มาไปลุยสถานที่ฮิปๆ มาหลายที่แล้ว วันนี้เราอยากพาทุกคนมาเดินดูถนนที่ขึ้นชื่อว่า ฮิป ที่สุดในไต้หวันกันกับ Fujin Street และส่งท้ายทริปด้วยการขึ้นตึกไทเป 101


เริ่มต้นด้วย Fujin Street กัน สำหรับถนนนี้เริ่มแรกก็ไม่ได้ฮิปแบบนี้นะ แต่หลังจาก Jay Wu นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงชาวไต้หวัน รู้ว่าเทรนด์ตอนนี้ความฮิปมาแรงมาก จึงเริ่มนำเอาร้านบูติก และคาเฟ่สไตล์วัยรุ่นมารวมกันที่ย่านนี้ จนกลายเป็นถนนที่ฮิปสุดในไต้หวันเลย

เราไปดูกันว่าย่านนี้มีอะไรบ้าง :D

ร้านแรก il pizzo เป็นร้านที่ขายอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน มีทั้งพิซซ่าและสปาเกตตี้ เผื่อใครมีไต้หวัน อยากจะทานอาหารฝรั่งร้านนี้ก็อร่อยมาก แถมบรรยากาศร้านดีมากด้วย


ร้านกระจกใสรับแสงธรรมชาติร้านนี้คือ Secret Cafe ภายในจะมีทั้งขนมหวาน และเสื้อผ้าขายอยู่ (แต่เสื้อผ้าราคาสูงมากเลย)

Fujin Tree 353 Cafe เป็นร้านแรกๆ ที่มาตั้งอยู่ที่นี่ เป็นคาเฟ่ที่คนจะมานั่งแฮงค์เอ้าท์กัน บรรยากาศอบอุ่น ตกแต่งสวยงามมากๆ

Bean&Beat ถั่วกับจังหวะ ร้านนี้มีไอเดียแจ่มมาก คือเรามาทานอาหาร กินข้าว กินกาแฟ ก็ต้องมีเสียงเพลงด้วยสิ ดังนั้นร้านนี้จึงชอบมีงาน event การแสดงทางด้านดนตรีพร้อมกับทานอาหารค่ำหลากหลายแบบเลย แค่หน้าร้านก็ฮิปแล้ว

Restaurant Pinecone ร้านประตูเขียวที่ขายสปาเก็ตตี้เป็นหลัก จริงๆ เราสองคนตั้งใจมาทานร้านนี้ แต่ที่นั่งดันเต็มเลยอดทานเลย

Polar Cafe คาเฟ่น้องหมีขาว กาแฟ ชา ผลไม้ น้ำปั่นมีหมด ที่น่ารักคือไอเดียการแต่งร้านกับหมีขาวเนี่ยแระ

นอกจากร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่นี่ยังมีร้านขายเสื้อผ้าฮิปๆ เพียบ ว่าแล้วไปดูร้านค้าที่เหลือกันดีกว่า

สายสตรีทก็มากับกระเป๋าร้าน Freitag ทำจากผ้าใบรถบรรทุกที่ผ่านการใช้งานไม่ต่ำกว่า 3 ปี ตัวผ้าใบจะเก่าๆ มีร่องรอยการใช้งาน สายกระเป๋าทำจากสายรัดเข็มขัดนิรภัย ลวดลายกระเป๋าจะไม่ซ้ำกันในแต่ละรุ่น เหมือนมีใบเดียวในโลก

ร้านเสื้อผ้าวัยรุ่นสัญชาติญี่ปุ่น Beams ที่มี concept "วิวัฒนาการของวัฒนธรรมและความสนใจของแต่ละบุคคลซึ่งมีแฟชั่นเป็นตัวนำเรื่องราว ที่สำคัญ เป็นโอกาสให้แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา"


Pausa รวมของ Handmade พวกหนังไว้สวยงาม กระเป๋าหนังใบใหญ่จนถึงกระเป๋าตัง ใต้ดินของร้านยังมีคาเฟ่อีกด้วย


ร้านอื่นๆ ในละแวก fujin

สรุปภาพรวมย่าน Fujin Street : เป็นย่านที่ร้านค้าฮิปๆ เยอะ แต่ละร้านจะอยู่เป็นตึกชั้น/สองชั้นเหมือนบ้าน แต่ไม่ใช่ว่าทุกหลังเป็นร้านค้าหมด จึงใช้เวลาค่อยๆ เดินชิวชมช็อป ไปเรื่อยๆตลอดถนนมากกว่า , ถนนย่านนี้ต้นไม้เยอะ สะอาด และมีความฮิปจริง, เสื้อผ้า กระเป๋า ราคาค่อนข้างสูง แต่คุณภาพดีตามแบรนด์, อาหารส่วนใหญ่ไม่ใช่อาหารแบบจีนไต้หวันที่ทานอยู่ มักเป็นอาหารฝรั่งเกือบหมด เช่น พิซซ่า สปาเก็ตตี้ แต่อร่อยจริง

สถานที่ถัดไป คือ Taipei 101 ก่อนจะกลับไทยก็ตัดสินใจว่า เราถ่ายมุมตึกนี้ไปหลายมุมแล้ว แต่เรายังไม่เคยไปขึ้นตึกนี้เลย ก็เอาว่ะ ลองดูกันสักหนนึงว่าเป็นยังไง

ตึกไทเป 101 สร้างในปี 1997 โดยสถาปนิก C.Y.Lee ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 58 ล้าน NTD และใช้เวลาทั้งสิ้น 6 ปีถึงจะสร้างเสร็จ โดยมีจำนวนชั้น 101 ชั้นเหมือนชื่อตึก แบ่งเป็น 1-5 ศูนย์การค้า, 6-85 office, 86-88 ร้านอาหาร , 89 จุดชมวิวในอาคาร, 91 จุดชมวิวนอกอาคาร และ 92-101 เป็นหอการสื่อสาร จึงทำให้ตึกไทเป 101 เคยสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก


มาดูรายละเอียดการออกแบบกัน จะเห็นว่าอาคารจะมีปล้องๆ อยู่ เพราะไอเดียคือ ต้นไผ่ หมายถึงให้โอนอ่อนไปตามแรงลมได้ และเป็นไม้มงคลของจีน โดยที่มี 8 ปล้อง เพราะ เป็นเลขที่ดีในเรื่องความร่ำรวย และมีหรูอี้ ประดับทุกประตูเข้าออกตึก เพราะหรูอี้คือสัญลักษณ์ของความโชคดี

ทั้งสี่มุมของตึกจะมีเหรียญจีนประดับอยู่เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ และความรำ่รวยนั่นเอง

บรรยากาศชั้น 1-5 ที่เป็นห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่เป็นสินค้าแบรนด์เนม (แต่ชั้น B1 มีร้านอาหารนะคะ)

ช่องทางการขายตั๋วจะอยู่ที่ชั้น 5

บรรยากาศข้างบนตึก

และลูกตุ้มแดมเปอร์ ทำหน้าที่ถ่งน้ำหนักของอาคารเวลาที่ปะทะกับแรงลม หรือตอนที่เกิดแผ่นดินไหว (ให้เป็นคอนเซ็ปยืดหยุ่นพริ้วไหวเหมือนไม้ไผ่ตามที่บอกไว้แต่ต้น) ตัวนี้เป็นพระเอกหลักของตึกนี้เลย ซึ่งเค้ามีวิดิโอตอนเกิดแผ่นดินไหวด้วยนะ ว่าลูกตุ้มนี่เคลื่อนไปมาน่ากลัวมาก แต่ตึกก็ไม่เป็นอะไร

สำหรับทริปไต้หวัน 6 วันก็จบเพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตาม หากชอบการรีวิวฝากกดไลค์ให้กำลังใจเราสองคนที่เพจ www.fb.com/lazycoup ด้วยนะคะ ^^


Lazy Coup

 วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 09.01 น.

ความคิดเห็น