้องคอยเปิดและคอยหุบร่มให้เป็นจังหวะในเวลาที่รถไฟผ่านจะเป็นยังไง

สรุปเวลาเดินทางรถไฟคร่าวๆ ให้ดังนี้นะคะ (ตอนนั้นเดินทางขบวนรถไฟฟรี)

1.วงเวียนใหญ่-มหาชัย ขบวน 4341

เวลา 07.40-08.39 น.

2.บ้านแหลม-แม่กลอง ขบวน 4383

เวลา 10.10-11.00 น.

3.แม่กลอง-บ้านแหลม ขบวน 4386

เวลา 15.30-16.30 น.

4.มหาชัย-บ้านแหลม ขบวน 4308

เวลา 17.35-18.25 น.

ค่าใช้จ่ายครั้งนี้แทบไม่มีอะไรเลย มีแต่ค่ารถเดินทางไปให้ถึงสถานีก็พอ เราก็นั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีวงเวียนใหญ่ หรือบ้านใครอยู่ที่ไหน ก็ต่อรถเมล์ รถแท็กซี่ตามอัธยาศัยเลยค่ะ

ที่เหลือก็เป็นค่ากิน เดินเจออะไรก็กิน กินจนตัวแตก ร้อนก็เข้าเซเว่น แนะนำนะ เอาหมวกเอาร่มไปด้วย ร้อนมาก และที่สำคัญระวังการถูกล้วง กรีดกระเป๋าด้วย เพราะนักท่องเที่ยวเยอะ

ค่ากิน ค่าไอศกรีม 10 บาท , ค่ากวยจั๊บ 13 บาท (อร่อยเว่อร์) , ค่าข้าวเหนียวมะม่วง 50 บาท (แอบแพง) , ค่าน้ำมะพร้าวปั่น 30 บาท , ค่าน้ำแตงโมปั่น 50 บาท

กลับมหาชัยมาซื้อหอยนางรมอีก 3 กระปุก 100 บาท โอ๊ยยยยย หมดไปกับค่ากินแหละ เรียกได้ว่าใครเน้นกิน นั่งมาได้เลย ช้อปได้ทั้ง 2 ตลาดเลย ทั้งมหาชัย ทั้งแม่กลอง

รีวิวในพันทิป

https://pantip.com/topic/36915552


"นั่งรถไฟ ไปบ้านโป่ง"

***อันนี้ไปตั้งแต่สมัยมีรถไฟฟรี ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ถ้าไม่ฟรี ขบวนที่แนะนำ

ข 261 เวลา 09.20 น. ราคา 18 บาท

เป็นรถชั้นสามพัดลม

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

มาๆ มานั่งรถไฟ ไปถ่ายรูปเล่นใกล้ๆ กรุงเทพกัน (ตอนนั้นยังไปตอนรถไฟฟรีอยู่เลย)

"สตรีทอาร์ตบ้านโป่ง" จ.ราชบุรี ปกติเห็นสถานีนี้เป็นทางผ่านตลอด รถไฟจอดเลยลองลงไปเดินเล่นดูบ้าง

เมื่อศิลปินมากหน้าหลายตามาจับมือกับชุมชน งานศิลปะจึงเกิดขึ้น

สตรีทอาร์ตบ้านโป่ง เป็นโครงการพัฒนาศิลปะร่วมสมัยชุมชนเมืองบ้านโป่ง ปี 2560

Ban Pong Urban Art Terminal 2017

โดยกลุ่ม AT EXCHANCE และ BAAN NOORG ร่วมมือกันสร้างสรรค์ศิลปะในชุมชนบ้านโป่ง

จะละเลงสีทั้งที ก็ทำให้ไม่ธรรมดาไปเลย เปลี่ยนผนังเป็นภาพสวยๆ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายรูปกันดีกว่า มีหลายจุด ถ่ายไม่ครบจริงๆ ร้อนมากวันที่ไป

จุดหลักๆ จะอยู่ที่

- โรงหนังเก่าเฉลิมทองคำ (คิวรถตู้กรุงเทพ)

- ตลาดสดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง

- บ้านไม้โบราณ หลังก๋วยเตี๋ยวลิ้มมุ้ยเฮง (ก๋วยเตี๋ยวนางงาม)

คำเตือน : อากาศร้อนนะคะ พกหมวก พกร่มมาด้วย เดินกันเพลินเลย แต่ถ้าเหนื่อย ก็มีร้านน้ำข้างทาง คาเฟ่เก๋ๆ นั่งให้ได้ตากแอร์ พักขา ก่อนเดินหาสตรีทอาร์ตกันต่อ วันเดย์ วันเดียว ก็เที่ยวได้

การเดินทางสำหรับคนไม่มีรถส่วนตัว

- รถตู้ กรุงเทพ-บ้านโป่ง

- รถไฟ แต่แนะนำรถไฟนะ นั่งมาแป๊บเดียวก็ถึง ขบวนเดิม 261 กรุงเทพ-หัวหิน เวลาออก 09.20 น.

มี 200-300 ก็ไปได้ ถ้าไม่กินเยอะ!! เพิ่งรู้ว่าบ้านโป่งของกินเยอะมาก ต้องหาเวลาว่างมาใหม่ซะแล้ว

ค่าเสียหาย ก๋วยเตี๋ยว + น้ำ 42 บาท

สเต็ก + พิซซ่า +น้ำแดงโซดา+น้ำเปล่า 139 บาท ที่ร้าน In Train ตรงข้ามสถานีรถไฟบ้านโป่ง

ที่เหลือก็ซื้อน้ำซื้อไอกรีมที่เซเว่นกินแก้ร้อนกันไป มาๆ มาเที่ยวบ้านโป่ง เมืองโอ่งราชบุรี ที่วันนี้ไม่ได้มีแค่โอ่งแล้วนะ

มีภาพและรีวิวย่อย

https://www.facebook.com/pg/jatiewkondieow/photos/...


"นั่งรถไฟ ไปโพธาราม"

***อันนี้ไปตั้งแต่สมัยมีรถไฟฟรี ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ถ้าไม่ฟรี ขบวนที่แนะนำ

ข 261 เวลา 09.20 น. ราคา 21 บาท

เป็นรถชั้นสามพัดลม

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

อย่างที่บอก ทุกๆ สถานที่มีดีในตัวของสถานที่นั้นๆ เอง เที่ยวโพธารามในย่านตลาดเก่าที่คนรุ่นใหม่อาจมองข้าม

แต่แฝงไปด้วยอดีตที่น่าจดจำ และมุมถ่ายรูปเก่าๆ ของบ้านไม้ในอดีตที่หาได้ยากแล้ว

โพธารามบ้านใคร อย่ามองข้าม เราไปหาขนมกินในร้านดังของโพธารามกัน หากใครเป็นเจ้าถิ่น แนะนำเรื่องเที่ยวเรื่องกินเพิ่มเติมได้นะคะ

เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่อยากไปด้วย

ครั้งนี้ตั้งใจไปกินเต้าหู้ดำ เพราะไม่รู้จัก ได้ข่าวว่าต้นตำหรับการทำอยู่ที่นี่ อร่อยจริงอะไรจริง ชิ้นละ 20 บาท กว่าจะได้กิน ชิ้นนึงต้ม 3 วันเลยนะ

เริ่มต้นนั่งรถไฟจากรถไฟฟรีที่ สถานีกรุงเทพ ข 261 ไปหัวหิน แต่เราไม่ได้ไปหัวหินนะ เราแวะโพธาราม ใช้เวลาแค่ 2 ชม. นั่งมาแป๊บๆ ก็ถึง

ถึงแล้วหิว แวะกินก๋วยเตี๋ยวชามละ 25 บาท ที่สถานีรถไฟก่อนได้

ทริปนี้เดินกันใกล้ๆ เดินอย่างเดียว สถานที่ไม่ห่างกันมาก เริ่มตามหาร้านดัง ร้าน "ดูนม" ร้านขนมชื่อติดเรท นั่งกินไป ถ่ายรูปไป

กับบรรยากาศร้านที่ตกแต่งด้วยของเก่ามากมาย หมดไป 139 บาท ไอติมช็อคโกแลตลาวากับชาเย็น

"เดอปัง" ร้านใกล้สถานีรถไฟมาก ออกจากสถานีเดินมาทางซ้าย 300 ม. ก็ถึง มีปลั๊กเสียบ มี wifi ฟรี นั่งกันยาวๆ ไป

แนะนำให้มาที่สุดท้ายเพื่อพักเหนื่ย เพราะมีแอร์ ม็อคค่าร้อนกับขนมปัง แค่ 85 บาท นั่งยาวๆๆๆๆ

คนที่นี่น่ารักใจดีนะ เดินไปไหนก็ทัก อยากให้โพธารามยังคงความเป็นอดีตไว้แบบนี้ตลอดไป

มีรีวิวในพันทิป

https://pantip.com/topic/34453454

"นั่งรถไฟ ไปสุนทรีแลนด์"

***อันนี้ไปตั้งแต่สมัยมีรถไฟฟรี ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ถ้าไม่ฟรี ขบวนที่แนะนำ

ข 261 เวลา 09.20 น. ราคา 21 บาท

เป็นรถชั้นสามพัดลม

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

วันนี้จะพานั่งรถไฟฟรีไปดูหมีที่ราชบุรี หมีปลอมนะ ไม่ใช่หมีจริง ฮ่าๆๆ แต่ก่อนไปดูหมีเราแวะกินกาแฟกันก่อน

พักสายตาดูต้นไม้เขียวๆ ดื่มกาแฟเย็นชื่นใจในดินแดนแห่งความลับที่หาทางเข้าอย่างยาก

Secret Space เป็นทั้ง ซูเปอร์มาร์เก็ตต้นไม้ ร้านอาหาร แล้วก็คาเฟ่ เจ้าของเดียวกันทั้งหมด

กับพื้นที่กว่า 500 ไร่ สวรรค์ของคนรักไม้ใบ เข้าไปกรี๊ดมาก กรี๊ดกระบองเพชร เลยถ่ายมาแต่กระบองเพชร

คือต้นกระบองเพชรกวาดสายตาดูแล้วคงไม่ใช่แค่หลักหมื่นหลักแสน แต่มันมีเป็นหลักล้านต้น

ที่จริงมีต้นไม้อีกเยอะ เดินจริงๆ คงไม่ทั่ว ต้นไม้ทุกต้นรวมถึงต้นที่ตกแต่งคาเฟ่ก็ซื้อหาได้ ราคาแพงตามพันธุ์ไม้

คิดว่าคนรักกระบองเพชรเห็นแล้วคงกรี๊ดไม่แพ้เรา เพราะได้ทั้งศึกษาไม้ใบหลากสายพันธุ์และสามารถหอบหิ้วกลับบ้านได้อีกด้วย

ที่ตั้ง 164 ม.2 ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 70120

การเดินทาง โดยรถส่วนตัว อยู่ใกล้กับ The Blooms Orchid Park อุทยานกล้วยไม้ราชบุรี) จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางเพชรเกษม ผ่านนครปฐม ผ่านสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี

จากนั้นใช้สะพานข้ามสี่แยกบางแพ ตรงมาประมาณ 4 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายที่คลองชลประทาน หลัก กม.ที่ 84+ 380 ม. หรือที่เรียกว่าตลาดนัดบ้านสิงห์

จากนั้นขับตรงมาประมาณ 4 กม. สังเกตุป้ายโรงไฟฟ้าราชบุรีให้เลี้ยวขวา ตรงมา 1 กม. อยู่ขวามือ

สอบถามโทร 081–9958343,089–9144160

แค่ที่อยู่ก็ลึกลับแล้ว แถมทางเข้ายังเป็นเขาวงกตต้นไม้อีก งงในงงไปอีก เหนื่อยๆ กันไป เป็นกลยุทธ์หลอกให้เดินเหนื่อยแล้วมาตากแอร์ซื้อกาแฟกิน ฮ่าๆ

แต่ความจริงมีทางเข้าปกติค่ะ ไม่ต้องเหนื่อยเข้าทางเขาวงกตก็ได้

พักสายตาจากต้นไม้แล้ว ก็มาเพิ่มความสดใส ย้อนวัยเด็กกันที่สุนทรีแลนด์ แดนตุ๊กตา อาจจะไม่สวยมาก

แต่ใครเข้าไปแล้วก็คงอดใจไม่ไหวที่อยากกอดรัด ฟัดเหวี่ยงแดนตุ๊กตาหมีที่ถูกจับแต่งตัว จำลองเป็นเมืองต่างๆ

เช่น หมู่บ้านหมี , หมีหิมะ , ตลาดน้ำเมืองหมี , เขาวงกต , หมีอียิปต์ , ถ้ำมังกร , น้ำตก , ถ้ำเถาวัลย์ , ซอมบี้

มีบริการให้เช่าชุดตัวมาสคอต สำหรับถ่ายรูปเล่นอีกด้วย น่าเสียดายที่ดูได้แค่แดนน้องหมี

เพราะไปวันธรรมดา วันเสาร์ อาทิตย์จะเปิดเมืองเจ้าหญิงเจ้าชายให้เข้าชมด้วย แต่ก็เสียค่าตั๋วเพิ่มตามนั้น

บอกเลย ตั๋ว 80 บาท ที่แดนหมีนี่คุ้มมาก ถ่ายรูปเยอะมาก มุมถ่ายรูปเต็มไปหมด ที่เห็นนี่แค่บางส่วนเท่านั้น

นอกจากนั้นยังมีจำหน่ายตุ๊กตาราคาโรงงาน มุม DIY ให้ได้หัดทำตุ๊กตากันอีกด้วย

ไม่ใช่แค่เด็กเห็นแล้วกรี๊ด ผู้ใหญ่เห็นก็กรี๊ดค่ะ แต่ดีที่ไปวันธรรมดา คิดว่าวันหยุดเด็กคงเจี๊ยวจ๊าวมากแน่นอน

ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้ เพราะจ้างวินมอเตอร์ไซค์เหมาให้ไปส่งทั้งวันเลยค่ะ

การเดินทางโดยรถไฟ

ขาไป เดินทางด้วยรถไฟฟรี ขบวน 261 กรุงเทพ-หัวหิน เวลาออก 09.20 น. เวลาถึง 11.23 น. ใกล้ถึงสถานีโพธารามแล้วอย่าลืมลงนะจ๊ะ เดี๋ยวเลย

ขากลับ เดินทางด้วยรถไฟฟรี ขบวน 262 โพธาราม-กรุงเทพ เวลาออก 16.20 น. เวลาถึง 19.00 น.

ไม่มีรถส่วนตัวเดินทางยังไง เดินมาเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่หน้าวัดโพธาราม หรือแถวสถานีรถไฟก็มีค่ะ ถ้าเขามารอ เหมาทั้งวัน 300 บาทเลย

ตอนแรกคิดว่าแพง เออ มันไกลกันอยู่นะ ไกลใช้ได้เลย แถมให้เขารอเราถ่ายรูป เที่ยวเล่น นั่งกินกาแฟด้วย

ตอนแรกคุณลุงวินมอเตอร์ไซค์บอกว่าไกลนะ จะไปเหรอ อะ...ไม่เป็นไร งั้นหนูเช่ามอเตอร์ไซค์ลุงเอง

ฮ่าๆๆ แค่นั้นแหละ ลุงรีบสตาร์ทรถเลย คุยจ้อเลย เราก็ถามว่าถนนตรงนี้ ตรงไหน ที่นี่มีที่เที่ยวอะไรบ้าง

ลุงก็คุยจ้อเลย ชี้นกชี้ไม้ ชี้ถนน ตรงนั้น ตรงนี้ ก็ชวนแกคุยด้วย ลุงบอกว่ามีวินไม่กี่คนที่รู้จักร้านกาแฟร้านนี้ แต่ลุงเคยไปส่งคน ลุงจำได้

วันหลังพาเพื่อนมาหลายคนก็โทรบอกได้ จะได้เอารถใหญ่มา ไปหลายคน อ้าว! มีรถใหญ่ด้วย ลุงบอกนั่งวินมันร้อน

บอกโหย ไม่เป็นไร หนูตัวแว้นกลางแดดเลย ฮ่าๆๆ

ลุงวินให้เบอร์ไว้ด้วย เราขอเบอร์กันไว้ เผื่อเข้าไปถ่ายรูปแล้วลุงหาย หรือไปธุระที่ไหน แกก็ไม่ไปไหน แกบอกแกรอเลยดีกว่า

เสียเวลากลับไปกลับมา เลยคิดว่าก็เหมารถแกทั้งวันดีกว่า ให้เบอร์มาด้วยนะ ชื่อลุง ณรงค์ ยอดแก้ว 089-2035934

เห็นป้ายชื่อแก เอ้า! เป็นข้าราชการเหรอ แกบอกเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่ปลดเกษียณแล้ว เลยมาขับวิน

ค่าเสียหายนี่มี 500 ยังไปได้เลย

ไป-กลับ รถไฟฟรี

ค่าก๋วยเตี๋ยว 40 บาท แถวสถานีรถไฟ ลงรถไฟปุ๊บ หิวเลย

กาแฟ 55 บาท ที่คาเฟ่ แก.... ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ แหะๆ

ค่าเข้าสุนทรีแลนด์ แดนน้องหมี 80 บาท

ค่าเหมารถมอเตอร์ไซค์ 300 บาท

มีภาพและรีวิวย่อย

https://www.facebook.com/pg/jatiewkondieow/photos/...

"นั่งรถไฟ ไปน้ำตกเจ็ดสาวน้อย"

***อันนี้ไปตั้งแต่สมัยมีรถไฟฟรี ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ถ้าไม่ฟรี ขบวนที่แนะนำ

ข 135 เวลา 06.40 น. ราคา 40 บาท

ข 75 เวลา 08.20 น. ราคา 40 บาท

เป็นรถชั้นสามพัดลม

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

หลายคนเคยไปแล้วนะ แต่วันนี้เราไปในฐานะที่น้ำตกเจ็ดสาวน้อย เป็นอุทยานแห่งชาติแรกในรัชกาลที่ 10 แล้ว

เอ้า! ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติมานานแล้วเหรอ?

เดิมเป็นวนอุทยานค่ะ แต่วันนี้เป็นอุทยานแล้ว นั่นคือเป็นพื้นที่ของรัฐ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ 'น้ำตกเจ็ดสาวน้อย' เป็นอุทยานแห่งชาติ

และถือเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 129 ในประเทศไทย

เปลี่ยนไปยังไง ไม่ค่อยเปลี่ยนนะ แต่ที่แน่ๆ การดูแลเพิ่มขึ้น จนท.เดินดูตลอดเพื่อป้องกันคนจมน้ำ มีการจัดการขยะที่เข้มงวดขึ้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่จิตสำนึกของนักท่องเที่ยวด้วย

มองหาที่พักผ่อนหย่อนใจใกล้กรุง ไป-กลับ ได้ในราคาเบาๆ เอาเท้าไปแช่น้ำ ก็พอแล้วสำหรับช่วงฤดูร้อน

ความจริงเราแค่จะไปกินกาแฟที่ร้านโรงสีกาแฟ แต่.... ไหงเลยไปน้ำตกได้ล่ะ

เดินทางด้วยรถไฟ ชั้น 3 จาก กทม. รอบ 6.40 น. ราคา 50 บาท ใช้เวลา 3 ชม. (ตอนโทรเช็กราคากับ call center ทีหลัง ทำไม 40 บาทวะ งง)

มารอรถสองแถวแดง หรือรถเมล์ท้องถิ่น สายแก่งคอย-มวกเหล็ก-น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ราคา 30 บาท ไป-กลับ 60 บาท

ค่ารถไฟกลับกรุงเทพฟรี เวลา 18.13 น. สรุปค่ารถทั้งหมด 110 บาท ที่เหลือกค่าขนม

แต่เราไปหมดกับร้านกาแฟเกือบ 200 หนักกินไปหน่อย

โรงสีกาแฟ ร้านกาแฟที่ทำจากโรงสี บรรยากาศชิคๆ ใกล้สถานีรถไฟชุมทางแก่งคอย 700 ม. ออกจากสถานี เดินมาสี่แยกเลี้ยวซ้าย (ถ้าวัดแก่งคอยเลี้ยวขวา) แล้วเดินตาม GPS มาก็เจอ

เอาร่มไปด้วยนะ แดดร้อนมาก

มีภาพและรีวิวย่อย

https://www.facebook.com/pg/jatiewkondieow/photos/...

"รถไฟนำเที่ยวกาญจนบุรี"

เดินทางด้วยรถไฟขบวน 909

ทุกวันเสาร์ , อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

ขบวนนี้ต้องจองล่วงหน้า

รถพัดลม ไป-กลับ 120 บาท

รถแอร์ ไป-กลับ 240 บาท

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

และตอนนั้นที่ไปก็ตกรถไฟด้วย เลยพอจะมีวิธีแก้ถ้าใครไม่อยากตกรถไฟมาแนะนำกันด้วย ดังที่จะเล่าต่อไปนี้

#ตกรถไฟขบวนนำเที่ยวต้องทำยังไง

เจอปัญหามาแล้ว รู้ถึงปัญหา และหาทางแก้ไข วิธีแตกต่างกันไป มาๆ จะเล่าให้อ่าน

เป็นทริปเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ลงไว้ให้คิดถึง เพราะยังไม่ได้ไปคนเดียว ไม่มีเวลาจริงๆ เดี๋ยวได้ไปคนเดียวเมื่อไหร่ จะมาเล่าอีกรอบ ทริปนี้เป็นทริปพิเศษ เพราะหลายปีมาแล้วที่ไม่ได้นั่งรถไฟ มานั่งกันตอนโตเลยทีเดียว

มาเล่าเพราะระลึกถึง เหตุการณ์ระทึกขวัญในวันที่ตกรถไฟ 55555 จากที่วาดฝันไว้ว่าจะนั่งรถไฟชิลๆ กลับเป็นทริปไม่คาดฝัน จนเราเรียกว่า ทริปชะนีล่ารถไฟ 55555

ตอนนั้นไปกับชะนีหน้ามนคนตกรถไฟ 4 คน น้องที่มาด้วยเป็นน้องที่ทำงานเก่าหมดเลยค่ะ ไม่ได้นั่งรถไฟกันมาหลายปี กลับมานั่งทั้งที ตกรถไฟซะงั้น

เวลาออกเช้ามาก 06.30 น. ออกตรงเวลาเป๊ะ!! เหตุที่เป๊ะเกินไป ทำให้เราต้องตกรถไฟ เพราะต้องรอกันให้ครบนี่แหละ ขาดแค่นาทีเดียวก็ไม่ได้ เวลามีค่ามาก

ตัวละครในเรื่องนี้มีทั้งหมด 4 คน

พี่โบ - เสื้อฟ้า

น้องผึ้ง - เสื้อฟ้าขาว

น้องโบ - กางเกงขาสั้น

น้องปุ๋ย - เสื้อแดง

แปลกนะที่เราไม่ได้นัดกันเรื่องสีเสื้อผ้าเลย แต่พอมาเจอกันคุมโทน ฟ้า ขาว ดำ แดง ทั้ง 4 คนซะงั้น

ทีนี้มาถึงสถานีกรุงเทพก่อน คือพี่โบกับน้องผึ้ง ทำไมชะนีอีกสองคนยังไม่มา กรี๊ดดดดดด ตกรถไฟแน่ๆ และก็ตกรถไฟจริงๆ ถาม จนท.ว่าต้องทำยังไง นู่นเลยค่ะ วินมอเตอร์ไซค์ นั่นเหมือนเป็นธุรกิจเลยเหรอ พี่วินพร้อมใจดาหน้ามารอ เหมือนรู้ว่าต้องมีคนตกรถไฟจากขบวนนำเที่ยวในทุกๆ วีค

ไปค่ะพี่สุชาติ!!! นั่งมอเตอร์ไซค์ไปดักรอที่สถานีบางบำหรุ ตอนแรกไม่รู้อะไรเลย คิดว่าใกล้ แต่ไกลโคตร พี่โบ น้องผึ้ง น้องปุ๋ย แว้นกันมาแต่เช้าในหน้าหนาว ส่วนน้องโบนั่นเหรอคะ ซ้อนมอเตอร์ไซค์แฟนตามมาจ้า แต่ยังๆ ยังไม่จบ มาถึงสถานีรถไฟบางบำหรุแค่ 2 คน เอ้า! ปุ๋ยล่ะ รถไฟมาแล้ว ซวยในซวย พลัดหลงกัน หนักกว่านั้นคืองบบานปลาย ค่าวิน 300 บาท ร้องไห้หนักมาก!! ทุกคนบานปลาย เลยเถิดมาเวอร์

คนที่ชนะแคมเปญ ได้ขึ้นรถไฟก่อนมีแค่ 2 คนคือพี่โบกับน้องผึ้ง โทรคุยกันตลอดทางว่าถึงไหน แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ คนที่ได้ขึ้นรถไฟก่อน ไม่มีตั๋วรถไฟจ้า 55555 ฮ่าๆๆ มองหน้ากันใหญ่ จนท.มาตรวจตั๋ว บอกไปตรงๆ ทำหน้าอ้อนๆ หน่อย เพื่อนหนูตกรถไฟ และตั๋วอยู่ที่น้องโบ โอ๊ยยยยย จะบ้าตาย!!

จนท.อนุโลม จนเราสองคนนั่งรถไฟสวยๆ ไปถึงนครปฐม ถ่ายรูปอย่างเร่งรีบกัน 2 คน โทรเช็กเพื่อนตลอดก็ยังไม่ถึง ในขณะที่น้องโบซ้อนแฟนมา และน้องปุ๋ยมาถึงนครปฐม แต่ก็ยังช้ากว่าที่รถไฟออก พี่โบ,น้องผึ้ง เลยนั่งลุ้นไปถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว อ่อ...ก่อนถึงเล่าเรื่องระหว่างทางว่าพอดีเจอคนรู้จักน้องผึ้งบนรถไฟ เลยได้มีโอกาสดู จนท.ขับรถไฟกันจริงๆ เลย แต่ขอสงวนสิทธิ์ห้ามถ่ายรูป ตื่นเต้นก็ตื่นเต้นที่ได้เห็น จนท.ขับรถไฟ ลุ้นก็ต้องลุ้นว่าเพื่อนจะตามมาทันไหม แต่ก็ไม่ทัน!!

ไม่ทันรถไฟทีนี้ทำไงล่ะ น้องปุ๋ยนั่งรถตู้จากนครปฐมมาที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว น้องโบแฟนคือพ่อบ้านใจกล้าและใจดีมาก พาแว้นมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว (มาจากกรุงเทพเลย 5555) บอกว่าที่นี่คือไฮไลท์ ยังไงเราก็ต้องพากันมาถ่ายรูปที่นี่ เราจะรอทุกคน!! และเราทั้ง 4 คนก็ตกรถไฟกันอีกรอบ 555555

สงสารน้องสองคนที่ตามมา เช้าๆ นี่หนาวมากแต่น้องโบซ้อนมอเตอร์ไซค์มาลมอย่างตึง น้องปุ๋ยก็เด๋อๆ หาต่อรถมาจนได้ ทั้งลุ้นทั้งกรี๊ดที่ได้เจอกัน

ถ่ายรูปแล้วยังไงต่อ แกเอ๊ยยยยยย ตกรถไฟ 4 คนอีกรอบ พร้อมหน้าแล้วเราไม่กลัว เปย์ได้เปย์ เราจะไม่นกรถไฟขบวนนี้ เรานั่งรถไปล่ารถไฟกันต่อ

เดินออกจากสะพานข้ามแม่น้ำแควมาถนนใหญ่ กะจะโบกรถชาวบ้านไปแต่ไม่มีเลย ถามชาวบ้านแถวนั้นก็บอกว่ามีรถเมล์ท้องถิ่นไปน้ำตก (ราคาจำไม่ได้ละ)

รถเมล์มา!! โบกๆๆ พอได้ขึ้น สลบบนรถแป๊บๆ เย้ๆ ถึงน้ำตกแล้ว ถ่ายรูปกับรถไฟแล้วไปน้ำตก เราจะไม่ยอมตกรถไฟขากลับ! พวกแกต้องฟังประกาศและเล็งชาวบ้านนะ ว่าเขาจะกลับกันตอนไหน ฮ่าๆ หลอนเบาๆ กลัวตกรถไฟขากลับอีก ถ่ายรูปกับน้ำตกสมใจ แล้วรีบแจ้นขึ้นรถไฟกลับ มานั่งจุ้มปรุ๊กก่อนชาวบ้านเลย กลัวไม่ได้กลับ ขากลับสลบไสลกันจริงๆ ไม่ได้นั่งขามาทั้งขบวน แต่สิ่งที่ได้กลับไปนี่คือการวัดใจเรื่องมิตรภาพกันสุดๆ เราจะเสียเท่าไหร่ก็เสียได้ แต่เราจะต้องไม่นกรถไฟขบวนนี้ เวลาที่นัดกันได้ ไม่ใช่ง่ายๆ มาจนถึงวันนี้ มานั่งคิดว่า วิวอาจไม่ได้ชมเยอะกว่าคนอื่น แต่ความมันส์มันอยู่ตรงที่ “พวกเราตกรถไฟว่ะ” แถมการแก้ปัญหาก็ลุ้นตัวโก่ง ไม่ยอมท้อด้วย จนได้นั่งรถไฟยาวๆ กันจริงๆ แค่ขากลับ งบบานปลาย แทนที่จะไม่เกิน 300 บาท กลับเกิน 500 ไปหน่อย มานั่งคิดดู เออสนุกดีนะ มีเรื่องเล่ากันตลอดทางเลย

ทำยังไงดี ตกรถไฟขบวนนำเที่ยว

1.ข้อสำคัญสำหรับขบวนนำเที่ยวคือห้ามเลท เพราะจะตกรถไฟเหมือนเคสพวกเรา 55555 ไม่คืนเงินนะจ๊ะ ตกแล้วตกเลย

2.ถ้าไม่อยากงบบานปลาย ก็ทิ้งราคาตั๋วที่ซื้อไปก่อนล่วงหน้า แล้วกลับบ้านใครบ้านมัน

3.ถ้าศักดิ์ศรีมาก่อนแล้วไม่ยอมนกรถไฟ ก็ใช้วิธีพวกเรา 55555 มีคนตกเกือบทุกวีค เรามั่นใจ! รถสาธารณะทั่วไปรองรับเพียบ แต่ก็ต้องยินดีกับงบที่จะบานปลายนะ

4.หากตกรถไฟช่วงเช้า มีที่เที่ยวที่เรานั่งขบวนที่สายกว่านี้ วางแผนใหม่แล้วรอที่สถานีเพื่อรอไปเที่ยวที่อื่น

5.นึกที่เที่ยวไม่ออกว่าตกรถไฟแล้วอยากไปที่อื่น ต้องไปที่ไหนดีนะ ดูรีวิวเยอะแยะมากมายในเพจนี้ค่ะ “จะเที่ยวคนเดียว” ฮ่าๆๆ #งานขายของ

ไม่อยากตกรถไฟคือต้องตรงต่อเวลาเท่านั้น หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยตกรถไฟอีกเลย หลังๆ เริ่มเที่ยวคนเดียวเลยกะเวลาถูกมากขึ้น แต่หลายครั้งก็วิ่งหูลู่ ตาแหก ขึ้นรถไฟประจำเพราะเกือบ "ตกรถไฟ" ฮ่าๆๆ

มีภาพและรีวิวย่อย

https://www.facebook.com/pg/jatiewkondieow/photos/...


"รถไฟนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์"

เดินทางด้วยรถไฟขบวน 921

รถพัดลม ราคา 270 บาท

วันเสาร์ , อาทิตย์ มีช่วงเวลาเปิดจองตั๋ว

ต้องรอติดตามข่าวสารจากการรถไฟ

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

เมื่อคนที่ชอบเที่ยวคนเดียว ต้องไปเที่ยวกับคนอื่น กับขบวนรถไฟนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

คนอื่นรีวิวไว้เยอะแล้วเนาะ เลยไม่ต้องรีวิวการเดินทางอะไรมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการไปคือ ตั๋ว! ได้ตั๋วมาก่อนก็โชคดีเท่าไหร่แล้ว เพราะตั๋วจองยากมาก

เต็มเร็วมาก จองกันให้ได้ 1 ปี มีครั้งเดียว

หลายคนรีวิวไว้และมีเสียงบ่นหนาหูว่า คนเยอะ! ถ่ายรูปตรงไหนก็ติดคน ครั้งนี้เลยตัดสินใจ ไปถ่ายคนมันซะเลย มีรูปใครติดมาแล้วต้องขออนุญาตจากเจ้าตัวตรงนี้ด้วยนะคะ

ถ้าไงไม่ชอบรูปที่ลง แจ้งลบได้ค่ะ แต่นี่คิดว่าเลือกรูปที่ทุกคนดูดี ดูฮิปสุดละ

รูปที่ออกมาก็เป็นสไตล์การถ่ายรูปของเราเอง ถ่ายคน ถ่ายรถไฟ จากมุมมองของเราเอง ถ่ายจากกล้องมือถือ ใช้ VSCOCAM แต่งรูป

เคยไปเที่ยวกับขบวนรถไฟนำเที่ยว กาญจนบุรี สวนสนประดิพัทธ์ และครั้งนี้ก็ครั้งแรกที่มา รถไฟลอยน้ำ

สิ่งหนึ่งที่สำคัญกับการมากับขบวนรถไฟนำเที่ยวคืออย่าคาดหวัง เวลา การบริการ สิ่งที่คิดว่าจะได้ เราหมายถึงการท่องเที่ยวไปในทุกๆ ที่โดยรวมๆ ถ้าเราไปเที่ยวแบบเรื่อยๆ

ไปแบบไม่คาดหวัง เราก็จะสนุกกับมัน

เล่าในส่วนของเรา เช้าวันที่ 28 มค. 60 ตาลีตาเหลือกเพราะตื่นสาย เกือบไม่ทันรถไฟ 07.10 น. วิ่งหูตั้ง หน้าโล้น คิ้วหลวงจีนมาขึ้นรถไฟ อ้าว! รถไฟเลท 15 นาที

แต่งหน้ารอ ผู้ชายเยอะ เดี๋ยวเห็นหน้าโล้น เขาจะตกใจ

รถไฟรับคนแต่ละสถานีมาเรื่อยๆ มีเอกสารแจกให้ว่ากิจกรรมในวันนี้มีอะไรบ้าง ทำตามเอกสาร ไปดูรถไฟจอดกลางเขื่อนแล้วถ่ายรูป กินข้าว เดินเที่ยว ซื้อของ นั่งรถไฟกลับ รายละเอียดคร่าวๆ ก็เป็นแบบนี้ แต่สิ่งที่สำคัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ห้ามมองข้ามที่อยากแนะนำคือ

อากาศร้อนมากกกกกกกกกกก

เส้นนี้ค่อนข้างแล้ง ต้นไม้ข้างทางไม่เขียวมาก สิ่งที่ต้องเตรียม! และควรมี คือ เสื้อแขนยาว ร่ม หมวก แว่นกันแดด ผ้าคลุม ยาหอม ยาลม หรือผ้าคาดปากเวลานั่งรถไฟ เพราะจะมีทั้งฝุ่นและเศษใบไม้ปลิวเข้ามา ไม่ต้องแต่งตัวสวยมาก หรือลากส้นสูงไป แต่งตัวธรรมดาให้คล่องตัว เพราะอาจมีปีนขึ้นปีนลงระหว่างรถไฟจอดถ่ายรูปกลางเขื่อน

พักทานอาหาร

ถ้าเป็นไปได้อย่าเอ้อระเหย เลือกนาน เล็งแล้วคิดแล้วตัดสินใจ เลือกร้านเลย เพราะคนเยอะมาก คือทริปนี้นั่งรถไฟไปก็จริง แต่เวลาไปพักทานข้าว มีนักท่องเที่ยวที่เอารถส่วนตัว มาเป็นครอบครัวด้วย ไม่ได้มีแค่พวกเรานาจาาาาา ของเราเดินพุ่งไปข้าวมันไก่จานเดียวก่อนเลย ขนาดอาหารจานเดียวแต่รอนานมาก

ถ้าอยากขึ้นรถรางนำเที่ยว จะทำยังไง

ถ้าทานข้าวนาน เดินเล่นข้างนอกนาน ล้านเปอร์เซ็นที่จะไปไม่ทันนั่งรถรางชมเขื่อน

เป็นไปได้ให้ทานข้าวให้เร็วที่สุด หรือไม่หิวมาก ไม่ต้องทาน แล้วไปเข้าคิวซื้อตั๋วนั่งก่อน หรือเอาข้าวมาจากบ้าน ทานบนรถไฟก่อนเลย (อย่าเอาที่มีกลิ่นแรงมากๆ ขึ้นมารบกวนคนอื่นพอ) หรือลงจากรถไฟปุ๊บค่อยหาที่นั่งทาน

ส่วนเราทัน แต่รอบสุดท้ายพอดีและไปคนเดียวด้วย ซื้อที่เดียวเลยสะดวก จะมี จนท.ประกาศตลอดว่าสำหรับคนที่นั่งรถไฟมาต้องนั่งได้กี่รอบ เหลืออีกกี่คน เพราะจะหมดรอบ 13.30 น.เป็นรอบสุดท้าย นั่งรถชมเขื่อนใช้เวลาไป-กลับ 50 นาที จะทำให้กลับมาไม่ทันรถไฟออก 15.00 น. อันนี้ต้องเชื่อ จนท.นะ อย่างอแง เพราะเขาคำนวณไว้แล้วว่ายังไงก็ไม่ทัน คนอื่นก็เฟลนิดหน่อยหลังจาก จนท.ประกาศว่าไม่ทันแล้ว ส่วนหนึ่งก็หาที่กินข้าว ต้องรอนานเพราะคนเยอะ สั่งเยอะ และอาจเพราะมาหลายคนด้วย อย่างที่บอก ไม่ได้มีแค่คนที่นั่งรถไฟมาเที่ยว มีคนอื่นด้วย มาเป็นครอบครัว ยืนต่อคิวคนนึง แต่ซื้อตั๋ว 5-10 ใบก็มีนะจ๊ะ ตั๋วรถรางเลยเต็มเร็วมาก

ได้ยินคนที่มารอรถรางด้วยกันพูดว่า

B1 : น่าเห็นใจคนที่มากับรถไฟเนาะ อดไปเลย ต้องทำเวลา ของเรา 5 ที่ ถ้าสละก่อน เขาก็อาจจะได้ไป

B2 : อันนั้นมันก็ได้ แต่เราก็รอต่อแถวซื้อบัตรนานเหมือนกัน บางทีมันก็ไม่ใช่เรื่องของเราหรือเปล่า

นั่งฟังอยู่ เออ....มันก็จริงของเขานะ ถ้าไม่ได้นั่งครั้งนี้ รอบหน้าก็ต้องมาใหม่เอง งอแงไม่ได้

ถ้าไม่ได้นั่งรถรางชมเขื่อน

มีพิพิธภัณฑ์ มุมถ่ายรูป มุมสินค้า มุมโอท็อป สอนทำสินค้าหัตถกรรม ก็ไปนั่งดูได้ แต่จริงๆ ไฮไลท์ทุกคนคงอยากนั่งรถรางด้วย ตั๋วก็แค่ 25 บาทเอง อย่างที่บอก ให้รีบไปซื้อตั๋วให้เร็วที่สุดหลังจากลงจากรถไฟ อย่าเอ้อระเหย ขอบอกว่าอากาศร้อนก็จริง แต่เวลานั่งรถลมพัดตึง อากาศดีมาก มีน้องๆ ไกด์ตัวน้อย คอยแนะนำตลอดเส้นทางว่าแต่ละสถานที่ที่ผ่านคืออะไร ไปถึงแล้วก็นั่งเถอะ ดี!

ระวัง!!

หลายคนชอบถือโทรศัพท์ยื่นออกจากหน้าต่างรถไฟ รถวิ่งเร็วมาก ลมตี ระวังโทรศัพท์ร่วง ให้หาเคสที่สามารถใส่สายคล้องคอได้ด้วยจะดีมาก กันพลาด ไม่ได้กันพลาดแค่บนรถไฟ ตรงเขื่อนที่ชอบไปยืนใกล้ๆ น้ำด้วย ระวังร่วง ร่วงทั้งคนทั้งโทรศัพท์ คนร่วงไม่เท่าไหร่ มีจนท.ล่องเรือหารัก อยู่ด้านล่างด้วย คอยรับเราเวลาตกน้ำจ๋อมแจ๋ม แต่กล้องกับมือถือ หรือแหวนเพชร 10 กะรัต ไม่รับผิดชอบนาจาาาาาา

ไปคนเดียวไม่ต้องกลัวเหงา

คนคุยด้วยเยอะ เราอยากคุยกับเขา หรือเขาอยากคุยกับเรา ใช้สอยใครถ่ายรูปให้ก็ได้ คนเยอะ เขาพร้อมถ่ายให้ เพราะจุดประสงค์ก็เหมือนกันคืออยากถ่ายรูปกับรถไฟ บางคนก็คุยกับเราก่อนเพียงเพราะเห็นเรามาคนเดียว ชวนร่วมโต๊ะด้วย ชวนกินขนมด้วย ชวนไปเดินด้วย ไม่ต้องกลัวเหงาค่ะ เพราะไม่มีเวลาเหงา เป็น one day trip ที่เร็วมาก สนุกไปอีกแบบ นานๆ ทีได้มาเที่ยวกับคนเยอะๆ

ตั๋วจะเปิดขายเดือนไหน อยากทราบรายละเอียด โทร 1690 call center การรถไฟแห่งประเทศไทยค่ะ

มีรีวิวในพันทิป

https://pantip.com/topic/36064192

"รถไฟนำเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์"

เดินทางด้วยรถไฟขบวน 921

เดินทางด้วยรถไฟขบวน 911

ทุกวันเสาร์ , อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

ต้องจองล่วงหน้า

รถพัดลม ไป-กลับ 120 บาท

รถแอร์ ไป-กลับ 240 บาท

ขบวนและราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สอบถามที่ 1690

หรือ www.railway.co.th

มีคนมากมายที่เข้ามาเขียนรีวิวเกี่ยวกับการไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ถ่ายรูปสวยๆ กันทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะรูปกลุ่ม รูปคู่เนี่ย น่าอิจฉาจริง แล้วคนโสดอย่างเราๆ ที่ไม่มีใครถ่ายรูปให้ล่ะจะทำยังไง? วันนี้เลยอยากจะเป็นกำลังใจให้คนโสด งบน้อย แต่อยากเที่ยว และมีรูปเดี่ยวด้วย รูปเดี่ยวเป็นร้อย แต่ทยอยตัดออกเพียบ5555 หัวขาด ขาขาดบ้าง

สำหรับคนอยากลองนั่งรถไฟเที่ยว แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน ลองไปขบวนนำเที่ยวก่อนก็ไม่เลวนะคะ ทริปนี้ไปมานานมากแล้ว แต่อยากเอามาเล่าอีกที เผื่อเป็นแนวทางการเริ่มต้นนั่งรถไฟเที่ยวให้ใครหลายคนได้

นั่งรถไฟครั้งนี้ เราไปกับขบวนรถไฟนำเที่ยว ขบวน 911 กรุงเทพ-สวนสนประดิพัทธ์ ขบวนนำเที่ยวครั้งนี้ มีทั้งแอร์ 240 บาท พัดลม 120 บาท แนะนำว่าถ้าไม่ติดสบายมาก เลือกพัดลมค่ะ ถูกและชิคๆ ได้บรรยากาศนั่งรถไฟจริงๆ โทรไปสอบถามที่นั่งได้ก่อนที่ Call Center การรถไฟ 1690 นะคะ เช็กก่อนว่ามีตั๋วไหม

ช่วงเช้าวันเดินทาง มาถึงสถานีกรุงเทพประมาณ ตี 5 กว่า รถออก 6.30 น. เพื่อความรอบคอบ มาถึงเดินมาดูก่อนว่าเราจะต้องขึ้นตรงไหน จากนั้นเวลาเหลือ ก็ไปเข้าห้องน้ำหาอะไรกิน เอ๊ย! ไปหาอะไรกินแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำได้ค่ะ รถออกตรงเวลามาก ช้า หรือเอ้อระเหยไม่ได้เด็ดขาด ตกรถไฟทันที!

ตลอดระยะทางก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการทั้งถูพื้น ถือถุงมาคอยเก็บเศษขยะ และที่สำคัญ ให้ข้อมูลและแจ้งเวลาขึ้นและลงรถในการเดินทางครั้งนี้ค่ะ เพราะเวลาสำคัญมาก เอะอะมาไม่ทัน ตกรถไฟค่ะ นี่ก็ทำให้เราเป็นคนตรงต่อเวลามากขึ้นนะ เจ้าหน้าที่เทคแคร์ดีมาก ตามที่ประกาศ จดรายละเอียดมาคร่าวๆ ค่ะว่า รถจะออก

จาก กรุงเทพฯ 6.30 น. ถึงนครปฐม 7.40 น. ออกจากนครปฐม 8.20 น.

จุดที่รถจะจอดให้นักท่องเที่ยวลงไปเที่ยวได้มี 3 จุด และจะมารับกลับอีกทีกี่โมงคือ

จุดที่ 1 ชะอำ ขากลับจะออกจากชะอำ 15.58 น.

จุดที่ 2 ชายหาดทะเลหัวหิน (ลงแล้วต้องนั่งรถต่อไปนะ) ขากลับจะออกจากหัวหิน 15.39 น.

จุดที่ 3 ชายหาดสวนสนประดิพัทธ์ (อยู่ติดสถานี) ออกจากสวนสน 15.30 น. ออกแล้วออกเลย ไม่มีขบวนไหนอีก มาไม่ทัน ตกรถไฟค่ะ พูดง่ายๆ ก็คือ จุดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ปล่อยลงให้ไปเที่ยวก่อน ขากลับมารับนะจ๊ะ (แต่มาให้ทัน) ใครจะสั่งของฝากสั่งกับ จนท.ได้เลย ขากลับจะหิ้วขึ้นมาบนรถให้เลย

เราสั่งไป 3 อย่าง ก๋วยเตี๋ยวราชบุรี , หม้อแกงเพชรบุรี ,ห่อหมกปลากรายหัวหิน

ถึงนครปฐม 7.40 น. ให้แวะลงไปไหว้องค์พระแล้วกลับมาขึ้นรถไฟให้ทัน 8.20 น. องค์พระกว้างใหญ่มาก แนะนำให้ไหว้และรีบกลับ อย่าเดินรอบองค์พระ เพราะจะหลงและกลับขึ้นรถไม่ทัน เพราะบริเวณนี้คนจะตกรถไฟมากที่สุด ตกแล้วตกเลย ไม่มีขบวนอื่น แล้วก็จะได้แค่หิ้วข้าวหลามกลับบ้านแทน (อันนี้จดตามที่ จนท.พูดเลยนะ ฮ่าๆๆ)

เลือกไม่เข้าไปไหว้ข้างใน คนเยอะด้วย ยืนไหว้พนมมือข้างนอกพอ เพราะต้องเดินไปขึ้นรถไฟอีกไกล แล้วก็ออกมากินข้าวต้มซี่โครงหมูข้างนอกเป็นอาหารเช้า คนขายน่ารักเชียว ให้เงินแล้วยกมือไหว้เราใหญ่ แล้วก็ยังแวะซื้อไก่ปิ้งอีก เผื่อหิวระหว่างทาง เวลาหิวจะไม่มีอารมณ์ทำอะไร เรื่องกินเรื่องใหญ่! หลังจากนั้นเหลือ 10 นาที แวะเซเว่น อ่า....คนก็เยอะ เกือบขึ้นรถไฟไม่ทัน

เอ๋วิ่งดิเอ๋วิ่ง วิ่ง!!!

ถึงสวนสนแล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัย แยกย้าย ถ่ายรูป เล่นน้ำ เก้าอี้นั่งริมชายหาดเช่าตัวละ 20 บาทเท่านั้น แต่เราเดินตลอด ไม่เช่านั่ง อย่างที่บอก นั่งตรงไหนนานๆ หลับตรงนั้นแน่นอน ไม่มีคนปลุก เดี๋ยวตกรถไฟ เจอลมเย็น อากาศสบายตาแบบนี้เข้าไป หลับยาวชัวร์ เลยเลือกจะเดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปเบื่อแล้ว ก็ไปรอรถไฟก่อนเวลาดีกว่า อ่อ....ห้องน้ำที่ร้านอาหารทิวสนสะอาดและกว้างมาก บริการฟรีด้วย

"มุมสาระ" ก๊อบมาล้วนๆ

สวนสนประดิพัทธ์

ตั้งอยู่บริเวณบ้านหนองแก ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของศูนย์การทหารราบ พื้นที่รวมทั้งสิ้น 1,065 ไร่ 1 งาน 86 ตารางวา ด้านหน้าติดถนนเพชรเกษม ตั้งอยู่บริเวณชายหาดสวนสนประดิพัทธ์ห่างจาก กรุงเทพ ฯ ประมาณ 190 กม. ซึ่งเป็นชาดหาดที่สวยงามและยังคงความเป็นธรรมชาติ เสน่ห์ของหาดสวนสนประดิพัทธ์จากการสัมผัส คือ ความเงียบสงบ ร่มรื่นตลอดแนว ทิวสนประดิพัทธ์ ชายหาดมองดูเป็นเวิ้งโค้งสวยงาม ทรายขาวสะอาด ระดับน้ำทะเลไม่ลึก เหมาะกับการลงเล่นน้ำ

สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆบนชายหาด ก็มีอยู่เพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำจืด ห้องสุขา รวมทั้งเตียงผ้าใบ เสื่อ ห่วงยางเล่นน้ำ ร้านอาหารและยังสามารถนำอุปกรณ์มาประกอบอาหารทานได้อีกด้วย แต่ต้องระมัดระวังเรื่องความสะอาดเป็นสำคัญเรื่อง ความปลอดภัยหายห่วงค่ะเพราะอยู่ภายใต้ความดูแลของทหาร

การเดินทาง

- ด้วยรถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพ ฯ มุ่งตรงสู่ภาคใต้ ผ่าน จังหวัดเพชรบุรี เข้าสู่ อำเภอชะอำ อำเภอหัวหินจากหัวหิน ประมาณ 9 กิโลเมตร อยู่ทางด้านซ้ายมือ เลี้ยวรถเข้าไปนิดเดียว ก็ถึงแล้วค่ะ

- เดินทางโดยรถทัวร์ ขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ สาย กรุงเทพ-หัวหิน-ปราณบุรี รถจะวิ่งผ่านหน้าสนสวนประดิพัทธ์

- การเดินทางโดยรถไฟ จะมีสถานีรถไฟสวนสนอยู่ภายในพื้นที่ สวนสนประดิพัทธ์เพียงเท่านี้ก็จะถึง สถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก (สวนสนประดิพัทธ์)

สิ่งที่เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการเดินทางคนเดียวคือ ผู้คนที่เราจะได้พบเจอระหว่างทาง

เราไม่รู้ว่าเราจะได้เจอใคร คนใจดี คนใจร้าย โดยเฉพาะการนั่งรถไฟแบบ 4 ที่นั่งและหันหน้าเข้าหากันกับ "คนแปลกหน้า"

ในใจแบบลุ้นตลอดก่อนขึ้นรถว่าขอให้ไม่ใช่ผู้ชายหรือผู้หญิงน่ากลัว มนุษย์ป้าและเด็ก เผื่อเผลอหลับก็หลับไม่สนิท มัวแต่ระวังกระเป๋า

และทริปนี้ เกลียดอะไร ก็จะได้อย่างนั้น มนุษย์เด็ก!! เด็กคู่ด้วย โอ้ หม่าย ก้อด!! วัยกำลังซนเลยพ่อคุณ ผู้โดยสารร่วมขบวนและนั่งมองหน้าเราตลอดเส้นทางคือครอบครัว พ่อ แม่ ลูก

ความเงียบเกิดขึ้น เมื่อ 4 คน พ่อ แม่ลูก ต้องมานั่งกับป้าที่มาเที่ยวคนเดียว ที่ใส่ทั้งหมวก แว่นตา และเอาผ้าปิดปากเพราะกลัวฝุ่น เด็กมองป้า ทำตาปริบๆ นั่งก็พยายามเบียดกับพ่อแม่ เพราะที่นั่งเหลือ 3 ที่ แล้วต้องเบียดกัน 4 คน แม่พูด "อย่าโดนพี่เค้า อย่าโดนพี่เค้า" ลูกซน พูดจ้อตลอด ตลอดทั้งวัน หลายชั่วโมงเลยนะที่เราต้องอยู่กับเขา ไม่ได้การละ

ขอเป็นผู้เริ่มต้นบทสนทนา "นั่งรถไฟบ่อยไหมคะ"

คำตอบคือ "นี่นั่งครั้งแรกค่ะ อยากพาเด็กๆ มา จะได้เอาไปเล่าให้ครูและเพื่อนที่โรงเรียนฟัง"

จากนั้นก็คุยกันเรื่อยเปื่อย เกือบตลอดทาง กึ่งหลับกึ่งตื่น มนุษย์เด็กก็ยังซน สะดุดขาเราตลอด พ่อแม่น่ารักมาก สอนลูกให้ให้เกียรติคนอื่นตลอด

การเดินทางคนเดียว สิ่งที่สำคัญคือปาก หากเราไม่ถามทาง ไม่รู้จักการเป็นผู้เริ่มบทสนทนาก่อน เราจะไม่มีวันได้อะไรจากคนรอบตัวเราเลย

ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ

มีรีวิวและภาพ

https://pantip.com/topic/33908302


Boe_Stories

 วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 05.54 น.

ความคิดเห็น