“สังขละบุรี” ดินแดนสามประสบ มนต์เสน่ห์แห่งภาคตะวันตก

👉 กาญจนบุรี ถือว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ครั้งที่แล้วแอดพาไปเที่ยว “อีต่อง-ปิล็อก” ครั้งนี้เราไปเที่ยวสังขละบุรีกันดีกว่า ที่นี่ก็ถือเป็นมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะเราจะได้ชมวิถีชีวิตชาวมอญ ชาวกะเหรี่ยง และ ชาวไทย

👉 สะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือ สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 850 เมตร เชื่อมระหว่างฝั่งไทยกับมอญ ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในแพกลางแม่น้ำ เสน่ห์ของที่นี่คือการได้มาถ่ายรูปกับเด็กน้อยชาวมอญและกะเหรี่ยง พร้อมทั้งมีแป้งทานาคาไว้บริการปะให้ เพื่อที่จะได้ดูกลมกลืมไปด้วยกัน เด็กน้อยที่นี่จะเข้ามาแนะนำตัวและจะเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสะพานไม้และชวนเราไปเที่ยววัดจมน้ำอีกด้วย

👉และที่พลาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งคือการได้ใส่บาตรตอนเช้า ซื้อชุดใส่บาตร 99 บาท มีแถมชุดมอญให้ใส่ถ่ายรูปสวยๆอีกด้วยน๊า อาหารการกินที่นี่ก็อร่อยเด็ด มีทั้งขนมจีนหยวกกล้วย โจ๊กและก็ปาท่องโก๋อร่อยๆทั้งนั้น ใส่บาตร กินข้าวกันแล้วเราก็ไปเที่ยวต่อดีกว่า

👉 ล่องเรือเที่ยว 3 วัด พร้อมมีไกด์คอยเล่าเรื่องราวตลอดทริป ได้รับรู้ประวัติความเป็นมาของสังขละบุรีแบบละเอียดๆก็ครั้งนี้แหละจ้า

📍Check Point 1 หอระฆังเก่า ว่ากันว่าบริเวณหอระฆังเก่าเป็นจุดรวมของแม่น้ำ 3 สาย คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำรันตี แม่น้ำบีคลี่ จึงเรียกบริเวณนี้ว่า “สามประสบ” นันเอง

📍Check Point 2 วัดวังก์วิเวการามเดิมหรือวัดจมน้ำ วัดนี้เป็น Unseen in Thailand ที่ต้องห้ามพลาด เดิมวัดวังก์วิเวการามและตัว อ.สังขละบุรีเก่าอยู่บริเวณนี้ แต่เนื่องจากมีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2527 ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ถูกน้ำท่วมทั้งหมดและวัดวังก์วิเวการามก็ได้ย้ายไปสร้างใหม่อยู่ด้านบน ส่วนวัดเดิมก็จมน้ำ จะเหลือก็แต่ซากปรักหักพังที่ทิ้งไว้ให้เราได้ดูเท่านั้นเอง ช่วงน้ำลงเราสามารถเดินลงไปไหว้พระที่โบสถ์ได้ แต่ถ้าเป็นช่วงน้ำเยอะๆ เราทำได้แค่นั่งเรือชมรอบๆโบสถ์ที่ถูกน้ำท่วมเท่านั้นเอง

📍Check Point 3 วัดสมเด็จ วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาต้องเดินขึ้นบันไดไป มีพระประธานองค์ใหญ่อยู่ภายในโบสถ์ รอบโบสถ์มีต้นไทรปกคลุม ดูมีมนต์ขลัง วัดนี้เป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกน้ำท่วมทำให้สามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

📍Check Point 4 วัดศรีสุวรรณ วัดนี้เป็นวัดที่ถูกน้ำท่วมค่อนข้างเยอะทำให้เราไม่สามารถเดินลงไปได้เลยได้แต่นั่งบนเรือมองรอบๆโบสถ์

📍Check Point 5 วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่) วัดนี้อยู่ห่างจากตัว อ.สังขละไปประมาณ 6 กิโลเป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะร่วมกับชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อทดแทนวัดเดิมที่ถูกน้ำท่วมหลังการสร้างเขื่อน ภายในวัดจะมีกุฏิซึ่งเป็นที่เก็บร่างของหลวงพ่ออุตตมะเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้กัน และห่างจากวัดไปอีกประมาณ 1 กิโล ก็จะเป็นที่ตั้งของ เจดีย์พุทธคยาจำลอง ซึ่งมีความสวยงามอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

🛶 การล่องเรือชมวัดจมน้ำสามารถเช่าเรือได้บริเวณสะพานมอญ
- ราคาเหมาอยู่ที่ลำละ 500 บาท (ไม่เกิน 6 คน) ใช้เวลาเดินทาง ไป-กลับ ประมาณ 1 ชั่วโมง (แอดมินแอบได้ราคาพิเศษแค่ 400 บาทเองนะ ลองต่อราคาดูดีๆ 555)
- การไปเที่ยวแนะนำให้เป็นช่วงเช้า ถ้าสายๆหรือเที่ยงไป อากาศจะร้อน
- ช่วงที่เหมาะแก่การเที่ยววัดจมน้ำคือช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม เป็นช่วงน้ำลงเยอะมาก สามารถนั่งเรือไปลงใกล้ๆโบสถ์และเดินเข้าไปชมในโบสถ์ได้ด้วย

#สังขละบุรี
#unseeninthailand
#วัดจมน้ำ
#เที่ยวทุกเดือน

สะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือ สะพานมอญ

สามารถเช่าเรือเพื่อไปชมวัดจมน้ำได้บริเวณสะพานมอญนี้แหละจ้า

หอระฆัง วัดวังก์ฯเดิม

กุฏิหลวงพ่ออุตตมะเดิม

โบสถ์จมน้ำ ซึ่งข่วงที่แอดมินไปนั้น เป็นช่วงที่น้ำในเขื่อนลดลงอย่างมาก ทำให้สามารถเดินเข้าไปไหว้พระด้านในได้

มองจากตรงนี้จะเห็นรอยระดับน้ำท่วมบนผนังโบสถ์

มองไปจะเห็นหอระฆังและกุฏิเก่า

ภายในโบสถ์จมน้ำ สามารถซื้อดอกไม้ไหว้พระกำละ 10 บาทจากชาวกะเหรี่ยงที่ขายอยู่ภายในโบสถ์

เมื่อทำบุญกันแล้วก็ปล่อยปลาเพื่อเป็นสิริมงคลกันหน่อย

วัดสมเด็จ วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา จะต้องเดินขึ้นบันไดไปเล็กน้อย แต่ก็เหนื่อยเอาเรื่องนะ 555

ขึ้นมาถึงจะเห็นกองหินเรียงรายเต็มไปหมด ซึ่งมัคคุเทศน์น้อยบอกเราว่า เป็นความเชื่อของนักท่องเที่ยวเกาหลีที่ตั้งไว้นั่นเอง ส่วนเชื่อในเรื่องอะไรนั้น แอดมินจำไม่ได้ แหะๆๆ