วันหยุดมนุษย์ทำงานเรา ถ้าไม่รอหยุดยาว ก็มีแค่ เสาร์ อาทิตย์ ปิงปิงอยากจะไปเที่ยวธรรมชาติใกล้ กทม เดินทางสั้นๆ เห็นก็มีแค่ไม่กี่จังหวัดให้นึกถึง หนึ่งในนั้นคือ จังหวัดนครนายก ใครหลายคนต้องนึกถึงน้ำตกสาริกา วังตะไคร้ ที่เที่ยวกันมาแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่สาวๆ แต่น้ำตกมันเชยไปแล้ว อยากลองหาที่เที่ยวใหม่ๆ บ้าง แต่ยังนึกไม่ออก เอาว่าเรา Scope เหลือแค่จังหวัดนครนายก ดูที่พักธรรมชาติสวยๆ ก่อนเลย ถามอากู๋ ก็ไปป่ะกับเพจบ้านพักนครนายก 104 https://www.facebook.com/aglow104homestay/ ดูในเพจแล้ว บ้านน่าพัก น่ารัก ตกแต่งสวยงามดี ราคาก็พอใช้ได้ เลยลองโทรไปสอบถาม ปลายสายแจ้งว่าต้องจองล่วงหน้า ไม่รับ walk-in นะคะ ด้วยเหตุผลว่า ทางบ้านพักนี้ไม่ได้เน้นทำเป็นธุรกิจใหญ่โต และที่ตั้งก็ไม่ได้อยู่ในบริเวณที่อนุญาตให้ทำรีสอร์ทนะ เป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่อย่าไปบอกใครล่ะ เอาว่า ถ้าใครชอบที่สงบๆ เงียบๆ เปลี่ยนบรรยากาศที่ซุกหัวนอน สไตล์บ้านสวน ก็มาลองที่นี่ได้ แม้เขาไม่รับ walk-in แต่พอดีเราโทรไปแล้วห้องเขาว่าง และแจ้งว่ากำลังมุ่งหน้าไปชมที่พักเขาพอดี และก็ติดใจภาพห้องพักริมน้ำในเพจที่ตกแต่งสไตล์คันทรีวินเทจ ถามราคาอยู่ที่คืนละ 2,500 บาท มีอาหารเช้าพร้อม แต่ต้องโอนเงินชำระก่อน ถึงจะส่งพิกัดที่พักให้เราได้ อ่ะ ไม่เป็นไร ของงี้ เราต้องลอง แอดไลน์กัน ส่งใบโอนเงิน เจ้าของส่งพิกัดมาให้ เราก็รีบขับตรงไปเลย ถ้าไม่ส่งพิกัดมา รับรอง หาไม่เจอ เพราะไม่มีป้ายบอกทางเข้านะคะ เขาทำแบบเล็กๆ ไม่ได้โฆษณาไรมากมาย ถ้าไปค่ำๆ ดึกดื่นละก็ มีหลงค่ะ

อากู๋ แมพ ทำงานได้ดี พาเราไปถึง บ้านพักนครนายก 104 อารมณ์เหมือนไปเที่ยวบ้านเพื่อน เพราะรอบๆ อาณาบริเวณที่พักจะมีบ้านสร้างอยู่สามสี่หลัง ยังไม่ชัวร์ว่าอารมณ์รีสอร์ทยังไง แต่พอขับรถเข้าไป ผ่านประตูบ้านที่เปิดทิ้งไว้ จะเห็นป้ายเขียนว่า บ้านพัก 104 อ่ะ มาถูกที่แล้ว แต่ผิดเวลาไปนิด เพราะเราดัน walk-in แม่บ้านยังทำความสะอาดห้องไม่เสร็จดี แต่ดูจากภาพถ่ายที่เห็นแล้ว มันน่าจะดีน่า

สามารถชมเป็น วีดีโอด้วย เผื่อจะได้อารมณ์บ้านสวนชัดเจนขึ้น วีดีโอบ้านพักนครนายก 104

คุณเก้ง เจ้าของบ้านพักก็ไม่อยู่ แกอยู่ กทม ในวันที่เราไปเยือน แกก็โทรเข้ามาขอโทษที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับเอง และขอให้รอแป๊บ พอดีบ้านยังทำความสะอาดไม่เสร็จ ไปหาอะไรทานก่อนนะคะ แล้วค่อยเข้าที่พัก คุณเก้งเจ้าของบ้านพักแนะนำให้เราไปลองทานร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล ใกล้ๆ แถวตลาดเก่า ชื่อร้าน "Sweet's time" อาหารอร่อย เป็นห้องแอร์เย็นๆ ด้วย เราก็ไปสิ นาทีนี้ ไปถึงเที่ยงพอดี ร้อนแดด ต้องหาที่นั่งเย็นๆ หาไรทานให้เย็นใจ ได้ชื่อร้านมา ถามอากู๋ต่อ ก็ไปเจอร้านได้อย่างง่ายดาย ร้านอาหารนี้เป็นห้องแถว 2 ห้องติดกัน ดูจากจำนวนรองเท้าที่ถอดวางหน้าร้านแล้ว น่าจะอร่อยสมกับที่เจ้าของที่พักแนะนำ

มาดูเมนูอาหารกันดีกว่า คือแบบว่า เห็นแล้ว มันอยากสั่งไปซะทุกอย่างเลย ไม่คิดว่าร้านเล็กๆ แบบนี้จะมีของน่าทานเยอะมาก ที่ถ่ายเก็บไว้เยอะๆ เพราะเราตั้งใจว่าอาจจะออกมาทานอีกทีมื้อเย็น ด้วยความตะกละ

สั่งเมนูเด็ดแนะนำโดยปิงปิงเอง คือ กระเพราเป็ดกรอบ ข้าวผัดปลาเค็ม ดอกขจรกุ้งผัดวุ้นเส้น อร่อยเหาะ แทบทุกเมนู ตบท้ายด้วยเค้กเผือก เค้กมะพร้าวข้าวโพด ลองแล้วจะติดใจ

ซัดอาหารเที่ยงไปเกือบชั่วโมงเต็มๆ เมื่อท้องอิ่ม หนังตาก็ตึง เราก็เลยโทรเช็คว่าสามารถ Check-in เข้าบ้านพักได้ยัง ปรากฎว่าเขาเตรียมเปิดแอร์เย็นฉ่ำรอเราไว้แล้ว ก็ขับกลับไปที่พักทันที บ้านพักที่นี่มีหลายห้องอยู่ แต่ที่นิยมคือเรือนริมน้ำ เพราะมี space สร้างขึ้นมาให้สามารถนั่งเล่นชมบ่อปลายามเย็นได้ตามอัธยาศัย

ก็เกร๋ไม่หยอก ยิ่งถ้าอากาศเย็นๆ ก็ยิ่งดีจ้า อันนี้เป็นภาพที่ทางคุณเก้ง เจ้าของที่พักแกส่งมาให้ดู บอกว่าให้สั่งแม่บ้านเอาฟูกที่นั่งมาตั้งนั่งเล่นแบบนี้ได้เลยนะคะ ก็ตามนั้นค่ะ แม่บ้านมีการนำเอาน้ำส้มและกล้วยน้ำว้ามาเสริฟ บอกว่าเป็นผลผลิตจากในสวนนี้เอง ถ้าอยากกินเพิ่มก็เครือละ 20 บาทเท่านั้น

บรรยากาศที่พักก็เป็นห้องพักเหมือนกับรูปด้านบน จัดตกแต่งน่ารัก น่านอนดี แอร์เย็นฉ่ำ ชวนนอนกลางวันมาก คุณเก้งเจ้าของที่พักค่อนข้างน่ารักมาก ไลน์มาสอบถามเราเป็นระยะๆ แถมแนะนำที่เที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ ไม่ก็อ่างเก็บน้ำทรายทอง เผื่อจะได้ไปรับลมเย็นๆ และหมอก ปิงปิงกะว่าจะต้องตื่นเช้าไปชมแน่นอน แต่ด้วยความอ่อนเพลียปนขี้เกียจ ทำให้ตื่นสาย ปาเข้าไปก็ 8 โมงกว่า ไม่ทันละ หมอกเย็นๆ เหนืออ่างเก็บน้ำ

ไม่เป็นไร เอาไว้ทริปหน้า ไปทานมื้อเช้าของที่พักที่เขาจัดเตรียมไว้ดีกว่า ก็จะเป็นน้ำส้มคนละแก้ว+ น้ำเปล่า ชาทไวนิ่ง หรือกาแฟ ไข่ลวก 3 ลูก ไส้กรอก แฮม แซมด้วยสลัดผัก มีขนมปังปิ้งให้บริหารตัวเอง ตบท้ายด้วยมะละกอจากสวน โดยรวมก็อิ่มใช้ได้ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เราก็กะว่าสายตะวันโด่งแล้ว ควรหาที่เที่ยวซะหน่อย ถามอากู๋ หาที่เที่ยวใกล้ๆ ที่ไม่ต้องแหกขี้ตาแต่เช้าไปชื่นชม เจอว่ามี เขื่อนคลองท่าด่านเนี่ยแหล่ะ เข้าท่าดี เดินทางก็ไม่ไกลจากที่พัก แดดก็เปรี้ยงดี รับรองฝนไม่ตก น่าจะได้ถ่ายภาพสวยๆ เก็บมาเป็นที่ระลึกได้บ้างแหล่ะ ว่าแล้วก็เปิดกูเกิลแมพหาเขื่อนคลองท่าด่านเลย ได้ดังภาพ เดินทางระยะเวลาประมาณ 30 นาทีจากบ้านพัก 104

ไปไม่ยาก รับรองว่าวิวคุ้มกับระยะทาง เราไปถึงก็เกือบเที่ยงแดดเปรี้ยงๆ ถ่ายรูปกำลังสวยงาม ที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกทำ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถบนสันเขื่อนมุ่งหน้าขึ้นเขาใหญ่ หรือจะเช่ารถกอล์ฟขับเล่น หรือจะเช่าเรือล่องดูบรรยากาศในเขื่อน ก็สามารถแวะไปเดินเล่นตรงน้ำตก หรือเดินไปแถบเขาใหญ่ได้ แต่ช่วงที่ปิงปิงไป น้ำค่อนข้างลด ทำให้เรือว่างไปได้ไม่ถึงทางขึ้นป่าเพื่อเดินต่อไปชมน้ำตก ก็เอาเท่าที่ไปได้ ค่าเช่าเรือก็ตกอยู่ที่คันละ 1000 บาท วิ่งไปกลับประมาณ 1-2 ชม. จะนั่งเป็น 10 คนเขาก็ไม่ว่า เอาว่าเหมารอบละ 1,000 บาท ไปเยอะก็คุ้มหน่อย สามารถซื้ออาหารกลางวันไปทานบนเรือได้ตามสบาย แต่ก็นะ ปิงปิงซื้อแค่ลูกชิ้นปิ้ง หมูปิ้ง ส้มตำ อะไรที่หยิบถือขึ้นเรือไปทานได้ง่ายๆ ก็ซื้อติดไปด้วย

อันนี้เป็นวิวตรงบริเวณด้านบนก่อนที่จะลงไปนั่งเรือจ้าง

มองจากตรงนี้จะเห็นได้ชัดว่าน้ำลดลงไปมากจากสันเขื่อนที่อยู่ทางด้านขวา แต่ก็ยังพอมีน้ำให้เราได้นั่งเรือ เพียงแต่ต้องขับรถลุยโคลนลงไปด้านล่างเพื่อไปขึ้นเรือ ใครไม่มี 4 WD ก็เดินเอา อย่าลืมพกร่มไปด้วย ระหว่างทางลงเรือค่อนข้างไกลและแดดร้อนมาก แต่พอได้ขึ้นเรือ ลมเย็นโชยเลย ไม่ต้องห่วงเรื่องแดด เพราะเป็นเรือมีหลังคาจ้า

ดูจากระยะที่เราเดินลงมาจะเห็นว่าน้ำลดลงไปมากๆๆๆ กว่าจะได้ลงเรือ

บรรยากาศภายในเรือ มุ่งหน้าไปดูรอบบริเวณอ่างเก็บน้ำ

เห็นสันเขื่อนอยู่ไกลลิบๆ ด้านหลัง

ระดับน้ำเคยสูงถึงจุดโคนต้นไม้ด้านบนโน่น

นั่งเรือไปได้สัก 2 กิโลเมตรกว่าๆ น้ำก็เริ่มตื้นเขิน ทำให้วิ่งต่อไปไม่ได้ ต้องวนกลับไปชมจุดอื่นๆ บ้าง


หัวเรือย้อนกลับไปชมบริเวณสันเขื่อนที่เด่นตระหง่านอยู่ด้านหน้า

นี่แหล่ะคือ การ Take the "Dam" Picture!! ของจริง

วิวรอบๆ ภายในอ่างเก็บน้ำ

มุ่งหน้ากลับขึ้นฝั่ง

เห็นตำแหน่งที่เราเอารถแบบ off road มาจอดเพื่อจะเตรียมเดินไปลงเรือต่อ ใครเอารถเก๋งมา แนะนำอย่าเอารถลุยลงมาเด็ดขาด ถนนแย่มาก เดินด้วยเท้าเนี่ยแหล่ะ ดีสุด ไกลหน่อย และไม่ต้องเสียตังค่าซ่อมโช้ครถจ้า ด้านล่างจะเห็นมีเรือจอดให้บริการหลายลำ ราคาเท่ากันหมด เหมารอบละ 1,000 บาท

เก็บภาพก่อนกลับ ที่เห็นเป็นเส้นลากลงมา คือทางเดินบันไดของเจ้าของเรือ เขาจะลงมาทางนั้นเพื่อมายังที่จอดเรือ อย่าให้นับขั้นเลย เป็นร้อย......ถ้าน้ำขึ้น ชีวิตจะสะดวกกว่านี้มาก

เรือเราเริ่มเทียบเข้าฝั่ง เพื่อกลับขึ้นรถ

จบทริบการนั่งเรือ ใช้เวลาไปชั่วโมงพอดี ทานอาหารกลางวันเสร็จพอดี ต้องบอกว่าก็ได้บรรยากาศอีกแบบ แม้น้ำจะน้อยไปหน่อย แต่ลมเย็นสบายดี ให้เจ้าของเรือมีอาชีพต่อไปได้ด้วย ใครอยากดูวิวแบบเคลื่อนไหว เชิญชมได้ที่วีดีโอที่แนบมาด้านล่างนี้ จ้า

หวังว่าจะได้รับความบันเทิง ชมความสวยงามของอ่างเก็บน้ำคลองท่าด่านในวันที่น้ำลด ไว้น้ำขึ้นเมื่อไหร่ จะไปเก็บภาพสวยๆ มาให้ชมกันอีก เพราะถ้าน้ำขึ้น เราก็จะสามารถนำเรือวิ่งไปจอดใกล้เขาใหญ่ เดินลงไปชมน้ำตกน้อยใหญ่ได้ด้วยนะ ใครมีกำลังเรี่ยวแรงขาดีๆ เชิญมาลองได้จ้า สนุกไปอีกแบบ!!








Pingping

 วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.23 น.

ความคิดเห็น