เที่ยวสิงคโปร์ ดูเมอร์ไลออน "ก่อนปีใหม่มาเยือน" (1)

อยากเขียนเก็บไว้ เป็นบันทึกความทรงจำระหว่างเดินทาง 1st Trip SiNGAPORE Happy New Year 2016

ประมาณเดือนสิงหาคมเพื่อนทักมาว่า "ปีใหม่ไปไหน" สุดท้ายก็จบตรงที่สิงคโปร์ละกัน เนืองจากเราเคยไปแล้วหนึ่งครั้ง ซึ่งครั้งนี้เราก็ต้องกลายเป็นไกด์จำเป็น โดยที่ไม่มีความรู้เท่าไหร่

การเดินทางครั้งนี้เดินทางวันที่ 30 ธันวาคม 2558 สายการบิน Jetstar ไฟล์ท 3K516 เวลา 13.50 น.


การเดินทางจากกรุงเทพ - สิงคโปร์ ใช้เวลา 4 - 5 ชม. เวลาของสิงคโปร์จะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง เดินทางจากกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภุมิ 13.50 น. ถึง สนามบินชางงี 17.40 น. ระหว่างการเดินทางก็อาศัยซื้อซิมบนเครื่องบิน

เครือข่ายการสื่อสารไร้สายของสิงคโปร์มีหลากหลาย แต่ที่เลือกซื้อมาคือ Happy Prepaid Sim ของ Starhub สำหรับนักท่องเที่ยว ราคา 15$ (370฿++) โทรได้ 18$ (450฿++) เล่น 4G ได้ 100GB นานถึง 5 วัน แต่ความโง่ก็มาบังเกิดตรงที่การลงทะเบียนซิมต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร UOB ที่สนามบิน ซึ่งเราพลาดที่ออกมาไกล และขี้เกียจจะกลับไป เลยเสียเงินไปฟรีๆ กว่า 300 บาท ต้องตัดใจทิ้งไป,,


อัตราแลกเปลี่ยนเงินสิงคโปร์กับเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 1$ = 25฿ เพราะฉะนั้นเวลาซื้ออะไร สำหรับเราแล้วถ้าไม่ได้คิดเป็นเงินไทยจะปุ๊บปั๊บมากจริงๆ


พอถึงสนามบินเดินทางจาก Terminal 1 ไปยัง Terminal 2 เดินทางต่อโดย MRT เพื่อเข้าเมือง ก่อนอื่นต้องซื้อบัตร EZLink เพื่อใช้ในการเดินทาง 12$ (300฿++) ค่าบัตร 5$ (125฿++) และราคาที่ใช้ได้จริงคือ 7$ (175฿++) มีอายุการใช้งานถึง 5 ปี สามารถใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า MRT และ รถเมล์หรือรถบัสประจำทางสายต่างๆ



บรรยากาศภายใน MRTสถานีสนามบินชางงี

บรรยากาศภายในขบวนรถไฟ MRT

ป้ายบอกสถานีแต่ละสถานีของสิงคโปร์

ทริปนี้พักแถวย่านเกลัง โรงแรม Fragrance Ruby ซอยเกลัง 20 เดินทางออกจาก สถานีสนามบินชางงี (CG2) ไปลงสถานี Tanah Merah (EW4) เพื่อต่อไปยังสถานี Aljunied (EW9) พอลงจาก MRT เดินไปนิดเดียวไม่ไกลมากนักจะเจอโรงแรม แต่เดินหาโรงแรมกันนานกว่า 10 นาทีเพราะหลงทาง จนในที่สุดก็ไปถึง

โรงแรมที่มาพักในทริปนี้โรงแรมที่มาพักในทริปนี้

บรรยากาศภายในห้อง เล็กๆ น่ารักๆ

ไปถึงโรงแรมก็ปาเข้าไป 19.00 น. กว่า (ตามเวลาประเทศสิงคโปร์) เก็บข้าวเก็บของเสร็จก็เกือบ 2 ทุ่ม รู้สึกหิวตั้งแต่อยู่บนเครื่องเลยลองหาว่าแถวนั้นมีอะไรน่าสนใจ ก็ไปสะดุดกับร้านติ่มซำ MONGKOK DIM SUM เค้าว่ากันว่าดีงาม ร้านตั้งอยู่ปากซอยเกลัง 08,, เค้าที่ว่าเป็นใครไม่รู้ก็ตัดสินใจร้านนี้ก็ได้วะ มื้อแรกในสิงคโปร์


อาหารมื้อแรกในเมืองลอดช่อง

มื้อแรกค่าเสียหายก็โดนไปเต็มๆ 71.58$ เป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,700฿ อยู่ประเทศไทยสตรองไม่ได้ขนาดนี้นะพูดเลย กว่าจะกินกันเสร็จก็พังไปเกือบทุกสิ่ง เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบ 3 ทุ่มก็ตัดสินใจไม่ไหวละไม่มีอินเตอร์เน็ตอยู่ไม่ได้จริงๆ ซิมที่ซื้อมาก็ทำอะไรไม่ได้เลยตัดสินใจซื้อซิมใหม่โดนไปอีก 15$ เพื่อจะใช้งานไม่อย่างนั้นมีหลงแน่ๆ พอเคลียธุระเรื่องซิมเสร็จสถานที่แรกที่ขอไปเยือนเลยคือบริเวณอ่าว Marina bay เพื่อจะไปเยี่ยม Merlion ตัดสินใจนั่งรถบัสประจำทางโดยสอบถามจากคนในพื้นที่ จากเกลัง เพื่อจะเดินทางไปยังอ่าว Marina bay

คืนแรกที่อ่าว Marina Bay

คืนแรกเรามาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่แหละดีที่สุด นั่งรถบัสประจำทางสาย 100 จากเกลัง มาลงที่หน้า The Fullerton Bay และเดินเลาะตามริมอ่าวไปเรื่อยๆ เพื่อไปยัง Merlion ที่ตามหา

แวะชักภาพร่วมกับสิงโตทะเลพ่นน้ำสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ได้สัก 4 - 5 รูป ก็แวะไปชิม Starbuck ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ริมอ่าว อยากกินอะไรเย็นๆ ใกล้สุดก็ที่นี้แหละ โดนไปอีก 6.50$ = 162฿ โดยประมาณกินกาแฟไกลถึงต่างแดน

พอได้นั่งสักพักคุยกับเพื่อนว่าเราไปเดินเล่นแถว Garden By The Bay กันไหม ซึ่งไม่ไกลมากจากที่เราอยู่ เดินเลาะๆ ไปตามริมอ่าวผ่าน Esplanade (โรงละครของสิงคโปร์) ไปเรื่อยๆ ผ่าน Heilx Bridge เข้าไปยัง Marina bay sands เราก็กะว่าเดินสบายๆ ผ่าน Sky Walk ของ Marina bay sands เพื่อเป็นทางลัดไปยัง Garden By The Bay แต่ทางดันปิดซะนี่ เลยลองหาทางใหม่กลับไปสวนทางกับการ์ดของคาสิโนเข้า โดนสิครับคืองงมากๆ อยู่ดีดีพี่แกก็มาเรียกไปคุย #@$#$!# ซึ่งจับใจความได้ง่ายๆ ว่า เขากำลังตามหาคนคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับเราเข้า เอะ!! ยังไง ในใจคิดว่าเค้าหรอ วุ่ยวายอยู่หลายนาทีกว่าจะเคลียจบ สุดท้ายเขาก็ปล่อยเราออกมา,, ถือเป็นเรื่องราวดีดีที่วันแรกเราก็เจอซะละ

สะพาน Heilx Bridge

พอจบปัญหาตรงนั้นเราก็ยังไม่ลดละความพยายามเพื่อเดินทางไปยัง Garden By The Bay ให้ได้แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายให้กับความขี้เกียจ เลยคุยกับเพื่อนว่ากลับโรงแรมเลยละกันเดินทางจากขากลับจาก Marina Bay Sands เดินทางด้วย MRT สถานี Bayfront (DT16,CE1) ไปลงสถานี Bugis (EW12,DT14) เพื่อต่อมายังสถานี Aljunied (EW9) กลับทีพักด้วยความเหนื่อยล้า และแล้วคืนแรกก็ผ่านพ้นไป


วันที่ 2 วันสุดท้าย วันเริ่มต้น

วันที่ 2 ของการอยู่ที่สิงคโปร์ วันสุดท้ายของปี 2558 และวันเริ่มต้นใหม่ของปี 2559 วันนี้ตื่น 8 โมง หลังจากทำภารกิจทุกอย่างเสร็จสิ้นสิ่งแรกของวันนี้คือการหาอะไรรองท้อง เดินไปเรื่อยๆ ตามถนนเกลัง 2 ข้างทางระรานตาไปด้วยร้านอาหารสะดุดเข้ากับไก่ต้มที่แขวนไว้ในตู้มองไปรอบๆ จึงสรุปได้ว่าเป็นข้าวมันไก่

เฮ้ย!! มาถึงสิงคโปร์ก็ต้องลองดูสินะ ความแตกต่างของข้าวมันไก่ของสิงคโปร์กับบ้านเราคือของเค้าจะมีน้ำราดมาให้ สังเกตด้วยตาแล้วคล้ายๆ ซีอิ๊ว อารมณ์ประมาณเป็ดพะโล้ราดมาให้ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มส้มๆ แดงๆ รสชาติค่อนข้างเปรี้ยวแตกต่างจากของบ้านเราไม่มากนัก แต่ขอสรุปด้วยความคิดส่วนตัวว่าขอกินในแบบบ้านเราจะดีกว่า น่าจะเป็นรสที่คุ้นเคย


หลักจากทานอาหารเสร็จแล้วคิดว่าวันนี้น่าจะเป็นวันที่สบายๆ ไปเดินเล่นเพลินๆ ดีกว่า เปิดด้วยการเดินเล่นที่ Mustafa แต่ติดตรงที่ว่าเราจะไปยังไงให้ประหยัด และเดินทางไม่ยาก นั่นคือการนั่งรถบัสมันตอบโจทย์แต่สิ่งที่ยากลำบากมากกว่านั้นคือเราจะนั่งไปยังไงให้ถูกสาย และถูกทางเลยทำการเปิดอินเตอร์เน็ตจนพบกับ www.gothere.sg เป็นสิ่งที่ช่วยเราได้มากว่าจะไปที่ไหนไปยังไงถึงจะสะดวกที่สุด

การเดินทางครั้งนี้เปิดด้วยการนั่งรถบัสสาย 21 จากถนนเกลัง นั่งยาวประมาณ 20 นาทีไปถึงป้าย Before Tai Hoe Hotel ( ประมาณ 7 ป้ายรถเมล์) แล้วเดินต่ออีกนิดจะเห็นห้าง Mustafa เป็นห้างที่เปิดตลอด 24 ชม. ขายทุกอย่างสารพัดอยากได้อะไรลองถามหาได้ที่นี่ ซึ่งส่วนมากที่แวะมาหาซื้อจะเป็นพวกช๊อกโกแลต ขนม น้ำหอมเพราะถือว่ามีเยอะและถูกกว่าที่อื่น แต่เรื่องของจริงหรือปลอมนั้นอยู่ที่ว่าใครจะสตรองกว่ากัน,,

เดินกันอยู่นานสองนานจนได้ของที่่ถูกใจที่ต่อไปที่จะไปเยือนคือ China Town หรือเยาวราชเมืองลอดช่อง การเดินทางจาก Mustafa ไปยัง China Town คือ เดินออกมากขึ้นรถที่ Jalan Besar RD ขึ้นรถบัสสาย 147 ไปลงที่ Chinatown Point เดินทางประมาณ 11 ป้ายรถเมล์ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ถนน Upper Cross Street

บรรยากาศย่าน China Town

Buddha Tooth Relic Temple & Museum หรือ วัดพระเขี้ยวแก้ว

พอรถบัสจอดที่สถานี China Point สถานที่ตรงนี้จะเป็นห้างสรรสินค้า ให้เดินไปอีกนิดก็จะเป็นย่าน China Town ที่ดูไปดูมาแล้วบรรยากาศคล้ายๆ กับสำเพ็งบ้านเราที่จะขายของเล็กๆ น้อยๆ บรรดาของฝาก อาทิ พวงกุญแจ เสื้อลายเมอร์ไลออน ตุ๊กตา ฯลฯ เดินผ่านร้านรวงต่างๆ เข้ามาจะเจอกับ Buddha Tooth Relic Temple & Museum หรือ วัดพระเขี้ยวแก้ว สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และสถานที่สักการบูชาของชาวพุทธในสิงคโปร์ เป็นที่รวบรวมสิ่งต่างๆ ของศาสนาพุทธไว้มากมาย ใกล้ๆ กันยังมีวัดของชาวฮินดูที่ชื่อว่า Sri Mariamman Temple หรือ วัดศรีมาริอันมัน เป็นสถานที่ที่เรายังไปไม่ถึง เลยไม่มีภาพมาฝาก


เดินวนไปวนมาในย่าน China Town อยู่พักใหญ่รู้สึกหิว สามารถหาอาหารทานได้ที่ China Food Street มีอาหารหลากหลายให้ได้ทานรวมถึงอาหารไทยด้วย แต่ตอนที่เราไปนั้นร้านส่วนมากยังไม่เปิดเลยได้แค่แวะทานอะไรลองท้องเบาๆ ชื่อร้านว่า NANYANG OLD COFFEE เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ตั้งอยู่หัวมุมติดถนนใหญ่ในส่วนของ China Food Street

หนีร้อน ปะฝนพร่ำๆ

หลังจากพักผ่อนจนคลายความเหนื่อยล้าก็ยังคงต้องไปต่อ เวลาตอนนั้นประมาณบ่ายๆ สถานที่ต่อไปที่วางแพลนไว้คือ Mount Faber Park หนึ่งในพื้นที่สีเขียวของเมืองสิงคโปร์เพื่อจะไปเดินเก็บเกี่ยวบรรยากาศ สบายๆ บน Henderson Wave Bridge สะพายรูปร่างแปลกตาที่ยาวและสูงที่สุดในสิงคโปร์แต่ด้วยการเดินทางที่ผิดพลาดเล็กน้อย บวกกับฝนที่ตกลงมาอย่างไม่เป็นใจ เลยเปลี่ยนแผนกันใหม่ สถานที่ที่ไปคือ Orchard RD (ถนนออร์ชาร์ด) ย่านช็อปปิ้งของสิงคโปร์ ที่ถนนทั้งเส้นมีห้างสรรพสินค้าตลอดเส้นทาง

ใครจะหนีร้อนไปพึ่งเย็นคงเป็นไปได้ยาก เพราะประเทศสิงคโปร์ก็อยู่ห่างจากประเทศไทยไม่มากนัก แถมยังอยู่ใกล้แนวเส้นศูนย์สูตร ก็อย่าไปหวังว่าจะได้พบความหนาวเย็นจากอะไรทั้งสิ้น แต่สิ่งที่จะได้พบจากที่นี่คือ ร้อนและฝน แต่อากาศร้อนก็ไม่ได้ร้อนจนแสบผิวเหมือนบ้านเราเท่าไหร่ เดินเล่นแถวย่าน Orchard RD (ถนนออร์ชาร์ด) ช็อปปิ้งกันเพลินๆ เวลาก็เลยมาเนินนานจนลืมไปว่าอาหารเช้าข้าวมันไก่ที่กินไปมันคงย่อยไปแล้ว ไหนไหนอยู่ที่ห้างสรรพสินค้ากันแล้วก็เลยตามเลยหาอะไรกินไปเลยแล้วกัน ซึ่งสิ่งทีได้กินหลังจากอาหารว่างคือ ก๋วยเตี๋ยวบ้านๆ แต่ของเด็ดมันอยู่ที่ลูกชิ้นปลาของที่นี่!! เด็ดมากจริมๆ

กินอาหารเสร็จก็เดินย่อยกันนิดหน่อย แล้วคุยกับเพื่อนว่าเราคงต้องกลับกันแล้วหละเพราะตอนเย็นมีสิ่งสำคัญรออยู่นั่นคือการ เคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ริมอ่าว Marina Bay จากย่านศูนย์การค้านับสิบพวกเราเดินทางกลับด้วยรถบัสสาย 190 จากป้ายหน้า Robinson มาลงที่ป้าย High Street Centre แล้วเดินเรื่อยๆ มาต่อรถบัสสาย 80 ที่ป้าย Clarke Quay MRT ได้เก็บบรรยากาศ สถานที่ อาคารเก่าๆ ไปเรื่อยๆ

"ก่อนปีใหม่มาเยือน"

หลังจากนั้นต่อรถสาย 80 กลับถึงที่พักอย่างสบายๆ พักร่างกันแทบไม่ทัน!! ได้พักไม่นานภารกิจสุดท้ายของวันก็มาถึง เก็บข้าวของที่หอบหิ้วกันมาจากการช๊อป แล้วพาร่างที่เหน็ดเหนื่อยออกไปต้อนรับปีใหม่ เดินทางเหมือนวันก่อนคือนั่งรถบัสจากสาย 100 จากเกลัง ไปลงที่ป้ายหน้า The Fullerton Bay แล้วเดินต่อไปอีกนิด แต่วันนี้พิเศษกว่าวันก่อนตรงที่คนเยอะมาก เพราะเป็นวันพิเศษที่หลายคนรอคอย!! ปีใหม่นั่นเอง สิ่งแรกที่ทำเมือไปถึงคือการหาอะไรลงท้องและคิดกันแล้วว่าต้องดีกว่าที่กินมาตลอดทั้งวัน

ก่อนจะจบลงที่ อาหารเหล่านี้ที่ถือว่าเป็นอาหารมื้อที่เกือบจะอร่อยที่สุดของวันนั้นเลยก็เป็นได้ กินกันอย่างพึงพอใจจนเวลาเวลากว่า 4 ทุ่มได้เวลาแล้วที่เราต้องไปจับจองหาพื้นที่ในการเฉลิมฉลองค่ำคืนสุดท้ายของปี 2015 บนสะพาน Esplanade Driver ริมอ่าว Marina Bay ที่แน่นหนาไปด้วยผู้คนหลากหลายเหล่าพันธุ์ ระหว่างนั้นฝนก็โปรยปรายตลอดเวลา แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับสถานการณ์อย่างนี้ นั่งเพลินๆ ตากฝน ตากลมไปจนถึงเวลาที่สำคัญ "Happy New Year 2016" ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคน พุสวยมาก บรรยากาศดีมาก ทุกอย่างถือว่าลงตัว อยู่ในสถานการณ์ที่โอค

สุดท้ายก็เหลือไว้แค่เพียงภาพถ่ายนิ่งๆ กับความทรงจำในจินตนาการ ถือว่าเป็นปีที่ดีอีก 1 ปีของชีวิตที่ได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้ ขอพักไว้แค่นี้ก่อนสำหรับรีวิวแบบเร่งรีบกับทริป เที่ยวสิงคโปร์ ดูเมอร์ไลออน "ก่อนปีใหม่มาเยือน" (1) แล้วจะมาลอง พยายามเขียน Prat 2 ในแบบฉบับของตัวเองอีกครั้ง ถือว่าเป็นบันทึกความทรงจำระหว่างการเดินทางของตัวเองไปด้วยก็แล้วกัน


เที่ยวสิงคโปร์ ดูเมอร์ไลออน "หลังปีใหม่มาถึง" (2) See you Soon!!

Prachaya Kanchanavilai

 วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 01.30 น.

ความคิดเห็น