เริ่มต้นด้วยความคันที่อ่านแต่รีวิวคนอื่น และความอยากที่จะเห็นอยากสัมผัสนาขั้นบันไดด้วยตาตัวเองผมเชื่อว่าหลายคนอยากไปสัมผัสนาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง ต.ช่างเคิ้ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ด้วยตัวเองสักครั้ง ด้วยระยะทางและสภาพภูมิประเทศ มันทำให้หลายคนถอดใจ ยิ่งคนที่อยู่ไกลอย่างผมเมืองย่าโม แต่เมื่อใจมันเรียกร้องจะรออะไรล่ะครับ ตัดสินใจบังคับแฟน จองที่พักและตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ-เชียงใหม่ ทันที!!!!!

บอกไว้ก่อนนะครับผมเดินทางไปวันที่ 8 ก.ค.61 เป็นช่วงมรสุมพอดี และเป็นช่วงดำนาของที่บ้านป่าบงเปียง (ก่อนไปโทรเช็ดเป็นระยะๆกับน้องที่ดูแลที่พัก) ก็แสดงว่าต้นข้าวยังไม่โตนะครับ ภาพอาจจะไม่เป็นดั่งที่เรานึกสักเท่าไร ขอแค่ไปให้ถึงสักครั้งในชีวิตก็พอ

การเดินทางไปบ้านป่าบงเปียงนั้น ทางน้องที่ดูแลแนะนำแค่ 2 ทางเท่านั้นนะครับ

ทางที่ 1

ขับรถขึ้นดอยอินทนนท์ผ่านด่านตรวจจุดที่ 2 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางอำเภอแม่แจ่มจากแยกขับไปอีก 6 กิโล ก็จะถึงแยกทางเข้าหน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน แล้วเลี้ยวขวาขับเข้าไปฝากจอดได้เลย แล้วโทรติดต่อที่พักให้รถมารับ แต่ต้องนัดล่วงหน้านะครับ รถที่จะผ่านเส้นนี่ต้องเป็น 4 WD เท่านั้น ระยะทางแค่ประมาณ 2 กิโลครับ เค้าว่าทางโหดมาก ส่วนเรื่องค่ารถบริการรับ-ส่งอยู่ที่ประมาณ 700 บาทครับ

ทางที่ 2

ขับรถขึ้นดอยอินทนนท์ผ่านด่านตรวจจุดที่ 2 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางสีฟ้าผ่านอำเภอแม่แจ่ม-บ้านทุ่งยาวครับ

ขับผ่านบ้านทุ่งยาวอีกประมาณ 8 กิโล ถึงบ้านป่าบงเปียงครับ รวมระยะทางที่เราต้องขับรถอ้อมจากทางที่ 1 ประมาณ 33 กิโลครับพี่น้อง

เป็นเพื่อนๆจะเลือกทางไหนครับ ครั้งนี้ผมจะมารีวิวทางเลือกที่ 2 ครับ เดินทางไกลอีกหน่อยเพิ่มอีก 1 ชม. ดูวิวสองข้างทางตระการตาดีครับ (มีเมาโค้งบ้าง พกลูกอม ยาดม ยาหม่องไปด้วยจะดี)

ได้เวลาเครื่องลง 6.30 น. ก็ติดต่อรับรถเช่า 07.00 น. ครับ ผมเช่ารถเก๋งเครื่อง 1.6 ไว้แต่ทางบริษัทรถเช่าใจดีอัพเกรดให้เราเป็นเครื่อง 2.0 ครับ แล้วเราก็ยิงยาวขึ้นดอยอินทนนท์ทันที แวะตุนเสบียงติดรถไปด้วยนะครับ ระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้ปลายทางครับ มีที่ให้แวะถ่ายรูปมากมายสวยๆทั้งนั้นครับ เสียดายแวะน้อยไปหน่อย ใจไปรอที่บ้านป่าบงเปียงแล้ว 5555

น้ำตกวชิรธาร สวยใสสดชื่นตามท้องเรื่อง ดูภาพแล้วไม่ต้องบรรยายนะครับ เปียกซิครับแต่สวยฮะ

ระหว่างทางสักรูปฮะ สูดอากาศเก็บให้เต็มปอดครับ

ไหว้พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ มองจะไม่เห็นทางแล้วครับ ทั้งลมทั้งหมอก หนาวเย็นชื่นใจ

เสร็จจากไหว้พระมหาธาตุก็ขับย้อนลงมาหน่อยถึงด่านตรวจจุดที่ 2 แล้วเลี้ยวขวาไปอำเภอแม่แจ่มครับ ขับเพลินๆไปดูวิวสองข้างทางไปก็ถึงบ้านทุ่งยาว เลี้ยวขวาเข้าไปเลยครับ สังเกตุดีๆจะมีป้ายบอกทางไปบ้านป่าบงเปียงอยู่ปากทางบ้านทุ่งยาว(ต้องขออภัยเพื่อนๆไม่ได้รูป เครดิตภาพจาก google map)

ทีนี้ล่ะครับเส้นทางจากบ้านทุ่งยาว-บ้านป่าบงเปียง จอดถามทางก่อนเลยครับ เจอพี่ๆทีมบิ๊กไบท์อยู่ปากซอยบ้านทุ่งยาวพอดี พี่ๆทีมบิ๊กไบท์บอกให้เลี้ยวซ้ายยาวไป แต่มีทิ้งท้ายไว้ว่ารถเก๋งขับไปไม่ถึงหรอก ต้องจอดแล้วต่อรถเข้าไป ฟังดูมีกำลังใจนิดๆ ระยะทางเหลือแค่ 8 กิโล ทำไมจะไปไม่ได้ (นึกในใจ55) ลองขับไปดู ไหนๆก็ไหนๆ ขับไปได้สักพักก็จอดถามคนแถวนั้น สามารถถามได้ตลอดทางครับ เพราะคนที่นั่นรู้จักบ้านป่าบงเปียงเป็นอย่างดีครับ เพราะขับเข้ามาแล้วมองหาป้ายบอกทางไม่มีแล้วครับ ขับไปเรื่อยๆเริ่มไม่แน่ใจเพราะข้างทางเป็นป่าขึ้นเรื่อยๆตัดสินใจโทรหาน้องที่ดูแลที่พักครับ บังเอิ๊ญบังเอิญน้องมาจ่ายตลาดอยู่แถวนั้นพอดีครับ (ยกมือขึ้นหัวเลย555) ผมนี่ขับตามอย่างเดียวทีนี้

หนทางก็ประมาณนี้ครับ (ขอบคุณภาพจากทางที่พักครับ) ขรุขระบ้าง ดีบ้าง มีน้ำท่วมขังบ้าง ขึ้นเขาลงเนินสลับกันไปแต่ไปได้ครับ ขอย้ำเลยว่ารถเก๋งขับไปได้นะครับ เพียงแต่มีสตินิดนึง ค่อยๆไปครับ และแล้วก็มาถึง นั่งลุ้นมาตลอดทาง ต้องขอบคุณพี่ๆทีมบิ๊กไบท์ไว้ด้วยครับ โทษทีที่จำหน้าค่าตา ไม่ทันได้ถามชื่อช่วยสำรวจเส้นทางข้างหน้าให้เป็นระยะๆจนถึงบ้านป่าบงเปียง ขอบคุณมิตรภาพดีๆมีอยู่ทุกที่จริงๆครับ ผมจอดรถไว้ที่โบสถ์ห่างจากที่พักประมาณ 100 เมตร แล้วน้องเค้าก็เอารถออกมารับครับ เพราะฝนตกทางเข้าบ้านพักเละมาก ถ้ามาช่วงปกติก็ขับรถมาจอดที่บ้านพักได้เลย

และแล้วก็มาเห็นกับตาของตัวเองครับ.......วิวจากห้องพักเลยยยยยย ฝนกำลังตกได้อารมณ์มาก ฉากหน้าบ้านเป็นดอยอินทนนท์ครับ

นี่หลังเล็ก...บ้านพักผม ห้องน้ำ ห้องส้วมแยกเป็นสัดส่วน

หลังใหญ่ 4-6 คน

บ้านแฝดพักได้หลายคนเลย

ที่พักผมชื่อระเบียงนา บ้านป่าบงเปียง เป็นโฮมสเตย์ขนาดเล็กมีบ้านพัก 3 หลัง มีหลังเล็กพักได้ 2-3 คน จนถึงหลังใหญ่ 4-6 คน และบ้านแฝด ราคาหัวละ 500 ต่อคืน ราคาหลักร้อยแต่วิวหลักล้านจริงๆ ใครอยากนอนเต้นท์เค้าก็มีสถานที่ไว้ให้แล้วแต่จะคุยกัน มีอาหารให้ 2 มื้อ มื้อเย็น-เช้า ไฟฟ้าไม่มี มีแบตเตอรี่จากโซล่าเซลให้ พอมีแสงไฟพอชาร์จแบตโทรศัพท์ได้ สัญญาณโทรศัพท์ก็มีนะครับ ที่สำคัญน้องที่ดูแลเราน่ารักใจดี น้องชื่อสมบัติครับ สนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมในเนตได้นะครับ

เข้าที่พักได้ก็ทำงานสิครับ

นั่งมองสายฝนโปรยปรายอยู่ไกลๆ



มาเดือนกรกฎาคมก็จะได้ดูชาวบ้านเค้าดำนา ถ้าใครอยากสัมผัสต้นข้าวเขียวๆสวยๆเลยต้องมาช่วงกันยายน-ตุลาคมครับ

ตักตวงบรรยากาศให้มากที่สุด เพลินจนถึงเวลาอาหารเย็น(เร็วมาก)

รสชาติอร่อยเลยหรือเราหิว 555 กินไปดูธรรมชาติไป อิ่มตา อิ่มใจ อิ่มท้อง กลับบ้านไปไม่มีแบบนี้อีกแล้ว

อิ่มแล้วนอนได้ เหลือแต่แสงไฟดวงเล็กๆท่ามกลางความมืดมิดอ้างว้าง พยายามจะหลับแต่ก็ตื่นบ้างเพราะฝนตกทั้งคืน อากาศดีเย็นสบายครับ

ตื่นเช้ามาก็สัมผัสหมอกกันหน้าบ้านเลย

นั่งชมหมอกชมธรรมชาติ จิบเครื่องดื่มร้อนๆยามเช้าๆกับบรรยากาศสบายๆ มันได้มากกกกกก

สักพักอาหารเช้าก็ตามมา นั่งล้อมวงกินข้าวกับคนรู้ใจ ช่างเป็นมื้อเช้าในฝันยิ่งนัก

กินข้าวเสร็จก็ 9.00 น. ต้องโบกมือลาแล้วครับ หลังจากดื่มดั่มกับธรรมชาติมาพอสมควร เพราะกว่าจะขับถึงตัวเมืองเชียงใหม่ก็ใช้เวลา 3-4 ชม. เก็บเอาแต่ภาพความประทับใจและเรื่องราวดีๆใส่กระเป๋ากลับบ้านครับ

ก่อนกลับสักรูปครับ ขอบคุณน้องเค้าหน่อย น้องสมบัติ ดูแลเราตลอด ใจดีมากคอยถามสวัสดิภาพ ลูกค้าทั้งขาไปและขากลับครับ

แวะเอาวิวเพื่อนบ้านข้างๆมาฝากครับ ขากลับผมเลือกผ่านไปอำเภอฮอด-จอมทอง อยากเห็นวิวที่อื่นบ้าง ก็สวยไปอีกแบบครับ

เป็นยังไงกันบ้างกับรีวิวแรกของผม อาจจะมีประโยชน์กับใครได้บ้างไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใดก็อภัยไว้ด้วยนะครับ

อยากให้เพื่อนๆได้ออกมาสัมผัส ผมไม่รู้นะว่าคนอื่นจะเที่ยวแบบไหน แต่สำหรับผมผมเที่ยวข้ามภาคครับ


SR_531

 วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.12 น.

ความคิดเห็น