มาแล้วกับตอนสุดท้ายสำหรับทริปอิตาลีทั้งหมด 11 วัน (8-18 มิถุนายน 2561) เริ่มที่โรม ฟลอเรนซ์ ทัศคานี มาจบลงที่เวนิส
ใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนก่อนหน้า กลับไปอ่านกันได้นะคะ
When in Rome, Italy trip ตอนที่ 1 : https://th.readme.me/p/17612
One Day in Florence, Italy trip ตอนที่ 2 : https://th.readme.me/p/17862
Road trip to Tuscany, Italy trip ตอนที่ 3 : https://th.readme.me/p/18346
ส่วนตอนที่ 4 นี้ มาเปิดทริปด้วยวิวบนรถไฟจากเมืองฟลอเรนซ์ไปเวนิสกันก่อนค่ะ
นั่งรถไฟจากฟลอเรนซ์ไปเวนิสใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ขึ้นกับความเร็วของรถไฟที่เราเลือกด้วยนะคะ
เล่าถึงเวนิสกันนิดนึง เวนิส เป็นเกาะ ที่ประกอบด้วยการเชื่อมต่อกันระหว่างหลาย ๆ เกาะ และถือเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่มาก ในเวนิสจึงมีสะพานเก่าแก่เต็มไปหมด ส่วนการเดินทาง เมื่อข้ามฝั่งมาบนเวนิสแล้ว เมืองนี้จะไม่มีรถเลยนะคะ เวลาจะไปไหนต้องเดินทางโดยเรือ หรือเดินเท้าเท่านั้น
เอาละค่ะ วันแรกที่มาถึงเวนิสก็ค่ำพอดี มาดูบรรยากาศ ช่วงค่ำเบา ๆ กันก่อน
หาร้านอาหารกินก่อนเข้าที่พัก มื้อนี้เลือกอาหารจีนเหมือนเดิม เพื่อความอิ่มท้องและถูกปาก ร้านอาหารที่เวนิสทุกร้านมีค่า Table Charge ด้วยนะคะ แพงกว่าเมืองอื่น ๆ ไปอีก
เดินมาเจอร้านไอศกรีมแถวหน้าโรงแรม ร้านนี้ชอบมาก แต่ละรสน่ากินสุด ๆ
เลย Closeup กันมาฝากแบบจัดเต็ม
อิ่มท้องแล้วก็เช็คอินเข้าโรงแรม ทริปนี้เราพักเวนิสกัน 3 คืนที่โรงแรม Hotel Universo E Nord สะดวกมาก ลงรถไฟแล้วเดินข้ามสะพานมาโรงแรมได้เลย
มีบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าให้ทานด้วยค่ะ
ไม่รอช้ารีวิวกันอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นกันเลยกับวันที่ 2 เดินสำรวจเมืองเวนิสกันดีกว่า อย่างที่บอกไป เวนิสไม่มีรถใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น เดินอย่างเดียวค่ะ
บ้านเมืองเค้าก็จะเป็นซอยเล็ก ๆ และตึกเก่า ๆ ส่วนใหญ่ถ้าดูบล็อกท่องเที่ยวเค้าก็จะบอกว่าให้เดินไปเลย ไม่ต้องกลัวหลง เพราะรับรองว่าจะหลงจนเพลินไปเลย 555+ ก็จริง
เรื่องของ Gondola ใครที่อยากนั่งเรือ Gondola ที่เวนิส ราคาเริ่มต้นที่ 80 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,100 บาท ต้องนั่งกันหลาย ๆ คนถึงจะคุ้ม ทริปนี้หยกเลยไม่ได้นั่งนะคะ เก็บตังค์เอาไว้ทำอย่างอื่น เดี๋ยวเดินชมเมืองแล้ว จะพาไปนั่ง Water Bus ไปเที่ยวเกาะอื่น ๆ ของเวนิสกัน
สะพาน Ponte di Rialto เป็นสะพานข้าม Grand Canal ที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเวนิส
หน้ากาก สัญลักษณ์ของเมืองเวนิส ถ้ามาตรงกับช่วงเดือนกุมภาพันธ์เค้าจะมีงานเทศกาลหน้ากากซึ่งเป็นเทศกาลเก่าแก่ที่มีมากว่า 700 ปีแล้ว การสวมหน้ากากของชาวเวนิสในอดีตนั้น เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเสรีภาพ เพราะเมื่อสวมหน้ากากก็จะไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นใคร และไม่มีการแบ่งชนชั้นใด ๆ กันทั้งสิ้น
เดินมาถึง St. Mark's Square จตุรัสที่ตั้งของมหาวิหารเซนต์มาร์ก
มหาวิหารเซนต์มาร์ก
Bridge of Sighs สะพานที่สวยงามและเก่าแก่อีกจุด สาเหตุที่ได้ชื่อว่าสะพาน Bridge of Sighs หรือสะพานถอนหายใจก็เพราะเป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองไปยังเรือนจำ ซึ่งนักโทษทุกคนต้องเดินผ่านสะพานแห่งนี้ไปนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันยังเป็นสะพานโรแมนติกที่คู่รักนิยมมาจุมพิศกันอีกด้วย เพราะหากล่องเรือลอดใต้สะพานจะเห็นวิวที่สวยงามมาก
ไปโรงพยาบาลเจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องนั่งเรือไปนะจ๊ะ
เอาล่ะ เดินชมเมืองกันเกือบครบทุกแลนด์มาร์กแล้ว ก็นั่งเรือเมล์ไปเกาะอื่น ๆ ของเวนิสกันบ้าง มีเกาะที่น่าสนใจหลายเกาะเลยทีเดียว วิธีการก็คือเค้าจะมีโป๊ะเรือขายตั๋ว เราก็ซื้อตั๋วเป็นรายวันได้ จะขึ้นกี่เที่ยวก็ได้ ไปเกาะไหนก็ได้ แต่ต้องดูรอบเรือด้วย เพราะฉะนั้น เริ่มกันเลย
ถ่ายวีดีโอบรรยากาศบนเรือมาฝากค่ะ
เกาะแรกที่จะไปก็คือ เกาะมูราโนค่ะ เกาะพวกนี้อยู่ใกล้ ๆ ตัวเมืองเวนิสนะคะ นั่งเรือเมล์ไป 10-15 นาทีก็ถึง
มูราโน เป็นเกาะแห่งสีสัน และมี Glass Factory โรงงานผลิตเครื่องแก้วอยู่บนเกาะแห่งนี้ค่ะ
เดินเข้ามาชมในโบสถ์กันหน่อย
เที่ยวมูราโนเสร็จ ก็ไปต่อกันอีกเกาะค่ะ Torcello เป็นเกาะเล็ก ๆ เหมือนเกาะตากอากาศ
เห็นไอเดียการถ่ายภาพครอบครัวบนสะพานแบบนี้ก็น่ารักดีนะคะ
ทุกเกาะจะมีโบสถ์โบราณค่ะ
มีไร่องุ่นเล็ก ๆ บนเกาะด้วย
ไปต่อกันอีกเกาะ กับ Lido (ลิโด) เกาะนี้เป็นเกาะใหญ่ค่ะ มีชายหาดด้วย มีรถ เอารถขึ้นเฟอร์รี่ไปได้ ตอนนั่งเรือมาก็สงสัยว่าเค้าเอารถไปไหนกัน
โรงแรมนี้มีธงไทยด้วย เซอร์ไพรส์ไปอีก กลับมาค้นข้อมูล ปรากฎว่าโรงแรมนี้ข้างในมี Thai Wellness Center มีบริการนวดแผนไทยจากคนไทยแท้สไตล์ล้านนาไปอีกจ้า
ถึงแล้วชายหาดบนเกาะลิโด
บนเกาะมีรถเมล์ด้วยค่ะ
เหนื่อยแล้ว กลับไปพักบนตัวเมืองเกาะเวนิสกัน
ได้ชมพระอาทิตย์ตกพอดี
นอนพักผ่อน วันรุ่งขึ้น เราก็จะไปเที่ยวเกาะกันต่อ
แต่วันนี้เราเริ่มต้นด้วยการเดินไปอีกฝั่ง อย่างที่บอกไปว่าเวนิสเป็นเกาะทั้งหมด เพราะฉะนั้นตอนเรานั่งรถมา ไม่ว่าจะเป็นรถบัสหรือรถไฟ เราจะต้องเดินข้ามสะพานนี้มายังเวนิส
วันนี้เราเลยจะเดินไปสำรวจอีกฝั่งและหาท่าเรือเพื่อนั่งไปเกาะอื่น ๆ กัน ท่าเรือบนเวนิสก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอนะคะ มีโป๊ะอยู่ทั่วเมือง เพียงแต่เราต้องดูว่าจะนั่งไปไหน แล้วก็เรือออกเวลากี่โมงแค่นั้นเอง
อันนี้คือธงประจำเมืองเวนิสค่ะ ที่อิตาลีแต่ละเมืองเค้าจะมีธงของตัวเอง
นั่งเรือไปเที่ยวเกาะอื่นกันต่อ เริ่มที่ San Michele Cemet เกาะนี้ทั้งเกาะเป็นสุสาน แล้วก็เคยใช้เป็นคุกด้วย มีความเก่าแก่มาก เพราะเป็นสุสานของเหล่าทหารตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1
ถ่ายแต่โครงสร้างสถาปัตยกรรมมาฝากนิดหน่อยนะคะ เพราะในสุสานเค้าห้ามถ่ายภาพเพื่อเป็นการให้เกียรติผู้เสียชีวิตค่ะ
ต้นไม้ต้นใหญ่มาก
ไปต่ออีกเกาะค่ะ Giudecca
เจอแปะอยู่ที่หน้า Gallery เลยถ่ายมาฝาก
บนเกาะนี้มีโรงแรม Hilton ด้วยค่ะ
กลับจาก Giudecca มื้อเย็นขอจัดสปาเกตตี้คาโบนาร่าทิ้งทวน ถ้าใครไม่อยากจ่ายแพง ๆ นั่งร้านอาหารก็ซื้อพิซซ่าแบบ Take Home ไปกินที่โรงแรมก็ได้นะคะ สะดวกดี
ปิดทริปอิตาลีที่เวนิส กลับโรงแรมไปแพ็กกระเป๋าเพราะต้องขึ้นแครื่องแต่เช้ากลับไปโรม ต่อเครื่องกลับไทยอีกที
ใครกำลังวางแผนมาเที่ยวอิตาลี ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพียงแค่ต้องทำการบ้าน เตรียมตัวให้พร้อม เดินและเที่ยวอย่างมีสติ กระเป๋าก็ใช้แบบสะพายไว้ข้างหน้า แยกเงินกับบัตรเครดิตเก็บไว้หลาย ๆ ที่ รับรองจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเพียบค่ะ ไม่มาเองไม่รู้
ทริปหน้าหยกจะพาไปเที่ยวไหนต่อ ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
_______________________________________________________________________
ติดตามเรื่องราวต่าง ๆ ของ Yoko Go Around ได้ที่ :
https://th.readme.me/id/yokogoaround
https://yokogoaround.wordpress.com/
https://www.facebook.com/YokoGoAround/
https://www.instagram.com/yokogoaround/
Time2Travel
วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.31 น.