รีวิวตอนนี้เป็นรีวิวการไปเที่ยวเชียงราย โดย ททท.เชียงรายเชิญชวนให้แม่ประนอมมาทำรีวิวท่องเที่ยวเมืองเชียงรายช่วงหน้าหนาว เพื่อเผยแพร่ให้ได้รู้ว่าหน้าหนาวเชียงรายหน้าเที่ยวขนาดไหน

ทริปนี้แม่ประนอมก็เลยเดินทางไปเมื่อวันที่ 12-14 ธ.ค.โดยสายการบินนกแอร์สนับสนุนตั๋วเครื่องบินและเอวิสรถเช่าสนับสนุกรถให้ใช้เดินทางท่องเที่ยว



เรื่องราวน่าสนใจในรีวิวตอนนี้ก็จะเรียงลำดับเวลาตามที่ไปนะครับ ก็มี

1 โรงแรมที่พักคืนแรก โรงแรม เดอะ มันตรินี เชียงราย

2 ร้านอาหาร ข้าวซอยพอใจ

3 บ้านจอมพล ป.พิบูลสงคราม

4 วัดห้วยปลากั้ง

5 สิงค์ปาร์ค (ไร่บุญรอด)

6 ห้องอาหาร Barn House

7 ร้าน cafe du parc

8 โรงแรมที่พักคืนที่สอง โรงแรม รสา บูทีค เชียงราย

9 ข้าวซอย ป้านางคำ

10 ดอยช้างมูบ

11 สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง หรือสวนรุกขชาติดอยช้างมูบ

12 พระธาตุดอยตุง

13 งานสีสรรดอยตุง

14 น้ำพุร้อนโป่งพระบาท

15 ร้านอาหาร @Waterside Chiangrai

ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวรีวิวในตอนนี้ครับ ส่วนเพื่อนๆที่อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามโดยตรงได้ที่ ททท.สำนักงานเชียงราย. โทร.053744674-5 e-mail:[email protected] facebook.com/tatchrai

เพื่อนๆ ถูกใจ ชอบใจรีวิว อยากให้ทิป เป็นกำลังใจแม่ประนอมคนทำรีวิว ก็กด+ที่มุมซ้ายด้านล่างได้เลยครับ รีวิวจะได้เห็นกันทั่วหน้าครับ



ขอบคุณครับ



แม่ประนอม เองครับ12 ธ.ค.ก็ออกเดินทางไปเชียงรายโดยสายการบินนกแอร์กันครับ

ขนมเล็กๆมีแจกทุกคนบนเครื่องครับ


ลำนี้ละครับที่นั่งมา


ถึงแล้วก็มาับรถเช่า AVIS บูธอยุ่ในสนามบินนี่แหละครับ


ได้รถแล้วก็ขับตรงไปเช็คอินโรงแรมก่อนเลย โรงแรม เดอะ มันตรินี เชียงราย


เป็นโรงแรมแบบ 4 ดาว ราคาค่าห้องพักประมาณสองพันนิดๆ อยู่ตัวเมืองเชียงราย ติดกับเซนทรัลเลยครับ

ห้องพักที่นี่จะเป็นตึกแค่ 2 ชั้น เราได้ห้องชั้นล่างหน้าสระเลย


เข้าไปดูในห้องกันครับ


อันนี้อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบบุฟเฟ่ครับ


เช็คอินเสร็จแล้ว ก็ไปทานมื้อแรกกันก่อนครับ คือร้านข้าวซอบพอใจ


พิกัดตารมนี้เลยครับ อยู่ในตัวเมือง ให้อากู๋แมพพาไปง่ายๆเลยครับ


ข้าวซอยอร่อยใช้ได้เลยครับ ร้านดังของเชียงราย คนทานเยอะครับ


อิ่มแล้ว เราก็ไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์จังหวัดทหารบกเชียงราย บ้านพักจอมพล ป. พิบูลสงคราม



บ้านจอมพล ป.พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย หรือ พิพิธภัณฑ์จังหวัดทหารบกเชียงราย เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งที่สนใจ ของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่บริเวณดอยจอมทอง เปิดให้ชมเข้าฟรี !! ทุกวัน เว้นวันหยุดนักขัติฤกษ์



บ้านจอมพล ป.ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้กับวัดพระธาตุจอมทองสามารถเอารถยนต์ขึ้นได้สามทางที่มีภูมิประเทศสงบร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ อาณาบริเวณกว้างขวาง และรูปแบบบ้านเป็นอาคารสองชั้น กว้าง 19.25 เมตร คูณ 29.25 เมตร พื้นชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นชั้นบนเป็นไม้เนื้อแข็ง ฝาชั้นบนและล่างก่ออิฐฉาบปูนเรียบ ห้องชั้นบนและล่างมีชั้นละ 3 ห้อง โดยมีเตาผิงไว้ใช้ในฤดูหนาวด้วย

ปัจจุบันทางจังหวัดทหารบกเชียงรายได้นำอาวุธปืนโบราณที่ใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งฝ่ายญี่ปุ่นและสัมพันธมิตรไปจัดแสดงพร้อมมีรูปถ่ายจอมพล ป.และนิทรรศการที่เกี่ยวข้องให้ผู้เข้าชมได้ดู และศึกษา



สำหรับบทบาทของกองทัพภาคพายัพที่เกี่ยวข้องกับบ้านพักจอมพล ป.ดังกล่าว เกิดจากกรณีกองทัพไทยและญี่ปุ่นได้มีข้อตกลงเรื่องเขตแดนการรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อปี 2484 ให้ประเทศไทยรับผิดชอบฝั่งตะวันออกแม่น้ำสาละวินถึงลำน้ำโขง จนเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาในปี 2485 ทำให้กองทัพภาคพายัพของไทยถูกส่งเข้าไปบุกเมืองเชียงตุง ประเทศพม่า ซึ่งอยู่ในฝั่งของฝ่ายสัมพันธมิตรในขณะนั้น

จนเป็นที่มาทำให้เกิดบ้านจอมพล ป.ที่ใช้เป็นศูนย์บัญชาการ และบ้านพักดังกล่าว

ข้อมูลจาก เวปเชียงรายโพกัส



ภายในบริเวณมีร้านกาแฟจอมพล บรรยากาศชิวๆด้วยครับ


เข้าไปดูในบ้านกันครับ


จุดหมายต่อไป เราไป วัดห้วยปลากั้ง กันครับ



วัดห้วยปลากั้งเริ่มกันก่อตั้ง เป็นสำนักสงฆ์ จนกระทั่ง วันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 ได้มี พระอาจารย์ พบโชค ติสฺสวํโส ได้เดินทางมาปฏิบัติธรรม แรกเริ่มบริเวณนี้ยังไม่มีวัดแบบปัจจุบัน แต่เนื่องจากพระอาจารย์พบโชคมีความรู้เรื่องโหราศาสตร์ในการทำนายทายทัก ซึ่งปรากฏว่าผู้คนที่มาดูดวง ส่วนใหญ่นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตน ตามความเชื่อส่วนบุคคล และได้ประสบผลสำเร็จในชีวิตทำให้พระอาจารย์พบโชคเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งภาคเหนือและทั่วประเทศ



ข้อมูลติดต่อ :วัดห้วยปลากั้ง 553 หมู่ 3 ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย



โทร : 08-6620-0647 หรือ 0-5315-0274



การเดินทาง : จากตัวเมืองไปทาง ต.แม่ยาว ระยางจากตัวเมืองถึงวัดห้วยปลากั้ง 6 กม.โดยประมาณ



ขอบคุณ ข้อมูลจากเวป เชียงรายโฟกัส



เด็กๆที่ทางวัดรับอุปการะเด็กกำพร้าเด็กและเด็ยยากจนที่พ่อแม่มาฝากไว้กว่า 700 ชีวิต มาเลี้ยงดูส่งเสริมให้เรียนหนังสือมีการศึกษา


หมูชิ้นโตๆเลยนะครับ เด็กๆกินกันเต็มที่เลย


ส้มตำก็มีครับ คนมาเที่ยวก็ทานได้ แต่ก็ช่วยบริจากด้วยนะครับ


อันนี้คืออาคารที่พักของเด็กๆ


ออกจากวัดเราไปเที่ยว สิงค์ปาร์ค(ไร่บุญรอด) กันต่อครับ


แวะประชาสัมพันธ์ซื้อตั๋วรถรางชมไร่กันครับ


คนละ 50 บาทครับ


รอบรถนำเที่ยวครับ


พร้อมแล้วก็นั่งรถเที่ยวกันครับ


นรถเที่ยวฟาร์มจะจอดให้ลงเที่ยวถ่ายรูปตามจุดสำคัญต่างๆครับ


..


อันนี้ซิปไลน์ สำหรับใครที่ชื่นชอบความเสียว


สำหรับใครที่ชื่นชอบการปั่นจักรยาน ที่นี่จะมีจักรยานให้เช่า และมีถนนสำหรับจักรยานโดยเฉพาะเลยครับ


สามารถนำจักรยานของตนเองมาปั่นที่นี่ได้ฟรีด้วยนะ แต่ต้องไปลงทะเบียนก่อนครับ

มีอุโมงค์ลอดถนนของจักรยานด้วยนะ


มื้อเย็นเราทานในสิงค์ปาร์คนี่แหละ เป็นร้านอาหารเปิดใหม่แนวๆอาหารอิตาเลี่ยน ชื่อร้าน Baan House อยู่ในตึกที่โหนซิปไลน์นี่แหละ


เมนูครับ อาหารไม่แพงพอรับได้ครับ


หน้าตาอาหารครับ อยากบอกว่าพิซซ่าอร่อยจริงๆครับ


ออกจากสิงค์ปาร์คก็กลับมาโรงแรมพักผ่อนแป๊ป ตกดึกก็แวะไปนั่งชิวร้านเพื่อนที่เพิ่งเปิดใหม่ที่เชียงรายชื่อร้าน Cafe du parc


พิกัดตามนี้เลยครับ ร้านอยู่ไกล้ๆสนามบินครับ ถ้าจะค้นในอากู๋แล้วให้อากู๋พามาก็พิมพ์ตามนี้ครับ Cafe du parc, Ban Du


ถึงแล้วครับ


บรรยากาศครับ นั่งชิวๆดีครับ


มีดนตรีร้องสดด้วยครับ


เราก็มานั่งจิบไวด์ฟังเพลงคุยกันเพลินๆดีครับ


อาหารบอกเลยว่าถูกเกินครับ จานนี้ 65 บาท อร่อยมากด้วยครับ


อันนี้ก็ 65 บาทเหมือนกันครับ


ตื่นเช้ามาวันต่อมา เราก็ย้ายที่นอนไปอีกโรงแรมครับ ชื่อ โรงแรม รสา บูทีค เชียงราย เป็นโรงแรมบูติค 4 ดาว ค่าห้องอยู่ที่ประมาณ 1300 - 2000 บาท(ราคาตามหน้าเทศกาล


โรงแรมอยู่กลางเมืองติดถนนใหญ่ไม่ไกลจากหอนาฬิกา


โรงแรมตกแต่งสไตล์โมร๊อกโคครับ


ไปดูห้องกันครับ เราได้พักห้องสวีทซึ่งมีอยู่แค่ 1 ห้องในโรงแรม(เราจองห้องธรรมดาไปครับ)


ตอนเช็คอิน น้องเค้าเป็นแฟนรีวิวเราจำได้ เลยอัพเกรดห้องให้พิเศษแถมด้วยให้ลองชิมอาหารโรงแรมมื้อเย็นด้วยครับ

เลยได้นอนห้องใหญ่เลิศเลยแถมได้ทานอาหารเย็นอีกต่างหาก

ห้องกว้างใหญ่ดีครับ รู้สึกว่าค่าห้องห้องนี้จะไม่ได้แพงมากด้วยนะ


และก็เวลคั่มดริ้งครับ มาเสริฟให้ถึงห้องเลยครับ


อันนี้คอห้องธรรมดาแบบที่จองไปครับ


ที่นี่ทั้งโรงแรมมีห้องสวีท 1 ห้อง แล้วที่เหลือจะเป็นห้องดีลักษณ์ทั้งหมด แต่จะมีแค่สีห้องที่แตกต่าง และเตียงที่เป็นเตียงเดี๋ยวหรือเตียงคู่


เช็คอินเสร็จแล้ว เราก็ออกเดินทางไปเที่ยวกันครับ


วันนี้เราจะไปเที่ยวเส้นทางดอยตุงกันครับ

แต่ระหว่างทานก็ขอแวะทางข้าวเที่ยงกันที่ร้าน ป้านางคำ ซึ่งเป็นร้านดังขายข้าวซอย อยู่ตรงทางขึ้นดอยตุงครับ

ข้าวฟินทอดร้านนี้ก็ดังนะครับ ต้องลองทานด้วยนะ


ข้าวซอยร้านนี้น่ากินครับ อร่อยด้วยครับ


อันนี้ระหว่างทางขึ้นไปดอยตุง มีจุดแวะชมวิว ก.ม. 12 จอดแวะถ่ายรูปดื่มน้ำท่าก็เข้าทีครับ


ในเส้นทางนี้ เราจะไปเที่ยวที่ดอยช้างมูบซึ่งอยู่เหนือสุดในแผนที่กันก่อนแล้วค่อยๆไล่ลงมานะครับ



จุดชมวิวดอยช้างมูบ ตั้งอยู่ในพื้นที่กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ หมู่ที่ 10 ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหน่วยกำลังป้องกันชายแดน ไทย-พม่า ตั้งอยู่ชิดแนวเขตชายแดนไทยพม่า

โดยได้จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดชมวิวและพักแรมกางเต็นท์ให้กับนักท่องเที่ยวโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นจุดชมความงามของทะเลหมอก พระอาทิตย์ตก ที่สวยงามชัดเจน ระหว่างทางไปยังสามารถแวะเที่ยวชมสวนกุหลาบพันปี พระธาตุดอยช้างมูล หรือวัดพระธาตุดอยตุงก็อยู่ไม่ไกลกัน



สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ใช้เส้นทางดอยตุง โดยจุดชมวิวฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบจะอยู่ห่างจากสวนรุกขชาติดอยช้างมูบไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร ไปเที่ยวดอยตุงแล้วก็ลองขับรถเลยไปอีกสักนิดนึงก็จะเจอ



ขอบคุณข้อมูลจากเวป เชียงรายโฟกัส



จุดหมายต่อไป ก็ไปสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวงกันครับ ก็อยู่ถัดลงมาจากจุดชมวิวดอยช้างมูบนี่แหละ



อีกสถานที่ที่คุณสามารถสูดออกซิเจนได้เต็มปอดยิ่งขึ้นไปอีกและหลายคนเมื่อขึ้นมาบนนี้ได้พลาดไปอย่างน่าเสียดายก็คือ “สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง (สวนกุหลาบพันปี ดอยช้างมูบ)" ซึ่งตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเทือกดอยตุง ที่ระดับความสูง 1,520 เมตรจากระดับน้ำทะเล



“ช้างมูบ" เป็นชื่อดอยที่สูงที่สุดของเทือกเขานางนอนในโครงการพัฒนาดอยตุงฯ เดิมเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มีทิวทัศน์โดยรอบที่งดงาม แต่ได้ถูกทำลายจากการทำไร่เลื่อนลอยและการปลูกฝิ่น

เมื่อครั้งที่สมเด็จย่าเสด็จมา ที่นี่เป็นเพียงภูเขาที่มีแต่หญ้าปกคลุม พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นความงดงามจึงมีพระประสงค์ที่จะฟื้นฟู ให้กลับสู่สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ดังเดิม

ดังนั้นในปี พ.ศ. 2535 มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้สนองพระราชดำริ สร้างสวนรุกชาติบนพื้นที่ 250 ไร่ บนดอยช้างมูบแห่งนี้ โดยรวบรวมพันธุ์ไม้พื้นเมืองและพันธุ์ไม้ป่าหายากจากแหล่งต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญคือ “ต้นกุหลาบพันปี" ที่พบในภูเขาสูงของไทย พม่าและจีน โดยเฉพาะต้นที่มีดอกสีแดงที่ทรงโปรด นอกจากนี้ยังมี “ดอกซากุระเมืองไทย" หรือ “นางพญาเสือโคร่ง" ซึ่งจะบานสวยที่สุดในราวต้นเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์

ก้าวแรกที่เดินเข้ามาช่างเหมือนอีกโลก หลายคนจินตนาการว่าสวรรค์บนดิน หมอกปกคลุมเป็นสีขาวตัดกับสีสันของดอกไม้แปลกตา เสน่ห์อีกอย่างคือ สวนรุกชาติแม่ฟ้าหลวงมีทางเดินลัดเลาะที่สร้างขึ้นมาแบบไม่รบกวนธรรมชาติแต่ทว่ามั่นคง จึงสามารถเดินทอดน่องไปตามไหล่เขาสำหรับชมต้นไม้ดอกไม้ มีลานปิกนิก ศาลานั่งพักผ่อน และมีลานกว้างเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามเกินบรรยาย โดยมีฉากหลังคือแนวสันภูเขาสลับซับซ้อน เป็นเขตแดนของประเทศไทยและพม่า นับเป็นภาพที่งดงามจนคุณไม่อยากเดินจากไปเลย



ขอบคุณข้อมูลจาก chiangraiairportthai.com

ค่าบัตรเข้าชมคนละ 90 บาทครับ


ช่วงที่ไปดอกไม้ยังไม่ถึงเวลาออกดอกครับ แต่ก็เดินเล่นถ่ายรูปเพลินๆดีครับ


จุดหมายถัดมาครับ มาไหว้พระธาติดอนตุงกัน



วัดพระธาตุดอยตุง อำเภอแม่จัน เป็นสถานที่ประดิษฐานพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญเบื้องซ้าย หรือกระดูกไหปลาร้าซึ่งนำมาจากประเทศอินเดีย ดังมีตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อ 1,000 กว่าปีล่วงมาแล้ว

ประมาณ พ.ศ. 1454 พระมหากัสสปะเถระพร้อมด้วยพระเข้าอชุตราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองโยนกนาคพันธ์ ร่วมกับข้าราชบริพารได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสถิตไว้ ณ ดอยแห่งนี้ และได้ปักตุงหรือธงบูชาพระบรมสารีริกธาตุ เป็นตุงตะขาบมีความยาวถึงพันวาปักไว้บนยอดดอยปล่อยชายตุงปลิวสะบัดถึงที่ใดให้หมายเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ดอยนี้จึงได้ชื่อว่าดอยตุงมาจนถึงปัจจุบันนี้

พระธาตุดอยตุงเป็นปฐมเจดีย์แห่งล้านนา ตุง คือศรีเมือง ขวัญเมือง และเป็นเอกลักษณ์ของล้านนา สถิตคู่พระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ตลอดมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2470 ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้บูรณะองค์พระธาตุขึ้นใหม่ ตามศิลปะแบบล้านนาดั้งเดิมและได้สร้างพระธาตุองค์ใหม่ครอบองค์เดิมไว้



ที่มาข้อมูลจากเวป เชียงรายโฟกัส



สวยงามมากจริงๆครับ มาเชียงรายอย่าลืมแวะมาไหว้กันนะครับ


ออกจากวัดก็ไปเที่ยวงานสีสรรดอยตุงกันครับ งานนี้มีจัดทุกปีช่วงหน้าหนาวปลายปีที่บริเวณพระตำหนักดอยตุง


รถเข้าไม่ได้นะครับ ต้องใช้บริการรถรับส่งท่ี่เค้าเตรียมไว้บริการ ฟรีครับ


มีการแสดงจากน้องๆชาวเขาด้วยครับ


มีสินค้าพื้นเมืองจากชาวเขามาออกร้านให้เลือกซื้อกันมากมายเลย


อันนี้ก็น่าสนใจครับ มาปั้นกันให้ดูสดๆเลย


ดูไปเรื่อยๆนะครับ


ถนนคนเดิน ของกินอร่อยๆหลายร้านเลยครับ


แวะดื่มกาแฟกันหน่อยครับ รสชาติดีครับ


จัดไปครับ พร้อมมันเผาที่ซื้อตรงร้านถนนคนเดิน กินคู่กะกาแฟ ฟินเหมือนกันครับ


มื้อเย็นเากลับมาทานอาหารกันที่โรงแรมตามที่เค้าจัดเตรียมไว้ให้ครับ


เอาเมนูมาให้ดูด้วยว่าราคาอาหารไม่แพงเลย


อาหารที่เค้าจัดเตรียมใว้ให้ครับ อร่อยจริงๆนะ


อิ่มแล้ว ก็ไปต่อกันที่รูฟท๊อปของทางโรงแรมครับ บรรยากาศสวยงามจริงๆครับ


ก็มานอนเล่นกินหนมหวานกันบนนี้ครับ


เช้ามาก็อาหารเช้าของโรงแรมครับ


อิ่มแล้ว เราก็เช็คเอาท์แล้วไปเที่ยวต่อ เย็นก็กลับบ้านแล้วครับ


น้องๆพนักงานก็มาขอถ่ายรูปด้วย อยากบอกว่าน้องพนักงานที่นี่น่ารักมาก แถมฮาด้วย อยู่นี่อบอุ่นจริงๆ

ออกจากโรงแรมมีเวลาเหลือก็เลยไปแช่น้ำแร่กันที่ น้ำพุร้อนโป่งพระบาท บ่อน้ำร้อนที่ใกล้เมืองเชียงรายมากที่สุด



น้ำพุร้อนโป่งพระบาท ตั้งอยู่บ้านโป่งพระบาท ม.6 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นน้ำพุร้อนตามธรรมชาติที่มีมานานแล้ว ต้นกำเนิดของน้ำพุร้อนเดิม บริเวณที่มีอยู่เป็นป่าไมยราพและแอ่งน้ำ และจุดที่พบน้ำร้อนเป็นลักษณะแอ่งน้ำร้อน (warm pool) ที่มีขนาดเล็กประมาณ 2-3 แอ่ง ได้มีการสำรวจอย่างจริงจังโดยสำนักงานทรัพยากรธรณีวิทยาเขต 3 ( เชียงใหม่ ) กรมทรัพยากรธรณี เข้าร่วมสำรวจคุณภาพของน้ำร้อน จากการสำรวจพบว่าอุณหภูมิร้อนผิวดินอยู่ระหว่าง 48-50 องศา และอุณหภูมิใต้ดินสูงประมาณ 125-156 องศา



จากอุณหภูมิดังกล่าวสามารถที่จะพัฒนาเทศบาลตำบลบ้านดู่เป็นแหล่งอาบน้ำอุ่นตามธรรมชาติเพื่อสุขภาพ ( Spa treatment ) หรือทำเป็นห้องอาบน้ำแร่ ( Balneology ) ซึ่งในประเทศจีน ญี่ปุ่น ยุโรปหรือในอเมริกา เชื่อกันว่าได้อาบน้ำหรือแช่ตัวในน้ำร้อน(ออนไเซ็น) อุณหภูมิระหว่าง 42-45 องศา จะทำให้การหมุนเวียนขอโลหิตในร่างกายดีขึ้น น้ำร้อนจะขยายรูขุมขนทำให้ร่างกายขับสิ่งสกปรกปะปนมากับเหงื่อได้ดีจะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นหลังจากการแช่น้ำร้อน



นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยตามข้อกระดูกกล้ามเนื้อแล้ว กำมะถันที่อยู่ในน้ำพุร้อนจะช่วยรักษาโรคผิวหนังได้เป็นอย่างดี แต่น้ำร้อนที่พบในบ้านดู่ไม่สามารถที่จะนำมาบริโภคได้ เนื่องจากมีความเข้มข้นของฟลูออไรด์และซัลไฟด์สูงกว่ามาตรฐานน้ำแร่เพื่อการบริโภค



ข้อมูลจาก เวปเชียงรายโฟกัส



ที่นี่มีบริการนวนด้วยนะครับ สนนราคาก็ไม่แพงเลยนะ


เราไปดูอาคารอาบน้ำกันครับ ที่นี่มีด้วยกัน 2 อาคาร


อาคารด้านหน้าจะมีด้วยกัน 6 ห้อง ราคาถูกกว่านิดหน่อย แต่ห้องเล็กกว่า

ค่าเช่าห้อง ถูกม๊ากๆๆๆๆ


ห้องแช่ครับ


อันนี้สระกลางแจ้งครับ คนละ 20 บาทเอง


ด้านนอกก็มีที่ให้แช่เท้าฟรีด้วยครับ


เราเดินทะลุไปข้างใน ก็จะเป็นอาคารอาบน้ำที่ 2 ซึ่งอาคารนี้ห้องจะกว่ากว่าและดูดีกว่า ค่าห้องก็สูงขึ้นมานิดเดียว


ค่าห้องครับ ยังไงก็ถูกมากอยู่ดี


ภายในอาคารสะอาดมากครับ แม่บ้านเช็ดตลอดเวลาเลย


ห้องกว้างมากและบ่อก็ใหญ่มาด้วยครับ


อันนี้ห้องใหญ่แบบ 400 บาทครับ ผมว่าห้องแบบนี้มาแช่กันได้เป็น 10 เลยนะ


ได้เวลาแล้วเราก็ไปสนามบินกันครับ ก็ถ่ายรูปตอนคืนรถไว้ก่อนเผื่อไว้


กลับด้วยน้องนกเหมือนตอนขามาเนอะ


เที่ยวบินนี้เลยครับ


และก็ลำนี้ที่พาเราบินกลับจ้า


ก็คงต้องจบแล้วครับ หวังว่าคงไปเที่ยวเชียงรายกันด้วยความสนุกสนานนะครับ


สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ Pantip สำหรับพื้นที่ดีท่ี่ให้เราได้แบ่งปันข้อมูลและหาข้อมูลดีๆในการท่องเที่ยวด้วยตนเอง



ขอบคุณสายการบินนกแอร์ที่สนับสนุนการเดินทาง และพาเราบินไปกลับด้วยความราบรื่น



ขอบคุณ Avis รถเช่าที่สนับสนุนรถให้เราใช้ตลอดทริป


ขอบคุณ เพื่อนๆ แฟนๆ ที่ให้การสนับสนุนแม่ประนอมมาตลอดๆ



แล้วจะพยายามทำรีวิวให้ดีขึ้น ดีขึ้น นะครับ



แม่ประนอม



รักผู้อ่านทุกคนคราบ..........................................



แม่ประนอม นะจ๊ะ

แม่ประนอม

 วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 21.02 น.

ความคิดเห็น