-- กราบ บ บ บ สวัสดีครับ !!!!! --


การรีวิวครั้งนี้ตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่รักในการท่องเที่ยว แต่มีงบอยู่ไม่กี่บาท เพราะการเดินทางครั้งนี้
เราใช้งบ ประมาณ 12000 บาทและคิดว่าคงจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายๆ คนที่กำลังจะวางแผนเดินทางไป มาเลเซีย-สิงคโปร์ ไม่ไกลไม่ใกล้ จากประเทศไทยบ้านเรานี้หละครับการใช้คำในการรีวิวอาจไม่สละสลวยแต่ทุกอย่างที่เขียนมาจาก
“ ใจ " ครับ



ผมใช้แค่กล้อง iPhone ถ่ายเท่านั้นครับ

ก่อนที่เราจะไปได้นี้คือต้องรวบรวมข้อมูลกันจากหลายแหล่งข้อมูล ซึ่งได้พี่ร่วมทริปของผมรวบรวมข้อมูลทั้งหมดและนำมาประกอบกันจนกลายเป็นทริปนี้ขึ้นมาครับ ขอมอบเครดิตนี้ให้กับผู้ร่วมทริปของผมทุกคน และขอขอบคุณ M Y D E S I G N – C L U B . N E T ที่ให้พวกเรายืมบัตร EZ link สำหรับเดินทางในประเทศสิงคโปร์ครับ


ร่วมเดินทางไปด้วยกันนะครับ ผมจะทำให้รู้ว่าเรื่องเงินไม่ใช่ข้ออ้างของการท่องเที่ยว
ฝากเพจ ของเราด้วยครับถ้าชอบการเดินทางแบบประหยัด ใช้เงินแบบมีเหตุผล หรือไร้สาระก็ไม่รู้ 5555
เพจ : ไม่กี่บาท ผมจะพาเดินทางไปแบบไม่กี่บาทนี้หละครับ
ลิงค์ https://www.facebook.com/maikeebaht


:: การเตรียมพร้อม ก่อนเดินทาง ::

. . . . บอกก่อนเลยครับ ทริปนี้ เราไม่ได้ ง้อทัวร์ เลยครับ วางแผนกันเอง หลงกันเอง

ก่อนเดินทางเราจึงต้องทำ วิจัย และ วางแผนกันอย่างหนักเลยครับ . . . .


มาเข้าเรื่องการเลยดีกว่าครับ ก่อนอื่นจะต้องจัดทำแผนการเดินทาง (Schedule Trip) ทั้ง 2 ประเทศ

เพื่อสำหรับยื่นให้กับ ตม. ดูครับ ทั้ง 2 ประเทศนี้ค่อนข้างเข้มงวดมากในการที่จะเข้าประเทศของเขา

เดี่ยวจะไม่ได้เข้าประเทศนะครับ 5555 เราจึงควรเตรียมแผนเดินทางไว้ เผื่อถ้าเขามีคำถามจะได้ยื่น

Schedule Trip ให้ ตม. ดูครับ

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ Backpacker ในการแบกกระเป๋าขึ้นเครื่องนะครับ ข้อห้ามสามารถศึกษาได้ตามลิงค์นี้เลยครับ


http://www.airasia.com/th/th/baggage-info/cabin-baggage.page

:: Day#1 Go to มาเลเชีย ::


เริ่มต้นการเดินทาง ประเทศแรกที่พวกเราจะเดินทางไปนั่นก็คือ ประเทศ มาเลเชีย เมือง กัวลาลัมเปอร์

ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เดินทางกับสายการบิน AirAsia เที่ยวบินที่ FD311 เวลา Boarding Time 06:30 น.

ผมมาถึงสนามบินดอนเมืองตั้งแต่ตี 4 จะคึกไปไหน (แหกขี้ตามาเลยกันเลยี่เดียวครับ 555+ )

คือว่า Check-in และพิมพ์ใบ Boarding Pass มาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมโชคดีมากที่มาก่อนเวลา เจอทัวร์จีนเต็มสนามบิน

กว่าจะได้เข้าด่าน ตม. เกือบ 06:30 น. ควรเตรียมตัวกันไว้ก่อนก็ดีนะครับ เดินทางไปถึงสนามบินสิ่งแรกที่ต้องทำ

ก็คือ Check-in และกรอก Immigration Form ให้เรียบร้อย ทั้งขาออกประเทศ และขาเข้าประเทศครับ

ใบ Immigration Form สามารถหยิบที่ได้เคาน์เตอร์ขายตั๋ว AirAsia ครับ กรอกเสร็จแล้วก็ต่อแถวเข้าประตู

ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (International Departure) เข้าประตูแล้วก็ต่อแถวเข้าด่าน ตม. เสร็จแล้วไปรอที่ Gate

เราจะขึ้นเครื่องครับ ถึงเวลาแอร์จะประกาศเรียกและจะมี รถ Airport Bus ของ AiraAia มารับเราไปขึ้นเครื่องครับ


ลืมถ่ายครับ ขออนุญาติ เอารูป มาประกอบความเข้าใจ จากเว็บ http://www.janestories.com/

เครื่องขึ้นประมาณ 07:10 น. เวลาท้องถิ่นประเทศมาเลเซียจะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมงครับ (GMT+8)

เครื่อง Landing ถึง International Kura Lumpur Airport ในเวลา 10:05 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศมาเลเซีย
ใช้เวลาในการบินประมาณ เกือบ ๆ 2 ชั่วโมงครับ ประเทศมาเลเซียไม่ต้องกรอกใบ Immigration Form
แต่ใช้การ Scan ลายนิ้วมือจากเล่ม Passport ของเราครับ . . . .

ลงจากเครื่องแล้วเดินตามคนอื่นไปเลยครับ เดินไกลมากกว่าจะถึงด่าน ตม. ให้เราเดินไปตามป้าย Immigration

เดินไปเรื่อยๆ พอถึงด่าน ตม. เราจะต้องเข้าช่อง Passport Asing Foreign Passport ครับ

พอผ่านด่าน อะไรเรียบร้อยแล้ว

หู้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อะไรเนี่ย มาเป็นคลังแสงเลยครับ

ที่นี่เราซื้อไม่ได้นะครับ ถ้าซื้อแล้วจะต้องกินให้หมด (บ้าหรอ!!!!)

เพราะเราจะแบกเข้าด่าน ตม. ของประเทศสิงคโปร์ไม่ได้นะครับ

ผ่านจุดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาแล้วหาทางขึ้นไปชั้น 1 เพื่อไปขึ้นรถ Sky bus พวกเราซื้อตั๋วรถควบคู่กับตั๋วเครื่องบินครับรถจอดอยู่ที่หน้าประตูทางออก เราจะออกเดินทางไป KL Sentral รถออกเวลา 11:00 น. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครับ

มาถึงกันแล้วครับ KL Sentral รถ Sky Bus จะมาจอดให้เราลงที่ชั้นใต้ดิน ระหว่างที่เรากำลังลงจากรถบัส

จะมีคนขับแท็กซี่มาเรียกเรา “เห้ แทคฉี่ ๆ" เห่ะไม่ครับผมไม่ปวดฉี่ ไม่เอาครับเดินไปเลยไม่ต้องสนใจครับ หาบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปยัง KL Sentral ครับ

ขึ้นบันไดเลื่อนมาแล้วเดินตรงมาตรงกลาง ทางด้ายซ้ายมือให้เรามองป้าย Rapid KL ตรงนี้จะเป็นสถานี LRT

สายสีชมพู (Kelana Jaya Line)

และสถานที่แรกที่เราจะไปเที่ยวกันก็คือ Petronas Twin Towers ตึกคู่ ที่เคยๆ เห็นกัน นั้นหละครับ hightLight เลยนะนั้น

ไปซื้อตั๋วกันที่ตู้ขายตั๋ว พร้อมจะเดินทางไปสถานี KLCC (KJ10) จิ้มตู้แล้วเลือกเลยครับ ค่าโดยสารคนละ 1.6 RM. สอดแบงค์ 1 RM. เข้าไป 2 ใบ

ง่ายๆๆ เหมือน ขึ้น รถไฟ ใต้ดินบ้านเรานี้หละครับ ^^

ตู้จะทอนตังค์ให้ และจะได้เหรียญพลาสติกสีน้ำเงินมา 1 เหรียญใช้สำหรับผ่านประตู ขาไปใช้เหรียญทาบที่ตรงทางเข้าแล้วประตูจะเปิดเก็บเหรียญดี ๆ นะครับจะต้องใช้หยอดขาออกที่ประตู แล้วประตูจะเปิด หากไม่เข้าใจยืนดูคนอื่นก่อนครับมีคนเข้าตลอดขึ้นฝั่ง Platform 1 จาก KL Sentral (KJ15) ไป KLCC (KJ10) จะห่างกัน 5 สถานี ถึงสถานี KLCC แล้วให้มองหาป้าย KLCC Suria โดยห้าง Surai จะเชื่อมกับสถานี KLCC เลยครับ

ภายในห้างมีสินค้าแบรนด์เนมมากมายลดราคาเพียบ หันมาอีกทีผู้ร่วมทริปผมหายไปแล้วครับ

อะ อะ อ่าว เครื่องสำอางลดราคาไวกันเชียวนะ ทางของเค้าหละ

Petronas Twin Towers
:: นี้หละตึกคู่ ที่อยากเห็น ::

ที่นี้คือที่ไหน ที่นี้คือมาเลเชีย (บอกไปแล้วจะบอกอีกทำไมเนี่ย)

ก็ใครเห็นภาพ นี้ คงรู้ดีครับที่นี้คือ .. มาเล มาเล๊ .. อลังการจริงๆๆครับตึกปิโตรนาสมีความสูง 452 เมตรจากระดับถนนและมีทั้งหมด 88 ชั้น สถานที่ที่น่าสนใจในอาคารคือ ซูเรีย ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์, ปิโตรนาส ฟิลฮาร์โมนิก ฮอลล์, ศูนย์วิทยาศาสตร์ เปโตรซิน อื่นๆ อีกมากมาย

หลังจากที่เดินเลือกอยู่หลายร้าน ด้วยความที่อยากกินอาหารท้องถิ่นเลยได้ร้านนี้ครับ Adam Penyet-AP

เมนู Recommend ตามชื่อร้านครับ Adam Penyet มันคือเนื้อไก่ทอดโรยด้วยเกล็ดขนมปังทอดกรอบ กินกับน้ำจิ้มรสเด็ด(เด็ดจริงครับ) กับน้ำซุปอีก 1 ถ้วย ราคา 9.9 RM.

สำหรับเมนูนี้ผมให้ผ่านอร่อยใช้ได้ อิ่มแปร่พร้อมเดินทางต่อ ต่อไปเราจะเดินทางไป มะละกา (Melaka)

ซึ่งจะต้องเดินทางกลับไปที่ KL Sentral โดยนั่งรถไฟฟ้า LRT เหมือนกับขามาครับ ซื้อตั๋วที่ตู้เหมือนเดิม ขึ้นฝั่ง Platform 2 จาก KLCC (KJ10) ไป KL Sentral (KJ15) ค่าโดยสาร 1.6 RM เหมือนเดิม

ต่อไปพวกเราจะไปสถานีรถบัส Terminal Bersepadu Selatan (TBS) หรือ Bandar Tasik Selatan

เพื่อนั่งรถไปมะละกา เดินทางไป TBS โดยรถไฟรางธรรมดา KLIA Transit ที่ขายตั๋วจะอยู่ตรงข้ามกับประตูที่ออกจากสภานี LRT เลยครับ และซื้อตั๋วที่ตู้ KLIA Transit ค่าโดยสารคนละ 4.2 RM.

ซื้อตั๋วทีนี้จะได้เป็นบัตรนะครับวิธีการเข้าประตูก็จะคล้ายๆ กับ LRT แค่เปลี่ยนจากเหรียญเป็นบัตรแทน

เข้าประตูแล้วต้องเดินลงไปด้านล่างครับ มีเวลาบอกด้วยอะว่าอีกกี่นาทีรถไฟจะมารถไฟมาแล้วก็จับจองที่นั่งกันเลยครับ จาก KL Sentral ไป TBS แค่ 1 สถานี ภายในรถไฟดูดีมากครับ ได้แต่ถามกับตัวเองว่า เมื่อไหร่การรถไฟแห่งประเทศไทย จะทำแบบนี้บ้าง >.< แต่ก็อย่างว่า หละครับความ Clssic มันต่างกัน โด้ว ว ว ว ว

ถึงสถานี TBS แล้วข้ามฝั่งเข้าไปที่ TBS Main Lobby หาซื้อตั๋วรถ Metro Bus เพื่อที่จะไปมะละกา

ผมแนะนำให้เช็คตารางเดินรถจากเว็บไซต์มาก่อนเพื่อความสะดวกและไม่เสียเวลาในการซื้อตั๋ว

ข้อดี ของประเทศมาเลเซีย ก็คือ ถึงจะมีบริษัทการเดินรถหลายบริษัทก็จริง

แต่เวลาการเดินรถของเขาจะไม่ทับซ้อนกัน

ลิงค์สำหรับเช็ครอบการเดินรถ http://www.busonlineticket.com/

ช่อง Depart From: เลือก Kuala Lumpur ช่อง Arlive to: เลือก Malacca และ Departure Date: เลือกวันที่เดินทาง

(สำหรับลิงค์ที่ผมแนบให้เป็นลิงค์การซื้อตั๋วออนไลน์ คือไม่แนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์นะครับ

เพราะเราไม่สามารถกำหนดเวลาว่าเราจะมาถึง TBS กี่โมง กรณีถ้าเราซื้อไว้แล้วมาไม่ทันเท่ากับทิ้งตั๋วไปฟรี ๆ)

เช็ครอบเสร็จแล้วทีนี้เราก็ดูว่าบริษัทไหนตรงกับเวลาที่เราจะเดินทางเราก็ไปซื้อตั๋วที่บริษัทนั้นเลยครับ

พวกเราได้บริษัท Delima Express เดินทางรอบ 16:00 น.

ค่าตั๋วคนละ 10 RM. ตอนนี้เวลา 15:30 น. ยังมีเวลาหาขนมกินครับ ข้างในจะมี 7-11


หลังจากนั้นเราต้องลงไปยัง Gate ที่จอดรถ ให้เรามองหาป้าย Pintu Perlepasan (เลข Gate)

คือ Gate จะมี 2ฝั่ง ฝั่งซ้าย Gate 14-16 และฝั่งขวา Gate 1-13 รถบัสที่เราจะขึ้นกันอยู่ Gate 3 ครับ

ออกเดินทางจาก TBS เวลา 16:00 น. ถึง MK Sentral 18:00 น. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครับ

ถึงแล้วให้เดินไปที่ Platform A และไป Gate 17 เพื่อรอรถเมล์สาย 17 ไป Chinatowns (ไม่ใช่เยาวราชนะครับ แหม่555)

ที่ Gate จะมีคนนั่งรอรถเมล์เยอะครับ แต่ถ้าไม่แน่ใจว่ารถคันนี้ไป Chinatowns หรือป่าวให้ชะโงกหน้าไปถามคนขับรถได้เลยครับ

(อ่อน้องไป เยาวราช นั่ง สาย 8ครับ 555555 ไม่ใช่ !!!!!!)

ถ้าใช่แล้วก็ขึ้นเลยครับ ค่าโดยสารคนละ 1.5 RM. คนขับรถจะมาจอดให้ลงที่ Dutch square ใกล้ๆ

กับโบสถ์แดง แล้วคนขับจะตะโกนบอกว่าถึง (เยาวราชชชชชชช ยังยัง ไม่จบอีก ) Chinatown แต่ก็ยังไกลกับที่พักของพวกเรานะครับ

เราจะต้องเดินไปกันอีก ผมเพิ่งรู้ครับว่ารถเมล์สาย 17 ผ่านหน้าห้าง Dataran และผ่านหน้าโรงแรม Holiday inn

ถ้าหากว่าใครที่มาพักในโซนนี้ สามารถบอกคนขับมาลงแถว ๆนี้ได้เลยครับ แต่ค่ารถอาจจะเพิ่ม ไม่เกิน 1 RM.

แล้วพวกเราก็มาถึงกันแล้วครับ Venus Boutique Hotel ทำเรื่อง Check-in ยื่นใบ Hotel Voucher

ที่พวกเราได้จองกันไว้ครับ เสร็จแล้วขึ้นไปล้างหน้าล้างตานั่งพักกันให้หายเหนื่อยจากการเดินทางกันซักครู่

แล้วก็ลงมากินมื้อเย็นกันครับ ที่พักเราทำเลดีมาก ใกล้ๆ มีร้านอาหารหลายร้าน ทั้งอาหารมุสลิม อาหารจีน อาหารไทยก็มี

เดินมาตรงถนนใหญ่ มี 7-11 เดินจากที่พักมานิดนึงเจอร้าน Bunga Raya Porridge

สิ่งที่อยากจะแนะนำร้านนี้ก็คือถ้าใครกินไม่จุจริง อย่าสั่งชามใหญ่ครับ ชามใหญ่มาก ก ก ก ก กก ก ก ก กก ก ก

อิ่มแล้วกลับที่พักอาบน้ำพักผ่อน เตียงนุ่มๆ แอร์เย็นๆ รออยู่ จบทริปวันที่ 1 และค่ำคืนนี้ ก็หมดลงครับ

ไว้พรุ้งนี้ จะไป ทัวร์ มะระกา ครับ ไม่มะระกอ 555


:: ส รุ ป ค่ า ใ ช้ จ่ า ย วั น แ ร ก ค รั บ ::


ค่ารถไฟฟ้า LRT Rapid KL 3.2 RM.

ค่าอาหารกลางวัน 9.9 RM.

ค่าน้ำค่าขนม 3.0 RM.

ค่ารถไฟ KLIA Transit 4.2 RM.

ค่า Metro Bus จาก TBS to MK Sentral 10.0 RM.

ค่ารถเมล์สาย 17 1.5 RM.

ค่าอาหารเย็น 9.0 RM.

รวม 40.8 RM ตีเป็นเงินไทย ก็ 360 บาท กว่าๆนี้หละครับ


: D a y # 2 :
Melaka Trip


วันนี้ค่อนข้างสบายๆ ตื่นสายหน่อยครับ อาบน้ำอาบท่า เมื้อเช้าวันนี้กินมาม่ากัน พอดีว่าพี่ๆ

เค้าแบกมาม่ามากันเค้าบอกว่ามันหนักกระเป๋า เลยเอามากินเป็นอาหารเช้ามื้อนี้กันดีกว่าครับ

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในวันนี้สามารถเดินเป็นวงกลมรอบๆ เมือง Chinatowns นะครับ

ออกเดินทางกันเลยยย เดินออกจากที่พัก มองเห็นหอคอย หอคอยเมอนารา ทามิง ซารี

(Menara Taming Sari) ไว้จะมาขึ้นกันในคืนนี้ครับ


สถานที่แรกสำหรับวันนี้ โบสถ์แดงแห่งมะละกา (Christ Church) โบสถ์สีแดงแบบดัตช์ประยุกต์

เพื่อทดแทนโบสถ์เซนต์พอล (St. Paul's Church) โดยนำอิฐสีชมพูจากฮอลแลนด์มาก่อสร้าง

และเชื่อมด้วยปูนสีแดง คนพลุกพล่าน เด็กนักเรียนมาทัศนศึกษากันเต็มเลยครับ

ด้านหน้าของโบสถ์จะมีน้ำพุ (Victoria Fountain)

ด้านข้างโบสถ์จะเป็นร้านขายของฝาก มีร้านขาย Postcard จัดมาคนละแผ่นครับ Post office

อยู่ใกล้ๆ นี่เอง วิธีการเดินไปก็คือ หันหลังให้กับโบสถ์แดง แล้วเดินเลี้ยวขวาไปตามถนน ประมาณ 100 เมตร

สำหรับใครที่จะส่ง Postcard กลับบ้านแบบผม ผมมีข้อแนะนำ เข้าไปที่ Post office แล้วหาที่เขียนให้เสร็จเรียบร้อย

ไม่ต้องกดบัตรคิวครับ ไปยืนต่อที่ Counter 4 ได้เลย

บอกพนักงานว่า "Send Postcard to Thailand" แล้วบอกจำนวน Postcard ที่จะส่งครับ

เจ้าหน้าที่จะหยิบแสตมป์มาให้ และชำระเงินค่าแสตมป์ที่ Counter เลยครับ Postcard 1 ใบ ราคา 0.5 RM.

ให้เตรียมเงินไว้จ่ายเลยนะครับ พนักงานไปรษณีย์ที่นี่ดุยังกับ…. ได้แสตมป์มาแล้วก็แปะให้เรียบร้อยนำไปหยอดที่ตู้

Domestic and International ตรงหน้าประตูทางเข้าได้เลยครับ

ไปต่อกันที่โบสถ์เซนต์ปอล (St. Paul's Church) โบสถ์เก่าแก่ไร้หลังคา ตั้งอยู่ที่เนินเขาเซนต์ปอล

ระหว่างทางที่เราเดินขึ้นมาจะมองเห็นเมืองมะละกาในมุมสูง และมองเห็นทะเลครับ

นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วเริ่มหิวกันแล้วครับ มื้อกลางวันเราจะไปกินข้าวมันไก่ที่ล่ำลือที่สุดในมะละกา

มีชื่อร้านว่า “KEDAI KOPI CHUNG WAH" ต้องรีบมากันหน่อยนะครับของจะหมดเร็วมาก

เพราะยืนรอต่อคิวกันเข้าไปกินกันเรื่อยๆ ครับ ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ ด้านหน้าของถนน Jonker Street

อยู่ใกล้ๆกับ Dutch Square ด้านหน้าร้านจะมีอาแปะคิ้วขมวดยืนสับไก่อยู่ นั้นแปลว่ามาถูกร้านครับ

กินเสร็จแล้วหาของกินต่อดิครับ เดินต่อเข้าไปที่ Jonker Street หาร้านขนมเอแคร์ไส้ทุเรียน

ซึ่งมีขายอยู่หลายร้านด้วยกัน ราคากล่องละ 10 RM. ในกล่องมี 4 ชิ้นใหญ่ๆ

รสชาติก็ ทุเรียนดีๆนี้หละครับ อร่อยดีครับสำหรับคนที่ชอบทุเรียน ก็ถือว่าแปลกดี

เดินต่อสุดถนนและจะมีถนนอีกเส้น แยกจากเดิมที่เรามาระหว่างทางจะมีมัสยิดมัสยิดกัมปุงคลิง(Kuumpung Kling Mosque)

ไม่ได้เข้า เพราะจะต้องแต่งกายให้เรียบร้อย ถัดมาจะมีศาลเจ้าเซ็ง ฮุน เต็ง (Cheng Hoon Teng) แวะถ่ายรูปกันที่นี่ซักหน่อยครับ

เยี่ยมชมศาลเจ้าเสร็จแล้ว เดินทะลุออกมาจากถนน Jonker Street ข้ามสะพานไปถ่ายรูปกับผนัง Melaka Heritage City

ใกล้ๆ จะมีโบสถ์ เซนต์ฟราน ซิสชาเวียร์ เนื่องจากเราไปวันธรรมดา ประตูรั้วปิดอยู่ จึงไม่ได้เข้าไปชม

เดินย้อนกลับไปทาง Dutch Square เราจะไปเที่ยวต่อกันที่พิพิธภัณฑ์เรือ Muzium Samudera

ข้างในก็ไม่มีอะไรครับ ยืนถ่ายรูปข้างนอกดีกว่า 555+ ค่าบัตรเข้าชมคนละ 6 RM.

หลังจากที่เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไปเดินตากแอร์ที่ห้าง Dataran Pahlawan Melaka Megamall

กันดีกว่า แวะกินเฟรนฟรายส์ McDonald's ตากแอร์สะใจแล้ว กลับไปนอนพักที่โรงแรมแล้วค่อยออกไปถ่ายรูป

และเดินเที่ยวเล่นตอนกลางคืนเวลา 18.30 น. ไปกันเลยยยย แต่ปรากฏว่าฟ้ายังไม่มืดเลยครับ ฟ้ามืดตอน 19.30 น.

สรุปได้ออกกันตอน 19.30 น. จ้า ไปขึ้นหอคอยเมอนารา ทามิง ซารี (Menara Taming Sari)

ค่าเข้าชมคนละ 20 RM. รวมค่าน้ำ 1 ขวดและขนมอะไรก็ไม่รู้อีก 1 ถุง ขนมอะไรไม่รู้รสชาติแปลกๆ

ลงมาแล้วเราก็เดินถ่ายรูปรอบๆ เมืองกันครับ จะเห็นสามล้อถีบอยู่รอบเมือง ตกแต่งด้วยตุ๊กตาและประดับด้วยไฟ

คนขับจะเปิดเพลงเสียงดังๆ ทำให้ผมคิดถึงเด็กแวนซ์ที่ประเทศไทยเลยครับ 555 แต่แวนซ์ที่นี้เค้าใช้ คิตตี้ นะเออ 555

ยังจำได้ไหมครับ ตรงป้อม A Famosa ที่ผมเคยเล่าไปแล้วว่าจะมีเรือใบและการแสดงน้ำพุ Melaka Alive

สามารถยืมชมข้างนอกได้ครับ มองเห็นเหมือนกัน (เห็นแค่การแสดงน้ำพุ*) ค่าเข้าชมแพงครับ ราคา 45 RM.

จัดแสดง 2 รอบ 19.30 น. และ 21.00 น. ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ ใช้เวลาแสดง 45 นาทีหลังจากนั้น เดินต่อมาที่ Dutch Square ข้ามสะพานคลองมะละกามา ข้างๆ ร้านข้าวมันไก่ที่เราไปกินเมื่อกลางวัน

มีร้านเหล้าชื่อว่า Hard Rock มีโปรโมชั่นเด็ดครับบอกเลย...เบียร์ Carsberg ตั้งแต่ 17.00 น. – 19.00 น.

Tower ละ 58 RM. ก็ประมาณ 500กว่าบาท นี้หละครับ ถือว่าถูกมากครับสำหรับราคาเบียร์ที่นี่

บรรยากาศ ดีพอสมควร เลยครับ เยี่ยมๆ จริงๆครับ

สุดท้ายก็ไม่ได้กินครับ กลับไปซื้อเบียร์ที่ 7-11 แถวโรงแรมแทน 5555 งบเราจำกัดครับ กลัวจะไม่พอ 555

**ผมมีข้อแนะนำครับสำหรับใครที่จะมาเที่ยวเมืองมะลากา วันเสาร์-อาทิตย์ จะมีถนนคนเดินที่ Jonker Street

ในตอนกลางคืน ซึ่งวันที่เราไปเป็นวันพฤหัสฯ และต้องเดินทางต่อไปสิงคโปร์ เราเลยพลาด Highlight นี้ไป น้ำตาจิไหล




สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 2

ค่า Postcard และค่าส่ง 1.5 RM.

ค่าอาหารกลางวัน (ข้าวมันไก่) 15.25 RM.
ค่าน้ำ (ทั้งวัน) 2.5 RM.
ค่าขนมเอแคลร์ทุเรียน 2.5 RM.
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์เรือ 6.0 RM.
ค่าอาหารเย็น (McDonald's) 6.5 RM.
ค่าขึ้นหอคอย 20.0 RM.
ค่าเบียร์และขนม 9.5 RM.
รวม 63.75 RM. ก็ประมาณ 580 บาท ครับ

:: Day#3
Go to Singapore ::


วันนี้เดินทางไปประเทศ Singapore กันครับ เริ่มต้นการเดินทางจาก MK Sentral (Melaka)

ไป Larkin Sentral (Johor Bahru) และนั่งรถเมล์เข้าประเทศสิงคโปร์ วันนี้ถือว่าเป็นวันที่การเดินทางสนุกที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ

เริ่มออกเดินทางกัน 7:45 น. ไปขึ้นรถเมล์กันที่หน้าห้าง Dataran Pahlawan

ป้ายรถเมล์จะอยู่ตรงหน้า Shop Nike แวะซื้อ McDonal's เป็นมื้อเช้าของวันนี้ครับ ยืนกินกันระหว่างที่รอรถเมล์ได้เลย

เพราะถ้าไปถึง MK Sentral แล้วถ้าเวลามันตรงกับรอบรถจะออกพอดีจะอดกินครับ เขาห้ามนำอาหารขึ้นไปกินอาหารบนรถ

รถเมล์สาย 17 จะมาทุกๆ 15 นาที รถมาแล้วขึ้นเลย บอกคนขับว่าไปลง MK Sentral ค่ารถคนละ 2 RM. รถเมล์สาย 17

คันนี้ผ่านแถวโรงแรมที่พวกเราพักนะครับ ป้ายรถเมล์จะอยู่หน้าโรงแรม Holiday Inn

มาถึง MK Sentral 8:50 น. ซื้อตั๋วไป Johor Bahru รอบ 9:00 น. ครับ สามารถเช็ครอบการเดินทางได้จากเว็บไซต์ครับ

ลิงค์สำหรับเช็ครอบการเดินรถ http://www.busonlineticket.com/

ช่อง Depart From: เลือก Malacca ช่อง Arlive to: เลือก Johor Bahru และ Departure Date: เลือกวันที่เดินทาง

ออกเดินทาง 9:00 น. จาก MK Sentral ถึง Larkin Sentral 11:50 น.

ถึงแล้วให้รีบเดินไปที่ Plate Form 12 เลยครับ ใครเดินมาคุยด้วยไม่ต้องสนใจไม่ต้องไปคุยกับมัน

ให้รีบเดินไป Plate Form 12 อย่างเดียว ถึงแล้วนั่งรอรถเมล์สาย 170

ค่ารถคนละ 2.5 RM. ให้เตรียมเงินรอไว้ให้พอดีครับ ตรงข้างๆ คนขับรถจะมีตู้จ่ายเงิน จ่ายเสร็จจะมีตั๋วเด้งออกมาให้เก็บไว้อย่างดี

เพราะเราจะต้องใช้อีกครับ คนขับรถจะเป็นอาแปะจากประเทศสิงคโปร์ท่าทางดูโหด ๆ แต่ใจดีนะ รถออกจาก Larkin Sentral

ประมาณ 15 นาที จะมาถึงด่านแรก

ด่านที่ 1 ขาออกประเทศมาเลเซีย

รถเมล์มาจอดแล้วให้รีบลงจากรถและแบกกระเป๋าเดินตามคนอื่นไปเลยครับ ให้เดินตามป้าย Wood Land

เดินมาเรื่อยๆ จะมาเจอกับด่าน ตม. ขาออกประเทศมาเลเซียครับ ต่อแถวเข้าด่าน ตม. ไปเลยครับ


เดินตามป้าย Plate Form A


ลงบันไดเลื่อนแล้วเลี้ยวขวาไปหาป้ายรถเมล์ 170 เตรียมตั๋วที่เราจ่ายไปรอบแรกไว้เลยครับ

ตอนขึ้นรถจะต้องแสดงตั๋วให้คนขับดู ไม่งั้นต้องจ่ายใหม่ครับ คนขับรถอาจจะไม่ใช่คนเดิมไม่ต้องตกใจครับ

เพราะรถคันที่เราขึ้นมาออกไปแล้ว ขึ้นรถแล้วไปต่อด่านที่ 2 เลย

ด่านที่ 2 ขาเข้าประเทศสิงคโปร์

เช่นเดิมรีบลงรถและแบกกระเป๋า แล้วรีบเดินไป เดินตามป้าย Arrival Hall

มาถึงตัวอาคารแล้วเลี้ยวขวา จะมีเคาน์เตอร์สำหรับกรอกใบ Immigration Form รีบกรอกเลยครับ


กรอกเสร็จแล้วเข้าไปต่อแถวเลยครับ ให้เตรียม Schedule Trip ไว้สำหรับยื่นให้ ตม. ดูนะครับ ตม.

ประเทศสิงคโปร์เข้มงวดมาก เพราะว่าจะมีหลายเชื่อชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศ อาจจะโดนถามคำถามบ้าง

พอผ่านด่านมาได้แล้วรีบเอากระเป๋าเข้าเครื่อง Scan เสร็จแล้วรีบเดินลงบันไดเลื่อนเลี้ยวขวาเดินหาป้ายรถเมล์ 170

รถมาแล้วก็ขึ้นเลยแสดงตั๋วเหมือนเดิม สรุป 2 ด่านนี้ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ขึ้นรถไปแล้วบอกคนขับรถว่าถ้าถึงสถานีรถไฟฟ้า MRT

แล้วให้เขาบอกด้วย ต้องนั่งรถเมล์คันนี้กันยาวๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงแล้วอาแปะจะมาจอดให้ลงที่สถานีรถไฟฟ้า MRT Little India

ถึงสถานีรถไฟฟ้า MRT แล้วสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ เตรียมบัตร EZ link ที่พวกเรายืมมาจาก M Y D E S I G N – C L U B . N E T

Ez-Link เป็นบัตรโดยสารที่มีฟังก์ชั่นของ บัตรเงินสด คือเป็นบัตรแบบเติมเงิน ที่ใช้จ่ายค่าโดยสารในสิงคโปร์ได้ทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ และระบบรถไฟฟ้า รวมถึงซื้อของใน 7-11 และร้านค้าที่มีตราของ Ez-link

พวกเราจะเดินทางไป Chinatowns เพื่อไปเช็คอินโฮสเทลที่จองกันไว้ ขึ้นรถไฟ MRT สายสีม่วง (North East Line)

จากสถานี Little India (NE7) ไปสถานี Chinatowns (NE4) Scan บัตร EZ link ผ่านประตูมาเรียบร้อยแล้วเดินลงบันไดเลื่อน

ให้เราดูเอานะครับว่าเราต้องขึ้นฝั่งไหน จะมีป้าย Plate Form บอกอยู่ด้านล่าง ถึงแล้วหาทางเดินออกมาเลยครับ

นั่งแปบเดียวครับ 3 สถานีก็ถึงแล้ว

ที่พักของพวกเราชื่อว่า 5footway.inn Hostels ตั้งแต่เช้าเดินทางกันออกมาถึงที่พักกันก็ปาไป 15:00 น.

แล้ว นั่งพักกันซักแพร๊บนึงเถอะ อ้าวนึกได้ว่าตั้งแต่เช้าเพิ่งกินเบอร์เกอร์ไปอันเดียวหิวแล้วสินะ

ออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า ที่พักของพวกเราสะดวกสำหรับการเดินทางมาก เดินออกมานิดเดียวก็ถึงสถานี MRT แล้ว

แถมยังมีศูนย์อาหารใกล้ๆ ก็คือ Maxwell Food Centre และ Chinatown Food Centre

มื้อนี้ขอไปกินข้าวมันไก่ที่ Maxwell Food Centre ร้านขึ้นชื่อของประเทศสิงคโปร์ว่ามาแล้วต้องได้กิน

ร้านนี้ชื่อว่า TIAN TIAN HAINANESE CHICKEN RICE

เฮียๆ ไก่จาน ผัดผัก 2 จาน

แล้วเฮียแก ก็จัดมาให้ อย่างงาม

เนื้อไก่ที่นี่จะใช้น้ำราดคล้ายๆ ผัดน้ำมันหอยราดบนเนื้อไก่ ก็อร่อยไปอีกแบบ กินคู่กับน้ำจิ้มคล้ายๆ

น้ำจิ้มร้านที่มาเลเซีย ทั้งหมดนี้ 24.4 SGD และค่าน้ำอีก 4.9 SGD หารกัน 4 คนครับ ตกคนหละ เกือบๆ 130 บาทนี้หละครับ

กินอิ่มแล้ว ไปซื้อตั๋วสำหรับท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์กันที่ร้าน Sea Wheel Travel


ราคาตั๋วจะถูกกว่าที่ไปซื้อที่สถานที่นั้นๆ ร้านนี้จะตั้งอยู่ที่ตึก People's Park Centre ชั้น 3


พวกเราวางแผนที่จะไปเที่ยวกันดังนี้นะครับ

1. Gardens by the Bay OCBC SKYWAY (เย็นวันนี้)

2. Universal Studios Singapore (เช้าวันพรุ้งนี้)

3. Singapore Flyer (หลังจากเที่ยว Universal)


ซื้อเสร็จแล้วเดินทางไป Gardens by the bay กันเลยครับ เดินย้อนกลับไปที่สถานี MRT Chinatowns

ขึ้นสายสีน้ำเงิน (Down Town Line) จากสถานี Chinatowns (DT19) ไปยังสถานี Promenade (DT15)

แล้วสลับไปขึ้นสายสีส้ม (Circle Line) จากสถานี Promenade (CC4) ไปยังสถานี Bay front (LE1)

Gardens by the Bay สวนพฤกษศาสตร์ริมอ่าว Marina Bay มีส่วนที่เข้าชมได้ฟรี และส่วนที่ต้องเสียค่าเข้าชม

โดยส่วนที่เสียค่าเข้าชม ได้แก่โดมดอกไม้ (Flower Dome) โดมป่าเมฆ (Cloud Forest) และ

ทางเดินลอยฟ้าระหว่างSupertree Grove (OCBC SKYWAY)

เหตุผลที่พวกเราเลือกเข้าชม OCBC SKYWAY อย่างเดียวก็เพราะว่า โดมดอกไม้และ โดมป่าเมฆ

ต้องเข้าชมตอนเช้าถึงจะเห็นต้นไม้สวยๆ ครับ

ถึงสถานี Bay front แล้วเดินตามป้าย Gardens by the bay เลยครับ ตรงประตูทางออกจากสถานี จะมองเห็น

Supertree Grove ไกลๆ ทางเข้าจะต้องเดินขึ้นสะพานที่เชื่อมระหว่าง Marina Bay Sands กับ Gardens by the Bay

จะมีป้ายบอกตลอดทางSupertree Grove นี้จะมีการแสดงไฟวันละ 2 รอบ รอบแรก 19:45 น. และรอบถัดมา 20:45 น.

ผมแนะนำให้นอนดูที่ใต้ต้น Supertree Grove น่าจะมองเห็นมุมกว้างมากกว่า OCBC SKYWAY ที่สำคัญคือ "ฟรี" ไง

หลังจากที่ชื่นชมความสวยงามของ Gardens by the Bay เสร็จแล้วไปต่อกันที่ห้าง Marina Bay Sands

ด้านหน้าห้างที่เป็นฝั่งแม่น้ำ จะมีการแสดงน้ำพุ แสง สี เสียง ชื่อการแสดงว่า Wonder Full Show

ใช้เวลาในการแสดง 15 นาที วันจันทร์ – วันเสาร์ 2 รอบ 20:00 น. และ 21:30 น. ในวันอาทิตย์จะเพิ่มอีก 1 รอบ เวลา 23:00 น.

เสร็จแล้วไปเดินถ่ายรูปต่อที่สะพานเกลียว (Helix Bridge) ตลอดแนวสะพานจะมีจุดพักชมวิว ในตอนกลางคืนมีแสงไฟสวยงามมาก

สำหรับวันนี้หมดเวลาสนุกแล้วสินะ บวกกับร่างกายที่อ่อนล้า

กับการผจญภัยในต่างแดนมาทั้งวัน กลับไปพักผ่อนกันดีกว่า ปลายสุดของสะพานเกลียวจะมีทางเดินเลี้ยวขวา

เดินไปแล้วให้มองหาทางไปสถานีรถไฟฟ้า MRT Promenade นั่ง SMRT สายสีน้ำเงิน (Downtown Line)

จากสถานี Promenade (DT15) ไปลงที่ Chinatowns (DT19) ตรงทางออกสถานี ตรอก Chinatowns

จะมีร้านขายเครื่องดื่มและอาหาร ตอนนี้ยังไม่รู้สึกหิวเลยครับ ยังอิ่มข้าวมันไก่มื้อเย็นอยู่เลย เลยหาอะไรเบาๆ

กินกับเบียร์แก้กระหายกันดีกว่าครับ อิอิ พักดื่มเบียร์เสร็จแล้วก็กลับที่พัก เป็นอันว่าสิ้นสุดการเดินทางในวันที่ 3



:: สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 3 ::


ค่าใช้จ่ายที่ประเทศมาเลเซีย
ค่าอาหารเช้า (McDonald's) 5.15 RM.
ค่ารถเมล์สาย 17 2.00 RM.
ค่ารถ (Malacca to Johor Bahru) 21.00 RM.
ค่ารถเมล์สาย 170 2.50 RM.
รวม 30.65 RM.
ค่าใช้จ่ายที่ประเทศสิงคโปร์
ค่าข้าวมันไก่ 6.10 SGD
ค่าน้ำ 1.20 SGD
ค่าบัตร Gardens by the Bay OCBC SKYWAY 4.50 SGD
ค่าบัตร Universal Studios Singapore 62.00 SGD
ค่าบัตร Singapore Flyer 28.00 SGD
ค่าเติมบัตร EZ link 10.00 SGD
ค่าเบียร์และกับแกล้ม (หารกัน 4 คน) 6.75 SGD
รวม 118.55 SGD


:: Day#4
สิงคโปร์ เอาให้ทั่ว ::


ตื่นนอนทำภารกิจสวนตัวเสร็จแล้วลงไปทานอาหารเข้าบริการจากโฮสเทล จะมีซีเรียล 2 ชนิด

กินคู่กับนมสด ขนมปังปิ้ง ท๊อปปิ้งมี เนย น้ำตาล สังขยา ถั่ว และมีผลไม้ 1 อย่าง กับเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ

บริการตัวเองนะครับ อาหารเช้าจะกินได้ถึง 10:00 น. ควรลงไปก่อนเวลาเพราะถ้าลงช้าจะไม่เหลืออะไรให้กินนะครับ

สถานที่แรกของวันนี้คือ Universal Studios Singapore อิ่มแล้วออกเดินทางกันเลยดีกว่าเพื่อไม่ให้เสียเวลา เดินไปสถานี SMRT Chinatowns ขึ้นสายสีม่วง (North East Line) จากสถานี Chinatowns (NE4) ไปลงสถานี Harbour Front (NE1) ลงมาแล้วเดินตามป้ายเข้าห้าง Vivo City ครับ ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 3 มองหาป้าย Sentosa Express พวกเราจะเดินทางไป Universal Studios Singapore กันด้วยรถไฟฟ้าสาย Sentosa Express ครับ ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 สถานี



1. Sentosa station (ห้าง Vivo City)

2. Waterfront station (Universal Studios Singapore)

3. Imbiah station (Merlion)

4. Beach station (Beach)


เราต้องลงสถานี Waterfront station ครับ เดินตามป้าย Universal Studios Singapore เลยครับ ถึงแล้วววววววววว สิ่งแรกที่ต้องทำคือถ่ายรูปกับลูกโลก Universal Studios Singapore เอาซะหน่อย 55

เสร็จแล้วเข้ากันเลยครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เตรียมบัตรให้เจ้าหน้าที่ตรวจเลยครับ สำหรับบัตรจะมีทั้งหมด 3 ส่วน คือ


1. $5 Retail Discount Voucher (บัตรลดของฝาก 5 SGD)

2. $5 Meal Voucher (บัตรลดค่าอาหาร 5 SGD)

3. Universal Studio Singapore (บัตรสำหรับเข้าเล่นเครื่องเล่นต่างๆ)

สำหรับเครื่องเล่นบางชนิดจะต้องเสียเวลายืนต่อคิวนาน ถ้าใครไม่อยากรอก็ซื้อบัตร Universal Express ได้ครับ มันคือบัตร VIP ที่ไม่ต้องต่อคิวนั้นเอง แต่เวลาเข้าเครื่องเล่นก็ทนสายตาพวกบัตรธรรมดาอย่างผมหน่อยนะ (คือกูยืนต่อกันมาตั้งนานห่า มาถึงได้เล่นแล้วอะ 55) จะมี 3-4 เครื่องเล่นที่ต้องรอหน่อยครับ นอกนั้นคนระบายเรื่อยๆ ซื้อบัตรธรรมดาก็น่าจะพอ ราคาแพงกว่าบัตรธรรมดา 2-3 เท่า สำหรับเครื่องเล่นที่แนะนำว่ามาแล้วต้องเล่นให้ได้


1. TRANSFORMERS

2. CYION

3. HUMAN

4. MUMMY

5. JURASSIC

6. SHREK

เหลือแล้วแต่ชอบเลยครับ สำหรับใครที่คิดว่าจะต้องเข้าให้ครบทุกเครื่องเล่น แนะนำว่าให้มีเวลาทั้งวันจะดีกว่า และ 1 วัน ก็อาจจะเที่ยวไม่ทั่วเกาะ Sentosa ด้วยครับ ได้เวลาไปต่อกันแล้วครับ ขณะนี้เวลา 16:00 น.

สถานที่ต่อไปคือ Singapore Flyer นั่งรถไฟฟ้า Sentosa Express กลับมาที่ห้าง Vivo City เดินลงมาชั้น 2 กลับมาที่สถานี Harbour Front ขึ้นสายสีม่วง (North East Line) จากสถานี Harbour Front (NE1) ไปสถานี Dhoby Ghaut (NE6) สลับไปสายสีส้ม (Circle Line) จากสถานี Dhoby Ghaut (CC1) ไปสถานี Promenade (CC4) ถึงแล้วหาทางออกฝั่ง 7-11 ครับ ถ้าออกมาแล้วจะเห็น Singapore Flyer ไกลๆ

ให้เดินตามถนนไปจนถึงครับ ทางเข้าจะอยู่ชั้น 2 จะมีป้าย Entrance และมีเจ้าหน้าที่ยืนตรวจบัตรอยู่ด้านหน้าครับ


เข้าไปแล้วเดินตามทางไปเรื่อยๆ ก็จะถึงทางเข้า Capsule ใน 1 รอบจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีระดับสูงที่สุดอยู่ที่ 165 เมตร ชมวิวรอบๆ อ่าว Marina Bay แบบ 360 องศา คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาบัตรที่เสียไปจริงๆ

ผมจะพาไปดูวิว แบบยาวๆๆ เลยครับ

สถานที่ต่อไป Merlion และระหว่างทางได้ชมรอบๆ อ่าว Marina Bay อีกมุมนึงนะครับ

อยู่บน Singapore Flyer ครบรอบแล้ว ลงมาถนนเรียบอ่าวครับ เดินตรงไปเรื่อยๆ

ถึงปลายสะพานเกลียว (Helix Bridge) จะมีอาแปะขายไอติม Magnolia

บอกเลยครับทีเด็ด จริงๆแวะกินให้สดชื่นซักหน่อย แปะแกขายไม่แพง

อันละ 1.2 SGD เท่านั้นเอง ใครผ่านไปก็อุดหนุนแกได้นะครับ

การได้ กินของอร่อยๆในสถานที่สวยๆ ผมนี้ไร้คำบรรยาย จริงๆ ครับ อยากให้มาลองด้วยตัวเองครับถึงจุดนี้ผมคิดว่าร่างกายเพื่อนๆ น่าจะเหนื่อยล้าแล้วล่ะครับ แน่นอนว่าจุดหมายที่เราจะไปกันคือ Merlion และจะต้องถามหา MRT กันเป็นแน่แท้ หยุดความคิดนั้นซะ ผมบอกเลยว่าระหว่างทางที่เดินไปนั้น เราจะเห็นวิวความสวยงามของอ่าว Marina Bay เดินผ่านห้าง Explanade เดินข้ามสะพานก็ถึง Merlion แล้วครับ คนเยอะมว๊ากกกกกกก


แชะๆ ภาพกันเสร็จแล้วข้ามถนนไปถ่ายภาพกันที่โรงแรม Fullerton ตรงใกล้ๆกับ โรงแรม Fullerton จะมีสถานี MRT Raffles ครับ มื้อเย็นวันนี้กลับไปกินกันที่ Chinatown ขึ้นรถไฟสายสีแดง (North South Line) จากสถานี Raffles (NS26) ไปสถานี Dhoby Ghaut (NS24) และสลับไปสายสีส้ม (Circle Line) จากสถานี Dhoby Ghaut (CC1) ไปลงสถานี Promenade (CC4) และสลับไปสายสีน้ำเงิน (Downtown Line) จากสถานี Promenade (DT15) ไปสถานี Chinatowns (DT19) ถึงแล้วก็กลับไปวางของล้างหน้าล้างตากันที่โฮสเทลกันให้สดชื่นซักหน่อยดีกว่านะ ก่อนออกไปหามื้อเย็นกินกันครับมื้อเย็นวันนี้ไปกินกันที่ Chinatown Food Centre จะอยู่ใกล้ๆกับที่พักเลยครับ อยู่ตรงข้ามกับ Maxwell Food Centre เยื้องๆกันนิดเดียวครับ เข้าไปเดินเลือกสรรหาของรับประทานกันให้สบายท้องเลยครับ


มื้อค่ำมื้อสุดท้ายของทริปแล้ว จัดหนักจัดเต็มเลย และราคาถือว่าไม่แพงมากครับ มื้อนี้จัด Black Pepper Beef with Steamed Rice ข้าวเนื้อพริกไทยดำ เรียกซะยากเลย ราคาเบาๆ 6.9 SGD และจัดเบียร์ Tiger มาอีก 4 ขวด แก้กระหาย สำหรับผมอาหารมื้อนี้อร่อยที่สุดสำหรับผม หรือเพราะผมหิว เอ๊ะหรือว่าได้กินข้าวกับเบียร์ 555 อิ่มแล้วบวกกับอาการตึงๆ จบทริปสำหรับวันนี้ครับ


สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 4
ค่าอาหารกลางวัน 11.50 SGD ใช้บัตรลด 5 SGD เท่ากับ 6.50 SGD
ค่าน้ำ + ขนม + Postcard ใน 7-11 4.50 SGD
ค่าเติมบัตร EZ link 10.0 SGD
ค่าอาหารเย็น 6.90 SGD
ค่าเบียร์ 34 SGD หารกับเพื่อน 2 คน (น้ำแข็งฟรี) 17.00 SGD
รวม 44.9 SGD

:: Day#5
กลับบ้านเถอะ ::


วันสุดท้ายของพวกเราแล้วสินะ วันนี้ผมขอ S l o w l I f e ซักหน่อย สาวๆ เขาก็ออกไป

Shopping กันที่ห้าง ลงไปกินอาหารเช้า เกือบ 10 โมง ดีนะยังมีเหลือ Check-out ก่อน 12:00 น.

และสำหรับใครที่จะไปเที่ยวต่อหลังจากที่ Check-out ออกไปแล้ว ก็ยังสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่โฮสเทลได้ครับ

จะมีฟอร์มให้กรอกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนบนผูกติดไว้กับกระเป๋า และส่วนล่างฉีกออกแล้วเก็บไว้กับตัว

ถ้าจะมารับกระเป๋าก็ยื่นส่วนที่เราเก็บไว้ให้พนักงาน

สถานที่ก่อนกลับวันนี้จะไปสักการะไหว้พระที่วัดพระเขี้ยวแก้วเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนกลับ ที่คนไทยเรียก วัดพระเขี้ยวแก้ว เนื่องจาก ณ ชั้นบนสุดได้เก็บพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว (พระทนต์) ของพระพุทธเจ้าไว้ครับ วัดพระเขี้ยวแก้วรวบรวมศิลปกรรมจีนสมัยราชวงศ์ถังผสมผสานกับศิลปะมันดาลาไว้ด้วยกัน สวยงามมาก


เที่ยงกว่าแล้วท้องเริ่มร้องแล้ว วันนี้อยากลองข้าวมันไก่อีกร้านที่ Maxwell Food Centre ชื่อร้าน AH TAI ไม่ค่อยมีคนกินเท่าไหร่ คือรสชาติไม่ค่อยอร่อย ไก่มีกลิ่นนิดๆ แนะนำให้กินร้าน TIAN TIAN HAINANESE CHICKEN RICE ดีกว่าครับ


สาวๆ กลับมาจาก Shopping กันเรียบร้อย รับกระเป๋าที่ฝากไว้ เตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน Changi Airport กันดีกว่า สำหรับวิธีการเดินทางไปสนามบินมี 2 วิธีนะครับ


วิธีที่ 1. เดินทางโดย SMRT

ขึ้น SMRT สายสีม่วง (North East Line) จากสถานี Chinatowns (NE4) ไปลงที่สถานี Outram Park (NE3) สลับไปสายสีเขียว (East West Line) จากสถานี Outram Park (EW16) ไปสถานี Tanah Merah (EW4) ในขั้นตอนนี้ให้ฟังประกาศบน MRT ดีๆ และคอยดูชื่อสถานี Changi Ariport (EW29) ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีและใช้เงินในบัตร EZ link ประมาณ 4 SGD ซึ่งจะต้องไปเบียดกับคนอื่นพร้อมถือกระเป๋าพะรุงพะรังบน MRT วิธีนี้ค่อนข้างลำบาก

วิธีที่ 2. เดินทางโดย Taxi

จากสถานี Chinatowns ไป Changi Airport ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 15-20 SGD ถ้ามากัน 4 คน แนะนำให้นั่ง Taxi ดีกว่าครับ ไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่นบน MRT และอ้อมกว่ามากการนั่ง Taxi เยอะ

แต่ก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน ถ้าบัตร EZ link ใครเหลือเยอะๆ ให้ไปแลกคืนที่สถานี Chinatowns ก่อนนะครับ พอไปถึงสนามบินแล้วจะไม่มีให้แลกคืน หรืออีกกรณีนึงจะใช้ซื้อของที่ Supermarket Cold Storage อยู่ที่ชั้นใต้ดินของ Changi Airport ก็ได้ ผมมีข้อสงสัยอยู่อย่างนึงก็คือปกติสนามบินของจะต้องแพงกว่าข้างนอก แต่คือที่นี่ถูกกว่าข้างนอก แถมพนักงานยังน่ารักอีกต่างหาก เทอบอกว่าเงินใบบัตรเหลือเยอะ ให้ซื้อของอีกซิคะ

ข้อควรระวังนะครับ สำหรับใครที่ Check-in online และพิมพ์ใบ Boarding Pass มาแล้วต้องไป Stamp ที่ช่อง Check Document ก่อนนะครับ แนะนำว่าถึงสนามบินแล้วให้ทำก่อนสิ่งอื่นใด จะได้มีเวลา Shopping ที่ King Power

ข้อควรระวังอีกอย่าง ด่านเอ็กซ์เรย์กระเป๋าของสนามบิน Changi Airport เข้มงวดมากๆ สำหรับคนที่จะนำกระเป๋าขึ้นเครื่องนะครับ บรรจุภัณฑ์ห้ามเกิน 100 ml. เด็ดขาดไม่งั้นถูกโยนทิ้งแน่นอน ต่อให้จะใช้เหลือนิดเดียวก็โดนจับทิ้งหมด


Boarding Time เวลา 16:25 น. (GMT+8) เดินทางกับสายการบิน AirAsia เที่ยวบินที่ FD354 เครื่องขึ้นเวลาประมาณ 17:00 น. (GMT+8) ของประเทศสิงคโปร์ เครื่อง Landing ถึง DMK เวลาประมาณ 18:30 น. (GMT+7) ของประเทศไทย ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ครับ ถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ



สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 5

ค่าอาหารกลางวัน 3.50 SGD
ค่าน้ำ 1.30 SGD
ค่า Taxi 17 SGD (หาร 4 คน) 4.25 SGD
รวม 9.05 SGD



ต้องขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ


ดท้ายการเดินทางของผมครั้งนี้ ได้สอนอะไรกับตัวผมหลายๆ อย่าง

ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตในต่างแดน การกินอยู่ การเดินทาง การปรับตัวเพื่อที่จะเข้ากับสังคม

สถานที่ มันเป็นทริปที่ประทับใจมากๆ ครับ และก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมทริป

ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสออกเดินทาง พบเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ มาถึงตอนนี้แล้วผมรู้แล้วล่ะว่า

ผมเป็นคนที่รักในการเดินทาง ออกเดินทางเพื่อที่จะค้นหาสิ่งใหม่ๆ เป็นก้าวแรกที่ดีสำหรับผม และผมจะทำมันต่อไป



เรื่องราวอะไร ผมเขียนไม่ถูกต้องก็ต้องข้ออภัยด้วยนะครับ



สงสัย หรือ อยาก ถามอะไร

ฝากเพจ ของเราด้วยครับ เพจ : ไม่กี่บาท ผมจะพาเดินทางไปแบบไม่กี่บาทนี้หละครับ

ลิงค์ https://www.facebook.com/maikeebaht

หวังว่าทริปนี้ คงจะทำเพื่อนๆ หลายๆคน ท่องเที่ยวแบบประหยัดและคุ้มค่า แบบไม่กี่บาท

ทริปนี้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็อยู่ที่ 12000 บาท ต่อคนครับ

ไม่กี่บาทBackPacker

 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.26 น.

ความคิดเห็น