ครั้งนี้มีแพลนเที่ยวด้วยทำงานด้วย ณ อุดรธานี ครั้งนี้นุ่นจองช่วงโปรโมชั่นมันก็จะถูกหน่อยๆ : )
อีกสิ่งสำคัญเลยที่นุ่นมองว่าสำคัญมากๆ คือ ประกันเดินทางในประเทศ ปกติแล้วทางสายการบินจะมีให้ติ๊กเลือกซื้อ ประกันเดินทาง ในหน้าถัดมา แต่ถ้าสังเกตุดีๆ ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าที่ขายอยู่ตามเว็บไซต์ประกันออนไลน์อยู่ไม่น้อยเลย ตอนต้นปีที่ไปเชียงใหม่ นุ่นเลือกใช้ TIP FLY SURE ของทิพยประกันภัย แน่นอนว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน ด้วยราคาที่ถูกกว่าแบบครึ่งๆ แถมยังให้ความคุ้มครองมากกว่า... แล้วอย่างงี้จะยอมจ่ายแพงกว่าทำไม? “ติ๊กออก” แล้วมาซื้อเองใน tipinsure.com/tipflysure ได้ดีลดีกว่าเห็นๆ
ปกตินุ่นมักจะเลือกซื้อ ประกันเดินทาง แบบไป-กลับ เพราะราคาแค่ 129 บาท แต่ได้ความคุ้มครองตลอดทริป !! อย่าลืมนะว่า หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอย่างฝนตกหนัก เครื่องดีเลย์ ไฟลท์โดนแคนเซิล ต้องซื้อตั๋วใหม่ หรือเกิดอุบัติเหตุใดๆ ถ้าเราไม่มีประกันไว้รองรับ หรือป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ก็จะมีรู้สึกเสียดายทีหลัง... กับเงินแค่ 129 บาท นุ่นว่าไม่มีอะไรคุ้มไปกว่านี้แล้วหละ
หลังจากที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยเราสามารถชำระเงินและให้จัดส่งกรมธรรม์มาทางอีเมล์ได้เลย ไม่ต้องรอติดต่อกลับ ไม่ต้องรอส่งเอกสาร ไม่เกิน 3 นาทีก็เรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง
หลังจากได้ตั๋วไป-กลับเรียบร้อย จะเที่ยวได้ก็ต้องมีรถยนต์ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวของทริปนี้ ไม่ต้องเปรียบเทียบราคาหลายเว็บอีกต่อไป เพราะเรามี rentconnected.com
สามารถเลือกวันเวลาเดินทาง สถานที่รับส่งคืนรถ ประเภทรถที่ต้องการ และเปรียบเทียบราคาจากบริษัทเช่ารถหลากหลายเจ้า เพื่อให้เราได้ราคาถูกที่สุด กรอกข้อมูลเข้าระบบพร้อมชำระผ่านบัตรเครดิต เอกสารจะถูกส่งเข้า E-mail เพื่อใช้ในการรับรถ
ในส่วนของที่พัก นุ่นเลือกพักที่โรงแรม Hop Inn อุดรธานี เพราะอยู่ใกล้หนองประจักษ์ มีที่จอดรถรองรับ ซึ่งนุ่นเคยเขียนรีวิวไว้แล้วก่อนหน้านี้ ลองเข้าไปดูกันได้ที่ https://th.readme.me/p/16684
ได้เวลาเดินทางกันแล้ว Let's Gooooooo.....
เนื่องจากวันนี้เราเดินทางกันเช้ามากกกกก บางคนยังไม่ได้กินข้าวเช้า ที่สำคัญคือเรามาถึงก่อนเวลาพอสมควร เลยมีเวลาเหลือๆก่อนจะเช็คอิน แวะมานั่งพัก ทานอาหารเช้าที่ Miracle Co-Working Space สามารถดูรายละเอียดแบบจัดเต็มกันได้ที่ >>https://th.readme.me/p/16685
รอบนี้มากันหลายคน เลยรอเช็คอินพร้อมกัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านใน
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที งีบยังไม่ทันไร ถึงซะแล้ว
มาถึงปุ๊บ รับกระเป็ากันเรียบร้อยก็ออกมาเอารถเช่าที่เคาเตอร์บริษัทเช่ารถที่เราเลือกไว้
นำเอกสารจากทาง rentconnected.com มาพร้อมใบขับขี่ และตัดเงินประกันในบัตรเครดิตเรียบร้อยก็มารับรถพร้อมลุยยยยย
มาถึงก็เกือบเที่ยงละ ก่อนเข้าโรงแรมก็แวะหาอะไรกินซะหน่อย มาอุดรทั้งทีก็ต้องไม่พลาดแหนมเนือง เราขับจากสนามบินมาประมาณ 5 นาทีก็ถึงร้าน VT แหนมเนือง สาขา ถนนโพธิ์ศรี จัดหนักจัดเต็มจะได้มีแรง
เขมือบเรียบร้อยแล้วก็เข้าที่พัก เช็คอิน โรงแรม Hop Inn เอาของเก็บ พักผ่อนกันเล็กน้อย เพราะช่วงบ่ายอากาศร้อนมาก ไม่รู้จะไปไหนดี งีบก่อนละกัน ตอนเย็นค่อยออกมาลุย
แดดร่มลมตก เริ่มเย็นละ ได้เวลาออกมาลุย มาถึงเหนื่อยๆได้นอนพักค่อยดีขึ้นหน่อย : )
มาอุดรทั้งทีก็ต้องแวะมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิประจำจังหวัดอุดรธานีกันหน่อย ที่นี่จัดเป็นเมืองเศรษฐกิจของภาคอีสานตอนบนเลยก็ว่าได้ คนอุดรยังบอก ที่นี่ก็คล้ายๆกรุงเทพเลยละ แค่อยู่อีสาน คนจีนเยอะมาก ศาลปู่-ย่า เป็นที่หนึ่งเลยที่ต้องมา
ด้านหลังศาลปู่-ย่า ก็จะมีศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานีด้วย ด้านในจะมีร้านค้า พิพิธภัณฑ์เล่าถึงวัฒนธรรม ประวัติความเป็นมาของคนจีนที่มาอยู่ในจังหวัดอุดรธานี เข้าชมฟรีด้วยนะเออ
ด้านหน้าศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน มีร้านคาเฟ่เล็กๆชื่อร้านผิงอัน เป็นอีกหนึ่งร้านน่ารักที่ควรมานั่งจิบชา ทานชาลาเปาลาวาสูตรเด็ดของทางร้าน และยังมีขนมมากมายให้ได้เลือกสรร ที่สำคัญราคาไม่แพง
จากศาลปู่-ย่า มาเดินเล่นกันต่อยามเย็นที่หนองประจักษ์ อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ควรมาคือมาถ่ายรูปคู่กับน้องเป็ด วันนี้อาจจะดูมอมแมมไปหน่อย แต่ในช่วงแต่ละเทสกาล ก็จะมีการเอาน้องเป็ดไปทำความสะอาด แต่งตัวออกมาโชว์ตัวใหม่อยู่เรื่อยๆ
ที่นี่เป็นอีกแหล่งรวมตัวของคนรักษาสุขภาพที่อุดรเลย เพราะทุกเย็นจะมีคนมาปั่นจักรยานและวิ่งรอบหนองประจักษ์ ด้านหน้าสถานีดับเพลิง ยังไม่กลุ่มคนมาเต้นแอโรบิคกันด้วยนะ หลังจากออกกำลังกายแล้วถ้าเมื่อย รอบๆหนองประจักษ์ก็มีร้านนวดเยอะแยะโดยรอบ ราคานวดต่อชั่วโมงเริ่มที่ 160 บาท แอร์บ้าง พัดลมบ้าง แต่ที่แน่ๆ free Wifi นะจร้า
เดินเล่นจนมืดค่ำ ก็พาชาวคณะมากินบะหมี่เจ้าดัง นุ่นมากี่ครั้งก็ต้องมีมาแวะที่นี่เพราะปิดตี 2 ที่ร้าน ราชาบะหมี่กวางตุ้ง อยู่เยี่ยงๆตรงข้ามกับตึกคอม
บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง กับบะหมี่ปูเกี๊ยวคือเด็ดมากกกกก อยากให้ทุกคนได้มาลองทานกัน
ทานคาวแล้วมาต่อหวานที่ร้าน Sugar Room อยู่ติดกันกับร้านบะหมี่เลย
จบไปหนึ่งวัน แบบชิวๆ รู้สึกจะทำงานน้อยกว่ากิน ทุกคนก็คิดว่าชิวนั้นละ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าความโหดที่แท้จริงจะเกิดในวันรุ่งขึ้น กลับโรงแรมนอนเอาแรงก่อนละกัน เพราะวันรุ่งขึ้นเราจะตระเวนออกไปนอกเมือง
เนื่องจากที่โรงแรมมีแค่ขนมปังและชา กาแฟ โอวันตินทานง่ายๆ เราเลยเลือกที่จะออกไปตะลุยกินข้างนอก มาถึงอุดร อีกอย่างที่ต้องแวะมากินคือไข่กระทะ ขนมปังยัดไส้ เลยพากันมาที่ร้าน คิงส์โอชา
เมนูเด็ดของทางร้านมีไข่กระทะ ขนมปังยัดไส้ และข้าวสตูว์ไก่ .....
สตูว์ไก่นี่ถ้ามาหลังจาก 8-9 โมง หมด อดนะจร้าบอกเลย
ข้าวหมูยอ ไข่เจียวก็อร่อย เพราะทอดไข่เจียวมาเนื้อแน่นมาก ราคารวมๆถือว่าไม่แพง
กินอิ่มแล้วก็ได้เวลาออกนอกเมืองกันนนนน ...... เป้าหมายแรกของเราคือ วัดป่าภูก้อน ขับออกนอกเมืองมาประมาณ 120 กิโล ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ขับชิวๆ ชมธรรมชาติมาเรื่อยๆ
วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม เป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย รับขนานนามว่า 'พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน'
พระพุทธไสยาสน์ ทำด้วยหินอ่อนขาวจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี มีความยาว 20 เมตร โดยใช้หินอ่อนจำนวน 43 ก้อน น้ำหนักก้อนละประมาณ 15–30 ตัน นำเข้ามาแกะสลักที่วัดป่าภูก้อนแล้วยกขึ้นเรียงบนฐานซ้อนกัน 3 ชั้น เป็นองค์พระพุทธไสยาสน์ ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาอาสนะพุทธะ ซึ่งเป็นลานหินแข็งแกร่ง ยาวประมาณ 110 เมตร ใช้งบประมาณสร้างพระพุทธไสยาสน์ราว 50 ล้านบาท
เสร็จจากวัดป่าภูก้อน เราแวะหาอะไรกินด้านหน้าก่อนเดินทางไปนั่งรถอีแต๊กเที่ยวคีรีวงกต ซึ่งห่างออกไปเกือบ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 45 นาที หรือชิวหน่อยก็ประมาณชั่วโมงนึงได้ ..... ปากทางเข้าวัดป่าภูก้อนจะมีร้านอาหารเรียงอยู่ประมาณนึงให้เลือก นี่ก็เออร้านนี้ใหญ่ดีดูน่ากิน เลี้ยวเลย!!
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง อิ่มท้องแล้วก็พร้อมลุยกันต่อ ขับกันมาจนถึงชุมชนดอยคีรี ก็ติดต่อผู้ใหญ่บ้าน นรินทร์ ถ้าติดต่อล่วงหน้าสักสองสามวันก็จะมีอาหารกลางวันไปนั่งกินริมน้ำตกให้ด้วย
การท่องเที่ยวของชุมชนโดยชุมชนของบ้านคีรีวงกตมีค่าใช้จ่ายตามนี้
- ทริปล่องแก่งอีแต๊ก(ไป-กลับ) ไม่รวมอาหารและน้ำดื่มค่ารถคันละ 500 บาท นั่งได้ 8 คน
- ทริปล่องแก่งอีแต๊กมีมื้อกลางวัน ราคา 300 ต่อคน
- ทริปล่องแก่งอีแต๊ก 2 วัน 1 คืน ราคา 900 ต่อคนรวมค่าที่พักแบบโฮมสเตย์ อาหาร 3 มื้อ
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ผู้ใหญ่นรินทร์ 083-1479004
ช่วงนี้น้ำแล้ง ก็จะแห้งหน่อยๆ
พาขับลุยน้ำกันเลยทีเดียว ถ้าช่วงไฮน้ำเยอะๆ น้ำขึ้นมาถึงที่นั่งเลย ทุกคนต้องพร้อมเปียกนะจร้า
คุณลุงพาบุกสวนเลาะในสวนยางกันเลย
ถัดจากสายยางก็จะเข้ามาถึงแอ่งน้ำตกให้ได้เล่นกันคลายร้อน
น้ำใส ไหลเย็น เห็นตัวปลา น้ำตกตรงนั้น ลุงบอกไปสไลด์เดอร์ได้นะ 5555
ลุงบอก มาๆ เดี๋ยวถ่ายรูปให้ นี่ก้อยื่นกล้องโพลารอยให้ลุงไปถือซะน่ารัก แชะลุงมาซะหน่อย
นั่งเล่นได้สักพักก็ถึงเวลาต้องไปที่อื่นต่อ ซุ้มที่เห็นเป็นที่นั่งกินข้าวนะจร้า ถ้าเราจองล่วงหน้า ก็จะได้มานั่งชิวๆเล่นน้ำตกไป กินไก่ย่าง ส้มตำ ฝีมือชาวบ้านตรงนี้แหละ
ในส่วนของบ้านพักก้อมีให้เลือกทั้งแบบแอร์ กะต๊อบแบบพัดลม หรือจะไปนอนโฮมสเตย์บ้านของชาวบ้านก็ได้ ถ้ามาเป็นหมู่คณะใหญ่ๆค้างๆคืน เค้ามีทำอาหารเลี้ยง และจัดคาราโอเกะให้ลั่นได้ยันเที่ยงคืนด้วยนะ
ที่ต่อมา เราขับย้อนกลับมาทางที่จะเข้าตัวเมืองอุดร แวะที่หอนางอุสา ณ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ขับออกมาจากบ้านคีรีวงกต ประมาณชั่วโมงหน่อยๆ ... ตอนมาถึงศูนย์ให้บริการข้อมูลปิดแล้ว เราเลยเดินเข้าไปด้านในเพื่อนชมพระอาทิตย์ตกบริเวณหอนางอุสากันต่อ ที่นี่มีถ้ำเยอะมาก ทางเดินก็จะเดินวนๆแล้วมาบรรจบกัน
เรียกได้ว่าเดินวนจนงง กว่าจะกลับมาหาทางเดิมได้ ก็ใช้เวลาเยอะอยู่
กว่าจะเดินวนออกมาก็เย็นล้ว ขับรถกลับเข้าเมืองเพื่อหาอะไรกิน เดินเล่นกันต่อ วันนี้เลยพากันมากินปลาเผา ตรงปลาเผาเซ็นเตอร์พอย์ท ใกล้ๆกับ UD Town และตลาดปรีชา
ตรงนั้นจะมีร้านปลาเผาเรียงกันอยู่หลายร้านแล้วแต่จะเลือกเลี้ยวเข้าร้านไหน ราคาก็จะเริ่มที่ 160 ,180 , 220 , 250 บาท ตามขนาดไซส์ของปลา
กินเสร็จก็เดินเล่นหาขนม ช้อปปิ้งกันต่อที่ UD Town
หมดเรี่ยวหมดแรงกันไปอีกหนึ่งวัน พรุ่งนี้ก็จะเที่ยวกันแบบชิวๆในเมืองบ้าง
ตื่นเช้ามาก็ดิ่งไปหาของกินอร่อยๆกันก่อนเลยที่ร้านมดามพาเท่ 2515 อยู่ไม่ไกลจากเซ็นทรัลอุดรธานี เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารแนะนำที่บอกเลยว่าต้องมา
ด้านในตกแต่งบรรยากาศเก่าๆ แต่ร่วมสมัย ให้ได้ถ่ายรูปกันเพลินๆระหว่างรออาหาร
มาดูเมนูอาหารกันบ้าง หน้าตาน่ากิน รสชาติอร่อย ราคากลางๆ ไม่ได้ถือว่าแพงมากเท่าไร
ทานข้าวกันมาอิ่มๆก็พากันไปเดินย่อยต่อที่ตลาดผ้านาข่า ขับมาจากตัวเมืองประมาณ 15 นาที เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของเมืองอุดรที่พลาดไม่ได้ เพราะที่นี่ผ้าคลุมไหล ผ้าทอ หมอนอิงสายสวยๆเยอะมาก ราคาไม่แพงด้วย
จากตลาดผ้านาข่ากลับเข้ามาตัวเมือง มาถึงนี่ยังไม่ได้นั่งสกายแล๊ปเลย ก็เลยคุยกันว่าหาที่จอดรถทิ้งไว้แล้วไปลองลุยสกายแล๊ปกันมัย เก็บบรรยากาศกันจนหยดสุดท้ายก่อนกลับ เลยมาจอดรถไว้ที่ UD Town เดินมาขึ้นรถสกายแล๊ปตรงหน้าสถานีรถไฟอุดรธานี คุณลุงก็น่ารัก แนะนำที่เที่ยว คิดราคาเหมา 500 บาท ก็ถือว่าไม่แพงเพราะไป 4 คน เนื่องจากไปศาลปู่ย่า กับ หนองประจักษ์มาแล้ว คุณลุงเลยพาไปวัดโพธิสมภรณ์ , พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี , ตระเวณเล่นแถวทุ่งศรีเมือง
มาถึงที่แรก วัดโพธิสมภรณ์ ซึ่งเป็นพระอารามหลวง อยู่คู่บ้านคู่เมืองอุดรธานีนี้มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปสำริด ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปประธานองค์ใหญ่ของวัด ไม่ว่าจะมีพิธีกรรมใดก็จะใช้ที่นี่เป็นสถานที่ทำพิธี
ต่อด้วยพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี ใครที่มองว่าพิพิธภัณฑ์จะมีแต่วัตถุโบราณตั้งโชว์ มีแต่ป้ายเขียวรายละเอียดเยอะ ขอบอกเลยว่าที่นี่ไม่ใช่นะ ไอเทคโคตรๆ
จัดแสดงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับจังหวัดอุดรธานี นับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ธรรมชาติวิทยา ธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม รวมถึงพระประวัติและ พระเกียรติคุณของกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี
เดินกันจนเหนื่อย ใกล้เวลาต้องกลับแล้วสิ ปิดท้ายกับร้านอาหารชื่อดัง คนอุดรบอกเลยว่า โตมาได้เพราะที่นี่ ร้านแม่หยา เป็นร้านอาหารหนึ่งที่อยู่คู่กับคนอุดรมามากกว่า 40 ปี วันไหนคิดอะไรไม่ออกก็เลี้ยวหาแม่หยา เพราะมีเมนูให้เลือกหลากหลาย ราคาไม่แพง บรรยากาศสบายๆเหมาะกับการมาทานข้าวกับครอบครัวมากๆ
กินคาวแล้ว ไปหาร้านขนมหวานนั่งกินต่ออีกหน่อยละกัน ปิดท้ายการกินของทริปนี้ที่ร้าน Under The Tree อยู่ห่างจากสนามบินแค่ 5 นาทีเอง เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศอบอุ่น ขนมและเค้กของร้านนี้เค้าทำแบบ Homemade นะ นั่งกินไปกลิ่นเค้กที่กำลังอบใหม่ๆก็ลอยออกตลอดเวลา ช่วงหิวไปอีก
เป็นอันทริปแบบฟินโคตรๆ เที่ยวจัดเต็ม กินจัดหนัก ใครสนใจอยากลอกแพลนเชิญเลยนะจร้า ไม่หวง
สุดท้ายนี้ขอฝากเพจ www.facebook.com/MooBurinGoAround ไว้ด้วยนะจร้า
MooBurinGoAround
วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.26 น.