หากคุณเหนื่อยล้า จากการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่

ไม่ว่าจะจากการทำงาน จากการเรียน หรืออะไรก็ตาม

ลองมาปล่อยตัว ปล่อยใจ ไปกับรีสอร์ท ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้านให้คุณอย่าง



"Springfield Village Golf & Spa"

สิครับ



จากที่เราสองคนเข้ามาสัมผัสรีสอร์ทแห่งนี้ ก็เป็นดั่งช่ื่อ

เพราะเป็นสถานที่ที่รวบรวมเหล่าผู้คนมากหน้าหลายตา ที่ชื่นชอบในการตีกอลฟ์

มาออกรอบ หวดวงสวิงกัน เรียกได้ว่าพื้นที่ภายในรีสอร์ท จะมีรถกอลฟ์วิ่งสลับขวั่กไขว่กันเลยทีเดียว



สำหรับการเดินทางมาที่รีสอร์ทแห่วงนี้

ไม่ยากเลย ขับรถเพียง 2-3 ชั่วโมงจากกรุงเทพมหานคร ก็เป็นอันถึงที่หมาย



บริเวณภายในรีสอร์ท แต่งแต้มสีสันและบรรยากาศให้เปรียบเสมือนเรากลับมาบ้าน

ที่มีความหรูหรา มีระดับ ทั้งยังมีพี่ๆพนักงานมาคอยต้อนรับ พร้อมใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอด



ทำให้ความรู้สึกแรกที่เข้ามา เหมือนเราได้กลับถึงบ้าน มาพักผ่อน

หลังจากที่ทำงานหนักกันมาในช่วงระยะหนึ่ง



ซึ่งในส่วนของห้องพักที่เราสองคนจะมารีวิวกันในครั้งนี้ เป็นห้องพัก

"Junior Suite"



ความเป็นสัดเป็นส่วนของห้องนี้ ถูกแบ่งออกเป็น

ห้องนั่งเล่น



เคาท์เตอร์บาร์



ภายในห้องนอน ที่มีทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า และทีวี



โดยทั้งห้องนอน และส่วนของห้องนั่งเล่น จะสามารถเปิดประตูออกไปเชื่อมหากันได้ที่ระเบียง

ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีของไฮไลท์วางอยู่



ในส่วนของห้องน้ำ ก็ตกแต่งได้น่ารัก ไม่แพ้กัน



ทาดาาาาาาาาาาาาา ไฮไลท์ในการมาพักที่รีสอร์ทของเราในครั้งนี้ก็คือ

"อ่างจากุชซี่" นั่นเองงงงง ซึ่งเดี๋ยวเราสองคนจะมาเล่นอะไรกับอ่างใบนี้

รอดูกันน้าาา



ระหว่างเตรียมการ สำหรับเจ้าอ่างจากุชซี่ ก็มาพักผ่อนซักหน่อย

หลังจากนั่งรถกันมานาน ที่ระเบียงห้องนี่เขาเหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆนะ

เพราะมีชิงช้าเตรียมไว้ให้ เหมาะกับทั้ง คู่รัก เพื่อน หรือแม้แต่ครอบครัว มาพักผ่อนด้วยกัน

ให้หลากหลายคน ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบ ได่ใช้เวลาในแบบของตัวเอง ในพื้นที่ที่เดียวกันอย่างลงตัว



มาแล้ววววว รอบนี้เจ้าหมูถึงขั้น ไปซื้อผงอาบน้ำฟอง มาเพื่อมาเล่นกันในอ่าง

เดี๋ยวเราไปชมบรรยากาศกัน ว่าจะน่าเล่นแค่ไหน



แถมกันหนึ่งรูป ก่อนจากอ่างโฟมไป

แกล้งเจ้าหมูมาตลอด รอบนี้ยอมโดนมั่งละกัน ถัวๆกันไป



สำหรับมื้อเย็น

เราได้รับเกียรติจากเชฟ ให้มาชิมเมนูที่นับเป็น Signature ของห้องอาหาร

Bird of Paradise

ที่เป็นห้องอาหารหลักของทางรีสอร์ทกันด้วย



ทางร้านก็จะมีบรรยากาศให้ลูกค้าเลือกกันทั้งสองแบบ

ทั้งแบบนั่ง Indoor

และแบบนั่ง Outdoor



แน่นอน หากใครติดตามกันมา จะรู้นิสัยหมีหมู

O U T D O O R แน่นอนจ้ะ

เพราะถ้านั่งด้านนอกก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เราก็จะได้นั่งรับประทานอาหารในบรรยากาศแบบนี้



หิวละ เราไปลุยอาหารกันหน่อยดีกว่า



เริ่มกันที่เมนูแรก

"กุ้งซอสมะขาม"



เมนูที่สอง

"ผัดไทกุ้งสด"



เมนูที่สาม

"เบอเกอร์ โฮลอินวัน"



เมนูที่สี่

"สเต็กแซลม่อน"



ตบท้ายด้วยผลไม้สด



แต่เชฟก็ยังใจดี

นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้เราอีกคนละแก้ว

แก้วแรกเป็น บลูเบอร์รี่สมูธตี้



ส่วนแก้วนี้เป็น สตรอว์เบอร์รี่ สมูธตี้



อิ่มหนำสำราญกันไป ก่อนจะเข้าห้องไปพักผ่อนนอนหลับ

เพื่อตื่นมาลุยรีสอร์ทที่แสนอบอุ่มแห่งนี้กันในวันถัดไป



=================================================================



เช้าวันถัดมา เราก็เริ่มวันกันด้วยความหิวโหย ตามสไตล์เด็กอ้วนทั้งสอง

เราได้กลับลงมาที่ Bird of Paradise กันอีกรอบ เพื่อไปกินไลน์บุฟเฟต์อาหารเช้ากัน



ชนิดของอาหารเช้าที่นี่ นับว่ามีหลากหลายพอสมควร



มีทั้งสไตล์ American Breakfast



Salad Bar



ของไทยๆ ที่เราคุ้นๆกัน

น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋

(แถมทองม้วนสดมาด้วย 555555+)



หรืออาหารยอดฮิตคนเมือง

"ข้าวเหนียวหมูปิ้ง"



ไปจนถึงมุมเบเกอรี่ต่างๆ



เราไปดูบรรยากาศโดยรอบสำหรับอาหารเช้ากัน



หลังจากเด็กอ้วนทั้งสองอิ่มหนำสำราญ

เราก็กระดื๊บๆตัวไปดูสระว่ายน้ำกัน



เสียดายที่วันนั้นที่เราไปมีฝนตกปรอยๆ

ทำให้เราไม่ได้ลงสระกัน



แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเก็บภาพบรรยากาศสระว่ายน้ำในรีสอร์ทสวยๆมาเผื่อเพื่อนๆ กัน



เป็นไงล่า สระสวยใช่ม้าาาาา

เห็นแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กๆ ที่เพียงแค่ได้เล่นน้ำก็มีความสุขแล้วจัง T^T



จุดสุดท้ายที่เราสองคนมุ่งหน้าไป เพราะได้ยินมาว่าทางด้านบนของสถานที่แห่งนี้

มีสิ่งที่น่าสนใจชนิดที่เรียกได้ว่า มี 10 ให้เต็ม 10 ถ้ามี 100 ก็ต้องให้ 100 กันเลย

นั่คือ Spa ของรีสอร์ทแห่งนี้นั่นเอง



life spa Village



ภายในสปาแห่งนี้ ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย

น้ำชาหอมๆ พร้อมบริการเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้านวด



ทางสปาได้พาหมีหมูเดินชมบริเวณรอบๆ และห้องต่างๆของทางสปากัน

ห้องนี้เป็นห้องสำหรับนวดน้ำมัน



ซึ่งจะสามารถชำระล้างร่างกายภายในห้องนี้ได้เลย

และเหมาะสำหรับคู่รักมาก เพราะเป็นห้องเตียงคู่



ห้องอีกแบบนึงเป็นห้อง นวดไทย

ซึ่งห้องสำหรับนวดเท้ามีแขกใช้บริการอยู่ เราเลยไม่สามารถเข้าไปเก็บภาพได้ครับ



จุดไฮไลท์มันอยู่ตรงนี้!!!

ด้านบนของสปา ถูกสร้างเป็นศาลา เปิดกว้างแบบ 360 องศา พร้อมกับ บรรยากาศ ที่ทั้งรีสอร์ทถูกห้อมล้อมไปด้วยภูเขา

ทั้งอุณหภูมิภายนอกที่ร้อน แต่ไม่ได้มีผลใดๆต่อศาลาที่เป็นทางผ่านลมแห่งนี้

การนอนนวดในบรรยากาศที่สุดยอดแบบนี้ จะฟินแค่ไหน เพื่อนๆตามมาดูรูปกันครับ



เมื่อนวดเสร็จแล้ว ร่างกายที่ได้รับการผ่อนคลาย

ส่งผลให้จิตใจของเราเอง ก็อยากได้รับการผ่อนคลายไปด้วยเช่นกัน

การได้มายืนมองธรรมชาติที่แสนยิ่งใหญ่ และปล่อยใจให้ล่องลอยไปชั่วขณะ

ดูจะเป็นการ Reboots ตัวเองที่ดี สำหรับสายท่องเที่ยวอย่างพวกเรามากๆ



ก่อนจากกันไปนี้ หมีหมู ก็ขอขอบคุณทาง

"Springfield Village Golf & Spa"

ที่เลือกให้หมีหมูไปช่วยรีวิว พร้อมได้รับประสบการณ์ดีๆ

จากรีสอร์ทที่อบอุ่น มีพี่ๆน่ารักคอบมอบรอยยิ้มให้เราตลอด



หากเพื่อนๆมีโอกาส อย่าลืมแวะไปพักผ่อนในรีสอร์ทแห่งนี้นะครับ

จริงๆยังมีอีกบางโซนที่ไม่ได้เข้าไปรีวิว เหตุเป็นเรพาะฟ้าฝนไม่เป็นใจเท่าไร



แต่ไม่เป็นไรน่า 10 ปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น

ต้องไปลองสัมผัสด้วยตัวเพื่อนๆเอง



อย่าลืมนะครับ

เราสองคนสนับสนุนให้ทุกๆคน



ออก ไป เที่ยว!!!

(โดยเฉพาะกับแฟน แฮ่!)



ฝากติดตามผลงานของพวกเราสองคนได้ที่

https://www.facebook.com/theplannersbytsst/



#theplanners

#เที่ยวกับแฟน



TurkTS

 วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.33 น.

ความคิดเห็น